ความเข้าใจของฉัน...การทำบุญไม่ควรมีเงื่อนไขเยอะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย JOMKAEW, 27 กรกฎาคม 2010.

แท็ก: แก้ไข
  1. JOMKAEW

    JOMKAEW สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +13
    ตามความเข้าใจของฉันแบบคนธรรมดาๆ... ฉันเข้าใจว่าการทำบุญ คือ การประพฤติดี ไม่ว่าจะเป็นการให้ในรูปแบบใดๆ ก็ตาม คือให้โดยมีความตั้งใจให้ ไม่ใช่ให้โดยหวังผล แม้เพียงซักนิดเดียวก็ไม่ควร เมื่อให้เสร็จควรอุทิศให้กับคนที่เรารัก (ในที่นี้ฉันเข้าใจว่า คือ ผู้มีพระคุณ เทวดาอารักษ์) และคนที่เราติดค้าง โดยปราศจากการขอเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์เข้าตัวเอง เช่น การทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ฉันเข้าใจว่าเรามีหน้าที่ต้องทำให้พวกเขา มิใช่หวังผลให้เขาให้อภัย อย่าไปขอเขาว่าให้อภัยเราด้วย เพราะฉันเคยดูในละคร บางเรื่องพระเอก นางเอก ทำบุญไปให้แล้วขอให้เขาให้อภัยกับตัวเอง ปรากฏว่าเขาไม่ให้อภัยซะอย่างงั้น (ดูแล้วยังกลัวเลย) ดังนั้น ฉันจึงคิดว่าถ้าเราทำบุญ เราก็ต้องอุทิศให้เขาตามหน้าที่ แล้วประพฤติปฏิบัติดีในชาตินี้ให้เขาเห็น และให้ทำไปจนสิ้นสุดอายุขัยของเรา อีกทั้งให้ตั้งจิตอธิษฐานสัญญาไปถึงภพชาติต่อไปด้วย... ผลสรุปสุดท้าย ถ้าเราทำได้เช่นนั้น เขาจะให้อภัยเราไหมไม่ต้องสนใจ ถ้าเขาให้อภัยเราก็ดีขึ้นเอง แต่ถ้าเขายังโกรธ ก็ให้ตั้งใจและน้อมรับผลกรรมของเราไว้เถิด... (พึงนึกไว้ว่า เราทำ เราได้...ทั้งดีและชั่ว จะรูปแบบไหนก็ตาม เราต้องรับมันเอง ด้วยตัวเองจริงๆ) ดังนั้น อยากสรุปว่า ทุกวันนี้ฉันก็ยังเข้าใจว่าถ้าฉันจะทำดี ฉันจะไม่มีเงื่อนไขเยอะ ทำอะไรได้ให้ทำสะสมเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นคำว่า " ทาน" หรือคำว่า "บุญ" ตามพุทธศาสนาก็ตาม แต่สำหรับฉัน ฉันไม่ชอบให้คนที่ทำความดีทุกๆ คน แยกประเภทของคำ 2 คำนี้ ฉันเข้าใจว่าถ้าต้องแยก 2 คำนี้ คนเราก็ต้องเลือกทำสิ่งที่มีผลมากกว่า ฉันเข้าใจตามนี้...เอาหล่ะ ฉันก็จะตั้งใจสะสมความดีต่อไป เพราะตอนนี้ฉันก็อายุ 32 แล้ว และก็เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรได้ด้วยตนเองแล้ว วันหลังฉันจะเข้ามาเขียนกระทู้ใหม่ แต่ตอนนี้ฉันขอฟัง Super Junior, 2NE1 และศิลปินเกาหลีท่านอื่นๆ เพื่อความบันเทิงเริงใจก่อนนะค่ะ สวัสดีค่ะทุกคน :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กรกฎาคม 2010
  2. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ถูกแล้วค่ะ การทำบุญคือการที่เราทำด้วยความเต็มใจโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
     
  3. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,153
    ควรคิดเช่นนั้นครับ

    คำว่าบุญกับทานอยู่กันคนละหน้าที่ครับ ทานคือการกระทำ แต่บุญคือผลของการกระทำ

    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2010
  4. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,766
    เมื่อก่อนก็เคยคิดอย่างนี้ แต่ความเข้าใจเอาเอง นั้นคลาดเคลื่อนจากหลักธรรมมาก และอาจทำให้เราเสียเวลาในวัฏฏะอีกหลายรอบ

    ในการทำบุญควรรู้ว่าอะไรเป็นบุญ
    และสิ่งนั้นมีผลมากหรือน้อยด้วย
    ตรงนี้เป็นกัมมัสสกตาปัญญา

    การไม่หวังอะไรในลักษณะของการกลับคืนมานั้นก็นับว่ามีจิตใจดีอยุ่
    แต่ควรหวังที่จะได้บุญเป็นหลัก

    ความมุ่งหวังในบุญไม่ใช่ความโลภ ในวัตถุ
    หาไม่อย่างนั้นจะไม่มีหลักอะไรเลย

    การมุ่งหวังบุญ ไม่ใช่ความโลภ ที่มีอกุศลเข้าประกอบ
    แต่เป็นไปเพื่อเป็นบาทฐานแห่งการหลุดพ้น เป็นวิวัฏฏะคามินี เป็นภาวะจิตที่เป็นมหากุศล

    หรือการบวชเพื่อแสวงหาโมกขธรรม ไม่ใช่ความอยากทางกาม เป็นจิตที่เป็นมหากุศลเข้าประกอบ เพื่อการบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี

    หากทำบุญแล้วไม่ได้อธิษฐานจิตประกอบ เหมือนกับการที่เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายทำไปลอยๆ มีผลต่างกันอย่างมาก
    ระหว่างคนที่อธิษฐานกับไม่อธิษฐาน

    ในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าแสดงให้ศึกษาตัวอย่าง เศรษฐีคนหนึ่ง ที่ทำบุญแล้วไม่อธิษฐาน ฐานะยากจนตกต่ำลงเรื่อยๆ แต่หากอธิษฐานแล้วจะบรรลุถึงขั้นอรหัตผล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2010
  5. yaka

    yaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +1,384
    ขออนุโมทนากับความคิดทำบุญไม่หวังผลค่ะ เราไม่ต้องหวังผลของบุญหรอกค่ะมาเองเลย อิอิเจอกับตัวบ่อยมากๆอย่างวันก่อน(อาสาฬหบูชา)ตั้งใจว่าจะทำบุญเท่านี้ๆ(แบ่งส่วนทำบุญและเก็บ)แต่ทำไม่ถึงที่ตั้ใจ(ขาดอยู่ 100 บาท)และขับรถมาดีๆตำรวจดันโบกรถเราเอาละซิๆทำอะไรผิดอะ บอกรถเราแซงขวามาคันเดียวเอากับพี่แกซิขับแซงขวาได้ไงก็ลาวพึ่งยูเทิร์นยังหาโอกาสเข้าซ้ายไม่ได้เลยอะ เออกำเลยสุดท้ายเลยได้ล้วงให้พี่แกไปซะ 100 บาทพอดีเลยทีนี้พอดีกับที่ตั้งใจจะทำบุญให้ครบตามที่แบ่งไว้เลย และอีกหลายๆเรื่อง สาธุๆ
     
  6. ตรีเพชร์

    ตรีเพชร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +528
    อย่าคิดเอาเอง เวลาที่ทำบุญแล้วอฐิฐานให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ควรทำแล้ว ที่เขาไม่รับนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา ต้องหมั่นทำบุญไปให้บ่อยๆแล้วเขาจะรับแล้วอโหสิกรรมให้เราเอง ขอย้ำอีกครั้ง"อย่าคิดเอาเอง"ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่คิดเอาเอง ทุกอย่างมีแสดงชัดเจนไม่มีข้อสงสัย เจ้าของกระทู้นี้ควรฟังคำเทศจากครูบาอาจารย์บ่อยๆแล้วปรับเปลี่ยนวิธีคิดเสีย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ควรแล้วครับ! ทำบุญอย่าหวังผลนั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว ผมมีญาติที่ชอบการทำ
    บุญแต่หวังผล คือทำบุญเย๊อะๆเพื่อหวังรวยนั่นแหละ แต่เมื่อทำบุญเย๊อะแล้วไม่รวยซักที
    เค้าเลยเปลี่ยนไปนับถือคริสต์เฉยเลย.... บางคนมองแต่เปลือกจริงๆ...

    การทำบุญแท้จริงแล้ว ก็เพื่อขจัดความโลภหรือกิเลสในจิตใจตะหาก ที่เป็นเป้าหมายหลัก
    คือขัดเกลาอนุสัยความโลภ หรือความอยาก ตระหนี่ถี่เหนียวให้ลดลง นี่แหละคือการทำ
    บุญที่ได้ผลเต็มที่ แถมได้ขัดเกลาอนุสัยความอยากได้ เพื่อการเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้่นไป
    ถ้าทำบุญแล้วอยากได้บุญมากๆ นั่นเป็นการสะสมอนุสัยที่เป็นอกุศล แม้นผลจริงเราจะได้
    รับผลตามกำลังบุญ แต่บุญที่ละเอียดคือการขัดเกลาอนุสัยกิเลสจะไม่ได้เลย แถมเป็นการ
    สะสมความโลภ กลายเป็นสะสมอกุศลในจิตไปซะอีก....

    ส่วนการทำบุญกลับบุคคลที่เป็นเนื้อนาบุญและมีอานิสงค์มากกว่า อันนี้เป็นการทำบุญด้วย
    ปัญญา อันนี้เห็นด้วยครับ...
     
  8. vvasan

    vvasan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,390
    จขกท คิดเองเออเองก็ว่ากันไป เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณธัมมนัตากล่าวเอาไว้
     
  9. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    การทำบุญเพื่อหวังผลที่ถูกต้องก็มี ที่ไม่ถูกต้องก็มี การสรุปแง่เดียวว่าทำบุญไม่ควรหวังผลใดๆเลยจึงไม่ประกอบด้วยปัญญาโดยแม้ ในทางพระพุทธศาสนาบุญเป็นเครื่องชำระกิเลส เป็นเหตุแห่งความสุข เป็นทางแห่งสวรรค์และนิพพาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อสร้างบารมียังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ ท่านทำบุญบุญเล็กๆน้อยก็ขอความเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าการได้สมบัติจักพรรดิมากมายหลายล้านเท่า อย่างนี้ยิ่งกว่าค้ากำไรเกินควรเสียอีก
    ดังนั้นท่านเจ้าของกระทู้ไม่ควรจะสรุปเองแบบนั้น ผลเสียมันมีมากมาย ทางที่ดีควรศึกษาคำสอนทางพระพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎกโดยตรง อ่านธรรมบทเยอะๆจะเข้าใจความเป็นจริงได้ดีขึ้น
     
  10. krit59

    krit59 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +346
    แจกซีดีพระไตรปิฏก ชุด 91 เล่ม พร้อมหัวข้อการศึกษา (เป็นหนังสืออ่าน)
    จะได้รู้ว่า ทำบุญแบบใดถูกต้องศึกษาให้ดีครับ เพราะตอนนี้เราทำบุญแบบตามกันมาทั้งนั้น ซึ่งผิดไปจากพระพุทธเจ้าสอน krit59@hotmail.com
     
  11. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    เข้าใจคำว่า ทาน
    กับ บุญ

    ผิดซะแล้ว
    โปรดทำความเห็นให้ตรงด้วยครับ


    ศึกษาเองมันก็ดี แต่ระวังเข้ารกเข้าพงไปซะก่อนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...