ของคู่บุญพระโพธิสัตว์และวัตถุมงคลตามธรรมชาติ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 10 กันยายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ถาม : แล้วพระขรรค์ในตู้ล่ะครับ ?

    ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก ไปที่บ่อเหล็กน้ำพี้มาเขาทำไว้จำหน่ายก็เลยซื้อมา ของที่อยู่ในตู้เป็นของอะไรบางอย่างที่หายากในสายตาคนอื่น แล้วก็มีค่าในสายตาของเขา ของเรามันบังเอิญได้มาเลยมาใส่เอาไว้ให้เขาดู ของบางอย่างบางคนหาทั้งชีวิตก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน ไปนั่งเล็งเอาก็แล้วกันว่ามีอะไรบ้าง

    ถาม : บางสิ่งที่เราเห็นแปลกๆ ดูจริงๆ แล้วมันก็ไม่เห็นมีอะไรแปลก ?

    ตอบ : มันก็ไม่มีอะไรแปลก คือเราเองยังไม่เคยเห็นมันก็เลยเห็นเป็นของแปลก ถ้าเคยเห็นบ่อยๆ ก็เซ็งไปเอง ของทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของมันที่จะเกิดขึ้น อย่างหลวงปู่บุดดาท่านบอกว่า ธรรมชาติของมันเป็นอย่างนั้นเอง ธรรมะของมันเป็นอย่างนั้นเอง เพียงแต่เราไม่เคยเจอแล้วบางอย่างมันก็มีพลังงานอยู่ในตัวของมัน มันอาจจะเป็นของคู่บุญของเขาอย่างเช่น เขี้ยวหมูตัน เขี้ยวเสือกลวง พวกเพชรตาแมว อะไรพวกนี้ ส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็คือ พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีก็สิ่งที่เป็นของคู่บุญของเขามา

    ในเมื่อของเราเองนานๆ เจอทีมันมีความขลังอยู่ตามความเชื่อของเขาก็เลยพลอยแตกตื่นกันไปใหญ่โตเลย

    ถาม : อย่างของคู่บุญของพระโพธิสัตว์ที่ว่ากำเนิดมาพร้อมกับตัวท่านนี่ แล้วคนอื่นไปฆ่าท่านแล้วเอามาเป็นของขลังนี่มันจะมีผลหรือครับ ?

    ตอบ : พูดง่ายๆ ถ้าหากว่าไปฆ่าเอามาไม่น่าจะมี แต่ว่าของพวกนี้ถึงวาระถึงอายุขัยของเขามันก็จะทิ้งอยู่ ในเมื่อมันทิ้งอยู่คนรุ่นหลังที่เอาไปด้วยความศรัทธาเลื่อมใสใช่มั้ย ? สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านเคยทำมาในลักษณะ พุทโธอัปมาโน คุณที่ไม่สามารถจะประมาณได้ก็แผ่ปกลงมาถึงเราด้วย ของเราเองถ้าหากว่าเราไปยึดถือเลื่อมใสในสิ่งนั้นๆ มันก็มีผลเหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดมันจะอยู่ที่ใจของเรา จะเป็นมโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ คือใจของเราไปยึดมันก็มีผลนะ

    แบบเดียวกับที่เขาว่า ไปออกรบอมพระเอาไว้แล้วพระหลุดออกจากปากไปคว้าลูกเขียดมาใส่ปากแทน พอลูกเขียดมันดิ้นก็ได้ใจหลวงพ่อไม่ต้องช่วยผมเองก็ได้ พอรบชนะเสร็จคายออกมาลูกเขียดตายแหงแก๋ไปแล้วอมนานไปหน่อย นั่นแหละก็คือตัว มโนมยาคือ สำเร็จด้วยใจ เขียดตัวนั้นมันซวยจริง ๆ กำลังใจของตัวเองเกินครึ่งแล้วนี่
    ถึงได้ว่าวัตถุมงคลทุกอย่างที่ทำมาถ้าถูกต้องตามพิธีกรรมก็เหมือนกับเครื่องส่ง เครื่องส่งๆ พลังงานเต็มที่แล้ว มันก็สำคัญตรงเครื่องรับคือ ตัวเรานี่แหละว่าเราเปิดใจรับแค่ไหน ถ้าหากเปิดใจรับได้มากเท่าไหร่ผลก็ได้รับมากเท่านั้น

    หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ท่านบอกว่า ถ้ากำลังใจของเราเข้มแข็งถึงที่สุด ปืนยิงไม่ออก กำลังใจลดลงมาหน่อยยิงออกไม่ถูก กำลังใจลดลงไปอีกนิดนึงยิงถูกไม่เข้า ประเภทถูกไม่เข้านี่เรานึกว่าดีนี่เริ่มห่วยแล้วนะ ถ้ากำลังใจแย่ไปอีกหน่อยยิงเข้าไม่ตาย ถ้ากำลังใจห่วยแตกจริงๆ ถึงตายก็ไปสวรรค์ เพราะใจมันคิดถึงพระอยู่ นั่นแหละอย่างน้อยๆ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็มีคุณ แต่คนมันไม่คิดกัน บางทีมันก็ว่าทำให้ไปยึดติดบ้างอะไรบ้าง

    หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ท่านบอกว่า ยึดติดในวัตถุมงคลดีกว่าไปยึดติดในวัตถุอัปมงคลนะลูก เจอพระอรหันต์ท่านว่า เจ็บปวดมากเลยแบบเดียวกับที่เขาเอาเขี้ยวหมู เอานอแรด เอางาช้างไปต่างคนต่างอวดว่าของใครดีกว่า แล้วไปอวดใครไม่อวดไปอวดต่อหน้าหลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพารามนั่น หลวงปู่ดุลย์นี่ปรมาจารย์กรรมฐานสายหลวงปู่มั่นองค์หนึ่งนะ แล้วไปให้ท่านตัดสินหลวงปู่ของใครดีกว่ากัน ท่านพูดว่าไงรู้มั้ย ท่านบอกมันของสัตว์เดรัจฉานทั้งนั้น (หัวเราะ) ได้ยินเข้านี่หมดราคาเลย จริงของท่านนะ มันจะเประเภทมีอำนาจมีอะไรขนาดไหนก็เป็นของสัตว์เดรัจฉาน ตัวเราเป็นมนุษย์เป็นพวกที่ประเสริฐแล้วแทนที่จะสร้างกำลังใจของตัวเองให้ประเสริฐสมกับที่เป็นมนุษย์ เปล่าหรอกดันไปยึดของสัตว์เดรัจฉานซะ

    อันนี้ก็เหมือนกันเวลาคนเขาไปฮือฮากันก็ไปเตือนเขา บอกว่าจริงๆ แล้วเพชรตาแมว แมวมันยังตายเลยแล้วมันจะช่วยเราได้สักเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่เขาจะไม่คิดถึงตรงจุดนี้ไง เขาจะคิดว่ามันให้ผลอย่างไรบ้าง

    ถาม : แล้วที่เป็นหินโดยธรรมชาติล่ะคะ ?

    ตอบ : ก็พวกนี้แหละคือว่า โลกเรามีพลังงานหลายอย่างด้วยกัน พลังงานอย่างหนึ่งถ้าเขาถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ถ้าลงจับกับวัตถุธาตุธรรมชาติจะทำให้วัตถุชิ้นนั้นเปลี่ยนสภาพไป โบราณเขาเรียกว่ากลายเป็นแก้วบ้าง กลายเป็นคด กลายเป็นทองแดง กลายเป็นอะไรอย่างนี้ จริงๆ ก็คือมันจะแข็งตัวจนกระทั่งอยู่ในลักษณะที่ว่าคงทนอยู่ได้ระยะยาวนานไปชั่วระยะหนึ่ง ไม่เสื่อมสลายไปตามสภาพที่ควรเป็นของมัน

    ทางไสยศาสตร์เขาต้องการของพวกนี้เพราะว่าของพวกนี้จะมีพลังงานในตัวอยู่แล้ว เขาก็แค่มากำกับด้วยคาถาเพื่อเพิ่มพลังงานในการใช้งานของเขาให้มากขึ้น ถึงเวลาก็กลายเป็นของขลังไป ของพวกนี้ส่วนใหญ่เขานิยมในทางอยู่ยงคงกระพันนั่นแหละไปดูๆ เอาก็แล้วกันเถอะจะเป็นแก้วเป็นหินเป็นทองแดงเป็นอะไรก็เหอะ จริงๆ มันก็คือวัตถุธรรมชาตินั่นแหละ

    ถาม : อย่างกัลปังหานี่มันก็คือต้นไม้แล้วจนกระทั่งกลายเป็นหินก็คือแบบนี้ใช่มั้ยคะ ?

    ตอบ : จ้า ของทุกอย่างน่ะมันมีพลังงานในตัวของมันอยู่แล้วๆ ขณะเดียวกันในสภาพของกายภาพของมันก็สามารถดึงดูดพลังงานอื่นเข้ามาได้ด้วย เพราะฉะนั้นหยิบหินทุกก้อนมันก็มีพลังของมันอยู่แล้ว

    อย่าลืมว่าไอสไตน์บอกไว้ชัดเลยว่า สสารทุกอย่างแกนกลางของมันมีพลังงานทั้งสิ้น ถ้าเราสามารถทำให้แกนกลางของมันแตกตัวออกมาได้ เราก็จะให้พลังงานระดับหนึ่งแต่เพียงแต่ว่า อย่างก้อนหินทั่วๆ ไปมันแตกตัวมามันก็ให้พลังงานน้อยมาก แต่ถ้าเป็นยูเรเนี่ยมแตกออกมาเมื่อไหร่ล่ะก็ให้พลังงานที่ประมาณมิได้ เพราะมันเป็นปฏิกิริยาลุกโซ่ไปอย่างนี้

    เพราะฉะนั้นสิ่งทั้งหลายอย่างนี้นักวิทยาศาสตร์เขาตามทันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันตามทันแบบหยาบๆ มันเข้าถึงได้ระดับหนึ่งเท่านั้นเอง

    ถาม : มีหินอยู่อย่างหนึ่งครับ เขาบอกว่าเป็นเพชรพญานาคอยู่ในก้อนหินเป็นของพญานาคเหรอครับ ?

    ตอบ : อันนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าถ้าหากว่าเราเชื่อถือยึดถือตามนั้น นี่ไงต้นตำรับอยู่ในหนังสือนี้ทั้งเล่มเลย อาจารย์ศักดาไง อาจารย์ศักดาจริงๆ ท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์ ตั้งใจจะสงเคราะห์คน ก็จะมีเทวดาเขามาบอกว่ามันจะมีวัตถุชนิดนี้อยู่เอาไปลักษณะเพื่อการสงเคราะห์คนหมู่มาก ไปสร้างความดีเพื่อส่วนรวมอย่างที่ท่านสร้างโรงเจ ช่วยเขาสร้างวัดสร้างโบสถ์ ที่ไหนเอาจำหน่ายแล้วเอางินไปทำในลักษณะนี้ วัตถุเหล่านี้มันจะมีพลังงานของมันอยู่ คือเขาทุบออกมาต่อหน้าต่อตามันเป็นตามนั้นจริงๆ เพราะสิ่งที่อยู่ข้างในมันไม่ใช่แกนหิน กลายเป็นลักษณะของอัญมณีที่ได้รับการเจียรนัยแล้ว ตามที่เขาเล่าต่อๆ กันมาเขาว่าพญานาคเขาต้องการจะร่วมบุญด้วยเขาเลยเอามาให้

    ถาม : เขาเอาไปใช้ในด้านไหน ?

    ตอบ : อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าด้านไหน ต้องถามต้นตำรับเขาดู เขาบอกว่าสีไหนมีอำนาจทางด้านไหน ก็ไม่รู้เขาแยกสีแยกสันกัน ลองไปถามอาจารย์ศักดาดู อยู่หมู่บ้านอะไรก็ไม่รู้ทางปิ่นเกล้านี่ สายปิ่นเกล้าพุทธมณฑล

    ถาม : เมื่อก่อนอยู่เชียงใหม่ใช่มั้ยคะ ?

    ตอบ : จ้า เดี๋ยวนี้เขาก็อยู่เชียงใหม่ แล้วที่นี่แล้วก็อีกแห่งแถวนครสวรรค์มั้ง ? สาขาอะไรต่างๆ เยอะแยะก็กลายเป็นว่ายุบไปมากแล้ว เพราะทำให้เงินทองมันกระจายไปมากไม่สามารถทำประโยชน์อะไรได้เฉพาะจุด

    ถาม : เดี๋ยวนี้มีของปลอมก็มี ?

    ตอบ : คือของปลอมมันมีขึ้นมาทันๆ กันเลย อะไรก็ตามที่มันมีของจริง นี่ท่าพระจันทร์หาของปลอมได้ในระยะที่ไล่เลี่ยกันได้เร็วมากเลย วิทยาการเดี๋ยวนี้ก้าวหน้ามากเลยกระทั่งประเภท เพชรเทียม พลอยเทียมที่ทำได้ดีกว่าของแท้เยอะแยะไปหมด ทำได้ในลักษณะที่ความแข็งแกร่งเท่ากัน แต่ว่ามวลสารดีกว่าเพราะสามารถควบคุมแรงกดดันและอุณหภูมิได้ไม่เหมือนกับที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แรงกดดันมันไม่สม่ำเสมออุณหภูมิมันไม่สม่ำเสมอ

    เพราะฉะนั้นวิทยาศาสตร์เดี๋ยวนี้น่ากลัวมากที่เขาเอาเพชรไปหลอกทั้งร้านเพชรได้ สายตาไม่ถึงก็เจ๊ง เขาบอกว่าเพชรของแท้จะมีรอยแตกมีรอยร้าวมีฟองอากาศอยู่ในเนื้อมันต้องตาถึง จึงจะดูออกแต่ที่สร้างด้วยกรรมวิธีอย่างนี้เนื้อจะเรียบแน่นไปเลยจะสวยกว่าปกติ

    ถาม : แต่ความแข็งเหมือนกันใช่มั้ยคะ ?

    ตอบ : เหมือนกัน ดีไม่ดีจะแข็งกว่าซะด้วยซ้ำไป

    ถาม : อย่างนั้นก็ใส่ของแบบนี้ไม่ดีกว่าหรือคะ ?

    ตอบ : ดีกว่า ดีไม่ดีก็คอขาดไปเลย เพราะเขาคิดว่าของแท้ (หัวเราะ) เขาทำดีกว่าของจริงอีก เดี๋ยวนี้ของจริงมันกลายเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ บุญคนมันดีขึ้นมัง ในเมื่อบุญคนมันดีขึ้นวิทยาการก้าวหน้าขึ้น ฤทธิ์ต่างๆ มันก็มากขึ้น

    ปัจจุบันนี้วิชชามัยฤทธิ์ครองโลกแล้ว พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้แล้วว่า ฤทธิ์ ๑๐ อย่างมันมีวิชชามัยฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิชาการสร้างเสริมขึ้นมา ประเภทเหล็กแท้ๆ หนักตั้งหลายๆ ตันเอาขึ้นไปลอยอยู่กลางฟ้านั่นแหละวิชชามัยฤทธิ์แหละ อยู่กันคนละทิศคนละทางคนละมุมโลกแท้ๆ ยังพูดคุยกันได้แทนที่จะใช้อภิญญาก็ใช้วิชชามัยฤทธิ์มือถือ




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมีนาคม ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...