จิตสงบนิ่ง..ศิลปะแห่งอำนาจ..หนูดี-วนิษา เรซ

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 22 เมษายน 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>จิตสงบนิ่ง ศิลปะแห่งอำนาจ


    </TD><TD vAlign=top width=155></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>รายงานโดย :วราภรณ์:

    </TD><TD>วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    จากการที่ หนูดี-วนิษา เรซ ไปเป็นวิทยากรพิเศษให้กับองค์กร รวมทั้งหน่วยงานใหญ่ๆ


    [​IMG]

    พบว่าปัญหาที่นักบริหารมนุษย์ทำงานมีปัญหาและถามมากที่สุดคือ ทำงานหนัก มีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย จนเกิดความเครียด ทำให้ชีวิตไม่มีความสุขเท่าที่ควร ความสุขกับความฉลาด ควรเลือกสิ่งไหน อยากใช้ชีวิตให้มีความสุขขึ้นควรทำอย่างไร การฝึกปฏิบัติธรรมสำหรับผู้บริหารจึงเกิดขึ้นนับเป็นปีที่ 2 เพื่อบอกวิธีบริหารอำนาจที่มีอย่างมีประสิทธิภาพ คือ มีจิตที่สงบนิ่งอยู่กับตนเอง โดยที่จิตไม่คิดฟุ้งซ่านไปกับปัญหาต่างๆ ทำให้การดำเนินชีวิตมีความสุขและสงบขึ้น ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ผู้คนเครียดและหันมาพึ่งธรรมะกันมากขึ้น “ศิลปะแห่งอำนาจ” ครั้งที่ 2 จึงเกิดขึ้นในปีนี้ จัดโดย 2 เจ้าภาพ วนิษา และ จิตต์ ตัณฑเสถียร เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ณ ภูเขางามรีสอร์ท จ.นครนายก ด้วยการเชิญคณะพระธรรมาจารย์ สังฆะแห่งหมู่บ้านพลัม 10 รูป นำโดย ภิกษุณีนิรามิสา ภิกษุฟับคำ ภิกษุฟับยุม พระพิทยา ฐานิสสโร ภิกษุฟับเหวียน ภิกษุณีกึ๊นเงียม ภิกษุณีหั่นเงียม ภิกษุณีด่างเหงี่ยม ฯลฯ ล้วนเป็นพระที่ประจำอยู่ที่หมู่บ้านพลัม ในฝรั่งเศส ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา นับเป็นเรื่องยากที่สามารถนิมนต์พระดังๆ มาร่วมในงานเดียวได้ขนาดนี้


    ข้าวมีรสชาติอร่อย ดอกไม้มีกลิ่นหอม

    หนูดี-วนิษา หนึ่งในเจ้าภาพการจัดงานศิลปะแห่งอำนาจ ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากการจัดงานครั้งแรกประสบความสำเร็จมาก มีนักธุรกิจมาร่วมงานมากมาย และประโยชน์ที่นักธุรกิจได้กลับไปคือความสุขใจ และหันกลับมาหยุดนิ่ง และหาความสุขจากตัวตนแท้ๆ ของตัวเองให้พบ ซึ่งทุกอย่างเกิดจากพลังในตัวเอง ครั้งนี้เธอจึงขยายกลุ่มจากนักธุรกิจมาเป็นครอบครัว เนื่องจากครอบครัวเป็นรากฐานแห่งการเติบโตขึ้นไปในวันข้างหน้า


    [​IMG]


    “หนูดีเคยเป็นวิทยากรให้กับองค์กรหน่วยงานใหญ่ๆ รวมทั้งเจ้าของบริษัท นักบริหารแล้วก็พบว่า ปัญหาที่คนถามมากคือ คนทำงานหนัก มีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย จนเกิดความเครียดถึงแม้จะทำงานและบริหารงานเก่ง แต่เขาไม่มีความสุขเท่าที่ควร คนชอบถามว่า ความสุขกับความฉลาด เราควรเลือกสิ่งไหน อยากใช้ชีวิตให้มีความสุขขึ้นควรทำอย่างไร หนูดีจึงคิดว่า คนที่ประสบความสำเร็จ ชีวิตน่าจะมีความสุข เพราะเขาก็มีอำนาจ แต่จริงๆ แล้วพวกเขามีความทุกข์กว่าคนปกติอีก เพราะนอกจากทุกข์ของตัวเองแล้ว ยังมีชีวิตของพนักงานนับร้อยนับพันคนแบกไว้บนบ่า ต้องดูแลลูกๆ และภรรยา แทบไม่เหลือเวลามาดูแลตัวเองเลย คนกลุ่มนี้จึงต้องการหลักธรรมง่ายๆ มายึดเหนี่ยวจิตใจ ผู้บริหารหลายคนอยากปฏิบัติธรรมแต่กลัวไม่มีเวลา ไม่อยากอดข้าวเย็น ดังนั้น วิธีปฏิบัติธรรมของหมู่บ้านพลัมจึงเหมาะมาก เพราะเป็นวิธีปฏิบัติที่ไม่ยาก และเข้าใจได้ง่าย เหมาะกับผู้ที่ปฏิบัติธรรมใหม่ๆ”
    ยิ่งสภาพเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมตึงเครียดมากแค่ไหน หนูดี บอกว่า คนไทยก็ยิ่งเครียด ไม่ว่าปีไหน พ.ศ.ใด คนไทยก็ยังคงเครียด โดยเฉพาะนักธุรกิจมีการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา และหาวิธีบริหารงานให้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ ผู้บริหารจึงเกิดความเครียด ความทุกข์
    “ปีที่แล้วมีนักบริหารท่านหนึ่ง เป็นชั่วโมงสุดท้ายช่วงจิบน้ำชา เราให้นักธุรกิจท่านนั้นและภรรยาดมกลิ่นดอกลิลลี เขาบอกว่า ทั้งชีวิตเขาทำธุรกิจมาเหมือนวิ่งตามอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยลิ้มรสชาติอาหารอย่างแท้จริงว่ามันอร่อย ทั้งๆ ที่ได้รับประทานอาหารแพงๆ ตลอดเวลา ดอกไม้มีประดับบ้านราคาแพงแต่ไม่เคยดมกลิ่นว่ามันหอมอย่างไร วันนี้เขาเพิ่งรู้ว่า ดอกลิลลีมีกลิ่นหอมแบบนี้ เพราะเขาได้มีสติอยู่กับปัจจุบัน พอเขาพูดเสร็จ ร้องไห้กันทั้งวง”

    วิธีปฏิบัติแบบเจริญสติ

    ธรรมะหมู่บ้านพลัม เข้าใจ ฝึกฝนและปฏิบัติง่าย จึงเหมาะกับผู้ที่เริ่มฝึกสมาธิขั้นพื้นฐานที่จะช่วยทำให้จิตใจสงบนิ่งอยู่กับตัวเอง ณ ขณะเวลานั้น จิตไม่คิดฟุ้งซ่าน อีกทั้งหลักปฏิบัติที่พระธรรมาจารย์นำมาสอนให้นักธุรกิจสงบนิ่งอยู่กับตัวเอง จิตไม่คิดกังวลเกี่ยวกับหน้าที่รับผิดชอบ ทำให้ร่างกายจิตใจรู้สึกผ่อนคลาย
    <TABLE class=content_caption cellSpacing=0 cellPadding=2 width=130 align=right border=0><TBODY><TR><TD class="">[​IMG]</TD></TR><TR><TD class="">หนูดี-วนิษา เรซ </TD></TR></TBODY></TABLE>ทั้งนี้ หลักปฏิบัติที่พระธรรมาจารย์นำมาเผยแผ่ ได้แก่ “การบรรยายธรรม” คือ การนั่งฟังธรรม คำสั่งสอนจากพระธรรมาจารย์ ข้อดีกับผู้ฟังคือ ได้เรียนรู้ธรรมะ ซึ่งมีหลักธรรมเดียวกับศาสนาพุทธ จึงช่วยกล่อมเกลาจิตใจ อีกทั้งนำหลักพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้ดำเนินชีวิตอย่างมีสติ
    “การสนทนาธรรมในกลุ่มย่อย” วิธีปฏิบัติ คือ เป็นการฝึกการฟังอย่างลึกซึ้ง เพื่อการเข้าใจที่ถ่องแท้ พูดกันด้วยวาจาแห่งความรัก บรรยากาศจึงอบอุ่น เข้าใจกันและกัน เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน มีการแบ่งปันประสบการณ์จากชีวิตจริงของตนเองมาเล่าสู่กันฟัง เป็นการฟังด้วยหัวใจ มีการแลกเปลี่ยนปัญหา ที่สำคัญคือฝึกการพูด การสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
    ตลอดจนการ “ฝึกนั่งสมาธิ” ผู้ปฏิบัติจะได้อยู่กับลมหายใจ จิตเกิดความสงบ ตระหนักรู้ถึงร่างกายของเรา ความรู้สึกเช่นเดียวกับ การสวดมนต์ ท่องพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อีกทั้งเรายังได้ทบทวนคำสอนต่างๆ เกิดความสงบในจิตใจ และ “เดินวิถีแห่งสติ” คือ เดินสมาธิ ผสานลมหายใจสอดคล้องกับท่วงท่าการเดิน สิ่งที่ได้คือใจสงบ ได้หยุดชื่นชมกับธรรมชาติ เนื่องจากในชีวิตที่เร่งรีบ ไม่ได้มองสิ่งรอบข้าง ทำให้ได้หยุดและมองสิ่งรอบตัวมากขึ้น จิตรู้สึกผ่อนคลาย


    เศรษฐกิจไม่ดีคนพึ่งธรรมะมากขึ้น
    นิรามิสา ภิกษุณีชาวไทย บอกว่า ขณะนี้คนหันมาสนใจพระพุทธศาสนากันมากขึ้น เพราะคนมีการดำเนินชีวิตที่วุ่นวายสับสน คนจึงต้องการแสวงหาความสุขความสงบในชีวิต ในหลักธรรมะ เมื่อคนวิ่งตามวัตถุ วิ่งตามการบริโภค ประกอบกับการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวน้อยลง ตลอดจนมีความแตกแยกในบ้าน ในสังคม ในประเทศชาติและในโลกมากขึ้น ทำให้มนุษย์ดำเนินชีวิตอย่างไม่มีสติ เป็นธรรมดาที่คนจะวิ่งหาธรรมะ เพราะรอบข้างไม่ปกติ เมื่อคนเข้ามาเรียนรู้วิถีในหมู่บ้านพลัม สิ่งเหล่านี้จะเข้ามาช่วยมนุษย์ คือเมื่อคนได้ฝึกสติ เขาจะตระหนักรู้ คนเราจึงรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ตนเองกำลังทำอะไรอยู่ เช่นเดียวกับขณะที่เดินอย่างมีสติ ได้สัมผัสกับอากาศเย็น แทนที่จะไปคิดเกี่ยวกับเรื่องงาน จิตจึงไม่เกิดความเครียด
    [​IMG]

    “คนเรามักเดินโดยใช้หัวสมองเดินแทนเท้า เราจึงเดินด้วยความกังวล คิดโครงการต่างๆ ฉะนั้นเราควรกลับมาเจริญสติ ได้เห็นความงดงามรอบข้าง ซึ่งเราไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งเขาอยู่กับเราเสมอ หากในชีวิตมีอะไรมากระทบ ถ้าเราฝึกความมีสติแล้ว เราจะรู้เท่าทัน เราจะมีลมหายใจเป็นหมอเยียวยาจิตใจ ในแต่ละวันเราต้องหาเวลาให้เรากลับมาอยู่กับลมหายใจ เราจะเกิดสมาธิ จิตจึงไม่ถูกดึงไปกับสิ่งต่างๆ ได้ง่าย”

    ชื่นกมล อบอาย อาสาสมัครมูลนิธิหมู่บ้านพลัม เห็นด้วยที่ว่า เศรษฐกิจไม่ดีคนหันมาพึ่งธรรมะกันมากขึ้น “ชีวิตปัจจุบันคนมีแต่ความรีบเร่ง มีปัญหามีความทุกข์เยอะ แล้วอะไรล่ะที่ช่วยแก้ได้ แม้ออกไปเที่ยวดูหนังช่วยได้ แต่ความสุขนั้นก็ไม่ยั่งยืน คนจึงแสวงหาการเยียวยาที่ดีที่สุด และไม่มีอะไรจริงไปกว่าธรรมะ ตอนนี้คนจึงหันมาสนใจธรรมะกันมากขึ้น สังเกตจากหนังสือเกี่ยวกับธรรมะออกมาเยอะมาก เกิดพระนักเทศน์เกิดขึ้นมากมาย”

    เจริญสติ แบบ นักดนตรี


    ปราชญ์ อรุณรังสี นักกีตาร์ฝีมือพระกาฬอันดับต้นๆ ของเมืองไทย วัย 41 ปี ก็สนใจในเรื่องธรรมะเหมือนกัน โดยมาฝึกปฏิบัติธรรม 3 วัน 2 คืน ในงานนี้ด้วย ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของโรงเรียนสอนดนตรี Prat Music School ย่านอาร์ซีเอ อีกทั้งเป็นเจ้าของและบรรณาธิการหนังสือดนตรี Overdrive, Computer Music และ Rhythm Section และจัดรายการดนตรีทางทีวีไทย “108 ดนตรี” ปราชญ์บอกว่าเริ่มสนใจสมาธิและธรรมะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากคำแนะนำจากเพื่อน พราย-ปฐมพร ปฐมพร ปราชญ์จึงอยากลองนั่งสมาธิสัมผัสโลกทางธรรมบ้าง
    <TABLE class=content_caption cellSpacing=0 cellPadding=2 width=130 align=right border=0><TBODY><TR><TD class="">[​IMG]</TD></TR><TR><TD class="">ปราชญ์ อรุณรังสี</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อเขาเข้าไปสัมผัสธรรมะแล้ว ทำให้เขารู้ว่า “ธรรมะ” คืออะไร และจะนำธรรมะ การมีสติและสมาธิ มาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
    “การมีสมาธิไม่ใช่แค่การที่เราไปนั่งนิ่งๆ อยู่กับที่ แต่การที่เราทำอะไรก็แล้วแต่ เช่น การเล่นกีตาร์ก็ถือว่าเป็นการทำสมาธิ สมาธิเกิดขึ้นได้ในหลายๆ แบบ ชมภาพยนตร์ก็มีสมาธิ แต่อาจจะไม่มีสติ เพราะใจเราหลงไปกับเรื่องราวของภาพยนตร์” สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติธรรมคือ การมีสติมากขึ้น และมีสมาธิไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ที่สำคัญทำให้เขารู้จักการเดินทางสายกลาง และความพอดีในการดำเนินชีวิต
    สมาธิจำเป็นไหมกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ปราชญ์บอกว่า จำเป็น เพราะหากมีสมาธิก็จะสามารถทำกิจวัตรประจำวันและทำงานได้ดีขึ้น “สมาธิก่อให้เกิดปัญญา และปัญญาเป็นคำตอบของหลายๆ อย่าง หากเรามีปัญญาในการคิด ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น การฝึกสมาธิถ้าทำทุกวัน เราจะสั่งได้ เช่น จับความโกรธได้ แต่เราไม่ได้ฝึกสมาธิทุกวัน เราจึงจับความโกรธไม่ได้ ซึ่งผมก็นิ่งได้มากขึ้น แต่ยังไม่สมบูรณ์แบบ ผมมองว่าการฝึกสมาธิกับหมู่บ้านพลัม ผมชอบตรงไม่มีการยึดติด ทุกอย่างเกิดจากตัวเอง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ รู้วิธีจัดการกับความทุกข์ หากเรามีสติเราจะรู้ตัวตลอดเวลาว่าเราจะทำอะไร ถ้าเรามีสมาธิกับทุกอย่าง ความผิดพลาดก็จะน้อยลง”

    -----------
    [​IMG]
    http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=43461
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...