ขอถามผู้มีอภิญญาเรื่องการตอบแทนพระคุณบิดามารดาก่อนตายค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย poorgirl, 1 กันยายน 2011.

  1. poorgirl

    poorgirl สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    ดิฉันกำลังจะตาย อีก 2 อาทิตย์

    ดิฉัน ไม่มีเงิน ไม่มีอะไร

    อยากตอบแทนพระคุณบิดามารดา มีเวลาเหลืออีกแค่ 14 วัน

    จะตอบแทนท่านได้อย่างไรบ้างคะ และจะทำยังไงให้ท่านไม่ต้องเสียใจมาก

    ตอนนี้ดิฉันคิดออกแค่ จะนั่งสมาธิทุกวัน พยายามคิดดี ทำดี ให้ได้มากที่สุด และจะอธิษฐานจิต ให้ผลบุญทั้งหมดนี้ ส่งไปยังพ่อกับแม่

    ทำได้เท่านี้จริงๆค่ะ

    มีวิธีไหนอีกไหมคะ

    14 วัน...
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    รู้ได้ยังไงว่า จะตายอีกสองอาทิตย์
     
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ไม่มีบุญใดที่ยิ่งไปกว่า การที่หยุดจิตใจให้นิ่ง จากการนึกคิดในอกุศล

    วางจิตใจให้เป็นกลาง วางจิตใจให้สบาย ผ่อนคลายความนึกคิด

    ผลแห่งบุญจะปรากฎ เป็นความสบายใจ ให้ได้รับรู้ แล้วจึงแผ่ขยายออกไป

    โดยตรึกถึงใคร คนนั้นจะได้รับ ด้วยรู้สึกสบายใจ สิ่งใดๆในโลก ล้วนไม่เที่ยง

    อันความตายจักมา หาเราอยู่ทุกเมื่อ ไม่มีบุคคลใด หลีกหนีความตายพ้น

    แม้ความคิดว่าจะตาย ก็ไม่วายวางใจปลง ความคิดเห็นเริ่มตรง จิตมั่นคงปล่อยวางทุกอย่างไป

    ผมไม่ถามว่าทำไม จึงรู้ว่าจะตายในอีก 14 วัน เหตุเป็นของคุณ สิทธิเป็นของคุณ

    แต่ที่อยากตอบแทนคุณ พ่อ และ แม่ อันนี้ผมขอ อนุโมทนา ครับ ด้วยใจจริงครับ
     
  4. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    เวลาเหลือน้อยต้องทำแบบง่ายๆ

    1. ซื้อสังฆทาน 3 ชุด พาคุณพ่อ คุณแม่ ไปถวายสังฆทาน กับ พระอรหันต์ ถ้าไม่แน่ใจ ให้ถวายกับ หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน

    2. ซื้อทองคำเปลว 30 แผ่น(แบ่งคนละ 10 แผ่น) นำไปติดพระพุทธรูป เพื่อบูชาพระรัตนตรัย

    3. ให้ทรงฌาน 4 ตลอดเวลา และให้ตายในฌาน4 หรือ อย่างน้อยให้ตายในฌาน

    4. ขณะที่กำลังจะตาย ให้นึกถึงพระพุทธเจ้า เอาไว้ตลอดเวลา ให้นึกถึงภาพพระพุทธรูป เอาไว้ก็ได้ ภาวนาว่า พุทธ-โธ ไว้ด้วยก็ดี

    ด้วยอานิสงส์ของบุญกุศลนี้ คุณจะไปเกิดเป็นพรหมโดยทันที โดยไม่ต้องผ่านการตัดสินที่สำนัก พระยายมราช และตราบจนกว่าตัวคุณและพ่อแม่จะเข้าพระนิพพาน จะไม่มี คำว่าลำบาก ยากจน ขัดสน

    จากนั้นให้กลับมาตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ คอยขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ให้โชคลาภ ตามสมควร อย่าให้ท่านลำบาก คอยดูแลบ้านช่องให้สะอาด ปลอดภัย คอยดูแลอย่าให้เกิดเหตุร้าย ต่างๆนานา ด้วยฤทธิ์อำนาจของพรหม เรื่องแค่นี้ ทำได้สบายมาก

    ถ้าคุณไม่มีเงินติดตัวเลย สักบาทเดียว
    ก็ควรบวช ทดแทนบุญคุณ ของพ่อแม่
    ด้วยการ ตัดสังโยชน์ ให้ได้ 3 ข้อ แค่นี้ก็เรียกว่าเป็นพระ และเป็นพระแท้ด้วย
    และ สอนให้ คุณพ่อคุณแม่ ตัดสังโยชน์ 3 ข้อ ด้วยกัน
    วิธีนี้นี่ล่ะ ไม่ต้องใช้เงินสักบาทเดียว

    ส่วนเรื่องสังโยชน์10 ก็หาอ่านเอาในเว็บนี้ล่ะครับ

    และควรไปกราบหลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน สักครั้ง จะได้บุญมากมาย เป็นมงคลชีวิตก่อนตาย


    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2011
  5. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ผมไม่มีอภิญญานะครับ คุณอาจมีอภิญญาก็ได้ที่รู้ว่าจะตายภายในอีก 14 วัน 555
    ขอให้ จขกท มีความสุขและมีอายุยืนนาน เพี้ยง

    วิธีตอบแทนคุณมารดาบิดา ของพระสมณศากยะผู้มีอภิญญาสูงสุด ในหมู่ผู้บรรลุอภิญญา

    ...ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่
    ท่านทั้ง ๒ ท่านทั้ง ๒ คือใคร คือ มารดา ๑ บิดา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุตร
    พึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง
    เขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้ง ๒ นั้นด้วยการอบกลิ่น
    การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้ง ๒ นั้น พึงถ่ายอุจจาระ
    ปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้น
    ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดิน
    ใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการมากหลายนี้ การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอัน
    บุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ
    มารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย ส่วนบุตร
    คนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา ยังมารดา
    บิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้
    สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นใน
    ปัญญาสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้น
    ย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา ฯ...

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  6. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +333
    1.รักษาศีล5หรือศีล8ให้บริสุทธิ์ที่สุท
    2.นั่งสมาธิ วันละนิดละหน่อยก็พอ
    แต่จะต้องมีคุณภาพ เช่น 1นาทีนี้
    จะไม่เผลอจากสมาธิเลย จะรู้แต่ลมหายใจไม่เผลอเลย1นาที
    3.พิจารณาว่าร่างกายของเราประกอบด้วยทุกข์ ประกอบด้วยของสกปก
    พิจารณาเห็นแบบนี้ จนเกิดอาการเบื้อขึ้นมา เบื่อไม่อยากจะมีร่างกาย
    4.มองทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา หัดไช้คำว่า "ช่างมัน" อะไรเกิด ก็ช่างมัน
    5.นึกไว้เสมอ ว่าตายเมื่อไหร่ ขอไปนิพพาน นึกไว้เสมอ
     
  7. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    ......
    แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่เกิดกับตัวท่านเอง
    แต่ เพราะกระผมไม่มีอภิญญา ก่อนอื่นต้องขออนุญาตตอบ
    ด้วยคิดว่าหากเป็นข้าพเจ้าจะตั้งใจอย่างไร ..โปรดใช้วิจารณญาณด้วยครับ _/|\_
    ......
    *อาศัยทุนที่ท่านให้มาคือรูปร่างกายนี้ ...เริ่มดีที่ตัวก่อน...เมื่อตัวดีแล้วหรือมีดีพอที่จะไปช่วย ไปแนะนำพ่อแม่ได้ จึงจะสำเร็จ...หากตัวไม่มีดีแล้วจะแนะนำพ่อแม่ว่ากระไร?...จะช่วยพ่อแม่อย่างไร?...แม้ว่าไม่อาจแนะนำพ่อแม่ได้ แต่ก็ได้ช่วยท่านให้ท่านเบาใจว่าสมบัติคือร่างกายนี้ลูกใช้ทำทุนให้เกิดประโยชน์แล้ว พ่อแม่ก็เบาใจว่าลูกจะมีสุคติเป็นที่ไปแล้ว นั่นแหละในเบื้องต้นทำได้เพียงนี้ก็นับว่าได้ตอบแทนคุณท่านส่วนหนึ่ง
    *ความเป็นพ่อแม่ แม้แต่ชีวิตเลือดเนื้อยอมสละให้ลูกได้ แล้วจะต้องการอะไรจากลูกเล่า ...มีแต่หวังให้ลูกได้ดียิ่งขึ้นไปเท่านั้นเอง...(ความข้อนี้มิได้หมายว่ามิให้ลูกได้ตอบแทนบุญคุณท่าน...แต่ขณะนี้ทุกข์มีกำลังกล้ามิใช่หรือ...หากแบกทุกข์ไปด้วยแล้วเดี๋ยวจะพลอยเป็นทุกข์ไปด้วยกัน....)
    *************************************************************
    "เรามีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
    มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย จักทำกรรมใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม
    เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นๆ สืบไป"

    .....ต่อไปขอให้ตั้งใจปฏิบัติความดีให้มาก..ทุกลมหายใจ..ทุกอิริยาบถ..ชีวิตเป็นของไม่แน่
    ความตายเป็นของแน่..เราอาจตายได้ทุกเวลา...ลมหายใจออกอาจไม่มี...ลมหายใจเข้าอาจไม่มี...วันพรุ่งนี้อาจไม่มี..ทรัพย์สิ่งของ บุตรธิดา บิดามารดา สิ่งอันเป็นที่รักทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีสักสิ่งอันที่จะนำติดตัวไปได้เมื่อเราตาย...ความดีที่เรากำลังปฏิบัติอยู่นี้เท่านั้นที่จักเป็นปัจจัยให้ได้รับความสุข...เมื่อได้รับความสุขแล้ว...ขออย่าเพลินหลง...ให้ได้พบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้พบครูบาอาจารย์แนะนำให้เข้าสู่ทางพ้นทุกข์คือพระนิพพาน
    **********************************************************
    *พึงระลึกว่า....เมื่อกำเนิดมาแล้วอาศัยบิดามารดาบำรุงเลี้ยง และได้อบรมไว้ดีแล้วจึงได้เจริญเติบโตมาถึงขณะนี้....ชีวิตมนุษย์นี้ชื่อว่าเป็นสิ่งที่ได้มาโดยยาก การได้พบพระพุทธศาสนาเป็นของอยาก
    พระสัทธรรมที่ทรงประกาศและมีผู้ปฏิบัติตามได้ ยังมีให้เห็นอยู่ อุปมาจากการเห็นพระอัฐฐิธาตุสวยใสทั้งหลาย ..บุญลาภ..วาสนา..ที่ชื่อว่าเป็นของยากนี้...เราได้แล้ว...เป็นแล้ว...ได้ศึกษาแล้ว..ขอโน้มนำมาปฏิบัติใส่ตัว...เพื่อให้ทุนของบิดา-มารดา ไม่สูญเปล่า

    ****************************************************************
    *นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3จบ)
    นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา
    (ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระผู้พ้นแล้วทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่วิมุตติธรรม)
    บัดนี้ข้าพเจ้า
    นามะ(....ระบุชื่อ-นามสกุล....)
    ขอมอบกายถวายชีวิตนี้แด่พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
    ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก
    อย่างสูงสุดไม่มีอื่นใดยิ่งกว่า
    *หากข้าพเจ้าได้เคยประมาทใช้ กาย วาจา ใจ ล่วงเกินกระทำผิดในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ขอพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ โปรดงดซึ่งโทษล่วงทั้งหมดทั้งหลายนั้น เพื่อจักได้สำรวมระวังในกาลต่อไป
    *พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว เป็นต้นว่า รูป,เวทนา,สัญญา,สังขาร,วิญญาณ ทั้งหลายทั้งปวง อนิจจังไม่เที่ยง ทุกขังเป็นทุกข์ เป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ควรถือว่าเรา ว่าของเรา ว่าตัว
    ว่าตนของเรา เมื่อผู้นำมาศึกษาและปฏิบัติแล้วเห็นผลได้จริงโดยไม่จำกัดกาล
    *บัดนี้ข้าพเจ้า (....ระบุชื่อ-นามสกุล....) ขอนำโน้มนำพระธรรมมาปฏิบัติบูชา
    มีการเจริญพรหมวิหารธรรม รักษาศีล เจริญสมาธิ เจริญปัญญาตามพระธรรมคำสั่งสอนมีกายานุสสติ และมรณานุสสติ เป็นต้น นับตั้งแต่กาลบัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    *กุศลทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาตั้งแต่ต้นถึงปัจจุบันนี้ จะให้ผลความสุขแก่ข้าพเจ้าเพียงใด
    ข้าพเจ้าขออุทิศให้ ....
    ....บิดามารดา(ชื่อ-นามสกุล บิดามารดา)...เจ้ากรรมนายเวร, เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า,เทพเจ้าทั้งหลายทั้วสากลภิภพ,ท่านพระยายมราช,และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นญาติและมิใช่ญาติ (และ..เอ่ยชื่อผู้ที่ต้องการอุทิศ...)ทั้งหมดทั้งสิ้นจงโมทนาได้รับผลความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจงทุกประการเถิด และขอให้ท่าพระยายมราชเป็นพยานในกุศลทุกประการของข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเถิด.
    *หากข้าพเจ้ายังต้องเวียนกลับมาเกิดอีก ....ขอความ"ไม่มี,ไม่สำเร็จ"จงอย่าได้ปรากฎแก่ข้าพเจ้า ความปรารถนาที่เป็นกุศลของข้าพเจ้า ขอให้สำเร็จโดยง่าย ในกาลทุกเมื่อ ...เทอญ....สาธุ.._/|\_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2011
  8. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    <TABLE class=tborder id=post1387 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>[​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2008
    ข้อความ: 797
    พลังการให้คะแนน: 142 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1387 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]

    ๑๑. ต้องสำเร็จ

    หลวงพ่อเคยสอนว่า... "ความสำเร็จนั้นมิใช่อยู่ที่การสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้ามาประทานให้ หากแต่ต้องลงมือทำด้วยตนเอง ถ้าตั้งใจทำตามแบบแล้วทุกอย่างต้องสำเร็จ ไม่ใช่จะสำเร็จ พระพุทธเจ้าท่านวางแบบเอาไว้แล้ว ครูบาอาจารย์ทุกองค์มีพระพุทธเจ้าเป็นที่สุด ก็ได้ทำตามแบบ เป็นตัวอย่างให้เราดู อัฐิท่านก็กลายเป็นพระธาตุกันหมด เมื่อได้ไตร่ตรองพิจารณาให้รอบคอบแล้ว ขอให้ลงมือทำทันที ข้าขอรับรองว่า ต้องสำเร็จ ส่วนช้าหรือเร็วนั้น อยู่ที่ความเพียรของผู้ปฏิบัติ"

    ขอให้ตั้งปัญหาถามตัวเองว่า "สิ่งนั้น บัดนี้เราได้ลงมือทำแล้วหรือยัง?"


    ๑๒. จะเอาโลกหรือเอาธรรม

    บ่อยครั้งที่มีผู้ถามปัญหากับหลวงพ่อ โดยมักจะนำเอาเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน สามี ภรรยา ลูกเต้า ญาติมิตร หรือคนอื่นๆ มาปรารถให้หลวงพ่อฟังอยู่เสมอ

    ครั้งหนึ่งท่านได้ให้คติเตือนใจผู้เขียนว่า

    "โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม"

    ซึ่งต่อมาท่านได้เมตตาขยายความให้ฟังว่า

    "เรื่องโลกมีแต่เรื่องยุ่งของคนอื่นทั้งนั้น ไม่มีที่สิ้นสุด เราไปแก้ไขเขาไม่ได้ ส่วนเรื่องธรรมนั้นมีที่สุด มาจบที่ตัวเรา ให้มาไล่ดูตัวเอง แก้ไขที่ตัวเราเอง ตนของตนเตือนตนด้วยตนเอง

    ถ้าคิดสิ่งที่เป็นธรรมแล้ว ต้องกลับเข้ามาหาตัวเอง ถ้าเป็นโลกแล้ว จะมีแต่ส่งออกไปข้างนอกตลอดเวลา เพราะธรรมแท้ๆ ย่อมเกิดจากในตัวของเรานี้ทั้งนั้น"



    ๑๓. แนะวิธีปฏิบัติ

    เคยมีสุภาพสตรีท่านหนึ่งมีปัญหาถามว่า นั่งปฏิบัติภาวนาแล้วจิตไม่รวม ไม่สงบ ควรจะทำอย่างไร ท่านแก้ให้ว่า

    "การปฏิบัติ ถ้าอยากให้เป็นเร็วๆ มันก็ไม่เป็น หรือไม่อยากให้เป็น มันก็ประมาทเสีย ไม่เป็นอีกเหมือนกัน อยากเป็นก็ไม่ว่า ไม่อยากเป็นก็ไม่ว่า ทำใจให้เป็นกลางๆ ตั้งใจให้แน่วแน่ในกัมมัฏฐานที่เรายึดมั่นอยู่นั้น แล้วภาวนาเรื่อยไป

    เหมือนกับเรากินข้าวไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อยๆ กินไปมันก็อิ่มเอง ภาวนาก็เช่นกัน ไม่ต้องไปคาดหวังให้มันสงบ หน้าที่ของเรา คือ ภาวนาไป ก็จะถึงของดี ของวิเศษในตัวเรา แล้วจะรู้ชัดขึ้นมาว่าอะไรเป็นอะไร ให้หมั่นทำเรื่อยไป"



    ๑๔. การบวชจิต - บวชใน

    หลวงพ่อเคยปรารภไว้ว่า...

    จะเป็นชายหรือหญิงก็ดี ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติ มีศีล รักในการปฏิบัติ จิตมุ่งหวังเอาการพ้นทุกข์เป็นที่สุด ย่อมมีโอกาสเป็นพระกันได้ทุกๆคน มีโอกาสที่จะบรรลุมรรคผล นิพพาน ได้เท่าเทียมกันทุกคน ไม่เลือกเพศ เลือกวัย หรือฐานะแต่อย่างใด ไม่มีอะไรจะมาเป็นอุปสรรคในความสำเร็จได้ นอกจากใจของผู้ปฏิบัติเอง

    ท่านได้แนะเคล็ดในการบวชจิตว่า...

    ในขณะที่เรานั่งสมาธิเจริญภาวนานั้น คำกล่าวว่า

    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ... ให้นึกถึงว่าเรามีพระพุทธเจ้า เป็นพระอุปัชฌาย์ของเรา
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ... ให้นึกว่าเรามีพระธรรม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    สังฆัง สรณัง คัจฉษมิ ... ให้นึกว่าเรามีพระอริยสงฆ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    แล้วอย่าสนใจขันธ์ ๕ หรือร่างกายเรานี้
    ให้สำรวมจิตให้ดี มีความยินดีในการบวช
    ชายจะเป็นพระภิกษุ หญิงก็เป็นพระภิกษุณี
    อย่างนี้จะมีอานิสงส์สูงมาก จัดเป็นเนกขัมบารมีขั้นอุกฤษฏ์ทีเดียว

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    ธรรมโอวาท
    หลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล
    อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู

    ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาของท่าน ที่ได้เทศน์โปรดพระเณรและญาติโยม ณ บ้านย่อชะเนง (บ้านเกิดของท่าน)

    "คนเกิดมาไม่เหมือนกัน เพราะมีความประพฤติที่ต่างกัน ผู้ที่เขาประพฤติดี รักษาศีลมีการให้ทาน มีการสดับรับฟังพระธรรม เขาจึงมีปัญญาดี มีการศึกษาเล่าเรียนดี

    การจำแนกสัตว์ให้ดีให้ชั่วต่าง ๆ กัน มันเป็นเพราะกรรม ถ้ามันยังทำกรรมอยู่ ก็ต้องได้รับผลกรรมทั้งกรรมดีกรรมชั่ว มันต้องได้รับผลตอบแทน เหตุนี้ เราจึงควรทำกุศล รักษาศีลให้บริสุทธิ์สมบูรณ์ แล้วทำสมาธิจะมีความสงบสงัด จิตรวมลงได้ง่าย เพราะมันเย็น มันราบรื่นดี ไม่มีลุ่มไม่มีดอน

    จงพากันทำไปใน อิริยาบถทั้งสี่ นั่ง นอน ยืน เดิน อะไรก็ได้ แล้วแต่ความถนัด แล้วแต่จริต อันใดมันสะดวกสบายใจ หายใจดี ไม่ขัดข้องฝืดเคือง อันนั้นควรเอาเป็นอารมณ์ของใจ

    พุทโธ พุทโธ หมายความว่า ให้ใจยึดเอาพุทโธเป็นอารมณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้จิตออกไปสู่อารมณ์ภายนอก เพราะอารมณ์ภายนอกมันชอบไปจดจ่ออยู่กับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ความถูกต้องทางกาย หากทุกสิ่งทุกอย่างมันไปจดจ่ออยู่ที่นั่น จิตมันจะไม่รวมลง นี่แหละ เรียกว่า มาร คือ ไม่มีสติ อย่าให้จิตไปจดจ่ออย่างนั้น ให้มาอยู่กับผู้รู้ ให้น้อมเอา พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นอารมณ์ จะอยู่ในอิริยาบถใด ก็ให้มีความเพียร

    ผู้ที่ภาวนาจิตสงบลงชั่วช้างพับหู งูแลบสิ้น ชั่วไก่ดินน้ำ นี่ อานิสงส์อักโข ให้ตั้งใจทำไป การที่จิตรวมลงไปบางครั้ง มี 3 ขั้นสมาธิ คือ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ

    หากรวมลง ขณิกสมาธิ เราบริกรรมไป พุทโธ หรืออะไรก็ตาม จิตสงบไปสบายไปสักหน่อย มันก็ถอนขี้นมา ก็คิดไปอารมณ์เก่าของมันนี่

    ส่วนหากรวมลงไปเป็น อุปจารสมาธิ ก็นานหน่อยกว่าจะถอนขึ้นไปสู่อารมณ์อีกให้ภาวนาไป อย่าหยุดอย่าหย่อน ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องไปนึกคาดหวังอะไร อย่าให้มีความอยาก เพราะมันเป็นตัณหา ตัวขวางกั้นไม่ให้จิตรวม ไม่ต้องไปกำกับว่า อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ การอยากให้จิตรวมลง เหล่านี้แหละเ ป็นนิวรณ์ตัวร้าย

    ให้ปฏิบัติความเพียรไม่หยุดหย่อน เอาเนื้อและเลือด ตลอดจนชีวิตถวายบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์ เราจะเอาชีวิตจิตใจ ถวายบูชาพระรัตนตรัย ตลอดจนวันตาย นี่ก็เป็นมัชฌิมาปฏิปทา แล้วจิตจะรวมลงอย่างไร เมื่อไร ก็จะเป็นไปเองเมื่อใจเป็นกลาง ปล่อยวาง สงบถูกส่วน"

    http://www.burapajarn.co.cc/index.php?option=com_content&task=view&id=147&Itemid
     
  10. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    [​IMG]
    ๓. มูลมรดกอันเป็นต้นทุนทำการฝึกฝนตน
    เหตุใดหนอ ปราชญ์ทั้งหลาย จะสวดก็ดี จะรับศีลก็ดี หรือจะทำการกุศลใดๆ ก็ดี จึงต้องตั้ง นโม ก่อน จะทิ้ง นโม ไม่ได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ นโม ก็ต้องเป็นสิ่งสำคัญ จึงยกขึ้นพิจารณา ได้ความว่า คือธาตุน้ำ โม คือ ธาตุดิน พร้อมกับบาทพระคาถา ปรากฏขึ้นมาว่า มาตาเปติกสมุภโว โอทนกุมฺมาสปจฺจโย สัมภวธาตุของมารดาบิดาผสมกัน จึงเป็นตัวตนขึ้นมาได้ น เป็นธาตุของ มารดา โม เป็นธาตุของ บิดา ฉะนั้นเมื่อธาตุทั้ง ๒ ผสมกันเข้าไป ไฟธาตุของมารดาเคี่ยวเข้าจนได้นามว่า กลละ คือ น้ำมันหยดเดียว ณ ที่นี้เอง ปฏิสนธิวิญญาณเข้าถือปฏิสนธิได้ จิตจึงได้ถือปฏิสนธิในธาตุ นโม นั้น เมื่อจิตเข้าไปอาศัยแล้ว กลละ ก็ค่อยเจริญขึ้นเป็น อัมพุชะ คือเป็นก้อนเลือด เจริญจากก้อนเลือดมาเป็น ฆนะ คือเป็นแท่ง และ เปสี คือชิ้นเนื้อ แล้วขยายตัวออกคล้ายรูปจิ้งเหลน จึงเป็นปัญจสาขา คือ แขน ๒ ขา ๒ หัว ๑ ส่วนธาตุ คือลม คือไฟ นั้นเป็นธาตุเข้ามาอาศัยภายหลังเพราะจิตไม่ถือ เมื่อละจากกลละนั้นแล้ว กลละก็ต้องทิ้งเปล่าหรือสูญเปล่า ลมและไฟก็ไม่มี คนตาย ลมและไฟก็ดับหายสาปสูญไป จึงว่าเป็นธาตุอาศัย ข้อสำคัญจึงอยู่ที่ธาตุทั้ง ๒ คือ นโม เป็นเดิม
    ในกาลต่อมาเมื่อคลอดออกมาแล้วก็ต้องอาศัย น มารดา โม บิดา เป็นผู้ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมาด้วยการให้ข้าวสุกและขนมกุมมาส เป็นต้น ตลอดจนการแนะนำสั่งสอนความดีทุกอย่าง ท่านจึงเรียกมารดาบิดาว่า บุพพาจารย์ เป็นผู้สอนก่อนใครๆ ทั้งสิ้น มารดาบิดาเป็นผู้มีเมตตาจิตต่อบุตรธิดาจะนับจะประมาณมิได้ มรดกที่ทำให้กล่าวคือรูปกายนี้แล เป็นมรดกดั้งเดิมทรัพย์สินเงินทองอันเป็นของภายนอกก็เป็นไปจากรูปกายนี้เอง ถ้ารูปกายนี้ไม่มีแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ชื่อว่าไม่มีอะไรเลยเพราะเหตุนั้นตัวของเราทั้งตัวนี้เป็น "มูลมรดก" ของมารดาบิดาทั้งสิ้น จึงว่าคุณท่านจะนับจะประมาณมิได้เลย ปราชญ์ทั้งหลายจึงหาได้ละทิ้งไม่ เราต้องเอาตัวเราคือ นโม ตั้งขึ้นก่อนแล้วจึงทำกิริยาน้อมไหว้ลงภายหลัง นโม ท่านแปลว่านอบน้อมนั้นเป็นการแปลเพียงกิริยา หาได้แปลต้นกิริยาไม่ มูลมรดกนี้แลเป็นต้นทุน ทำการฝึกหัดปฏิบัติตนไม่ต้องเป็นคนจนทรัพย์สำหรับทำทุนปฏิบัติ
    http://www.luangpumun.org/muttothai_1.html#3
     
  11. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    เป็นกำลังใจให้กระทำได้สมประสงค์ครับ.
     
  12. poorgirl

    poorgirl สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณทุกๆท่านมากค่ะ

    เท่าที่จับใจความได้ คือ ดิฉันจะต้องขอขมาท่านก่อน

    ดิฉันอยู่ไกลจากพ่อกับแม่ค่ะ

    อยากจะตอบแทนคุณ แบบไม่ได้เห็นหน้ากัน ก็เลยคิดว่าทำได้อย่างเดียวคือ นั่งสมาธิ แผ่นส่วนกุศล และอธิษฐานจิตให้ท่าน

    ดิฉันคงต้อง หาโอกาสโทรไปขอขมาท่าน

    และอีกสิ่งหนึ่ง ดิฉันจะทิ้งข้อความก่อนตายไว้ ขอให้ท่าน รักษาศีล ปฏิบัติดี คิดดี ทำดี เดินไปในแนวทางที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสสั่งสอนไว้ (ปกติท่านก็เข้าวัดทำบุญบ่อยอยู่แล้วค่ะ)

    นี่คงเป็น สิ่งที่ทำได้

    ดิฉันไม่มีทรัพย์สมบัติเงินทอง ไม่มีเลยสักกะบาท ไม่มีวัตถุธาตุเหลือไว้ให้ท่าน

    ดิฉันคงทำได้แค่ นั่งสมาธิ สวดมนต์ ระลึกถึงท่าน รักษาศีล ๕ จนถึงวันตาย แล้วมอบบุญกุศลทั้งหมดให้แก่ท่าน

    ดิฉันอยากให้การตายของดิฉัน ได้หลงเหลือสิ่งดีๆไว้กับพ่อกับแม่บ้าง

    ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะคะ
     
  13. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    การ ฆ่าตัวตาย กรรมหนักมาก ต้องชดใช้กรรม 500 ชาติ นะครับ ถึงจะได้หลุดจากผลกรรม

    จิต คนเรา ไม่เคย สูญ ไม่เคยดับสนิท ครับ

    แค่เปลี่ยนภพภูมิ ไปตามแรง กรรม ครับ

    ตายจาก มนุษย์ ไป ก็ไป จุติ ตามแรงกรรม ที่สร้างไว้ครับ


    ถ้ายังไม่ถึงที่ตาย ทำไงก็ไม่ตายหรอกครับ

    ช่วยชีวิตสัตว์ ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ช่วยต่ออายุ ให้รอดไปได้ครับ

    ปล่อยปลาที่จะโดนฆ่า ช่วยต่ออายุ ช่วยโรคให้หายได้

    ถ้าคุณจะต้องตาย ใน 14 วันจริงๆ

    ผมแนะนำว่า เอาตัวคุณ ให้รอด ก่อนครับ

    รอดคือ ไปเกิดใน ภพภูมิ ที่ดีๆ อย่าทำให้ตัวเอง ไปตก อบายภูมิ ครับ

    ควรเตรียมตัว ที่จะ ตาย ให้พร้อม ครับ

    จิต สุดท้าย ก่อนที่จะออกจาก ร่างนั้น จะไปตามแรง กรรม ที่มี ครับ

    ถ้าคิดถึง กรรมชั่ว อกุศลกรรม ตอน จิต ออกจากร่าง คุณ จขกท ก็จะไป อบายภูมิ

    ถ้าคิดถึง กรรมดี กุศลกรรม ที่เคย สร้างไว้ ตอนจิต ออกจากร่าง คุณ จขกท ก็จะไป ที่ดีๆ ได้ครับ

    ผมแนะนำว่า ถ้า จขกท ถึง เวลาตาย จริงๆ แล้ว นึกถึง พระพุทธเจ้า ภาวนา พุธโธ ไว้ครับ ป้องกันไปลงนรก เกิดเป็น สัตว์นรกได้ แน่นอนครับ

    ตอนแทน คุณ พ่อแม่ บิดามารดา ด้วยการ ก็คือ การไปเกิดใหม่ ใน ภพภูมิดีๆ นะครับ

    ***************************************************************************
    copyมาจากเฉลิมศักดิ์1

    ใน พระไตรปิฏก มีหลายเรื่องที่ ลูกตายแล้วไปเกิด เป็น เทวดา มาตอบแทน คุณ พ่อ แม่

    และในเรื่องนอก พระไตรปิฏก ก็มีตัวอย่างเยอะแยะ ครับ


    สิ่งสุดท้าย การทดแทน บุญ คุณ พ่อ แม่ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด


    พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าสองข้างของตน ประคับประคองท่านให้อยู่บนบ่านั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำให้ท่าน ถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านเช่นนั้นตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนบุณคุณท่านยังไม่หมด พระพุทธองค์ตรัสเพื่ออะไร เพื่อจะได้ให้รู้ว่าสิ่งที่เราควรกระทำก่อนจะไปแสวงหานอกบ้านนั้นอยู่ใกล้ เราเหลือเกิน แต่เราไม่เคยมองดูคุณค่าอันนี้เลย ทำให้แก่พ่อแม่ พ่อแม่ก็มีวิบากดีที่ได้ลูกดี แต่คนที่ทำมีมงคลชีวิต

    วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ให้หมด มี ๕ ประการ คือ

    ๑. เมื่อท่านยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็พยายามชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธาให้ได้

    ๒. ถ้าท่านยังไม่ถึงพร้อมด้วยการให้ทาน ก็พยายามชักนำท่านให้บริจาคทานให้ได้ เริ่มต้นด้วยเราทำแล้วให้ท่านจบ

    ๓. ถ้าท่านยังไม่มีศีลรักษา ก็พยายามชักนำให้ท่านรักษาศีลให้ได้

    ๔. ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิ ยังไม่มีความสงบ ก็พยายามชักนำให้ท่านหาความสงบให้ได้

    ๕ . พยายามส่งเสริมท่านเดินทางสู่มรรค ผล นิพพาน อย่าขวางท่าน
    เมื่อท่านถึงมรรค ผล นิพพาน ตอบแทนหมดไหม ? ฉะนั้นอะไรก็แล้วแต่ที่พ่อแม่กำลังทำเพื่อสร้างทางสู่มรรค ผล นิพพาน อย่าขวางท่าน


    จากพระไตรปิฏก เล่ม ๒๐ ปฐมปัณณาสก์

    [๒๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่
    ท่านทั้ง ๒ ท่านทั้ง ๒ คือใคร คือ มารดา ๑ บิดา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุตร
    พึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง
    เขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้ง ๒ นั้นด้วยการอบกลิ่น
    การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้ง ๒ นั้น พึงถ่ายอุจจาระ
    ปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้น
    ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดิน
    ใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการมากหลายนี้ การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอัน
    บุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ

    มารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย ส่วนบุตร
    คนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา

    ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา

    ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา

    ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้น


    ย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2011
  14. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    หากคุณเป็นพระอริยะ
    ตราบใดที่ยังไม่เข้านิพพานยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ดี
    หากคุณเข้าภูมิอริยะเบื้องต้น(พระโสดาบัน) เป็นการปิดอบายไม่ต้องลงต่ำ

    หากยังเป็นปุถุชน
    ใกล้ตายเข้ามาทุกที การเจริญสติเป็นสิ่งสำคัญ เป็นตัวตัดสินจิตดวงสุดท้ายที่นำเกิด
    ๑อนุุสติ อย่างมรณานุสติ การระลึกถึงความตาย ไม่ประมาทแม้ความตาย หรือเวทนาแรงกล้า (ป่วย)
    ๒สติปัฏฐาน การเจริญสติ สติระลึกออกระลึกรู้ ลดความฟุ็งซ่านด้วยธรรมโอสถ
    ให้เจริญสติปัฏฐาน๔ แม้ในนาทีสุดท้ายของชีวิต

    เรื่องตอบแทนคุณบิดามารดา
    หากบิดามารดาเป็นพระอริยะ
    ท่านคงเข้าใจ สัตว์โลกเป็นไปตามวิบากกรรม ตราบใดที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิ ๓๑
    เรื่องตายเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดกับทุกสรรพชีวิตไม่มีเว้น

    หากบิดามารดาเป็นปุถุชน
    แน่นอน ท่านเสียใจแน่ๆ ลูกตัวเองตาย มีใครบ้างไม่ร้องไห้ ด้วยความเป็นพ่อแม่ลูกใครใครก็รัก
    ไม่มีใครอยากให้ลูกลำบาก ป่วยไข้ หรือตายก่อนพ่อแม่อยู่แล้ว คุณคงต้องโทรบอกให้ท่านทำใจ
    ท่านทั้งสองจะได้ทำกิจหน้าที่สุดท้ายของความเป็นพ่อแม่ของคุณในชาตินี้

    ในทางกลับกัน ท่านทั้งสองจะมาปลอบโยนให้คุณหมดห่วง ไม่ต้องห่วงพ่อแม่ ทำใจให้สบาย อยู่ไหน
    เดี๋ยวพ่อแม่ไปหาเอง ไปอยู่เป็นเพื่อนจนจากโลกนี้ไป นี่ค่ะหน้าที่ของคนเป็นพ่อแม่
    (ท่านนึงเฝ้าดูแลคุณ อีกท่านอาจตะเวณทำบุญให้คุณ เพื่อความสบายของคุณ ของท่านทั้งสอง)

    โทร. บอกท่านนะคะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ร่ำลากัน
    จิตคุณที่ยังยึดติดเรื่องตอบแทนบุญคุณท่านจะได้คลายลง
    เจอกันแล้วใจจะได้สบาย ไม่ติดข้อง เจริญธรรมได้ง่าย

    วินาทีสุดท้ายของชีวิตมาถึง อย่าติดข้อง อย่าห่วงพ่อแม่
    เจริญสติจนจิตดวงสุดท้ายดับ เพื่อนำเกิดในภพชาติถัดไป
    จิตจะอยู่ในธรรม เวลากุศลจิตดวงสุดท้ายดับเคลื่อนไปเกิดจะเป็นกุศลจิตดวงแรกนำเกิด
     
  15. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    พระมหาโพธิสัตว์ ผู้ได้รับพระบัญชาให้มาปกป้องโลก

    ขออนุญาตครับ

    เนื่องจากผมไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก ก็เลยเข้ามาเว็บน้อยลงมากๆ
    เห็นคำถามของคุณแล้ว อดตอบให้ไม่ได้

    ครูบาอาจารย์ของผม ท่านเป็นพระมหาโพธิสัตว์ ที่ท่านจะไปจุติเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่สิบ นับจากองค์พระศรีอริยะเมตไตยเป็นองค์ที่1

    ท่านอาจารย์สอนว่า มนุษย์มีกรรมผูกพันกับบิดามารดาของตนเสีย 50%
    และกรรมกับ บิดา มารดานี้ ไม่มีอำนาจใดๆมาลบล้างได้
    ยกเว้นการขอขมากับท่านเอง ถ้าท่านเสียชีวิตแล้ว ให้ขอขมากับกระดูก หรือ รูปภาพของท่าน โดยจุดธูป 11 ดอก ให้ขอขมาเวลาประมาณ 1 ทุ่ม

    เมื่อคุณบอกว่า บิดา มารดาอยู่ไกล ก็ขอให้ขวนขวาย หาเบอร์โทรศัพท์
    ของท่าน หรือของญาติพี่น้องที่อยู่ใกล้ท่านแทนก็ได้ แล้วขอขมาทางโทรศัพท์
    ก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน

    อ่านข้อคำถามของคุณแล้ว แสดงว่าคุณยังมี สติปัญญาครบถ้วนสมบูรณ์
    สภาวะจิตก็ไม่ได้อับเฉาเศร้าหมองแต่ประการใด

    น่าจะมีโอกาสต่อชีวิตให้ยืดยาวอีกได้

    ท่านอาจารย์บอกว่าผู้ที่เข้าร่วมพิธีเปิดบุญได้ครบ 3 ครั้ง ก็จะสามารถต่อชีวิตไปได้อีกอย่างน้อย 7 ปี

    เมื่อท่านอาจารย์ ท่านเป็นพระมหาโพธิ์สัตว์ ที่รู้ถึงระดับทศพลญาณ
    ที่ท่านสามารถปลดปล่อยดวงวิญาณเปรตผีทั้งหลายให้ไปเกิดเป็นเทวดาได้
    แล้วทำไมท่านจะช่วยคุณไม่ได้

    ก็ขอให้ลองศึกษา การเปิดบุญ ได้จากเว็บลิ้งค์ข้างล่างนะครับ

    http://palungjit.org/threads/ด้วยพุ...พิบัติของโลกอย่างไร.292168/page-2#post5051742

    ช่องของ Pootarach - YouTube

    ขออวยชัยให้มีชีวิตยืนยาวต่อไปอย่างน้อยอีก 7 ปี

    ขออนุโมทนา

    ลุงมหา

     
  16. Junejuly

    Junejuly Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +38
    คุณคิดดีแล้วเหรอคะที่จะทำเช่นนี้ คุณพ่อคุณแม่ ถึงแม้ท่านจะไม่แสดงความรักหรือแสดงออกให้คุณเห็นว่าท่านรักและเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน แต่ยังไงดิฉันก็คิดว่าพ่อแม่ทุกท่านย่อมรักลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะดีจะเลวยังไง คนเราทุกคนย่อมทำผิดพลาดกันได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความผิดเล็กน้อยหรือใหญ่หลวง อดีตนั้นเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้นะคะ แต่เรายังสามารถทำปัจจุบันให้ดีกว่าเก่าได้ตามกำลังที่เราจะทำได้ ถึงดิฉันจะไม่รู้จักคุณเป็นการส่วนตัว แต่ตามที่คุณได้เขียนมา ดิฉันเห็นว่าคุณมีจิตใจดีนะคะ คุณยังคิดใฝ่หาธรรมะเพราะความตั้งใจดีที่จะปฏิบัติธรรมและอยู่ในศีลในธรรมของคุณ มันยังไม่สายนะคะถ้าคุณจะเปลี่ยนใจ คุณเคยคิดที่จะไปบวชไหมคะ อาจเป็นทางออกที่ดีกว่าการฆ่าตัวตาย

    คุณจะเลือกเดินไปข้างหน้า หรือคุณจะหนีปัญหาที่คุณไม่กล้าที่จะแก้ไขหรือเผชิญกับมัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวคุณเองนะคะ

    ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้นะคะ.....อย่าสิ้นหวัง อย่าท้อแท้ คนทุกคนย่อมมีปัญหาของตนเอง มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะแก้ปัญหาอย่างไร.....
     
  17. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    จขกท ครับ

    ผมขอให้ มาบวชชี อยู่วัดครับ

    จะฆ่าตัวตายไปทำไมครับ

    อย่างน้อย อยู่วัด ก็มีข้าวกิน มีเวลา ทำ ทาน รักษาศีล ภาวนา ครับ

    ถ้ากล้าที่จะฆ่าตัวตาย

    ทำไม ไม่กล้าที่จะเสียสละตัวเอง มาบวชชีครับ

    ผมพูดตรงๆ นะ

    แทนที่จะฆ่าตัวตาย คุณกล้าเสียสละเพื่อคนอื่นไหม
     
  18. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=91fjrUdGKH0]ลูกสาวโรงงานผลิตที่นอนอกหักฆ่าตัวตาย - YouTube[/ame]

    จขกท ดูคลิปนี้แล้วลองไปพิจารณาเองเถอะครับ ว่าควรไม่ควรอย่างไร ผมฟังเสียงพ่อแม่ญาติมิตรของผู้ตายแล้วเศร้าใจจริงๆ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  19. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เรื่องความทุกข์มีกันทุกคนครับ อย่าเพิ่งมองว่าตนเองทุกข์ที่สุดครับ คนที่ทุกข์กว่าเรายังมีครับ

    ลองเอามาเปรียบเทียบกับผมก็ได้ครับ ว่าใครจะเป็นทุกข์กว่ากันครับ ผมช่วยเหลือครอบครัวมาทั้งชีวิต

    ช่วยแม่เลี้ยงน้อง ช่วยแม่ส่งน้องเรียนจนจบ พาน้องไปหางานทำ จนน้องได้ดี

    สิ่งเดียวที่ได้ คือคำว่า อกตัญญู เป็นเพียงลูกชั่ว หากทำไม่ได้ดั่งใจแม่

    ยามเดือดร้อน ไปขอความช่วยเหลือจากน้องๆ ไม่มีใครให้ความช่วยเหือลเลยแม้แต่คนเดียว

    และงานที่ได้ไปทำ ก็บอกว่าเป็นเพราะตัวเขาเอง กว่าจะทำมาได้ทุกวันนี้ ใช้เวลาไป 16 ปี

    16 ปี ที่ต้องทนรับทุกอย่างภายในครอบครัว กว่าพ่อจะเลิกเล่นการพนัน กว่าจะหมดหนี้สินที่พ่อสร้างไว้

    กว่าทางบ้านจะไม่โดนดูถูก โดนนิททา จากคนแถวบ้าน ต้องใช้อดทนมากกว่าจะรอดพ้นมาได้

    ที่มีทุกวันนี้ ตอบได้คำเดียวครับ เป็นเพราะการปฎิบัติธรรม นั่งกรรมฐาน ตามรอยพระศาสดา

    พระพุทธศาสนา ทำให้ชีวิตรุ่งเรืองได้ครับ ถ้าหากมองเห็นความเป็นจริง ด้วยตนเอง

    ผมมาจากคนที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว มีแต่หนี้สินที่พ่อทิ้งไว้ให้

    เมื่อ 16 ปี ก่อนนี้ เงินจำนวน 6 หมื่น กว่า ไม่ใช่เงินจำนวนที่น้อย นอกจากที่ต้องหาเงินใช้หนี้แทนพ่อแล้ว

    ยังต้องช่วยแม่เลี้ยงน้อง ส่งน้องเรียน จ่ายค่ากับข้าว จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ทุกอย่างในบ้าน

    หากวันนั้ผมท้อแท้อย่างที่คุณเป็น วันนี้บ้านผมก็ยังโดนดูถูกเหมือนเดิม ขนาดนี้แม่ยังว่าผมเลวเลย

    การที่มองเห็นความเป็นจริงที่มีบนโลก สามารถหาเงินได้เป็นจำนวนมาก เพราะเงินเป็นของโลก

    ผมเรียนจบมาแค่ ป.6 เท่านั้น ผมหาเงินได้เดือนละ 4-5หมื่น และได้ทุกเดือนเป็นเวลา5-6ปีมาแล้ว

    เมื่อ 10 ปี ก่อนที่จะได้เดือนละเท่าที่ผมบอก ผมหาเงินได้เดือนละไม่กี่หมื่น แค่1-2หมื่นเท่านั้น

    ผมตื่นมาทำงานตั้งแต่ตี 5 ทุกวัน กว่าจะได้นอน ก็เกือบเที่ยงคืน บางเดือนตี1ตี2กว่าจะได้นอน

    ขนาดนี้ยังเป็นได้แค่คนเลว แค่นี้คุณลองเปรียบเทียบดูครับ ว่าผมเป็นทุกข์น้อยกว่าคุณแค่ไหนครับ

    ที่บอกกล่าวอยู่นี้ไม่ได้มาโอ้อวด แต่จะบอกว่าชีวิตยังมีความหวังทุกคน อยู่ที่ความนึกคิด

    หรือถ้าจะไปบวชก็อนุโมทนาครับ ทางธรรม ก้าวเดินไปจะพบหนทางหลุดพ้นแน่นอนครับ

    ไม่ต้องมาเวียนวายตายเกิดอีกแล้ว ในโลกสามนี้ มีแต่ความเป็นทุกข์ครับ

    ผมทำหน้าที่สำเร็จเมื่อไหร่ ผมก็จะไปบวชเหมือนกันครับ เพราะการบวชทำให้หลุดพ้นได้ครับ
     
  20. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    แบบไม่มีค่าใช้จ่าย มีหลายที่นะครับ

    สิ่งสำคัญ คือ กำลังใจ จขกท ลองดูนะครับ

    ****************************************************
    copyมาจากคุณ ไกลมาก

    มีหลายสถานที่ ที่ไปบวชชีโดยไม่ต้องมีเงิน เพราะเขามีกองทุน เช่น

    สำนักประชุมนารี จ.ราชบุรี อันนี้เป็นสำนักแม่ชีโดยตรง

    และอีกที่ๆ เป็นสำนักแม่ชีโดยตรง คือ

    สำนักรัตนบารมี ต. หนองตากยา อ. ท่าม่วง จ. กาญจนบุรี

    โทร. 089-8062728 โดยมีแม่ชีจอย เป็นเจ้าสำนัก ตอนนี้มีแม่ชีอยู่ 10 คน

    แต่ที่สำนักรัตนบารมี นี้ จะต้องสวดมนต์ปฏิบัติธรรมที่ศาลา วันละ 4 ครั้ง และมี

    กฏระเบียบที่เคร่งครัดเหมาะกับคนที่ตั้งใจจริง และอยู่ในกฏระเบียบได้

    **********************************************

    อื่น ๆ ถ้าหาเจอ จะเอามาลงเพิ่มนะครับ

    สมาชิกท่านใด รู้สถานที่อื่นๆช่วยด้วยนะครับ<!--MsgEdited=15-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...