ความจริงเกี่ยวกับ ตรีมูรติ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 24 ตุลาคม 2007.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ใน ศาสนาพราห์มณ์ ฮินดู มีการนับถือ เทพเจ้า 3 องค์คือ พระพรหม พระนารายณ์ และ พระศิวะ

    ก่อน อุบัตกาล แห่ง เทพเจ้าทั้งสามนี้เกิดขึ้น ก็เนื่องมาจาก คนโบราณเขาสังเกตุ ความเป็นจริงของชีวิต คือ มีการเกิด และมีการ รักษาตนเอง ปรับปรุงตนเอง และ การตาย เกิดขึ้นของมนุษย์ ทุก ผู้ทุกนาม ทุกสัตว์ ทุกสิ่งมีชีวิต แต่เพราะว่า หาเหตุไม่ได้ว่า เพราะอะไร จึงคิดว่าจะต้องมีผู้ที่คอยบันดาล เหตุ สามอย่างนี้ แน่นอน ก็เป็นที่มาของ พระเจ้า สามองค์ คือ ผู้สร้าง ผู้รักษา และ ผู้ทำลาย
    หลังจากนั้นก็มี การสังเกตุธรรมชาติ ผูกกันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น แนวความคิดนี้ ฝังลึก ลงไป ในจิตใจของพราห์มณ์ ในชมพูทวีบอย่างมาก เพราะง่ายต่อความเข้าใจ และเห็นจริงว่า มันจะต้องมีอำนาจสามอย่างนี้อย่างหนีไม่ได้ ก็สรุปกันว่า ชัวร์ ล้านเปอร์เซ็น จะต้องมี เทพเจ้าสามองค์นี้
    ดังนั้น ความทุกข์ของเราต้องมาจาก เทพเจ้าทั้งสามองค์นี้บันดาล ถ้าเราอยากมีความสุขก็ต้องเคารพบูชาท่าน
    ทีนี้ ก็ ถ่ายทอดความคิดกันมาเรื่อยๆ จะทำอะไรก็กลัวกัน ไม่กล้าแม้จะคิดนอกกรอบ ในการค้นหาความจริง
    แต่ ถึงกระนั้น ก็ยังมี บุรุษ ท่านหนึ่ง ไม่เชื่อ เพราะเนื่องจากว่า เหตุการณ์บางอย่าง ไม่เป็นหลักธรรม หลายๆ อย่าง ไม่สามารถดับทุกข์ได้จริง ยังคงเห็นผู้คนศรัทธาในพระเจ้าสามองค์แต่ก็ทุกข์ เต็มไปทุกหนระแหง ในสมัยนั้น บุรุษท่านนั้นจึงตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่า เราจะค้นคว้า หาความเป็นจริง ด้วยบารมีทั้ง 10 ในที่สุดก็พบ ความจริงทั้งปวง บุรุษท่านนั้น คือ พระบรมศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระองค์พบอะไร พระองค์พบความจริง ว่า ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้นแต่เหตุ อันเป็นคาถาที่พระอัสสชิกล่าวให้ อุปติสสะ หรือ พระสารีบุตรฟัง ในครั้งนั้น (ฟังธรรมข้อนี้ เกิดข้อคิดที่ว่า ก็เพราะว่า มีมนุษย์เกิดขึ้น จึง มี การเกิด การแก่ การตาย นี่เราจึงคิดข้อสนใจที่ว่า มีพระเจ้า 3 องค์เกิดขึ้น
    ถ้าเราไม่สนใจ ในธรรมข้อนี้ ก็ไม่มีธรรมข้อนี้เกิด รวมไปถึง ความคิดต่างๆ หากไม่มีเหตุ จะมีธรรมอะไรเกิดหละ : ขันธ์) พระสารีบุตร ฟังธรรมข้อนี้ก็บรรลุ ธรรม พระโสดาบันทันที คือ อะไรผ่านมา ปล่อยผ่าน มองเห็นธรรม อันไม่เกิด ไม่ตาย เรียกว่า โคตรภูญาณ ทันที
    พระสารีบุตร จึงเดินทางไป บวช กับพระพุทธองค์ ทันที จนหาเหตุแห่งทุกข์ จนหมดสิ้น ( จนพบว่า ด้วยอวิชชา เพราะความไม่รู้โดยแท้ เราจึงหาธรรมนั้น ธรรมนี้ แบบสุ่มๆ จนสางกิเลสภายในออกหมดทำลายอวิชชาสิ้นเชิง จึงรู้ สาเหตุ แห่ง สรรพสิ่งทั้งปวง : ขันธ์)

    เหตุ ทั้งปวง นั้น มีอยู่ เราค่อยๆ หาเหตุ ที่จิตตน ว่า การเกิดสรรพสิ่งในจิตเรานั้น มาจากสิ่งใด สางออก สางออก เราจะพบกับความจริง อันยิ่งๆ ขึ้นไป อย่างแน่นอน
    ก็ฝากธรรม ให้อ่านกันสนุกๆ จะได้ ไม่ไปเชื่อถือ พระตรีมูรติ ตามคนโบราณ โดยไม่สนใจธรรมของพระพุทธองค์
     
  2. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    สาธุนะครับ P'ขันธ์
    แล้วพระตรีมูรติเป็นใคร เคยได้ยิน แต่ไม่รู้จัก เกี่ยวข้องกับความรักอย่างไร
     
  3. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,329
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,273
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สรรพสิ่งล้วนไม่จีรัง มันไม่เที่ยง สาธุ
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ตรีมูรติ คือ เทพเจ้าสามองค์ใน พราห์มณ์ ฮินดู ซึ่งก็คือ พระพรหม นารายณ์ และ ศิวะ

    ธรรม อันเป็นเหตุให้ เกิดสามองค์ นี้ มาจาก วิจิกิจฉา และ ตัณหา ของมนุษย์ ที่ต้องการพ้นทุกข์
    จึงหาหลักเกณฑ์ แห่งความเป็นจริง แต่เนื่องจาก ทำลาย สักกายทิฎฐิไม่ได้ ก็เกิด สีลพตรปรามาส คือ การถือวัตรแบบผิดๆ พระพุทธองค์ เอา ไตรลักษณ์ มา ทำลาย สักกายทิฎฐิ เพื่อให้ มนุษย์ มองแต่ระดับ ขันธ์ 5 มองอาการไหว ทางความคิด ทางจิตใจ เพื่อ ให้ไม่ไปมองว่า เทพเจ้านั้น เป็นตัวเป็นตน
    เมื่อมองเห็นว่า สรรพสิ่ง ย่อมแปรไป แล้วจะมีเทพเจ้าไหนมาเป็นตัวเป็นตน เพราะ ตัวตนนั้นเป็นทุกข์

    ก็ สมัยนั้น เมื่อ พระพุทธองค์ ชี้ไป ที่ การทำลาย สักกายทิฎฐิ ก็ เห็นชัดเจนกันทีเดียว เพราะพิสูจน์ได้เอง มองทีใจตนเองได้ เมื่อชัดเจนก็ เห็นทันทีว่า เราเชื่ออะไรกันมาแบบผิดๆ
     
  5. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    สรุปว่าไม่มีจริงหรือครับ เหนการอุปมาอุปมัยของคนสมัยก่อน

    เมื่อพระเจ้าไม่มีพระพรหม ผู้สร้างทุกสรรพสิ่งก้อต้องไม่มีด้วย

    หลวงพ่อ ก้อเคยไปถามเทวดาบนนั้นก้อไม่พบ พระนาราย


    แต่....ทำไมซุปเปอริชชี่ บอกว่าตนเอง คืออวตาลขององค์นารายล่ะครับ???


    หากแต่ว่าสมมุติองค์นารายมีจริงแต่ ชื่อของท่านบนสวรรค์อาจไม่ใช่ชื่อนาราย แต่เป้นชื่ออื่นๆ พอหลวงพ่อจึงไปถาม เทวดาจึงบอกว่าไม่มี?


    ตกลงเป็นยังไงกันแน่= ='
     
  6. intah

    intah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +562
    ผมคนนึงไม่เชื่อ Super Richy

    แต่เชื่อว่า ตรีมูรติ มีจริง
     
  7. toottoo

    toottoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    720
    ค่าพลัง:
    +3,254
    ถ้าตรีมูรติคือพลังของการก่อกำเนิด การรักษา และการทำลายของธรรมชาติ
    ซึ่งมีอยู่ เป็นอยู่ ปฏิเสธไม่ได้
    ตรีมูรติก็คือรูปของพลังงานเหล่านั้น
    หรือเปล่า???
    เราเพียงแต่รับรู้ว่ามี ก็เท่านั้น???
     
  8. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    คุณขันธ์อธิบายได้น่าประทับใจเช่นเคยนะครับ คิดอยู่เหมือนกันว่า พระตรีมูรติ ไม่มีจริง

    พระพรหมหน่ะ คงมี แต่ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง พระพรหมก็คือ พวกที่ไปเกิดในชั้น รูปพรหม และ อรูปพรหม ก็เรียก พระพรหมได้ทั้งนั้นแหล่ะ ส่วนพระนารายณ์ และ พระศิวะ เห็นจะเป็นเพียงความเชื่อ เพราะความไม่รู้ เพราะความกลัวของมนุษย์ในเรื่องที่หาคำตอบหรือพิสูจน์ไม่ได้ ก็เลยคิดไปเองว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นคงเป็นเพราะเทพเจ้าเป็นผู้บันดาลให้เกิด นี่แหล่ะ คือความไม่รู้ในหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ความจริงคือ ไม่มีอะไรบันดาลให้อะไรเกิดขึ้นได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยเหตุและปัจจัยที่เหมาะสมด้วยกันทั้งนั้น ส่วนมหาเหตุมีหนึ่งเดียวก็คือ อวิชชา นี่เอง

    คำถามถึงคุณขันธ์ สรุปว่า พระสารีบุตรฟังธรรมจากพระอัสสชิแล้ว บรรลุ โสดาบัน หรือได้ โคตรภูญาณ กันแน่ครับ อ่านแล้วรู้สึกไม่สอดคล้องกันนะ

    ส่วนเรื่องสักกายทิฐิ ถ้าทำลายไม่ได้ จะเกิด สีลัพพัตปรามาส อันนี้เข้าใจได้ไม่อยาก แต่ถ้าทำลายสักกายทิฐิได้ สีลัพพัตปรามาส จะถูกทำลายไปด้วยพร้อมๆ กันหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็แล้วไป แต่ถ้าทำลายได้พร้อมกัน โสดาปัติมรรค จะอยู่ตรงไหน หรือว่า จะอยู่ในระหว่างที่กำลัง ต่อสู้กับ สักกายทิฐิ

    คุณขันธ์โปรดขยายความให้ด้วย

    อนุโมทนากับความรู้เรื่องพระตรีมูรติครับ
     
  9. วิมม์

    วิมม์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +148

    (b-oneeye)

    ของผม อยู่ตรงกันข้าม

    ผมเชื่อความสามารถของ richy

    แต่ผมไม่เชื่อใน ตรีมูรติ ในฐานะของ เทพ นะครับ
    (verygood)
     
  10. อิทธิ

    อิทธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +52
    ความจริงเกี่ยวกับ ตรีมูรติ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <HR align=center width="100%" color=white noShade SIZE=1>
    ใน ศาสนาพราห์มณ์ ฮินดู มีการนับถือ เทพเจ้า 3 องค์คือ พระพรหม พระนารายณ์ และ พระศิวะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จากประสบการณ์ที่ได้ทราบจากครูอาจารย์ของตนเองนั้น ท่านกล่าวว่า พระพรหมมีตัวตนจริง ส่วนพระนารายณ์และ พระศิวะนั้น ไม่มีตัวตนจริง แต่ที่มีผู้สัมผัสได้นั้น เกิดจากครูอาจารย์ท่านที่เป็นพระอริยะสงฆ์<o:p></o:p>
    เป็นผู้สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นเพื่อจรรโลงพระศาสนาให้อยู่ต่อไปครบตามวาระ<o:p></o:p>
    นี่เป็นความเชื่อส่วนตัวนะครับ<o:p></o:p>
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ตอบ คุณ วิมุตติ ถามแบบนี้แสดงว่า ไม่วิมุตติ จริงตามชื่อ ควรเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น วิมุด หมายความว่า มุดไป ดำไป
    การบรรลุ โคตรภูญาณ หรือ พระโสดาบัน ต้องถามกลับว่า คนจะได้พระโสดาบัน ไม่ต้องผ่าน โคตรภูหรือ
    ทีนี้ หากได้พระโสดาบัน ก็ต้องเห็นโคตรภู แน่นอน ส่วนไหนที่แสดงว่า ไม่สอดคล้อง

    ตอบ เคยกินข้าวไหม กินพร้อมกับข้าวทีเดียวพร้อมกันหลายๆ อย่าง หรือว่า กินข้าวก่อน แล้วตามด้วยกับข้าวทีละอย่าง ได้ไหม
    แล้วถามว่า ขณะที่กินอยู่ เรียกว่ากินไหม จะถามได้ไหมว่า กินอยู่ตรงไหน จะบอกว่า การกิน อยู่ที่ กินข้าวก่อนอย่างเดียวได้หรือไม่ โดยที่ไม่ถือว่า กินข้าวพร้อมกับข้าวหลายๆ อย่าง

    เพราะว่า เราไม่สังเกตุ การกินอย่างถี่ถ้วน เราจึงไม่เห็นสภาวะการกิน และเหมารวม ทั้งหมดเมื่อกลืนไปแล้วว่าการกิน
     
  12. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    แหม่ คุณขันธ์ก็ ชอบเปลี่ยนชื่อให้คนโน้นคนนี่จังเลยนะครับ ก็เห็นว่าใช้ศัพท์สองตัวในกรณีเดียวกัน ก็เลยไม่แน่ใจว่ามันเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร
     
  13. นพสร

    นพสร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    548
    ค่าพลัง:
    +1,176
    เรางง กับ ซุปเปอร์ริชชี่อ่ะ เลยเฉยๆไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ วางเฉย ไม่คิดจะอ่านหนังสือแกด้วย กลัวทำให้สับสนกับความรู้จริง ที่มี
     
  14. imfd

    imfd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +335
    ส่วนตัวผมเองก็นับถือองค์พระพุทธเจ้าเป็นยิ่งยวด แต่ก็นับถือองค์เทพตรีมูรติ ด้วยครับ เพราะ เชื่อว่ามีจริงแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแก่ฤาษีบรมครูแห่งนาฏศิลป์(ปางนึงของพระศิวะ)ซึ่งท่านศักดิ์สิทธิ์มากถ้าใครได้สัมผัสมา อีกองค์ก็คือ พระวิษณุกรรมหรือพระวิษณุ หรือ พระนารายณ์นั่นเอง องค์นี้ก็มีจริงครับซึ่งพวกเรียนช่างจะรู้ดีมาก ๆ เพราะท่านเป็นเป็นบรมครูด้านช่างและมีความศักดิ์สิทธิ์มากมีตำนานและประวัติมากมายเล่าไม่จบจริง ๆ ...สุดท้ายแล้วแต่ความเชื่อครับ...ผมเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อและดำรงค์ไว้ในสิ่งที่ควรจะดำรง
     
  15. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130

    [​IMG]

    นึกภาพท่านไม่ออก ไปหารูปท่านมาให้ชมกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มิถุนายน 2008
  16. imfd

    imfd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +335
    ผมบอกได้แค่ว่า ตำนานความจริงเกี่ยวกับองค์มหาเทพตรีมูรติ ก็คือ ถ้าใครสัมผัสด้วยตัวเองได้ จะตอบว่ามี แต่ถ้าไม่เคยรับรู้หรือไม่เคยสัมผัสหรือฟังคนอื่นหรือพระท่านเล่ามาอีกทีว่าไม่มีก็จะตอบว่าไม่มี(ซึ่งการตอบว่าไม่มีนั่นก็หมายถึง เป็นการตอบแทนพระท่านหรือคนอื่นที่เราเคารพศรัทธามากกว่า แต่ไม่ได้ตอบด้วยตัวเองหรือตอบด้วยความจริงที่พิสูจน์มาว่ามีจริงหรือไม่) สุดท้ายแล้ว 2 คำตอบนี้จะเชื่อมโยงไปสู่คำว่า ความแตกต่าง และความแตกต่างนี้ก็จะนำไปสู่ ความแตกแยก ฉะนั้นผมคิดว่าถ้าใครคิดว่าชอบทางไหนก็ไปทางนั้นถ้าทำแล้วดีก็ทำไปเถอะครับ อย่านำมาถกเถียงกันเลย
     
  17. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณขันธ์ คุณวิมุตติ

    เมื่อไรพวกคุณจะเลิกข่มหรือทำลายศาสนาให้แตกแยกเสียที ผมกะจะว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับพวกคุณแล้วนะ เสียดายที่ผู้ทรงภูมิปัญญา แต่หลงงมงายในศาสนาตนเองจนไม่สามารถแยกแยะด้วยปัญญาได้ ผมเองก็นับถือศาสนาพุทธ แต่ก็ไม่เคยเที่ยวไปว่ากล่าวศาสนาอื่นให้เสียหาย มีแต่จิตใจที่เป็นกลาง ไม่เที่ยวสำรอกว่าตัวเองเป็นผู้บรรลุธรรม เที่ยวไปสั่งสอนคนอ่านเขาไปทั่ว ทั้งๆที่ตนเองก้ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นเขา เวลาคนเขาจะเลือกครูบาอาจารย์นะ เขาไม่เลือกอย่างพวกคุณมาสอนหรอก อย่าหลงตนเองให้มากนะเลย ที่สำคัญไม่รู้จริงไปเอาพระพรหมฮินดูมาปะปนกับพระพรหมพุทธ ทั้งรูปพรหม อรูปพหรม ไม่รู้เลยหรือไรว่าพระพรหมในไตรภูมินะ เขายึดหลักพระพรหมของพุทธ ไม่ใช่พระพรหมฮินดู อีกอย่างพวกแก่ไม่รู้หรอว่าสิ่งที่พวกแก่กำลังดูถูกนะ คือสิ่งเดียวกัน ศาสนาที่เสื่อมโทรมทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะไอ้คนพวกนี้แหละ จิตใจถ่อยทราม ผมมีวาทะจากผู้ทรงธรรม... ให้อ่านจิตคนอย่างพวกนี้ไว้ดังนี้

    อ่านแล้ว ดูจิตด้วย อย่าหวือหวา ไปตาม "สังขาร"

    (ก) คนเรา ติดนิสัย เสพนิยม แปลว่า มักง่าย มักจะหา "แพะ" มาเป็นคำตอบ ต่อ คำถามที่ตอบไม่ได้ .... แนวศาสนาแบบ "ศรัทธา" จึงเกิดขึ้นง่ายๆ เพราะ มันง่ายดี ที่จะโยนให้ "อะไร" สักอย่าง เป็น คำตอบสุดท้าย การติดนิสัยเสพนิยมนี้ เพราะ มนุษย์นั้นอ่อนแอ ขี้เกียจ การเชื่อแบบ ยกให้ อะไรสักอย่าง เป็น คำตอบสุดท้ายจึงง่ายดี การติดนิสัยเสพนิยม นำมาซึ่ง ความขี้เกียจ ที่จะลงมือค้นหา คนกลุ่มนี้ จึงเอา "ความรู้มือสอง" หรือ เรียกว่า "Secondhand knowledge " ... (สำนวนมือสองนี้ มาจาก ท่านกฤษณมูรติ ปราชญ์ชาวอินเดีย ) .... พวกคนมือสอง (Secondhand people) ไม่เคย สร้าง "ความรู้มือหนึ่ง"เลย ... ไม่ผ่านกระบวนโนนากะ
    <O:p</O:p
    การศึกษาทางพุทธ หากเอาแต่อ่าน ๆๆๆ ไม่ทำให้มากๆ ก็คือ พวก คนมือสอง รอคนอื่นๆ สำรอก ออกมาให้กลืน<O:p</O:p
    หากอ่านแล้วปฏิบัติ นั่นแหละ จะค้นพบ "ความรู้" ด้วยตนเอง เป็นคนมือหนึ่ง เจอ Firsthand knowledge ร้องอ้อ ร้องเป็นจั้งซี่ พบแล้ว เจอแล้ว !!!
    <O:p</O:p
    ครู อาจารย์ ในสถานศึกษาต่างๆ เป็นพวกคนมือสอง จำเขามา เชื่อเขามา ไม่ได้ค้นพบเอง .... เอาที่จำมา มาจัดแต่ง เสริมแต่ง รวบรวม ใส่ไข่ ริดรอน ฯลฯ ให้คนมือสาม พวกศิษย์ที่ขี้เกียจ พวกอ่อนแอ เปราะบาง นำไปเชื่อ และ ทดสอบ มีปริญญา เพื่อ ตรวจดูว่า สำรอกมา กลืน เลียได้ครบไหม มั่วตรงกับครูไหม ฯลฯ ก็ เชื่อแบบตรงๆ เชื่อแบบไม่พิสูจน์ เชื่อแบบขี้เกียจปฏิบัติ ฯลฯ สันดานขี้เกียจปฏิบัติ นี้ มีมานาน เป็นพันๆปีแล้ว<O:p

    ศาสนาพุทธ เป็นแนวปฏิบัติ แนวทำเองรู้เอง ,,, คนขี้เกียจจะไม่ชอบ ไม่ค้นพบ ได้ไปแต่เปลือก
    <O:p</O:p
    (ข) ศาสนาใดก็ตาม หากเอาคนมือสอง (Secondhand people) ไปบริหาร .... ได้คนมือสองที่โลภ โกรธ หลง คนมือสองที่ "หวั่นไหว กลัว " พวกเขาก็ จะออกมา บิดเบือน และบิดเบือนได้แม้นแต่ ศาสนาของตนเอง แถมพาลเกเร ไปซัดศาสนาอื่นๆ อีกต่างหาก
    <O:p</O:p
    ทุกศาสนานั้น ถ้าถึงที่ "แก่น"แล้ว เป็นเรื่องเดียวกัน เป็นความว่าง เป็นความบริสุทธิ์ เป็นสันติภาพ พ้นทุกข์ ... ที่ทะเลาะกัน คือ พวกขอบๆกระด้ง พวกเชิงเขา พวกมือสอง Secondhand จะทะเลาะกัน (เห็นได้ในเว็ปธรรมะทั้งหลาย) .... คนที่กลางกระด้ง คนที่ยอดเขา พวกมือหนึ่ง พวก firsthand เขาไม่ทะเลาะกันครับ
    <O:p</O:p
    (ค) ระบบการศึกษา ทำให้ ผู้เรียนติดสันดาน รับรู้ "ความรู้มือสอง" แล้วหลงว่า ตนเอง เรียนสูง ปริญญาสูง .... แต่ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า "เอา" เขามาทั้งนั้น คิดเองไม่เป็นเลย ทำเองไม่เป็นเลย ..... ปล่อยให้กิเลส ความขี้เกียจครอบงำ ตกเป็นทาส "บริโภคนิยม" "ทุนนิยม" แบบ ไม่เอะใจ ไม่เฉลียวใจเลย
    <O:p</O:p
    (ง) อ่านเรื่องแบบนี้แล้ว ใจกว้างๆหน่อยนะ อย่าไปโจมตีศาสนาไหน ๆ ... มองไปที่แก่น เคารพความแตกต่าง มองไปที่ผู้บริหารศาสนา (พวกมือสอง มือสาม) ฉวยโอกาส .... อย่าไปเพ่งโทษศาสดาใดๆ ...แต่ละ ศาสดาท่านน่าเคารพ น่ารัก ท่านเป็น Firsthand แต่ พวกสาวกทำบิดเบือนไป
    <O:p</O:pหากเป็นพุทธ แต่ ไปรังเกียจศาสนาอื่น ก็ไม่เรียกว่าพุทธแล้วครับ
    <O:p</O:p
    และก็อย่าไปลบหลู่เทพของศาสนาใดๆเชียวล่ะ
    <O:p</O:p
    จิตว่างๆ พรหมวิหาร๔ จะไหลออกมาเอง แบบธรรมชาติ ไม่ฝืน ไม่เสแสร้ง ครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2008
  18. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ท่าน เอ็ดดี้ อย่าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นสิครับ หากท่านรับไม่ได้ ก็ไม่น่าเข้ามาอ่าน และดันมันขึ้นมา ทำแบบนี้ เป็นผลเสียต่อลัทธิท่านนะครับ เพราะจะมีคนเข้ามาอ่านเพิ่มอีก

    ข้อความต่างๆ เป็นการแสดงความคิดเห็น ไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อเลย ความเป็นพุทธะ เป็นเรื่องที่ตนเท่านั้นที่จะกระทำได้

    ที่ว่า ไม่มีใครเลือกผมเป็นครูบาอาจารย์ อันนี้เห็นจะไม่จริงสักเท่าไหร่
    ทางโลก ผมมีลูกศิษย์นับพัน
    ทางธรรม ผมมีลูกศิษย์ทั้งหัวหงอกและหัวดำนับสิบๆคน

    ผมไม่ได้รังเกียจศาสนาอื่น หากแต่ต้องการชี้แจงให้เห็นถึงความเป็นจริงเท่านั้น...นั่นคือ ทุกข์ และ ทางดับทุกข์ ตามที่บรมครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงสั่งสอนมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2008
  19. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณ วิมุตติ

    ผมไม่ได้เครียดแค้นพวกคุณนะ แพงแต่สะกิดใจให้พวกคุณรู้ว่าสิ่งไหนควรทำสิ่งไหนไม่ควรทำ เราเป็นผู้ใหญ่หัวก็งอกแล้ว เป็นถึงครูบาอาจารย์มีลูกศิษย์ลูกหาก็มากมายทั้งทางโลกและทางธรรม เราเป็นชาวพุทธด้วยกัน ต้องสร้างสรรค์สิ่งดีงาม คุณแนะนำชี้ทางให้เขาไปทางที่ถูกที่ควร ก็ล้วนแล้วเป็นสิ่งดี ก็ขออนุโมทนาด้วย แม้จะต้องโต้เถียงกันด้วยปัญญา

    แต่ในทางกลับกันในเมื่อท่านศรัทธาพระพุทธองค์และมีจิตเป็นพุทธะแล้ว อะไรที่เป็นสิ่งร้าวฉานก็ไม่ควรจะกระทำให้มัวหมอง นักสอนธรรมเขาต้องมีจริยธรรมอันดีงาม ที่จะไม่ก้าวก่ายและทำลายความเชื่อ ความศัทธา ปัญญา ปรัชญา และวัฒนธรรมของศาสนาอื่น ปมปัญหาที่เกิดจากสิ่งนี้ก็มีมากพอแล้ว และบอบช้ำมากแล้ว อย่าให้ต้องขัดแย้งเพราะปัญญาของพวกเรากันเองเลย สิ่งสำคัญต้องคำนึงถึงจริยธรรมของความเป็นครูบาอาจารย์ที่จะถ่ายทอดให้เขา ที่ได้มาจากองค์ความรู้และประสบการณ์จริง อย่าได้นำเพียงแค่ศัรทธาต้องมาทำลายกันอีกเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2008
  20. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณ nsthai

    ผมว่าคุณไปดันปัญญาของตนเองให้เกิดก่อนเถอะ ไม่ต้องสร้างกระแสเพียงเพื่อทำลาย ผมไม่หลงกลคุณง่ายๆ หรอก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่มาทีเดียวกัน เป็นพลังบริสุทธิ์เกินกว่ามนุษย์จะเข้าถึง ทุกศาสนาเกิดจากโลกใบเดียวกันนี้ เราควรสร้างสรรค์และจรรโลงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โลกจะสันติได้ ก็ต้องเริ่มจากเราก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...