ขนลุกที่หลังข้างซ้ายมาประมาณ 1 อาทิตย์

ตอนนี้เราขนลุกข้างซ้ายมา ประมาณหนึงอาทิตย์
มันจะรู้สึกเป็นพักๆ อยากรู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ทั้งทางเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ และ เรื่องสิ่งลี้ลับ

 

มีคนสนิทหรือคนรู้จักเสียชีวิตในช่วงก่อนหน้าที่จะขนลุกไหมครับ

 

ไม่มีนะคะ

 

ถ้าไม่มีอาการขนลุกด้านซ้าย.เป็นการติดต่อช่องทางหนึ่งของระดับสัมพะเวสี.
ลองอุทิศส่วนกุศลแบบในใจดูนะครับหาย ณ ตอนนั้นหรือเปล่า.

 

ต้องอุทิศแบบไหนเค้าถึงจะรับได้คะ

 

กรณีของคุณ.ให้คิดในใจในขณะที่เกิดอาการขนลุกทันที..
โดยที่ลิ้นกับปากห้ามขยับ
เพื่อดึงให้จิตมีความเป็นทิพย์ชั่วคราว...ด้วยคำว่า

"ด้วยอำนาจ พุทธ ธรรม สงฆ์ จงบันดาลบุญข้าแปรสภาพเป็นอะไรก็แล้วแต่ตามแต่ท่าน
ที่ทำให้ข้าพเจ้าขนลุกต้องการ และขอให้เป็นของท่านดังปรารถนาเถิด'

ถ้าชงักหรือติดขัด..ให้เริ่มต้นใหม่..
ทำอย่างนี้ไม่เกินรอบที่ ๓ .และที่ต้องใช้คำว่าแปร
สภาพเพราะระดับที่มาขอกำลังจิตไม่เพียงพอที่จะรับแค่
ทำให้คุณรู้สึกก็แทบจะหมดแรงแล้ว.ไม่งั้นถ้าเค้ามีแรงมากกว่านี้
คุณจะได้ยินเสียงเรียกชื่อเล่นแบบจังหวะขาดๆทางหูด้านซ้ายครับ.
และอนาคตก็อาจจะเจอได้..ก็ให้อุทิศแบบเดียวกันเปลี่ยนแปลงคำพูดที่
แนะนำนิดหน่อย.

ส่วนถ้าอยากจะลองอ่านคู่มืออุทิศส่วนกุศลก็ตาม Link ข้างล่างเป็นการอุทิศแบบเฉพาะเจาะจง
แจกฟรี - คู่มืออุทิศบุญที่่ได้ผล PaLungJit.com​

 

ผมชอบอ่านที่คุณตอบครับ
"จงบันดาลบุญข้าแปรสภาพเป็นอะไรก็แล้วแต่ตามแต่ท่าน
ที่ทำให้ข้าพเจ้าขนลุกต้องการ และขอให้เป็นของท่านดังปรารถนาเถิด"

ผมงงครับ รบกวนขยายความด้วย ขอบคุณมาก
ด้วยที่ผมเป็นคนเกเรมาก่อน จากนั้นก็เริ่มฝึกจิต (สติปัฏฐาน ๔) เมื่อไม่กี่ปีนี่เอง บางอย่างอาจจะเข้าใจยาก หรือหลงทางไป

 

เพียงแต่เล่าให้ฟังภาคแรก

แค่เพียงจะเล่าให้ฟังอย่างนี้นะครับ ถือว่าเป็นเรื่องเล่าแล้วกัน
กรณีนี้ชี้เฉพาะเจาะจงให้เฉพาะระดับสัมพะเวสี.
ที่มีเหตุให้ต้องตายก่อนที่อายุร่างกายจริงๆตามอายุไขจะเสื่อมสลายไปเอง
หรือมีเหตุให้วิญญานออกจากร่างก่อน.บางคนเรียกว่าตายโหง หรือตายด้วยการถูกฆาตกรรมนั่นหละครับ..

กรณีแบบนี้จะแยกเป็น ๒ กลุ่ม
กลุ่ม ๑ กลุ่มที่ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนภพภูมิคือเวลาที่อายุร่างกายบนโลกเสื่อมสลายถ้าเป็นคนปกติมาถึง..
แต่แรงบาปที่ส่งผลจะให้ไปอบายภูมิตอนนี้ยังไม่ส่งผลและ
ในขณะเดียวกันก็ไมมีแรงบุญสนับสนุนในการเปลี่ยนภพภูมิให้สูงขึ้น
เลยอยู่ในรูปแบบเดิมอย่างนี้.ไม่อยู่ที่บ้านก็อยู่ ณ สถานที่ๆวิญญานออกจากร่างกาย..ไม่มีความเป็นทิพย์คืออยู่ไม่สบาย.
ต้องการแรงบุญในการเปลี่ยนภพภูมิก่อนเพื่อรอเวลาเปลี่ยนภพภูมิอีกครั้งภายหลังตามบุญตามกรรมที่ได้สร้างมา..

กลุ่ม ๒
.กลุ่มที่ ๒ คือกลุ่มที่.มีเหตุให้ออกจากร่างในกรณีเดียวกัน.
แต่ยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนภพภูมิ...กลุ่มนี้ต้องการแรงบุญเพื่อยกระดับภพภูมิ
อาจกลายเป็นระดับภพภูมิเจ้าที่หรือเทวดาหรืออาจสูงกว่าแปรผันตามกำลัง
บุญของผู้ที่อุทิศส่วนกุศล เพื่อความเป็นทิพย์จะมีความสบาย..และเพื่อรอเวลาที่อายุไขร่างกาย
จริงๆหมดลงและเปลี่ยนภพภูมิภายหลังอีกครั้งตามบุญ..
ตามกรรมที่ได้เคยทำไว้เช่นกัน.

และสาเหตุที่ยังเป็นเช่นนี้เพราะ การตายลักษณะนี้.แรงกรรมที่เป็นเหตุให้วิญญานออกจากร่างจะยังส่งผลอยู่.
เพราะฉนั้นการที่ญาติๆหรือใครทำบุญให้ก็ตามจะยังไม่ได้รับเต็ม
ที่สมมุติว่าทำให้ ๑oo จะได้รับแค่ ๑o ที่เหลืออีก ๙o เปอร์เซนต์จะ
เก็บไว้เพื่อมาแทนแรงกรรมแต่ต้องใช้เวลานาน

.ส่วนมากผู้ที่ทำบุญให้จะเปลี่ยนภพภูมิไปก่อน.หรือไม่มีความต่อเนื่อง
ในการทำบุญเพราะเข้าใจว่าวิญญานที่เสียชีวิตลักษณะนี้จะได้รับทั้งหมด

.ยกเว้นบุคคลที่สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของวิญญานแบบนี้และ
ติดต่อกันได้ตลอดรวมทั้งมีความสม่ำเสมอในการอุทิศบุญถึงจะเข้าใจ
และทราบสถานะปัจจุบันได้..แต่ก็ไม่สามารถกำหนดเรื่องการไปเกิดได้​

เด่วไว้ต่อ #Rep ต่อไปนะครับ..

 

เพียงแต่เล่าภาคต่อ..

ต่อครับ..จากการที่ได้แนะนำมาในเบื้องต้น..เพราะเป็นเรื่องของ กฏแห่งกรรมไม่มีใครอยู่เหนือกว่าได้
..แต่ช่วยให้สบายหรือดีที่สุด ณ เวลานี้ได้..ด้วยการเจรจาให้วิญญานนั้นยอมรับด้วยการให้วางใจเป็นกลาง
ส่วนจะไปเป็นอะไรหลังจากช่วยไปแล้ว..ก็สุดแล้วการวางใจ
ในขณะนั้นและบุญบารมีที่สร้างสมมาตอนเป็นมนุษย์บวกกับบุญอีก ๙o เปอร์เซนต์.ที่๋ญาติๆหรือบุคคลอื่นทำให้ช่วงที่วิญญานออกจากร่างใหม่ๆ..

ทำไมต้องใช้คำว่า "จงบันดาลบุญข้า''.เพราะเป็นการนำเอาบุญที่เราได้เคยทำไว้ทั้งหมดไม่ว่าในชาติไหนจนถึง ณ เวลาปัจจุบัน..รวบรวมมาเป็นกำลังบุญเพื่อส่งให้เค้า..ที่นี้เนื่องจากว่าระดับสัมพะเวสีกำลังยังไม่เพียงพอที่จะรับบุญของเราได้โดยตรง

เพราะระดับกำลังจิตยังไม่พอ..จึงจำเป็นต้องพูดว่า
"แปรสภาพเป็นอะไรก็แล้วแต่ตามที่ท่านต้องการ'' เนื่องจากว่าความต้องการแต่ละวิญญานไม่เหมือนกันตามเหตุและ
ปัจจัยตอนที่ยังมีชีวิต.บางวิญญานอาจต้องการเสื้อผ้า อาหาร หรือเพื่อเป็นกำลังในการไปอยู่ดูแลลูกหลาน.
ซึ่งอะไรก็แล้วแต่ ฯลฯ เพื่อความต้องการส่วนของตนและเพื่อให้ตนมีความสบายขึ้น
จากความเป็นทิพย์ที่ได้จากผลบุญ..

.ส่วนที่บอกว่า" ที่ทำให้ข้าพเจ้าขนลุก'' เป็นกุสโลบายให้ทราบหรือชี้ชัด.
ว่าเราอุทิศให้วิญญานตนนั้นๆโดยตรง
นั่นเอง..เพราะปกติระดับนี้จะไม่สามารถพูดให้เรา ทำบุญให้ได้..
อย่างมากก็แค่เสียงเรียกชื่อ เล่นทางหูด้านซ้าย.น้อยมากที่จะมาเข้าฝันได้เนื่องจากต้องพอ
มีกำลังบ้างพอตัว..แล้วต้องมาลุ้นอีกว่า.คนนั้นจะเข้าใจวัตถุประสงค์หรือเปล่า..
เด่วพอคุณฝึกสติปัฏฐาน ๔ ไปจนถึงระดับที่แยกกายกับจิตออกจากกันได้จริงๆ.และสามารถพิจารณาจนเดินปัญญาได้.
ถึงขั้นเกิดปัญญาและมีกำลังสติพอสมควรแล้ว..คุณกลับมาอ่านบทความนี้อีกรอบ
ความเข้าใจคุณ..จะลึกซึ้งโดยจะเข้าใจได้ทั้งเหตุและผลด้วยตัวเอง ณ จุดนี้เป็นการอธิบายเพื่อความเข้าใจในเบื้องต้นครับ..
​

 

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ต้องอุทิศทำบ่อยๆใช่มั้ยค่ะ ถึงจะหาย
อยากรู้ว่าสัมพเวสีที่ตามเรานี้จะมีผลร้ายต่อตัวเรามั้ยคะ

 

*** เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากๆ ครับ ผมขออนุญาตปริ้นให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
** ผมไปฝึก สติปัฏฐาน ๔ ผมไม่ได้อะไรกลับมา บางคนกลับมาบอกว่า ได้โน่นได้นี่ ได้ตาทิพย์ ได้หูทิพย์ ส่วนผมไปตั้งหลายวันกลับมาบอกว่าเขาได้ความอดทน และ หิริ โอตัปปะ.

 

กรณีนี้ไม่เกิน ๓ ครั้งก็หายครับ..และถ้าเป็นสัมพะเวสีไม่มีผลร้าย
แต่จะมีการแกล้งนิดหน่อยหากว่าเค้าคิดว่าเรารู้.เราทำเฉยหรือลืมบ้าง
แบบไม่ได้ตั้งใจ.และไม่อุทิศส่วนกุศลในกรณีกลุ่มที่เป็นมิจฉาบ้าง
เพื่อสกิดใจเรานิดหน่อย..

แต่การอุทิศส่วนกุศล
ควรทำให้เป็นนิสัย.เวลาไปไหนก็ตาม.ให้เจ้าที่เจ้าทาง..
จะได้มิตรที่ดีทางภพภูมิ.ทางนั้นจะเห็นเหมือนเราเป็นคน
มีมารยาท.มีสัมมาคารวะ.ไปไหนผู้ใหญ่ก็เอ็นดูนั่นหละครับ

..และจะนอนสบายหลับสบาย..ถึงมาให้เห็นก็ไม่มีความรู้สึกกลัว.
เพราะจะมาแบบดีๆ..บางท่านก็มากระซิบบอกตัวเลข ๒ ตัวทางหูด้านขวาก็มี..
บ้างท่านยังช่วยดูแลทรัพย์สินให้ด้วย.แบบที่เค้าเรียกว่า
ห้องนี้โจรยกเว้นนั่นหละครับ..แต่สุดท้ายแล้วถ้าไม่หายลองฟังทาง
สายแพทย์อีกทางหนึ่งนะครับ..
​

 

รบกวนสอบถามหน่อยนะค่ะ
การที่เราอุทิศบุญที่เราเคยทำมานั้น บุญเหล่านั้น จะมีวันหมดไปหรือไม่ค่ะ
เช่นอดีตชาติเราทำบุญมาเยอะ แต่พอชาตินี้เราไม่ค่อยได้ทำบุญ

 

เด่วจะขอเพียงแต่เล่าให้ฟังดังนี้
ถาม : การที่เราอุทิศบุญที่เราเคยทำมานั้น บุญเหล่านั้น จะมีวันหมดไปหรือไม่ค่ะ

ตอบ :ไม่หมดครับ(เหตุผลใน #Rep ต่อไป)..ที่รู้สึกว่าหมด.หรือเกิดคำถามลักษณะนี้เพราะว่า.
กำลังของวิบากกรรมมีมากกำลังบุญ ณ เวลานี้..
หรือที่เรียกว่า วิบากกรรมกำลังส่งผล.แต่สามารถทำให้ตามไม่ทันได้.
และไม่มีใครอยู่เหนือวิบากกรรมได้..
และถ้ามาถึงแล้วและกำลังส่งผล..ก็ควรยอมรับ.
โดยที่กำลังของวิบากกรรมจะอ่อนแรงลงได้หากมีกำลังบุญที่ทำเพิ่มมาช่วยต้าน.
บุญกับบาป เปรียบเสมียนคนแย่งนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกัน..เก้าอี้คือตัวเรา.
ถ้าปาบและบุญเปรียบได้กับคน...คนที่หน้ำหนักมากกว่าแข็งแรงกว่า.
.ก็ย่อมนั่งเก้าอี้ได้ก่อน.แต่จะนั่งได้นานแค่ไหน.ขึ้นอยู่กับว่าอีกคน จะไปเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกายและเพิ่มน้ำหนัก.
เพื่อมาเบียดแย่งเก้าอี้ได้เมื่อไร.แต่หากคนนั้นพอมีน้ำหนักบ้าง..และร่างกายมีความแข็งแรงอยู่เป็นทุน.แม้จะมีคนมาแย่ง
นั่งเก้าอี้ ก็คงจะต้องเหนื่อยหน่อย.ถึงขั้นอาจแย่งนั่งไม่ได้ และเป็นไปได้ว่า
หากคนนั่งเพิ่มน้ำหนัก เพิ่มความแข็ง ด้วยศีล สมาธิ และปัญญา เผลอๆทั้งชาติ.
คนที่จะมาแย่งนั่งอาจทำไม่ได้เลย.เพราะคนที่มาแย่งก็ต้องอาศัยการ
เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มความแข็งแรง ด้วยอกุศลทั้งปวง.​

 

เหตุผล..อาจได้ผ่านจากการได้ยิน ได้ฟัง .บทความเรื่องทำนองนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย..แต่ให้ลอง
สังเกตุเรื่อง.ที่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้..ที่ผ่านมายังไม่ได้แนะนำให้ตื่นไปทำบุญ
อุทิศส่วนกุศลให้วิญญานในตอนเช้า.หรือในวันถัดไป.ซี่งสามารถทำเพิ่มเติมได้และก็ไม่
ใช่เรื่องไม่ดี..และเป็นเรื่องที่สมควรทำ..

แต่ที่เรื่องเล่าที่ผ่านมาเป็นการแนะนำให้อุทิศส่วนกุศล
แบบเฉพาะเจาะจง..ลักษณะในใจให้ ณ เวลานั้น ในช่วงเวลาที่กำลังสัมผัสได้..

และบางคนอาจต้องการพิสูจน์..บางอย่างเพื่อประกอบความมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องการเบิก
บุญมาใช้พิจารณาร่วมกับความเชื่อมั่นเพื่อเติมในส่วนที่ขาดเล็กน้อย หรือ ยังสงสัยอยู่บ้าง.ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ​

หากว่าสัมผัสได้.และยังคงรักษาอารมย์ไว้ได้ ณ ขณะที่ได้สัมผัสกับระดับสัมพะเวสี..และได้ทำการอุทิศส่วนกุศล
แบบเจาะจงได้เลย ณ ตอนนั้น สิ่งที่จะได้พบคือ.การไม่ถูกรบกวนจากสัมผัส
ไม่ว่า ทาง ตา หู กาย และใจ เพราะจากการไปของวิญญานนั้นๆ..
และอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง บุคคลิก รวมถึงชุดที่ส่วมใส่ของวิญญานนั้นๆ.ไปในทางที่ดีขึ้น.
ณ ขณะเวลานั้นได้ บางคนอาจมีการแวะเวียนมาขอบคุณ
จากวิญญานที่ได้เคยอุทิศส่วนกุศลให้ ที่เล่ามานี้เป็นส่วนหนึ่ง.ประกอบเหตุผลในการเชื่อว่าบุญที่เคย
ทำมายังเก็บสะสมไว้แม้ตอนนี้จะไม่ทราบว่าเก็บอยู่ที่ไหน.และ
การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของวิญญานเป็นตัวชี้บอกเรื่องการ
เบิกบุญนี้ ​

และในอนาคตข้างหน้าหากยังปฎิบัติต่อเนื่อง.จะสามารถอฐิษฐานบุญที่เคยทำทั้งหมดกับอฐิษฐานบุญบารมีของพระ..
มารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันได้.ด้วยกำลังสมาธิในระดับกำลังฌาน ๑ ในลักษณะที่เป็นนิมิตรตรงเบื้องหน้าตัวเอง.
กำลังบุญจะขึ้นอยู่กับความละเอียดของจิต ณ ขณะนั่น.สีและความสว่างของนิมิตรจะ
บอกถึงกำลังในการสะสมบารมี ณ จุดนั่นเพื่อนำไปใช้งาน
ในทางกุศลต่างๆได้ต่อไป จบตอนนี้ครับ...​

 

.... หนูกดอนุโมทนาตั้งแต่ยังไม่อ่านข้อความเลย .. อิอิ ไม่เคยทำให้ผิดหวังในคำตอบเรื่องแนวนี้เลยคะพี่ Nopphakan อ่านที่ไรก็ซึ้งในคำสอนพี่จริง ๆ .. ชอบ ๆ

.. เดี๋ยวขอก๊อปข้อมูลเอาไปสอนเพื่อน ๆ น้อง ๆ ต่อนะคะ ..

 

ขออนุญาติค่ะ ถ้าขนลุกทางด้านขวาจะเป็นระดับไหนคะ
หรือว่าเหมือนๆกับด้านซ้าย

 

ไม่ทราบว่า...อาการขนลุกที่ศีรษะด้านซ้าย...ด้านขวา...และท้ายทอย...มีความเหมือน และแตกต่างกันอย่างไรคะ

 

เขาจับตรงไหนก็ลุกตรงนั้นแหละ ๕๕๕๕๕
ลองหลับตาแล้วนึกว่าหันไปดูสิ เอาใจหันไปดูน่ะ