ดูดวงเก่งขวางการเจริญสติ

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย TupLuang, 13 สิงหาคม 2008.

  1. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    ดูดวงเก่งขวางการเจริญสติ

    กรณีเฉพาะตนของ – หมอ ส.
    อาชีพ – หมอดู
    ลักษณะงานที่ทำ – รับดูดวงให้ลูกค้าวันละไม่ต่ำกว่า ๑๐ คน แต่ละคนจะมีปัญหาชีวิตต่างกันไป ส่วนใหญ่ไม่พ้นเรื่องความรักและการงาน ซึ่งก็มักพอใจกับคำทำนายและคำแนะนำ แต่หลายครั้งก็รู้สึกเหมือนเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของลูกค้าที่เอาแต่ใจ ไม่พอใจคำทำนาย หรือไม่ยอมรับคำแนะนำ แถมหลายคนติดพันขอโทร.มาปรึกษาเพิ่มเติมนอกเวลา บางคืนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนไปจนดึกดื่นเที่ยงคืน



    คำถามแรก – ได้ยินว่าถ้าทำอาชีพหมอดู มีความขัดแย้งกันกับการเจริญสติ ถึงขั้นทำไม่ได้ถึงมรรคถึงผลจริงหรือเปล่าคะ?

    กรรมที่ปิดกั้นมรรคผลอย่างเด็ดขาด แบบที่คนสมัยนี้ทำกันได้มีแค่ ๔ ข้อครับ คือ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ หรือเป็นสงฆ์ที่ทำให้สงฆ์แตกกัน นอกนั้นต่อให้เคยฆ่าคนเป็นเบือก็ยังพอมีสิทธิ์กลับลำ เจริญสติจนถึงมรรคถึงผลได้
    ที่กล่าวกันว่าอาชีพหมอดูขัดกับการเจริญสติ ต้องแยกแยะสาเหตุให้เห็นเป็นข้อๆ พร้อมวิธี ‘เป็นหมอดูให้ได้สติ’ ดังนี้

    ๑) ต้องคิดคำนวณมาก หลักโหราศาสตร์เต็มไปด้วยตัวเลข เมื่อในหัวพัวพันกับตัวเลขยุ่งเหยิง แถมทั้งวันต้องเค้นคิดตีความว่าจะทายอย่างไรดี ก็เชื่อขนมกินได้ครับว่าพายุความฟุ้งซ่านก่อตัวไม่หยุดแน่

    อีกประการหนึ่ง ศาสตร์เกี่ยวกับตัวเลขและการพยากรณ์เป็นสิ่งชวนฉงนน่าหลงใหล ยิ่งศึกษายิ่งก้าวล่วงเข้าไปสู่พลังลึกลับแห่งดวงดาว ตัวศาสตร์เองจึงมีอิทธิพลครอบงำจิตใจหมอดูให้หมกมุ่น อยากลงลึกไปเรื่อยๆ ยิ่งรู้มากยิ่งอัศจรรย์ใจกับรหัสจักรวาลขึ้นทุกที อันนี้อย่าว่าแต่ศาสตร์ในการดูหมอเลย ต่อให้ธรรมะก็เถอะ ถ้าศึกษาทฤษฎีเพื่อให้ได้องค์ความรู้ไม่รู้จบ ก็ย่อมฟุ้งซ่านด้วยความมัวเมาวิชาได้เช่นกัน

    แล้วถามว่าความหมกมุ่นฟุ้งซ่านเข้ากันหรือขัดกันกับการเจริญสติ? ก็ต้องตอบว่าขัดกัน การเจริญสตินั้นต้องการตัวรู้ ไม่ใช่ตัวคิด พูดง่ายๆคือคิดมากจะรู้น้อย คิดให้น้อยๆถึงมีสิทธิ์จะรู้ได้มาก

    ฉะนั้นหากรักจะเป็นหมอดูที่เจริญสติไปด้วยได้ แค่ทำสมาธิมากหลังเลิกงานเห็นทีจะไม่พอ คุณต้องให้จิตได้พักสงบเงียบเป็นช่วงๆระหว่างทำงานด้วย อย่างเช่นระหว่างรอลูกค้ารายใหม่ก็อาจหลับตาถามตัวเองว่ากำลังหายใจเข้า หรือหายใจออก หรือหยุดหายใจ ไม่ปล่อยใจวอกแวกไปทางอื่น หากมีวินัยกับการฉวยโอกาสสั้นๆพักจิตได้เรื่อยๆ กำลังสมาธิจะไม่ตก และรู้สึกถึงความว่างที่ชนะความวุ่น

    ๒) ต้องเผชิญกับทุกข์ทางใจหลากหลาย หมอดูนั้นนะครับ ยิ่งเก่งจะยิ่งเหนื่อย เพราะลูกค้าจะหอบพ่อแม่พี่น้องและญาติสนิทมิตรสหายมาใช้บริการตามกันเป็นพรวน

    ก็แล้วคนมาดูหมอนั้น มาพร้อมความสุขหรือความทุกข์เล่า? อย่างน้อยเขาก็ทุกข์เพราะความอยากรู้อนาคต ทั้งวันคุณอาจต้องเผชิญกับกระแสจิตที่ปั่นป่วนด้วยความอยากรู้ หรือกระทั่งสกปรกเร่าร้อนด้วยพฤติกรรมผิดๆ หากรับมือไม่ดี จิตของคุณย่อมเศร้าหมอง คล้ายติดค้างคาใจไปสารพัด
    เพื่อไม่ให้ขยะเกาะจิตได้ติด คุณต้องเจริญสติระหว่างทำงานไปด้วย การต้องรับฟังและโต้ตอบกับคนมากๆก็มีข้อดี คือมีโอกาสได้ซ้อมดูปฏิกิริยาทางใจของคุณเองบ่อยๆ ให้ถามตนเองเรื่อยๆ เช่น ตอนนี้ใจถลำไปพลอยมีส่วนร่วมกลุ้มใจกับลูกค้าไหม ตอนนี้รู้สึกถึงความปั่นป่วนในใจลูกค้าไหม ตอนนี้ร้อนรุ่มกับความเอาแต่ใจของลูกค้าไหม ฯลฯ สรุปคือดูความทุกข์ทางใจของตนเองให้ทันในขณะที่เกิดขึ้น บ่อยเข้าคุณจะค่อยๆเห็น ว่าความทุกข์ที่ถูกรู้จะแสดงความไม่เที่ยงเสมอ พลอยทำให้จิตของคุณเป็นอิสระ ถอยออกมาจากความยึดภาวะทุกข์เสมอ

    ๓) ต้องตอบให้ได้ คุณบังคับไม่ได้ว่าจะให้ลูกค้าถามอะไร แต่คุณจะถูกลูกค้าคาดคั้นให้ตอบทุกคำถามของพวกเขาเสมอ เพราะในมุมมองของของลูกค้า หมอดูคือผู้มีอาชีพรู้อนาคต ลูกค้าจะไม่พยายามเข้าใจเลย ว่าแม้แต่นอสตราดามุสก็ไม่ได้รู้อะไรทั้งหมด คนที่รู้ทั้งหมดมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น
    เมื่อถูกคาดหวังสูง จึงต้องพยายามตอบให้ได้หรือแนะนำได้ดี แม้ไม่รู้ก็ต้องบอกว่ารู้ ไม่แน่ใจว่าจะตีความตัวเลขอย่างไรก็ต้องวางฟอร์มเชื่อมั่นว่าอ่านชะตาลูกค้าได้ขาด ให้คำแนะนำได้เข้าเป้าเสมอ

    หากมักง่าย ยอมตนเป็นคนลวงโลกก็คงไม่ต้องหวังเจริญสติ นักพูดเท็จย่อมไม่อาจมีสติแจ่มใสเห็นตามจริง ยิ่งวันมีแต่จะยิ่งพร่ามัวเห็นอะไรบิดเบี้ยวมากขึ้นทุกที ฉะนั้นคุณต้องตั้งใจให้ดีว่าจะมีศีลมีสัตย์ รู้บอกว่ารู้ ไม่รู้บอกว่าไม่รู้ และหากเห็นตนเองต้องตอบว่า ‘ไม่รู้’ มากกว่า ‘รู้’ ล่ะก็ ทางที่ดีควรชะลอการเลือกอาชีพหมอดูไว้ก่อน มิฉะนั้นคุณอาจต้องกลายเป็นมิจฉาชีพโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    ๔) ต้องพาลูกค้าส่งจิตออกนอก ถ้าหมอดูพิสูจน์ผ่านการทักอดีตและปัจจุบันได้แม่นยำ ลูกค้าจะยิ่งเชื่อถือคำทำนายเกี่ยวกับอนาคต ถ้าทายดีก็จะมีความหวังสูง จดจ่อรอวันใหม่ไม่เลิก แต่ถ้าทายร้ายก็จะวิตกกังวลอย่างแรง เฝ้าคิดแต่ว่าทำอย่างไรจะแก้ไขวันพรุ่งนี้ให้ดีขึ้นได้

    สรุปคือหมอดูยิ่งแม่น ก็ยิ่งพาให้ลูกค้าฟุ้งซ่าน วกวนอยู่กับการคิดถึงอนาคตและเรื่องนอกตัวที่ยากจะพิสูจน์ เมื่อให้ความฟุ้งซ่านแก่ผู้อื่น ย่อมได้ความฟุ้งซ่านแก่ตนเอง

    การเจริญสติเป็นเรื่องปัจจุบัน คุณไม่มีทางเอาจิตมารู้ข้างใน ตราบเท่าที่ยังพาคนอื่นส่งจิตออกข้างนอก ฉะนั้นต้องเหนี่ยวนำให้เขามาอยู่กับปัจจุบันบ้าง ปรับปรุงนิสัยที่เป็นต้นเหตุของทุกข์ทางใจบ้าง คลื่นความสงบใจที่เกิดกับพวกเขา ย่อมย้อนมาเป็นความผาสุกให้ชีวิตคุณเอง

    ๕) ต้องพาให้ลูกค้างมงายโดยปริยาย ถ้าบอกลูกค้าว่าคุณรู้อดีตและอนาคตของเขาได้จากดวงดาว ก็เท่ากับชักจูงให้เขาเชื่อว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้วแบบฟ้าลิขิต ซึ่งเป็นทางไปสู่ความงมงายไร้เหตุผล

    คุณต้องอธิบายให้ถูกว่าเขาเป็นอย่างไรก็ด้วยกรรมทั้งสิ้น กรรมเก่าส่งมาอยู่ใต้รหัสดาวแบบนี้ จึงได้เพศ รูปร่างหน้าตา ฐานะ ภูมิปัญญา ตลอดจนดวงชะตาอย่างนี้ ของเก่าเป็นฐานให้ตัดสินใจว่าจะเลือกคิด เลือกพูด และเลือกทำอะไรใหม่ๆอย่างไร

    เพียงยึดหลักทานและศีล คุณสามารถวิเคราะห์ทุกดวง และให้คำแนะนำทุกดวงอย่างถูกจุด เช่น เคราะห์เรื่องโรคภัยไข้เจ็บและเรื่องถึงเลือดถึงเนื้อมาจากการเบียดเบียนชีวิตอื่น ถ้าจะผ่อนหนักเป็นเบาก็ต้องให้อภัยมากๆ ปล่อยชีวิตสัตว์มากๆ เป็นต้น นี่คือการทำให้คนเชื่ออย่างมีเหตุผล และพิสูจน์ได้ด้วยการทดลองทำจริง และเมื่อคุณไม่นำคนไปสู่ความงมงาย ในที่สุดคุณจะตาสว่างก่อนใคร ในฐานะผู้สามารถเอาดวงดาวมาอธิบายกรรม


    คำถามที่สอง – ถ้าหาทางแนะนำให้ลูกค้ารู้จักการเจริญสติ จะถือว่ามีส่วนช่วยให้สติเข้าตัวเองไหมคะ

    แน่นอนครับ ทุกอย่างเป็นไปตามหลักธรรมชาติที่ว่าให้สิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น ผู้ให้สติย่อมได้สติ

    อย่างไรก็ตาม ลูกค้าแต่ละคนรับได้ไม่เท่ากัน บางคนไปพูดเรื่องเจริญสติกับเขา เขาหาว่าดูถูกเห็นเขาไม่มีสติเข้าให้ก็ได้ ฉะนั้นต้องดูจังหวะและโอกาสด้วย

    ถ้าเห็นว่าจิตเขามืดหนักไม่พร้อมจะฟังธรรมะ ก็ดูดวงแม่นๆจนเขาศรัทธายอมฟังเสียก่อน พอยอมฟังแล้วค่อยพิจารณาว่าเขาเหมาะจะรับอะไรเป็นอันดับแรก ทำทานทำลายความตระหนี่ หรือรักษาศีลชะล้างความสกปรก นี่เป็นรายละเอียดที่ต้องศึกษามาก มีประสบการณ์ตรงมาก จะค่อยๆเห็นวิธีแนะนำคนแต่ละแบบไปเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2008
  2. kibkaejaja

    kibkaejaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +177
    ขออนุโมทนาค่ะ

    เคยไปดูหมอแล้วหมอดูบอกว่าเหนื่อยเพราะไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะต้องสวดมนต์ ภาวนา นั่งสมาธิ ฯ อะไรเยอะแยะเลยค่ะ ฟังหมอดูเล่าแล้วเหนื่อยแทนเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...