ขอความเมตตาร่วมกันบริจาคทรัพย์เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดศรีโสดา

ขอเชิญชวนร่วมบุญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดศรีโสดา พระอารามหลวง

วัตถุประสงค์ของโครงการ
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ ที่จุดประกายให้เกิดโครงการบุญนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสทำครบทั้ง

1. ทาน (การถวายภัตราหาร เป็นสังฆทาน)
2. ศีล (สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ)
3. ภาวนา (การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน)


รายละเอียดโครงการ

[FONT=&quot]ปัจจุบันวัดศรีโสดา มีพระสงฆ์สามเณรศึกษาและอยู่ประจำ ประมาณ 469 รูป และฆราวาส 21 คน (ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของวัดศรีโสดา เช่น บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน บรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา วันกตัญญูสมเด็จพระพุทธชินวงศ์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์[/FONT][FONT=&quot] (สุวัณณโชตมหาเถระ) ประชุมปฐมนิเทศพระธรรมจาริก เป็นต้น) ญาติโยมสาธุชนจากทุกสารทิศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลในแต่ละวัน หากวันไหนไม่มีเจ้าภาพ ทางวัดศรีโสดา เป็นเจ้าภาพเอง การถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรหมู่มาก ถือเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า มีอานิสงส์มาก หมายถึงมีผลบุญมากกว่าการถวายทานประเภทอื่นๆ เพราะเป็นการถวายแก่พระสงฆ์สามเณรจำนวนมาก การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมมีผลมากกว่าการทำประโยชน์ต่อบุคคล การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์สามเณรนั้นถือเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนา เป็นการให้กำลังกาย เป็นการให้อายุ เป็นการให้ความสุขแก่พระสงฆ์สามเณร ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตรง เมื่อพระสงฆ์สามเณรมีกำลังกายมีความเป็นอยู่ที่ดีตามปกติ ก็สามารถที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป[/FONT]
[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] การ ถวายทานนั้น เป็นการเสียสละกำลังทรัพย์ กำลังกายของสาธุชน เป็นหนทางปฏิบัตินำไปสู่พระนิพพาน สังคมจะอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็นต้องอาศัยการให้การแบ่งปันซึ่งกันและกัน พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน การให้ทานนั้นอาจจำแนกออกเป็นวัตถุทานคือการให้สิ่งของต่างๆรวมถึงการถวาย ภัตตาหาร ธรรมทานหมายถึงแนะนำสั่งสอนให้ความรู้ต่างๆ และอภัยทาน คือการให้อภัย ไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร การให้อภัยทานถือชนะการให้ทั้งปวง อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้อย่างอื่น ผลบุญนั้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศีลมัย คือ การรักษาศีลเพราะการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน ภาวนามัยคือการปฏิบัติกรรมฐานภาวานาถือเป็นผลบุญสูงสุดเพราะนำไปสู่พระ นิพพานโดยตรง<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารหรือการถวายสังฆทานนั้น จะสำเร็จและมีผลมากมีองค์ประกอบอยู่ 3 ประการคือ <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]1) วัตถุทานนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ได้มาโดยไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ไม่ลักขโมยมา <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]2) เจตนาของผู้ให้ต้องต้องบริสุทธิ์ หมายถึงให้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ให้เพื่อที่จะขจัดกิเลสคือความโลภ ให้ด้วยความเมตตา เจตนาที่บริสุทธิ์นั้นจะต้องเกิดขึ้นทั้งขณะก่อนให้ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริง มีความยินดีที่จะให้ มีความสุข ขณะให้ทานหรือถวายทานก็มีความปราบปลื้ม หลังจากให้แล้วก็มีความสุขยินดีในทานที่ตนให้แล้วนั้น <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]3) เนื้อนาบุญ คือ ผู้รับทานนั้นต้องบริสุทธิ์ หมายถึงพระสงฆ์สามเณรต้องเป็นผู้ทรงศีลเคร่งครัดวัตรปฏิบัติ เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดข้าวลงใน เมล็ดพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ดี (วัตถุทานบริสุทธิ์) ผู้หว่านมีเจตนาที่จะให้เกินต้นข้าวและเกิดผลผลิตที่ดี (เจตนาบริสุทธิ์) หากที่นานั้นเป็นที่ ๆพรวนดินสม่ำเสมอ ไม่มีวัชพืช (เนื้อนาบุญที่ดี) ข้าวกล้าก็งอกงามให้ผลผลิตที่ดีฉันนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารแก่สงฆ์ หรือการทำทานนั้น ยอมได้อานิสงส์ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ เกลามสูตร / ปัญจกนิบาตร อังคุตรนิกาย ดังนี้
1) ผู้ให้ทานหรือผู้ถวายทาน ย่อมเป็นที่รักใครของมหาชน หมายถึง เป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่ มีความเป็นมิตรเกื้อกูลกัน
2) มหาชนคนหมู่มากพอใจในการคบหา หมายถึงเราเป็นผู้เสียสละ ใครๆก็อยากคบอยากรู้จัก ยิ่งให้ยิ่งได้มาก
3) เป็นผู้แกล้วกล้าในที่ประชุมชน หมายถึงไม่เก้อเขินเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
4) ชื่อเสียงฟุ้งขจรไปไกล เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก มีคนกล่าวขานถึง
5) เป็นผู้เข้าสู่สุขติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีพ หมายถึง ตายไปแล้วก็ไปสู่สวรรค์
<!--[if !supportLineBreakNewLine]--><!--[endif]--><o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบัน ทางวัดศรีโสดา ยังต้องการเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรอย่างต่อเนื่อง ท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อเป็นเจ้าภาพได้ มือเพลมื้อละ 5,0[/FONT][FONT=&quot]00 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ถวาย โดยที่สามารถถวายปัจจัยและให้ทางวัดศรีโสดาจัดภัตตาหารให้และเจ้าภาพมาถวาย ใน วันที่กำหนด หรือญาติโยมสาธุชนจัดอาหารมาเองแล้วถวายแด่พระสงฆ์สามารถก็ได้ หรือบางเจ้าภาพไม่มีเวลามาถวายด้วยตนเองจะถวายปัจจัยไว้และทางวัดศรีโสดา ดำเนินการถวายแทนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของสาธุชน พระสงฆ์สามเณรจะกล่าวอนุโมทนาและสวดให้พรแก่ญาติโยมเป็นลำดับไ[/FONT]ป
[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
(หรือในเดือนอื่นๆหากยังมีการร่วมบุญนี้อยู่) ตรงกับวันเกิดของญาติธรรมท่านใด และประสงค์จะรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตราหารอาหารเนื่องในวันดังกล่าวเองเป็นการ พิเศษ ก็สามารถแจ้งได้


ระยะเวลาของโครงการ

ตลอดทั้งปี 12 เดือน และ ถ้าหากได้รับความสนใจจากญาติธรรมอยากร่วมทำบุญต่อ ก็จะบอกบุญต่อไปเรื่อยๆๆ


“การถวายภัตตราหาร ได้ชื่อว่าเป็นการให้กำลัง โดยเฉพาะถวายแด่พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เมื่อท่านฉันอาหารแล้ว ท่านได้นำกำลังนี้ไปปฎิบัติธรรม และทำงานเพื่อพระศาสนา อานิสงค์นี้จะบังเกิดแก่ผู้ให้มากมายนัก...”


ญาติธรรมท่านใดที่สนใจสามารถโอนปัจจัยร่วมบุญได้ที่
ชื่อบัญชี : พระบรรเจิด กิตฺติสาโร
เลขที่ : 549-0-12888-7
ธนาคาร : กรุงไทย
สาขา : ถนนห้วยแก้ว

 

ขอเชิญชวนร่วมบุญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดศรีโสดา พระอารามหลวง

วัตถุประสงค์ของโครงการ
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ ที่จุดประกายให้เกิดโครงการบุญนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสทำครบทั้ง

1. ทาน (การถวายภัตราหาร เป็นสังฆทาน)
2. ศีล (สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ)
3. ภาวนา (การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน)


รายละเอียดโครงการ

[FONT=&quot]ปัจจุบัน วัดศรีโสดา มีพระสงฆ์สามเณรศึกษาและอยู่ประจำ ประมาณ 469 รูป และฆราวาส 21 คน (ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของวัดศรีโสดา เช่น บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน บรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา วันกตัญญูสมเด็จพระพุทธชินวงศ์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์[/FONT][FONT=&quot] (สุวัณณโชตมหาเถระ) ประชุมปฐมนิเทศพระธรรมจาริก เป็นต้น) ญาติโยมสาธุชนจากทุกสารทิศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลในแต่ละวัน หากวันไหนไม่มีเจ้าภาพ ทางวัดศรีโสดา เป็นเจ้าภาพเอง การถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรหมู่มาก ถือเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า มีอานิสงส์มาก หมายถึงมีผลบุญมากกว่าการถวายทานประเภทอื่นๆ เพราะเป็นการถวายแก่พระสงฆ์สามเณรจำนวนมาก การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมมีผลมากกว่าการทำประโยชน์ต่อบุคคล การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์สามเณรนั้นถือเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนา เป็นการให้กำลังกาย เป็นการให้อายุ เป็นการให้ความสุขแก่พระสงฆ์สามเณร ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตรง เมื่อพระสงฆ์สามเณรมีกำลังกายมีความเป็นอยู่ที่ดีตามปกติ ก็สามารถที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป[/FONT]

[FONT=&quot] การ ถวายทานนั้น เป็นการเสียสละกำลังทรัพย์ กำลังกายของสาธุชน เป็นหนทางปฏิบัตินำไปสู่พระนิพพาน สังคมจะอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็นต้องอาศัยการให้การแบ่งปันซึ่งกันและกัน พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน การให้ทานนั้นอาจจำแนกออกเป็นวัตถุทานคือการให้สิ่งของต่างๆรวมถึงการถวาย ภัตตาหาร ธรรมทานหมายถึงแนะนำสั่งสอนให้ความรู้ต่างๆ และอภัยทาน คือการให้อภัย ไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร การให้อภัยทานถือชนะการให้ทั้งปวง อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้อย่างอื่น ผลบุญนั้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศีลมัย คือ การรักษาศีลเพราะการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน ภาวนามัยคือการปฏิบัติกรรมฐานภาวานาถือเป็นผลบุญสูงสุดเพราะนำไปสู่พระ นิพพานโดยตรง[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารหรือการถวายสังฆทานนั้น จะสำเร็จและมีผลมากมีองค์ประกอบอยู่ 3 ประการคือ [/FONT]
[FONT=&quot]1) วัตถุทานนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ได้มาโดยไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ไม่ลักขโมยมา [/FONT]
[FONT=&quot]2) เจตนาของผู้ให้ต้องต้องบริสุทธิ์ หมายถึงให้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ให้เพื่อที่จะขจัดกิเลสคือความโลภ ให้ด้วยความเมตตา เจตนาที่บริสุทธิ์นั้นจะต้องเกิดขึ้นทั้งขณะก่อนให้ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริง มีความยินดีที่จะให้ มีความสุข ขณะให้ทานหรือถวายทานก็มีความปราบปลื้ม หลังจากให้แล้วก็มีความสุขยินดีในทานที่ตนให้แล้วนั้น [/FONT]
[FONT=&quot]3) เนื้อนาบุญ คือ ผู้รับทานนั้นต้องบริสุทธิ์ หมายถึงพระสงฆ์สามเณรต้องเป็นผู้ทรงศีลเคร่งครัดวัตรปฏิบัติ เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดข้าวลงใน เมล็ดพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ดี (วัตถุทานบริสุทธิ์) ผู้หว่านมีเจตนาที่จะให้เกินต้นข้าวและเกิดผลผลิตที่ดี (เจตนาบริสุทธิ์) หากที่นานั้นเป็นที่ ๆพรวนดินสม่ำเสมอ ไม่มีวัชพืช (เนื้อนาบุญที่ดี) ข้าวกล้าก็งอกงามให้ผลผลิตที่ดีฉันนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารแก่สงฆ์ หรือการทำทานนั้น ยอมได้อานิสงส์ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ เกลามสูตร / ปัญจกนิบาตร อังคุตรนิกาย ดังนี้
1) ผู้ให้ทานหรือผู้ถวายทาน ย่อมเป็นที่รักใครของมหาชน หมายถึง เป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่ มีความเป็นมิตรเกื้อกูลกัน
2) มหาชนคนหมู่มากพอใจในการคบหา หมายถึงเราเป็นผู้เสียสละ ใครๆก็อยากคบอยากรู้จัก ยิ่งให้ยิ่งได้มาก
3) เป็นผู้แกล้วกล้าในที่ประชุมชน หมายถึงไม่เก้อเขินเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
4) ชื่อเสียงฟุ้งขจรไปไกล เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก มีคนกล่าวขานถึง
5) เป็นผู้เข้าสู่สุขติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีพ หมายถึง ตายไปแล้วก็ไปสู่สวรรค์
[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบัน ทางวัดศรีโสดา ยังต้องการเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรอย่างต่อเนื่อง ท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อเป็นเจ้าภาพได้ มือเพลมื้อละ 5,0[/FONT][FONT=&quot]00 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ถวาย โดยที่สามารถถวายปัจจัยและให้ทางวัดศรีโสดาจัดภัตตาหารให้และเจ้าภาพมาถวาย ใน วันที่กำหนด หรือญาติโยมสาธุชนจัดอาหารมาเองแล้วถวายแด่พระสงฆ์สามารถก็ได้ หรือบางเจ้าภาพไม่มีเวลามาถวายด้วยตนเองจะถวายปัจจัยไว้และทางวัดศรีโสดา ดำเนินการถวายแทนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของสาธุชน พระสงฆ์สามเณรจะกล่าวอนุโมทนาและสวดให้พรแก่ญาติโยมเป็นลำดับไ[/FONT]ป

(หรือในเดือนอื่นๆหากยังมีการร่วมบุญนี้อยู่) ตรงกับวันเกิดของญาติธรรมท่านใด และประสงค์จะรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตราหารอาหารเนื่องในวันดังกล่าวเองเป็นการ พิเศษ ก็สามารถแจ้งได้


ระยะเวลาของโครงการ

ตลอดทั้งปี 12 เดือน และ ถ้าหากได้รับความสนใจจากญาติธรรมอยากร่วมทำบุญต่อ ก็จะบอกบุญต่อไปเรื่อยๆๆ


“การ ถวายภัตตราหาร ได้ชื่อว่าเป็นการให้กำลัง โดยเฉพาะถวายแด่พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เมื่อท่านฉันอาหารแล้ว ท่านได้นำกำลังนี้ไปปฎิบัติธรรม และทำงานเพื่อพระศาสนา อานิสงค์นี้จะบังเกิดแก่ผู้ให้มากมายนัก...”


ญาติธรรมท่านใดที่สนใจสามารถโอนปัจจัยร่วมบุญได้ที่
ชื่อบัญชี : พระบรรเจิด กิตฺติสาโร
เลขที่ : 549-0-12888-7
ธนาคาร : กรุงไทย
สาขา : ถนนห้วยแก้ว

 

ขอความเมตตา บริจาคทรัพย์ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดศรีโสดา

วัตถุประสงค์ของโครงการ
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ ที่จุดประกายให้เกิดโครงการบุญนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสทำครบทั้ง

1. ทาน (การถวายภัตราหาร เป็นสังฆทาน)
2. ศีล (สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ)
3. ภาวนา (การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน)


รายละเอียดโครงการ

[FONT=&quot]ปัจจุบัน วัดศรีโสดา มีพระสงฆ์สามเณรศึกษาและอยู่ประจำ ประมาณ 469 รูป และฆราวาส 21 คน (ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของวัดศรีโสดา เช่น บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน บรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา วันกตัญญูสมเด็จพระพุทธชินวงศ์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์[/FONT][FONT=&quot] (สุวัณณโชตมหาเถระ) ประชุมปฐมนิเทศพระธรรมจาริก เป็นต้น) ญาติโยมสาธุชนจากทุกสารทิศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลในแต่ละวัน หากวันไหนไม่มีเจ้าภาพ ทางวัดศรีโสดา เป็นเจ้าภาพเอง การถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรหมู่มาก ถือเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า มีอานิสงส์มาก หมายถึงมีผลบุญมากกว่าการถวายทานประเภทอื่นๆ เพราะเป็นการถวายแก่พระสงฆ์สามเณรจำนวนมาก การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมมีผลมากกว่าการทำประโยชน์ต่อบุคคล การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์สามเณรนั้นถือเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนา เป็นการให้กำลังกาย เป็นการให้อายุ เป็นการให้ความสุขแก่พระสงฆ์สามเณร ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตรง เมื่อพระสงฆ์สามเณรมีกำลังกายมีความเป็นอยู่ที่ดีตามปกติ ก็สามารถที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป[/FONT]
[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] การ ถวายทานนั้น เป็นการเสียสละกำลังทรัพย์ กำลังกายของสาธุชน เป็นหนทางปฏิบัตินำไปสู่พระนิพพาน สังคมจะอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็นต้องอาศัยการให้การแบ่งปันซึ่งกันและกัน พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน การให้ทานนั้นอาจจำแนกออกเป็นวัตถุทานคือการให้สิ่งของต่างๆรวมถึงการถวาย ภัตตาหาร ธรรมทานหมายถึงแนะนำสั่งสอนให้ความรู้ต่างๆ และอภัยทาน คือการให้อภัย ไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร การให้อภัยทานถือชนะการให้ทั้งปวง อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้อย่างอื่น ผลบุญนั้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศีลมัย คือ การรักษาศีลเพราะการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน ภาวนามัยคือการปฏิบัติกรรมฐานภาวานาถือเป็นผลบุญสูงสุดเพราะนำไปสู่พระ นิพพานโดยตรง<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารหรือการถวายสังฆทานนั้น จะสำเร็จและมีผลมากมีองค์ประกอบอยู่ 3 ประการคือ <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]1) วัตถุทานนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ได้มาโดยไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ไม่ลักขโมยมา <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]2) เจตนาของผู้ให้ต้องต้องบริสุทธิ์ หมายถึงให้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ให้เพื่อที่จะขจัดกิเลสคือความโลภ ให้ด้วยความเมตตา เจตนาที่บริสุทธิ์นั้นจะต้องเกิดขึ้นทั้งขณะก่อนให้ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริง มีความยินดีที่จะให้ มีความสุข ขณะให้ทานหรือถวายทานก็มีความปราบปลื้ม หลังจากให้แล้วก็มีความสุขยินดีในทานที่ตนให้แล้วนั้น <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]3) เนื้อนาบุญ คือ ผู้รับทานนั้นต้องบริสุทธิ์ หมายถึงพระสงฆ์สามเณรต้องเป็นผู้ทรงศีลเคร่งครัดวัตรปฏิบัติ เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดข้าวลงใน เมล็ดพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ดี (วัตถุทานบริสุทธิ์) ผู้หว่านมีเจตนาที่จะให้เกินต้นข้าวและเกิดผลผลิตที่ดี (เจตนาบริสุทธิ์) หากที่นานั้นเป็นที่ ๆพรวนดินสม่ำเสมอ ไม่มีวัชพืช (เนื้อนาบุญที่ดี) ข้าวกล้าก็งอกงามให้ผลผลิตที่ดีฉันนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารแก่สงฆ์ หรือการทำทานนั้น ยอมได้อานิสงส์ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ เกลามสูตร / ปัญจกนิบาตร อังคุตรนิกาย ดังนี้
1) ผู้ให้ทานหรือผู้ถวายทาน ย่อมเป็นที่รักใครของมหาชน หมายถึง เป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่ มีความเป็นมิตรเกื้อกูลกัน
2) มหาชนคนหมู่มากพอใจในการคบหา หมายถึงเราเป็นผู้เสียสละ ใครๆก็อยากคบอยากรู้จัก ยิ่งให้ยิ่งได้มาก
3) เป็นผู้แกล้วกล้าในที่ประชุมชน หมายถึงไม่เก้อเขินเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
4) ชื่อเสียงฟุ้งขจรไปไกล เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก มีคนกล่าวขานถึง
5) เป็นผู้เข้าสู่สุขติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีพ หมายถึง ตายไปแล้วก็ไปสู่สวรรค์
<!--[if !supportLineBreakNewLine]--><!--[endif]--><o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบัน ทางวัดศรีโสดา ยังต้องการเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรอย่างต่อเนื่อง ท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อเป็นเจ้าภาพได้ มือเพลมื้อละ 5,0[/FONT][FONT=&quot]00 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ถวาย โดยที่สามารถถวายปัจจัยและให้ทางวัดศรีโสดาจัดภัตตาหารให้และเจ้าภาพมาถวาย ใน วันที่กำหนด หรือญาติโยมสาธุชนจัดอาหารมาเองแล้วถวายแด่พระสงฆ์สามารถก็ได้ หรือบางเจ้าภาพไม่มีเวลามาถวายด้วยตนเองจะถวายปัจจัยไว้และทางวัดศรีโสดา ดำเนินการถวายแทนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของสาธุชน พระสงฆ์สามเณรจะกล่าวอนุโมทนาและสวดให้พรแก่ญาติโยมเป็นลำดับไ[/FONT]ป
[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
(หรือในเดือนอื่นๆหากยังมีการร่วมบุญนี้อยู่) ตรงกับวันเกิดของญาติธรรมท่านใด และประสงค์จะรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตราหารอาหารเนื่องในวันดังกล่าวเองเป็นการ พิเศษ ก็สามารถแจ้งได้


ระยะเวลาของโครงการ

ตลอดทั้งปี 12 เดือน และ ถ้าหากได้รับความสนใจจากญาติธรรมอยากร่วมทำบุญต่อ ก็จะบอกบุญต่อไปเรื่อยๆๆ


“การ ถวายภัตตราหาร ได้ชื่อว่าเป็นการให้กำลัง โดยเฉพาะถวายแด่พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เมื่อท่านฉันอาหารแล้ว ท่านได้นำกำลังนี้ไปปฎิบัติธรรม และทำงานเพื่อพระศาสนา อานิสงค์นี้จะบังเกิดแก่ผู้ให้มากมายนัก...”


ญาติธรรมท่านใดที่สนใจสามารถโอนปัจจัยร่วมบุญได้ที่
ชื่อบัญชี : พระบรรเจิด กิตฺติสาโร
เลขที่ : 549-0-12888-7
ธนาคาร : กรุงไทย
สาขา : ถนนห้วยแก้ว

 

วัตถุประสงค์ของโครงการ
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ ที่จุดประกายให้เกิดโครงการบุญนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสทำครบทั้ง

1. ทาน (การถวายภัตราหาร เป็นสังฆทาน)
2. ศีล (สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ)
3. ภาวนา (การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน)


รายละเอียดโครงการ

[FONT=&quot]ปัจจุบัน วัดศรีโสดา มีพระสงฆ์สามเณรศึกษาและอยู่ประจำ ประมาณ 469 รูป และฆราวาส 21 คน (ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของวัดศรีโสดา เช่น บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน บรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา วันกตัญญูสมเด็จพระพุทธชินวงศ์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์[/FONT][FONT=&quot] (สุวัณณโชตมหาเถระ) ประชุมปฐมนิเทศพระธรรมจาริก เป็นต้น) ญาติโยมสาธุชนจากทุกสารทิศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลในแต่ละวัน หากวันไหนไม่มีเจ้าภาพ ทางวัดศรีโสดา เป็นเจ้าภาพเอง การถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรหมู่มาก ถือเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า มีอานิสงส์มาก หมายถึงมีผลบุญมากกว่าการถวายทานประเภทอื่นๆ เพราะเป็นการถวายแก่พระสงฆ์สามเณรจำนวนมาก การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมมีผลมากกว่าการทำประโยชน์ต่อบุคคล การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์สามเณรนั้นถือเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนา เป็นการให้กำลังกาย เป็นการให้อายุ เป็นการให้ความสุขแก่พระสงฆ์สามเณร ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตรง เมื่อพระสงฆ์สามเณรมีกำลังกายมีความเป็นอยู่ที่ดีตามปกติ ก็สามารถที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป[/FONT]

[FONT=&quot] การ ถวายทานนั้น เป็นการเสียสละกำลังทรัพย์ กำลังกายของสาธุชน เป็นหนทางปฏิบัตินำไปสู่พระนิพพาน สังคมจะอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็นต้องอาศัยการให้การแบ่งปันซึ่งกันและกัน พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน การให้ทานนั้นอาจจำแนกออกเป็นวัตถุทานคือการให้สิ่งของต่างๆรวมถึงการถวาย ภัตตาหาร ธรรมทานหมายถึงแนะนำสั่งสอนให้ความรู้ต่างๆ และอภัยทาน คือการให้อภัย ไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร การให้อภัยทานถือชนะการให้ทั้งปวง อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้อย่างอื่น ผลบุญนั้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศีลมัย คือ การรักษาศีลเพราะการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน ภาวนามัยคือการปฏิบัติกรรมฐานภาวานาถือเป็นผลบุญสูงสุดเพราะนำไปสู่พระ นิพพานโดยตรง[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารหรือการถวายสังฆทานนั้น จะสำเร็จและมีผลมากมีองค์ประกอบอยู่ 3 ประการคือ [/FONT]
[FONT=&quot]1) วัตถุทานนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ได้มาโดยไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ไม่ลักขโมยมา [/FONT]
[FONT=&quot]2) เจตนาของผู้ให้ต้องต้องบริสุทธิ์ หมายถึงให้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ให้เพื่อที่จะขจัดกิเลสคือความโลภ ให้ด้วยความเมตตา เจตนาที่บริสุทธิ์นั้นจะต้องเกิดขึ้นทั้งขณะก่อนให้ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริง มีความยินดีที่จะให้ มีความสุข ขณะให้ทานหรือถวายทานก็มีความปราบปลื้ม หลังจากให้แล้วก็มีความสุขยินดีในทานที่ตนให้แล้วนั้น [/FONT]
[FONT=&quot]3) เนื้อนาบุญ คือ ผู้รับทานนั้นต้องบริสุทธิ์ หมายถึงพระสงฆ์สามเณรต้องเป็นผู้ทรงศีลเคร่งครัดวัตรปฏิบัติ เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดข้าวลงใน เมล็ดพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ดี (วัตถุทานบริสุทธิ์) ผู้หว่านมีเจตนาที่จะให้เกินต้นข้าวและเกิดผลผลิตที่ดี (เจตนาบริสุทธิ์) หากที่นานั้นเป็นที่ ๆพรวนดินสม่ำเสมอ ไม่มีวัชพืช (เนื้อนาบุญที่ดี) ข้าวกล้าก็งอกงามให้ผลผลิตที่ดีฉันนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารแก่สงฆ์ หรือการทำทานนั้น ยอมได้อานิสงส์ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ เกลามสูตร / ปัญจกนิบาตร อังคุตรนิกาย ดังนี้
1) ผู้ให้ทานหรือผู้ถวายทาน ย่อมเป็นที่รักใครของมหาชน หมายถึง เป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่ มีความเป็นมิตรเกื้อกูลกัน
2) มหาชนคนหมู่มากพอใจในการคบหา หมายถึงเราเป็นผู้เสียสละ ใครๆก็อยากคบอยากรู้จัก ยิ่งให้ยิ่งได้มาก
3) เป็นผู้แกล้วกล้าในที่ประชุมชน หมายถึงไม่เก้อเขินเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
4) ชื่อเสียงฟุ้งขจรไปไกล เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก มีคนกล่าวขานถึง
5) เป็นผู้เข้าสู่สุขติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีพ หมายถึง ตายไปแล้วก็ไปสู่สวรรค์
[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบัน ทางวัดศรีโสดา ยังต้องการเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรอย่างต่อเนื่อง ท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อเป็นเจ้าภาพได้ มือเพลมื้อละ 5,0[/FONT][FONT=&quot]00 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ถวาย โดยที่สามารถถวายปัจจัยและให้ทางวัดศรีโสดาจัดภัตตาหารให้และเจ้าภาพมาถวาย ใน วันที่กำหนด หรือญาติโยมสาธุชนจัดอาหารมาเองแล้วถวายแด่พระสงฆ์สามารถก็ได้ หรือบางเจ้าภาพไม่มีเวลามาถวายด้วยตนเองจะถวายปัจจัยไว้และทางวัดศรีโสดา ดำเนินการถวายแทนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของสาธุชน พระสงฆ์สามเณรจะกล่าวอนุโมทนาและสวดให้พรแก่ญาติโยมเป็นลำดับไ[/FONT]ป

(หรือในเดือนอื่นๆหากยังมีการร่วมบุญนี้อยู่) ตรงกับวันเกิดของญาติธรรมท่านใด และประสงค์จะรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตราหารอาหารเนื่องในวันดังกล่าวเองเป็นการ พิเศษ ก็สามารถแจ้งได้

ระยะเวลาของโครงการ

ตลอดทั้งปี 12 เดือน และ ถ้าหากได้รับความสนใจจากญาติธรรมอยากร่วมทำบุญต่อ ก็จะบอกบุญต่อไปเรื่อยๆๆ


“การ ถวายภัตตราหาร ได้ชื่อว่าเป็นการให้กำลัง โดยเฉพาะถวายแด่พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เมื่อท่านฉันอาหารแล้ว ท่านได้นำกำลังนี้ไปปฎิบัติธรรม และทำงานเพื่อพระศาสนา อานิสงค์นี้จะบังเกิดแก่ผู้ให้มากมายนัก...”


ญาติธรรมท่านใดที่สนใจสามารถโอนปัจจัยร่วมบุญได้ที่
ชื่อบัญชี : พระบรรเจิด กิตฺติสาโร
เลขที่ : 549-0-12888-7
ธนาคาร : กรุงไทย
สาขา : ถนนห้วยแก้ว

​

พระเดชพระคุณพระเทพโกศล
เจ้าอาวาสวัดศรีโสดา พระอารามหลวง
เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่​

 

ขอความเมตตา บริจาคทรัพย์ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดศรีโสดา

[FONT=&quot]ปัจจุบัน วัดศรีโสดา มีพระสงฆ์สามเณรศึกษาและอยู่ประจำ ประมาณ 469 รูป และฆราวาส 21 คน (ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของวัดศรีโสดา เช่น บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน บรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา วันกตัญญูสมเด็จพระพุทธชินวงศ์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์[/FONT][FONT=&quot] (สุวัณณโชตมหาเถระ) ประชุมปฐมนิเทศพระธรรมจาริก เป็นต้น) ญาติโยมสาธุชนจากทุกสารทิศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลในแต่ละวัน หากวันไหนไม่มีเจ้าภาพ ทางวัดศรีโสดา เป็นเจ้าภาพเอง การถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรหมู่มาก ถือเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า มีอานิสงส์มาก หมายถึงมีผลบุญมากกว่าการถวายทานประเภทอื่นๆ เพราะเป็นการถวายแก่พระสงฆ์สามเณรจำนวนมาก การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมมีผลมากกว่าการทำประโยชน์ต่อบุคคล การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์สามเณรนั้นถือเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนา เป็นการให้กำลังกาย เป็นการให้อายุ เป็นการให้ความสุขแก่พระสงฆ์สามเณร ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตรง เมื่อพระสงฆ์สามเณรมีกำลังกายมีความเป็นอยู่ที่ดีตามปกติ ก็สามารถที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป[/FONT]

[FONT=&quot] การ ถวายทานนั้น เป็นการเสียสละกำลังทรัพย์ กำลังกายของสาธุชน เป็นหนทางปฏิบัตินำไปสู่พระนิพพาน สังคมจะอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็นต้องอาศัยการให้การแบ่งปันซึ่งกันและกัน พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน การให้ทานนั้นอาจจำแนกออกเป็นวัตถุทานคือการให้สิ่งของต่างๆรวมถึงการถวาย ภัตตาหาร ธรรมทานหมายถึงแนะนำสั่งสอนให้ความรู้ต่างๆ และอภัยทาน คือการให้อภัย ไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร การให้อภัยทานถือชนะการให้ทั้งปวง อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้อย่างอื่น ผลบุญนั้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศีลมัย คือ การรักษาศีลเพราะการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน ภาวนามัยคือการปฏิบัติกรรมฐานภาวานาถือเป็นผลบุญสูงสุดเพราะนำไปสู่พระ นิพพานโดยตรง[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารหรือการถวายสังฆทานนั้น จะสำเร็จและมีผลมากมีองค์ประกอบอยู่ 3 ประการคือ [/FONT]
[FONT=&quot]1) วัตถุทานนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ได้มาโดยไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ไม่ลักขโมยมา [/FONT]
[FONT=&quot]2) เจตนาของผู้ให้ต้องต้องบริสุทธิ์ หมายถึงให้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ให้เพื่อที่จะขจัดกิเลสคือความโลภ ให้ด้วยความเมตตา เจตนาที่บริสุทธิ์นั้นจะต้องเกิดขึ้นทั้งขณะก่อนให้ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริง มีความยินดีที่จะให้ มีความสุข ขณะให้ทานหรือถวายทานก็มีความปราบปลื้ม หลังจากให้แล้วก็มีความสุขยินดีในทานที่ตนให้แล้วนั้น [/FONT]
[FONT=&quot]3) เนื้อนาบุญ คือ ผู้รับทานนั้นต้องบริสุทธิ์ หมายถึงพระสงฆ์สามเณรต้องเป็นผู้ทรงศีลเคร่งครัดวัตรปฏิบัติ เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดข้าวลงใน เมล็ดพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ดี (วัตถุทานบริสุทธิ์) ผู้หว่านมีเจตนาที่จะให้เกินต้นข้าวและเกิดผลผลิตที่ดี (เจตนาบริสุทธิ์) หากที่นานั้นเป็นที่ ๆพรวนดินสม่ำเสมอ ไม่มีวัชพืช (เนื้อนาบุญที่ดี) ข้าวกล้าก็งอกงามให้ผลผลิตที่ดีฉันนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารแก่สงฆ์ หรือการทำทานนั้น ยอมได้อานิสงส์ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ เกลามสูตร / ปัญจกนิบาตร อังคุตรนิกาย ดังนี้
1) ผู้ให้ทานหรือผู้ถวายทาน ย่อมเป็นที่รักใครของมหาชน หมายถึง เป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่ มีความเป็นมิตรเกื้อกูลกัน
2) มหาชนคนหมู่มากพอใจในการคบหา หมายถึงเราเป็นผู้เสียสละ ใครๆก็อยากคบอยากรู้จัก ยิ่งให้ยิ่งได้มาก
3) เป็นผู้แกล้วกล้าในที่ประชุมชน หมายถึงไม่เก้อเขินเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
4) ชื่อเสียงฟุ้งขจรไปไกล เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก มีคนกล่าวขานถึง
5) เป็นผู้เข้าสู่สุขติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีพ หมายถึง ตายไปแล้วก็ไปสู่สวรรค์
[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบัน ทางวัดศรีโสดา ยังต้องการเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรอย่างต่อเนื่อง ท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อเป็นเจ้าภาพได้ มือเพลมื้อละ 5,0[/FONT][FONT=&quot]00 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ถวาย โดยที่สามารถถวายปัจจัยและให้ทางวัดศรีโสดาจัดภัตตาหารให้และเจ้าภาพมาถวาย ใน วันที่กำหนด หรือญาติโยมสาธุชนจัดอาหารมาเองแล้วถวายแด่พระสงฆ์สามารถก็ได้ หรือบางเจ้าภาพไม่มีเวลามาถวายด้วยตนเองจะถวายปัจจัยไว้และทางวัดศรีโสดา ดำเนินการถวายแทนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของสาธุชน พระสงฆ์สามเณรจะกล่าวอนุโมทนาและสวดให้พรแก่ญาติโยมเป็นลำดับไ[/FONT]ป

 

พระภิกษุ - สามเณรวัดศรีโสดากำลังรอความเมตตาจากคณะศรัทธาญาติโยม ผู้ใจบุญทั้งหลาย เพื่อบริจาคทรัพย์ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดศรีโสดา

 

วัตถุประสงค์ของโครงการ
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ ที่จุดประกายให้เกิดโครงการบุญนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสทำครบทั้ง

1. ทาน (การถวายภัตราหาร เป็นสังฆทาน)
2. ศีล (สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ)
3. ภาวนา (การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน)


รายละเอียดโครงการ

[FONT=&quot]ปัจจุบัน วัดศรีโสดา มีพระสงฆ์สามเณรศึกษาและอยู่ประจำ ประมาณ 469 รูป และฆราวาส 21 คน (ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของวัดศรีโสดา เช่น บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน บรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา วันกตัญญูสมเด็จพระพุทธชินวงศ์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์[/FONT][FONT=&quot] (สุวัณณโชตมหาเถระ) ประชุมปฐมนิเทศพระธรรมจาริก เป็นต้น) ญาติโยมสาธุชนจากทุกสารทิศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลในแต่ละวัน หากวันไหนไม่มีเจ้าภาพ ทางวัดศรีโสดา เป็นเจ้าภาพเอง การถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรหมู่มาก ถือเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า มีอานิสงส์มาก หมายถึงมีผลบุญมากกว่าการถวายทานประเภทอื่นๆ เพราะเป็นการถวายแก่พระสงฆ์สามเณรจำนวนมาก การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมมีผลมากกว่าการทำประโยชน์ต่อบุคคล การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์สามเณรนั้นถือเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนา เป็นการให้กำลังกาย เป็นการให้อายุ เป็นการให้ความสุขแก่พระสงฆ์สามเณร ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตรง เมื่อพระสงฆ์สามเณรมีกำลังกายมีความเป็นอยู่ที่ดีตามปกติ ก็สามารถที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป[/FONT]

[FONT=&quot]การ ถวายทานนั้น เป็นการเสียสละกำลังทรัพย์ กำลังกายของสาธุชน เป็นหนทางปฏิบัตินำไปสู่พระนิพพาน สังคมจะอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็นต้องอาศัยการให้การแบ่งปันซึ่งกันและกัน พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน การให้ทานนั้นอาจจำแนกออกเป็นวัตถุทานคือการให้สิ่งของต่างๆรวมถึงการถวาย ภัตตาหาร ธรรมทานหมายถึงแนะนำสั่งสอนให้ความรู้ต่างๆ และอภัยทาน คือการให้อภัย ไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร การให้อภัยทานถือชนะการให้ทั้งปวง อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้อย่างอื่น ผลบุญนั้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศีลมัย คือ การรักษาศีลเพราะการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน ภาวนามัยคือการปฏิบัติกรรมฐานภาวานาถือเป็นผลบุญสูงสุดเพราะนำไปสู่พระ นิพพานโดยตรง[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารหรือการถวายสังฆทานนั้น จะสำเร็จและมีผลมากมีองค์ประกอบอยู่ 3 ประการคือ [/FONT]
[FONT=&quot]1) วัตถุทานนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ได้มาโดยไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ไม่ลักขโมยมา [/FONT]
[FONT=&quot]2) เจตนาของผู้ให้ต้องต้องบริสุทธิ์ หมายถึงให้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ให้เพื่อที่จะขจัดกิเลสคือความโลภ ให้ด้วยความเมตตา เจตนาที่บริสุทธิ์นั้นจะต้องเกิดขึ้นทั้งขณะก่อนให้ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริง มีความยินดีที่จะให้ มีความสุข ขณะให้ทานหรือถวายทานก็มีความปราบปลื้ม หลังจากให้แล้วก็มีความสุขยินดีในทานที่ตนให้แล้วนั้น [/FONT]
[FONT=&quot]3) เนื้อนาบุญ คือ ผู้รับทานนั้นต้องบริสุทธิ์ หมายถึงพระสงฆ์สามเณรต้องเป็นผู้ทรงศีลเคร่งครัดวัตรปฏิบัติ เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดข้าวลงใน เมล็ดพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ดี (วัตถุทานบริสุทธิ์) ผู้หว่านมีเจตนาที่จะให้เกินต้นข้าวและเกิดผลผลิตที่ดี (เจตนาบริสุทธิ์) หากที่นานั้นเป็นที่ ๆพรวนดินสม่ำเสมอ ไม่มีวัชพืช (เนื้อนาบุญที่ดี) ข้าวกล้าก็งอกงามให้ผลผลิตที่ดีฉันนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารแก่สงฆ์ หรือการทำทานนั้น ยอมได้อานิสงส์ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ เกลามสูตร / ปัญจกนิบาตร อังคุตรนิกาย ดังนี้
1) ผู้ให้ทานหรือผู้ถวายทาน ย่อมเป็นที่รักใครของมหาชน หมายถึง เป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่ มีความเป็นมิตรเกื้อกูลกัน
2) มหาชนคนหมู่มากพอใจในการคบหา หมายถึงเราเป็นผู้เสียสละ ใครๆก็อยากคบอยากรู้จัก ยิ่งให้ยิ่งได้มาก
3) เป็นผู้แกล้วกล้าในที่ประชุมชน หมายถึงไม่เก้อเขินเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
4) ชื่อเสียงฟุ้งขจรไปไกล เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก มีคนกล่าวขานถึง
5) เป็นผู้เข้าสู่สุขติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีพ หมายถึง ตายไปแล้วก็ไปสู่สวรรค์
[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบัน ทางวัดศรีโสดา ยังต้องการเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรอย่างต่อเนื่อง ท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อเป็นเจ้าภาพได้ มือเพลมื้อละ 5,0[/FONT][FONT=&quot]00 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ถวาย โดยที่สามารถถวายปัจจัยและให้ทางวัดศรีโสดาจัดภัตตาหารให้และเจ้าภาพมาถวาย ใน วันที่กำหนด หรือญาติโยมสาธุชนจัดอาหารมาเองแล้วถวายแด่พระสงฆ์สามารถก็ได้ หรือบางเจ้าภาพไม่มีเวลามาถวายด้วยตนเองจะถวายปัจจัยไว้และทางวัดศรีโสดา ดำเนินการถวายแทนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของสาธุชน พระสงฆ์สามเณรจะกล่าวอนุโมทนาและสวดให้พรแก่ญาติโยมเป็นลำดับไ[/FONT]ป

(หรือในเดือนอื่นๆหากยังมีการร่วมบุญนี้อยู่) ตรงกับวันเกิดของญาติธรรมท่านใด และประสงค์จะรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตราหารอาหารเนื่องในวันดังกล่าวเองเป็นการ พิเศษ ก็สามารถแจ้งได้

ระยะเวลาของโครงการ

ตลอดทั้งปี 12 เดือน และ ถ้าหากได้รับความสนใจจากญาติธรรมอยากร่วมทำบุญต่อ ก็จะบอกบุญต่อไปเรื่อยๆๆ


“การ ถวายภัตตราหาร ได้ชื่อว่าเป็นการให้กำลัง โดยเฉพาะถวายแด่พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เมื่อท่านฉันอาหารแล้ว ท่านได้นำกำลังนี้ไปปฎิบัติธรรม และทำงานเพื่อพระศาสนา อานิสงค์นี้จะบังเกิดแก่ผู้ให้มากมายนัก...”


ญาติธรรมท่านใดที่สนใจสามารถโอนปัจจัยร่วมบุญได้ที่
ชื่อบัญชี : พระบรรเจิด กิตฺติสาโร
เลขที่ : 549-0-12888-7
ธนาคาร : กรุงไทย
สาขา : ถนนห้วยแก้ว

 

วัตถุประสงค์ของโครงการ
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ ที่จุดประกายให้เกิดโครงการบุญนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสทำครบทั้ง

1. ทาน (การถวายภัตราหาร เป็นสังฆทาน)
2. ศีล (สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ)
3. ภาวนา (การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน)


รายละเอียดโครงการ

[FONT=&quot]ปัจจุบัน วัดศรีโสดา มีพระสงฆ์สามเณรศึกษาและอยู่ประจำ ประมาณ 469 รูป และฆราวาส 21 คน (ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของวัดศรีโสดา เช่น บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน บรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา วันกตัญญูสมเด็จพระพุทธชินวงศ์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์[/FONT][FONT=&quot] (สุวัณณโชตมหาเถระ) ประชุมปฐมนิเทศพระธรรมจาริก เป็นต้น) ญาติโยมสาธุชนจากทุกสารทิศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลในแต่ละวัน หากวันไหนไม่มีเจ้าภาพ ทางวัดศรีโสดา เป็นเจ้าภาพเอง การถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรหมู่มาก ถือเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า มีอานิสงส์มาก หมายถึงมีผลบุญมากกว่าการถวายทานประเภทอื่นๆ เพราะเป็นการถวายแก่พระสงฆ์สามเณรจำนวนมาก การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมมีผลมากกว่าการทำประโยชน์ต่อบุคคล การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์สามเณรนั้นถือเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนา เป็นการให้กำลังกาย เป็นการให้อายุ เป็นการให้ความสุขแก่พระสงฆ์สามเณร ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตรง เมื่อพระสงฆ์สามเณรมีกำลังกายมีความเป็นอยู่ที่ดีตามปกติ ก็สามารถที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป[/FONT]

[FONT=&quot]การ ถวายทานนั้น เป็นการเสียสละกำลังทรัพย์ กำลังกายของสาธุชน เป็นหนทางปฏิบัตินำไปสู่พระนิพพาน สังคมจะอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็นต้องอาศัยการให้การแบ่งปันซึ่งกันและกัน พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน การให้ทานนั้นอาจจำแนกออกเป็นวัตถุทานคือการให้สิ่งของต่างๆรวมถึงการถวาย ภัตตาหาร ธรรมทานหมายถึงแนะนำสั่งสอนให้ความรู้ต่างๆ และอภัยทาน คือการให้อภัย ไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร การให้อภัยทานถือชนะการให้ทั้งปวง อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้อย่างอื่น ผลบุญนั้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศีลมัย คือ การรักษาศีลเพราะการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน ภาวนามัยคือการปฏิบัติกรรมฐานภาวานาถือเป็นผลบุญสูงสุดเพราะนำไปสู่พระ นิพพานโดยตรง[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารหรือการถวายสังฆทานนั้น จะสำเร็จและมีผลมากมีองค์ประกอบอยู่ 3 ประการคือ [/FONT]
[FONT=&quot]1) วัตถุทานนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ได้มาโดยไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ไม่ลักขโมยมา [/FONT]
[FONT=&quot]2) เจตนาของผู้ให้ต้องต้องบริสุทธิ์ หมายถึงให้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ให้เพื่อที่จะขจัดกิเลสคือความโลภ ให้ด้วยความเมตตา เจตนาที่บริสุทธิ์นั้นจะต้องเกิดขึ้นทั้งขณะก่อนให้ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริง มีความยินดีที่จะให้ มีความสุข ขณะให้ทานหรือถวายทานก็มีความปราบปลื้ม หลังจากให้แล้วก็มีความสุขยินดีในทานที่ตนให้แล้วนั้น [/FONT]
[FONT=&quot]3) เนื้อนาบุญ คือ ผู้รับทานนั้นต้องบริสุทธิ์ หมายถึงพระสงฆ์สามเณรต้องเป็นผู้ทรงศีลเคร่งครัดวัตรปฏิบัติ เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดข้าวลงใน เมล็ดพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ดี (วัตถุทานบริสุทธิ์) ผู้หว่านมีเจตนาที่จะให้เกินต้นข้าวและเกิดผลผลิตที่ดี (เจตนาบริสุทธิ์) หากที่นานั้นเป็นที่ ๆพรวนดินสม่ำเสมอ ไม่มีวัชพืช (เนื้อนาบุญที่ดี) ข้าวกล้าก็งอกงามให้ผลผลิตที่ดีฉันนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารแก่สงฆ์ หรือการทำทานนั้น ยอมได้อานิสงส์ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ เกลามสูตร / ปัญจกนิบาตร อังคุตรนิกาย ดังนี้
1) ผู้ให้ทานหรือผู้ถวายทาน ย่อมเป็นที่รักใครของมหาชน หมายถึง เป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่ มีความเป็นมิตรเกื้อกูลกัน
2) มหาชนคนหมู่มากพอใจในการคบหา หมายถึงเราเป็นผู้เสียสละ ใครๆก็อยากคบอยากรู้จัก ยิ่งให้ยิ่งได้มาก
3) เป็นผู้แกล้วกล้าในที่ประชุมชน หมายถึงไม่เก้อเขินเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
4) ชื่อเสียงฟุ้งขจรไปไกล เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก มีคนกล่าวขานถึง
5) เป็นผู้เข้าสู่สุขติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีพ หมายถึง ตายไปแล้วก็ไปสู่สวรรค์
[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบัน ทางวัดศรีโสดา ยังต้องการเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรอย่างต่อเนื่อง ท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อเป็นเจ้าภาพได้ มือเพลมื้อละ 5,0[/FONT][FONT=&quot]00 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ถวาย โดยที่สามารถถวายปัจจัยและให้ทางวัดศรีโสดาจัดภัตตาหารให้และเจ้าภาพมาถวาย ใน วันที่กำหนด หรือญาติโยมสาธุชนจัดอาหารมาเองแล้วถวายแด่พระสงฆ์สามารถก็ได้ หรือบางเจ้าภาพไม่มีเวลามาถวายด้วยตนเองจะถวายปัจจัยไว้และทางวัดศรีโสดา ดำเนินการถวายแทนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของสาธุชน พระสงฆ์สามเณรจะกล่าวอนุโมทนาและสวดให้พรแก่ญาติโยมเป็นลำดับไ[/FONT]ป

(หรือในเดือนอื่นๆหากยังมีการร่วมบุญนี้อยู่) ตรงกับวันเกิดของญาติธรรมท่านใด และประสงค์จะรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตราหารอาหารเนื่องในวันดังกล่าวเองเป็นการ พิเศษ ก็สามารถแจ้งได้

ระยะเวลาของโครงการ

ตลอดทั้งปี 12 เดือน และ ถ้าหากได้รับความสนใจจากญาติธรรมอยากร่วมทำบุญต่อ ก็จะบอกบุญต่อไปเรื่อยๆๆ


“การ ถวายภัตตราหาร ได้ชื่อว่าเป็นการให้กำลัง โดยเฉพาะถวายแด่พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เมื่อท่านฉันอาหารแล้ว ท่านได้นำกำลังนี้ไปปฎิบัติธรรม และทำงานเพื่อพระศาสนา อานิสงค์นี้จะบังเกิดแก่ผู้ให้มากมายนัก...”


ญาติธรรมท่านใดที่สนใจสามารถโอนปัจจัยร่วมบุญได้ที่
ชื่อบัญชี : พระบรรเจิด กิตฺติสาโร
เลขที่ : 549-0-12888-7
ธนาคาร : กรุงไทย
สาขา : ถนนห้วยแก้ว











<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>




























</FIELDSET>

​

พระเดชพระคุณพระเทพโกศล
เจ้าอาวาสวัดศรีโสดา พระอารามหลวง
เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่​

 

ขอความเมตตาร่วมกันบริจาคทรัพย์เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารแด่คณะพระภิกษุสามเณรวัดศรีโสดา

<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> ขอความเมตตาร่วมกันบริจาคทรัพย์เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุ - สามเณร วัดศรีโสดา

วัตถุประสงค์ของโครงการ
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ ที่จุดประกายให้เกิดโครงการบุญนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสทำครบทั้ง

๑. ทาน (การถวายภัตราหาร เป็นสังฆทาน)
๒. ศีล (สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ)
๓. ภาวนา (การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน)


รายละเอียดโครงการ

[FONT=&quot]ปัจจุบัน วัดศรีโสดา มีพระสงฆ์สามเณรศึกษาและอยู่ประจำ ประมาณ ๔๖๙ รูป และฆราวาส ๒๑ คน รวมเป็น ๔๙๐ รูป/คน (ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของวัดศรีโสดา เช่น บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน บรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา วันกตัญญูสมเด็จพระพุทธชินวงศ์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์[/FONT][FONT=&quot] (สุวัณณโชตมหาเถระ) ประชุมปฐมนิเทศพระธรรมจาริก เป็นต้น) ญาติโยมสาธุชนจากทุกสารทิศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลในแต่ละวัน หากวันไหนไม่มีเจ้าภาพ ทางวัดศรีโสดา เป็นเจ้าภาพเอง การถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรหมู่มาก ถือเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า มีอานิสงส์มาก หมายถึงมีผลบุญมากกว่าการถวายทานประเภทอื่นๆ เพราะเป็นการถวายแก่พระสงฆ์สามเณรจำนวนมาก การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมมีผลมากกว่าการทำประโยชน์ต่อบุคคล การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์สามเณรนั้นถือเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนา เป็นการให้กำลังกาย เป็นการให้อายุ เป็นการให้ความสุขแก่พระสงฆ์สามเณร ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตรง เมื่อพระสงฆ์สามเณรมีกำลังกายมีความเป็นอยู่ที่ดีตามปกติ ก็สามารถที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป[/FONT]

[FONT=&quot]การ ถวายทานนั้น เป็นการเสียสละกำลังทรัพย์ กำลังกายของสาธุชน เป็นหนทางปฏิบัตินำไปสู่พระนิพพาน สังคมจะอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็นต้องอาศัยการให้การแบ่งปันซึ่งกันและกัน พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน การให้ทานนั้นอาจจำแนกออกเป็นวัตถุทานคือการให้สิ่งของต่างๆรวมถึงการถวาย ภัตตาหาร ธรรมทานหมายถึงแนะนำสั่งสอนให้ความรู้ต่างๆ และอภัยทาน คือการให้อภัย ไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร การให้อภัยทานถือชนะการให้ทั้งปวง อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้อย่างอื่น ผลบุญนั้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศีลมัย คือ การรักษาศีลเพราะการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน ภาวนามัยคือการปฏิบัติกรรมฐานภาวานาถือเป็นผลบุญสูงสุดเพราะนำไปสู่พระ นิพพานโดยตรง[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารหรือการถวายสังฆทานนั้น จะสำเร็จและมีผลมากมีองค์ประกอบอยู่ ๓ ประการคือ [/FONT]
[FONT=&quot]๑) วัตถุทานนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ได้มาโดยไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ไม่ลักขโมยมา [/FONT]
[FONT=&quot]๒) เจตนาของผู้ให้ต้องต้องบริสุทธิ์ หมายถึงให้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ให้เพื่อที่จะขจัดกิเลสคือความโลภ ให้ด้วยความเมตตา เจตนาที่บริสุทธิ์นั้นจะต้องเกิดขึ้นทั้งขณะก่อนให้ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริง มีความยินดีที่จะให้ มีความสุข ขณะให้ทานหรือถวายทานก็มีความปราบปลื้ม หลังจากให้แล้วก็มีความสุขยินดีในทานที่ตนให้แล้วนั้น [/FONT]
[FONT=&quot]๓) เนื้อนาบุญ คือ ผู้รับทานนั้นต้องบริสุทธิ์ หมายถึงพระสงฆ์สามเณรต้องเป็นผู้ทรงศีลเคร่งครัดวัตรปฏิบัติ เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดข้าวลงใน เมล็ดพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ดี (วัตถุทานบริสุทธิ์) ผู้หว่านมีเจตนาที่จะให้เกินต้นข้าวและเกิดผลผลิตที่ดี (เจตนาบริสุทธิ์) หากที่นานั้นเป็นที่ ๆพรวนดินสม่ำเสมอ ไม่มีวัชพืช (เนื้อนาบุญที่ดี) ข้าวกล้าก็งอกงามให้ผลผลิตที่ดีฉันนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารแก่สงฆ์ หรือการทำทานนั้น ยอมได้อานิสงส์ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ เกลามสูตร / ปัญจกนิบาตร อังคุตรนิกาย ดังนี้
๑) ผู้ให้ทานหรือผู้ถวายทาน ย่อมเป็นที่รักใครของมหาชน หมายถึง เป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่ มีความเป็นมิตรเกื้อกูลกัน
๒) มหาชนคนหมู่มากพอใจในการคบหา หมายถึงเราเป็นผู้เสียสละ ใครๆก็อยากคบอยากรู้จัก ยิ่งให้ยิ่งได้มาก
๓) เป็นผู้แกล้วกล้าในที่ประชุมชน หมายถึงไม่เก้อเขินเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
๔) ชื่อเสียงฟุ้งขจรไปไกล เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก มีคนกล่าวขานถึง
๕) เป็นผู้เข้าสู่สุขติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีพ หมายถึง ตายไปแล้วก็ไปสู่สวรรค์
[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบัน ทางวัดศรีโสดา ยังต้องการเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรอย่างต่อเนื่อง ท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อเป็นเจ้าภาพได้ มือเพลมื้อละ ๕,๐๐๐[/FONT][FONT=&quot] - ๑๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ถวาย โดยที่สามารถถวายปัจจัยและให้ทางวัดศรีโสดาจัดภัตตาหารให้และเจ้าภาพมาถวาย ใน วันที่กำหนด หรือญาติโยมสาธุชนจัดอาหารมาเองแล้วถวายแด่พระสงฆ์สามารถก็ได้ หรือบางเจ้าภาพไม่มีเวลามาถวายด้วยตนเองจะถวายปัจจัยไว้และทางวัดศรีโสดา ดำเนินการถวายแทนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของสาธุชน พระสงฆ์สามเณรจะกล่าวอนุโมทนาและสวดให้พรแก่ญาติโยมเป็นลำดับไ[/FONT]ป

(หรือในเดือนอื่นๆหากยังมีการร่วมบุญนี้อยู่) ตรงกับวันเกิดของญาติธรรมท่านใด และประสงค์จะรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารอาหารเนื่องในวันดังกล่าวเองเป็นการ พิเศษ หรือทำบุญตามศรัทธา / ตามกำลังศรัทธา ก็สามารถแจ้งได้
พระบรรเจิด กิฺติสาโร

โทร. ๐๘๔ - ๔๘๔๑๑๙๓
E - Mail. Prabunjerd.123@hotmail.com
​

ระยะเวลาของโครงการ

ตลอดทั้งปี ๑๒ เดือน และ ถ้าหากได้รับความสนใจจากญาติธรรมอยากร่วมทำบุญต่อ ก็จะบอกบุญต่อไปเรื่อยๆๆ


“การ ถวายภัตตราหาร ได้ชื่อว่าเป็นการให้กำลัง โดยเฉพาะถวายแด่พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เมื่อท่านฉันอาหารแล้ว ท่านได้นำกำลังนี้ไปปฎิบัติธรรม และทำงานเพื่อพระศาสนา อานิสงค์นี้จะบังเกิดแก่ผู้ให้มากมายนัก...”


ญาติธรรมท่านใดที่สนใจสามารถโอนปัจจัยร่วมบุญได้ที่
ชื่อบัญชี : พระบรรเจิด กิตฺติสาโร
เลขที่ : ๕๔๙-๐-๑๒๘๘๘-๗
ธนาคาร : กรุงไทย
สาขา : ถนนห้วยแก้ว











<fieldset class="fieldset"><legend></legend>













</fieldset>

​

พระเดชพระคุณพระเทพโกศล
เจ้าอาวาสวัดศรีโสดา พระอารามหลวง
เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่

​

 

วันนี้ข้าพเจ้าได้ร่วมทำบุญ 1000 บาท เพื่อร่วมถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดศรีโสดา โอนเข้า ธนาคารกรุงไทย สาขาพระสิงห์ เลขที่บัญชี 521 – 0 – 03112 - 8 ชื่อ พระบรรเจิด กิตฺติสาโร

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=bd_th_blk_11_pd10 vAlign=top align=left>ธนาคารได้รับรายการโอนเงินเรียบร้อยแล้ว</TD></TR><TR><TD class=pd20 vAlign=top align=left bgColor=#f4f4f4><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=30></TD><TD align=left width=189>บัญชีผู้โอนเงิน</TD><TD class=bd_en_blk11 align=left width=355></TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>เลขที่บัญชี</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>XXXX248271</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left></TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left></TD></TR><TR><TD></TD><TD align=left>บัญชีผู้รับเงิน</TD><TD class=bd_en_blk11 align=left></TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>เลขที่บัญชี - ชื่อเรียกบัญชี</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>5210031128 - พระบรรเจิด วงค์สุโท</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>ชื่อบัญชี</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>สามเณรบรรเจิด วงค</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>ธนาคารผู้รับโอน</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)</TD></TR><TR><TD></TD><TD align=left>วิธีการโอนเงิน</TD><TD class=bd_en_blk11 align=left></TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>วิธีการโอนเงิน</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>โอนแบบทันที</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=left height=15></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=30></TD><TD align=left width=189>จำนวนเงิน</TD><TD class=bd_en_blk11 align=left width=355></TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>จำนวนเงินที่ต้องการโอน</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>1,000.00 บาท</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>ค่าธรรมเนียม</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>25.00 บาท</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>คำอธิบาย</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>ร่วมทำบุญ 1000 บาท ร่วมถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดศรีโสดา</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>วันที่ทำรายการ</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>28/08/2552</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>วันที่หักเงินจากบัญชี</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>28/08/2552</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

อิทังปุญญะผะลัง ผลบุญใดที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ เจ้ากรรมนายเวร ทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้วแต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอ เจ้ากรรม นายเวร ทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานและขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ เทพเจ้า ทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และ เทพเจ้า ทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และ พระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลายและ พระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิดและขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้วที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดีมิใช่ญาติก็ดีขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้พึงได้รับประโยชน์ ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณกาลบัดเดี๋ยวนี้เถิดหากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใดขอเทพเจ้าทั้งหลายและ พระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใดขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิดผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้วตั้งแต่ต้นชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึง พระนิพพานเพียงใดขอคำว่าไม่รู้ไม่มี ไม่สำเร็จ ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ ข้าพเจ้าเลยขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้วตั้งแต่ ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติจงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ เถิด

สาธุ สาธุ สาธุ

 

วันนี้ข้าพเจ้าได้ร่วมทำบุญ 1000 บาท เพื่อร่วมถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดศรีโสดา โอนเข้า ธนาคารกรุงไทย สาขาพระสิงห์ เลขที่บัญชี 521 – 0 – 03112 - 8 ชื่อ พระบรรเจิด กิตฺติสาโร

<table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="bd_th_blk_11_pd10" valign="top" align="left">ธนาคารได้รับรายการโอนเงินเรียบร้อยแล้ว</td></tr><tr><td class="pd20" valign="top" align="left" bgcolor="#f4f4f4"><table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top" align="left"><table width="100%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="30">
</td><td width="189" align="left">บัญชีผู้โอนเงิน</td><td class="bd_en_blk11" width="355" align="left">
</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">เลขที่บัญชี</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">XXXX248271</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">
</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">
</td></tr><tr><td>
</td><td align="left">บัญชีผู้รับเงิน</td><td class="bd_en_blk11" align="left">
</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">เลขที่บัญชี - ชื่อเรียกบัญชี</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">5210031128 - พระบรรเจิด วงค์สุโท</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">ชื่อบัญชี</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">สามเณรบรรเจิด วงค</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">ธนาคารผู้รับโอน</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)</td></tr><tr><td>
</td><td align="left">วิธีการโอนเงิน</td><td class="bd_en_blk11" align="left">
</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">วิธีการโอนเงิน</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">โอนแบบทันที</td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td valign="center" align="left" height="15"></td></tr><tr><td valign="top" align="left"><table width="100%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="30">
</td><td width="189" align="left">จำนวนเงิน</td><td class="bd_en_blk11" width="355" align="left">
</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">จำนวนเงินที่ต้องการโอน</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">1,000.00 บาท</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">ค่าธรรมเนียม</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">25.00 บาท</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">คำอธิบาย</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">ร่วมทำบุญ 1000 บาท ร่วมถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดศรีโสดา</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">วันที่ทำรายการ</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">28/08/2552</td></tr><tr><td>
</td><td class="bd_th_blk_11_rtlt_10" align="left">วันที่หักเงินจากบัญชี</td><td class="bd_th_blk_11" align="left">28/08/2552</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

อิ ทังปุญญะผะลัง ผลบุญใดที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ เจ้ากรรมนายเวร ทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้วแต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอ เจ้ากรรม นายเวร ทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานและขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ เทพเจ้า ทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และ เทพเจ้า ทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และ พระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลายและ พระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิดและขออุทิศ ส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้วที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดีมิใช่ญาติก็ดีขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้พึงได้รับ ประโยชน์ ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณกาลบัดเดี๋ยวนี้เถิดหากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใดขอ เทพเจ้าทั้งหลายและ พระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใดขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิดผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้วตั้งแต่ต้นชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึง พระนิพพานเพียงใดขอคำว่าไม่รู้ไม่มี ไม่สำเร็จ ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ ข้าพเจ้าเลยขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้วตั้งแต่ ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติจงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ เถิด

สาธุ สาธุ สาธุ

ด้วยอานุภาพคุณ ของ พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระโพธิสัตว์เจ้า พระอริยะสงฆ์เจ้าทั้งหลายครูบาอาจารย์ทั้งหลาย พรหม เทพเทวา ทั้งหลาย กับทั้งบุญบารมี กุศลราศีรัศมีกำลังฤทธิ์ สิทธิอำนาจ อันเกิดแก่การถวายปัจจัยร่วมทำบุญถวายภัตตาหารให้กับพระภิกษุสามเณรวัด ศรีโสดา ถวายไว้ในพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ จงส่งผลดลบันดาลให้
คุณโยมและพร้อมครอบครัว ให้สำเร็จสุขีทั้งทางโลกและทางธรรม รุ่งเรืองไพศาล ธนสารสมบัติพิพัฒน์มงคล สมบูรณ์พูนผล ปราศจากภัยภยันตรายทั้งปวงตลอดกาลนานตราบเท่าเข้าสู่พระนิพานด้วยเทอญฯ

ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง
ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ ฉันใด
เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ
ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วแต่โลกนี้,
ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วได้ ฉันนั้น.
อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง
ขออิฏฐผลที่ท่านปรารถนาแล้วตั้งใจแล้ว
ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ
จงสำเร็จโดยฉับพลัน
สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา
ขอความดำริทั้งปวงจงเต็มที่
จันโท ปัณณะระโส ยะถา
เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ
มะณิ โชติระโส ยะถา
เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี ฯ

สัพ พีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ มา เตภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะสัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ มา เตภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะสัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุมา เตภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะอะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโรธัมมา วัฑฒันติ อายุวัณโณ สุขังพะลัง

สัพพะพุทธานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง
สัพพะธัมมานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง
สัพพะสังฆานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง
พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง ติณณัง ระตะนานัง อานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งระตะนะสาม คือ พุทธรตนะ ธรรมรตนะ สังฆรตนะ
จะตุราสีติสะหักสะธัมมักขันธานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมขันธ์แปดหมื่นสี่พัน
ปิฏะกัตตะยานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระไตรปิฎก
ชินะสาวะกานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระสาวกของพระชินเจ้า
สัพเพ เต โรคา สรรพโรคทั้งหลายของท่าน
สัพเพ เต ภะยา สรรพภัยทั้งหลายของท่าน
สัพเพ เต อันตะรายา สรรพอันตรายทั้งหลายของท่าน
สัพเพ เต อุปัททะวา สรรพอุปัทวะทั้งหลายของท่าน
สัพเพ เต ทุนนิมิตตา สรรพนิมิตร้ายทั้งหลายของท่าน
สัพเพ เต อะวะมังคะลา สรรพอวมงคลทั้งหลายของท่าน
วินัสสันตุ จงพินาศไป
อายุวัฑฒะโก ความเจริญอายุ
ธะนะวัฑฒะโก ความเจริญคทรัพย์
สิริวัฑฒะโก ความเจริญศิริ
ยะสะวัฑฒะโก ความเจริญยศ
พะละ วัฑฒะโก ความเจริญกำลัง
วัณณะวัฑฒะโก ความเจริญวรรณะ
สุขะวัฑฒะโก ความเจริญสุข
โหตุ สัพพะทา จงมี(แก่ท่าน)ในกาลทั้งปวง
ทุกขะโรคะภะยา เวรา ทุกข์โรคภัย แลเวรทั้งหลาย
โสกา สัตตุจุปัททะวา ความโศกศัตรูและอุปัทวะทั้งหลาย
อะเนกา อันตะรายาปิ ทั้งอันตรายทั้งหลายเป็นอเนก
วินัสสันตุ จะ เตชะสา จงพินาศไปด้วยเดช
ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง ความชำนะความสำเร็จทรัพย์ลาภ
โสตถิ ภาค์ยัง สุขัง พะลัง ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง
สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ ศิริอายุแลวรรณะ
โภคัง วุฑมี จะ ยะสะวา โภคะความเจริญแลความเป็นผู้มียศ
สะตะวัสสา จะ อายู จะ แลอายุยืนร้อยปี
ชีวะสิทธี ภะวันตุ เต แลความสำเร็จกิจในความเป็นอยู่จงมีแก่ท่าน ฯ

ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุสัพพะเทวะตา
สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ

ขอให้เย็นเหมือนฟัก
ขอให้หนักเหมือนแฟง
ขอให้มีเรี่ยวแรงเหมือนหนุมาน
ขอให้เชี่ยวชาญเหมือนพระมโหสถ
ขอให้มีน้ำอดเหมือนพระเตมีย์
ขอให้มั่งมีเหมือนท้าวศรีสุนชัย
ขอให้อายุ วันโณ สุขัง พลัง

ขอให้คุณโยม จึงมีแต่ความสุข ความเจริญ ถ้าหากคุณโยมมุ่งมาตรปราถนาสิ่งใดก็ขอให้สมตามความมุ่งมาตรปราถนาทุกประการ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขอความเมตตาร่วมกันบริจาคทรัพย์เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารแด่คณะพระภิกษุสามเณรวัดศรีโสดา<!-- google_ad_section_end -->

<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- google_ad_section_start --><hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> ขอความเมตตาร่วมกันบริจาคทรัพย์เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร แด่คณะพระภิกษุ - สามเณร วัดศรีโสดา

วัตถุประสงค์ของโครงการ
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ ที่จุดประกายให้เกิดโครงการบุญนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสทำครบทั้ง

๑. ทาน (การถวายภัตราหาร เป็นสังฆทาน)
๒. ศีล (สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ)
๓. ภาวนา (การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน)


รายละเอียดโครงการ

[FONT=&quot]ปัจจุบัน วัดศรีโสดา มีพระสงฆ์สามเณรศึกษาและอยู่ประจำ ประมาณ ๔๖๙ รูป และฆราวาส ๒๑ คน รวมเป็น ๔๙๐ รูป/คน (ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของวัดศรีโสดา เช่น บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน บรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา วันกตัญญูสมเด็จพระพุทธชินวงศ์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์[/FONT][FONT=&quot] (สุวัณณโชตมหาเถระ) ประชุมปฐมนิเทศพระธรรมจาริก เป็นต้น) ญาติโยมสาธุชนจากทุกสารทิศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลในแต่ละวัน หากวันไหนไม่มีเจ้าภาพ ทางวัดศรีโสดา เป็นเจ้าภาพเอง การถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรหมู่มาก ถือเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า มีอานิสงส์มาก หมายถึงมีผลบุญมากกว่าการถวายทานประเภทอื่นๆ เพราะเป็นการถวายแก่พระสงฆ์สามเณรจำนวนมาก การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมมีผลมากกว่าการทำประโยชน์ต่อบุคคล การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์สามเณรนั้นถือเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนา เป็นการให้กำลังกาย เป็นการให้อายุ เป็นการให้ความสุขแก่พระสงฆ์สามเณร ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตรง เมื่อพระสงฆ์สามเณรมีกำลังกายมีความเป็นอยู่ที่ดีตามปกติ ก็สามารถที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป[/FONT]

[FONT=&quot]การ ถวายทานนั้น เป็นการเสียสละกำลังทรัพย์ กำลังกายของสาธุชน เป็นหนทางปฏิบัตินำไปสู่พระนิพพาน สังคมจะอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็นต้องอาศัยการให้การแบ่งปันซึ่งกันและกัน พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน การให้ทานนั้นอาจจำแนกออกเป็นวัตถุทานคือการให้สิ่งของต่างๆรวมถึงการถวาย ภัตตาหาร ธรรมทานหมายถึงแนะนำสั่งสอนให้ความรู้ต่างๆ และอภัยทาน คือการให้อภัย ไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร การให้อภัยทานถือชนะการให้ทั้งปวง อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้อย่างอื่น ผลบุญนั้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศีลมัย คือ การรักษาศีลเพราะการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน ภาวนามัยคือการปฏิบัติกรรมฐานภาวานาถือเป็นผลบุญสูงสุดเพราะนำไปสู่พระ นิพพานโดยตรง[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารหรือการถวายสังฆทานนั้น จะสำเร็จและมีผลมากมีองค์ประกอบอยู่ ๓ ประการคือ [/FONT]
[FONT=&quot]๑) วัตถุทานนั้นเป็นของบริสุทธิ์ ได้มาโดยไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ไม่ลักขโมยมา [/FONT]
[FONT=&quot]๒) เจตนาของผู้ให้ต้องต้องบริสุทธิ์ หมายถึงให้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ให้เพื่อที่จะขจัดกิเลสคือความโลภ ให้ด้วยความเมตตา เจตนาที่บริสุทธิ์นั้นจะต้องเกิดขึ้นทั้งขณะก่อนให้ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริง มีความยินดีที่จะให้ มีความสุข ขณะให้ทานหรือถวายทานก็มีความปราบปลื้ม หลังจากให้แล้วก็มีความสุขยินดีในทานที่ตนให้แล้วนั้น [/FONT]
[FONT=&quot]๓) เนื้อนาบุญ คือ ผู้รับทานนั้นต้องบริสุทธิ์ หมายถึงพระสงฆ์สามเณรต้องเป็นผู้ทรงศีลเคร่งครัดวัตรปฏิบัติ เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดข้าวลงใน เมล็ดพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ดี (วัตถุทานบริสุทธิ์) ผู้หว่านมีเจตนาที่จะให้เกินต้นข้าวและเกิดผลผลิตที่ดี (เจตนาบริสุทธิ์) หากที่นานั้นเป็นที่ ๆพรวนดินสม่ำเสมอ ไม่มีวัชพืช (เนื้อนาบุญที่ดี) ข้าวกล้าก็งอกงามให้ผลผลิตที่ดีฉันนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
การถวายภัตตาหารแก่สงฆ์ หรือการทำทานนั้น ยอมได้อานิสงส์ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ เกลามสูตร / ปัญจกนิบาตร อังคุตรนิกาย ดังนี้
๑) ผู้ให้ทานหรือผู้ถวายทาน ย่อมเป็นที่รักใครของมหาชน หมายถึง เป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่ มีความเป็นมิตรเกื้อกูลกัน
๒) มหาชนคนหมู่มากพอใจในการคบหา หมายถึงเราเป็นผู้เสียสละ ใครๆก็อยากคบอยากรู้จัก ยิ่งให้ยิ่งได้มาก
๓) เป็นผู้แกล้วกล้าในที่ประชุมชน หมายถึงไม่เก้อเขินเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
๔) ชื่อเสียงฟุ้งขจรไปไกล เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก มีคนกล่าวขานถึง
๕) เป็นผู้เข้าสู่สุขติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีพ หมายถึง ตายไปแล้วก็ไปสู่สวรรค์
[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบัน ทางวัดศรีโสดา ยังต้องการเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์สามเณรอย่างต่อเนื่อง ท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อเป็นเจ้าภาพได้ มือเพลมื้อละ ๕,๐๐๐[/FONT][FONT=&quot] - ๑๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ถวาย โดยที่สามารถถวายปัจจัยและให้ทางวัดศรีโสดาจัดภัตตาหารให้และเจ้าภาพมาถวาย ใน วันที่กำหนด หรือญาติโยมสาธุชนจัดอาหารมาเองแล้วถวายแด่พระสงฆ์สามารถก็ได้ หรือบางเจ้าภาพไม่มีเวลามาถวายด้วยตนเองจะถวายปัจจัยไว้และทางวัดศรีโสดา ดำเนินการถวายแทนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของสาธุชน พระสงฆ์สามเณรจะกล่าวอนุโมทนาและสวดให้พรแก่ญาติโยมเป็นลำดับไ[/FONT]ป

(หรือในเดือนอื่นๆหากยังมีการร่วมบุญนี้อยู่) ตรงกับวันเกิดของญาติธรรมท่านใด และประสงค์จะรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารอาหารเนื่องในวันดังกล่าวเองเป็นการ พิเศษ หรือทำบุญตามศรัทธา / ตามกำลังศรัทธา ก็สามารถแจ้งได้
พระบรรเจิด กิฺติสาโร

โทร. ๐๘๔ - ๔๘๔๑๑๙๓
E - Mail. Prabunjerd.123@hotmail.com
​

ระยะเวลาของโครงการ

ตลอดทั้งปี ๑๒ เดือน และ ถ้าหากได้รับความสนใจจากญาติธรรมอยากร่วมทำบุญต่อ ก็จะบอกบุญต่อไปเรื่อยๆๆ


“การ ถวายภัตตราหาร ได้ชื่อว่าเป็นการให้กำลัง โดยเฉพาะถวายแด่พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เมื่อท่านฉันอาหารแล้ว ท่านได้นำกำลังนี้ไปปฎิบัติธรรม และทำงานเพื่อพระศาสนา อานิสงค์นี้จะบังเกิดแก่ผู้ให้มากมายนัก...”


ญาติธรรมท่านใดที่สนใจสามารถโอนปัจจัยร่วมบุญได้ที่
ชื่อบัญชี : พระบรรเจิด กิตฺติสาโร
เลขที่ : ๕๔๙-๐-๑๒๘๘๘-๗
ธนาคาร : กรุงไทย
สาขา : ถนนห้วยแก้ว











<fieldset class="fieldset"><legend></legend>













</fieldset>

​

พระเดชพระคุณพระเทพโกศล
เจ้าอาวาสวัดศรีโสดา พระอารามหลวง
เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่
​