ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โคลอมเบีย : โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นช่วงบ่ายในเขตเทศบาลเมืองอิลิสปินัล โทลิมา อัฒจรรย์สนาม กีฬาสู้วัวกระทิงถล่มมีผู้เสียชีวิตถึง 6 คน 500 คนได้รับบาดเจ็บ ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 10 ราย เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงบ่ายวันอาทิตย์ 26 มิถุนายน 2565
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐฯ : ตื่นตระหนกรอบใหม่เกิดขึ้นที่ขบวนพาเหรด ️‍ ไพรด์พาเหรด ในนิวยอร์ก วันอาทิตย์ที่ 26 มิ.ย. ที่สวนสาธารณะวอชิงตันสแควร์สแควร์ปาร์ค เมื่อเสียงดังคล้ายปืนเกิดขึ้น ผู้คนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดมีผู้คนส่งเสียงให้หนีจากบริเวณนั้น

    หลังจากตำรวจนิวยอร์ก ตรวจสอบมีผู้จุดดอกไม้ไฟ เลยเกิดเสียงดังคล้ายคนยิงปืน

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อะไรคือ ถ่านไฟแช็ก?

    ถ่านไฟแช็กเป็นโลหะผสมชนิดหนึ่งเรียกว่า เฟอร์โรซีเรียม (ferrocerium) แต่คนไทยหลายคน รู้จักในชื่อว่า ถ่านไฟแช็ก เนื่องจากมันถูกใช้เป็นตัว สร้างประกายไฟในไฟแช็กทั่วไปที่ทำงานด้วยการ หมุนเฟืองโลหะให้เสียดสีกับถ่านไฟแช็กเพื่อสร้าง ประกายไฟ ขณะที่ชาวต่างชาติหลายคนเรียกโลหะ ผสมนี้ว่า ฟลิ้นต์ คำเดียวกับฟลิ้นต์ที่หมายถึง หินเหล็กไฟ เพราะเมื่อนำเฟอร์โรซีเรียมไปขูดหรือ เสียดสีกับเหล็กจะเกิดสะเก็ดไฟออกมาคล้ายกับ การนำหินเหล็กไฟไปขูดกับเหล็ก

    ที่มาและอ่านข้อมูลรายละเอียด
    https://www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/246_65-70.pdf

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปาท่องโก๋ทำไมจึงมีกลิ่นแอมโมเนีย

    เป็นเพราะใส่แอมโมเนียจริงๆครับ ปาท่องโก๋เป็นขนมที่ขึ้นฟูด้วยการกลายเป็นก๊าซของแอมโมเนีย (NH3) เมื่อโดนความร้อน ซึ่งให้ผลมากกว่าผงฟูเยอะครับ ดูจากการพองของปาท่องโก๋จะพองเป็นโพรงใหญ่ๆ

    เจ้าแอมโมเนียที่ว่าเค้าจะเป็นเกล็ดเหมือนผลึกน้ำตาลน่ะครับ เค้าเรียกว่า "เฉาก่า"

    อ้อ ส่วนที่เค้าประสานปาท่องโก๋ให้ติดกัน เค้าใช้น้ำเปล่าครับ น้ำแตะแป้งก็ละลาย เหลือแต่ตัวเนื้อโดห์ของขนมซึ่งมีความเหลว จึงติดกันครับ

    เหตุที่ต้องใช้เฉาก่าคือจะช่วยลดเวลาในการหมักแป้งจาก 10 ชั่วโมงเพื่อให้ยีสต์ทำงาน เหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมง และจะช่วยเพิ่มความกรอบ อีกทั้งต้นทุนก็ถูกกว่าด้วย

    โดยในกระบวนการทอดปาท่องโก๋ แอมโมเนียจะกลายเป็นก๊าซไปเสียหมดครับ (ยกเว้นว่าทอดไม่ดี) ก็จะไม่เหลืออยู่ในขนมอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะได้กลิ่นจากน้ำมันที่ทอด

    สารให้ความกรอบใน ปาท่องโก๋ คือ เฉาก่า หรือ เบคกิ้งแอมโมเนีย ลักษณะทางกายภาพของแอมโมเนียมไบคาร์บอเนต มีลักษณะเป็นผงผลึกสีขาว ที่อุณหภูมิห้อง มีกลิ่นของแอมโมเนียเล็กน้อย และสามารถละลายน้ำได้ (ละลายได้ประมาณ 17.4% ในน้ำสะอาดอุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส) แต่ไม่ละลายในอะซิโตนและแอลกอล์ฮอล มีฤทธิเป็นกลาง pH ประมาณ 7.8
    แอมโมเนียม ไบคาร์บอเนต (Ammonium Biabonate) จัดเป็นสารเติมแต่งในอาหารที่ให้คุณสมบัติ
    1. ทำให้อาหารขึ้นฟู
    2. ทำให้อาหารมีความกรอบ
    3. ช่วยฆ่าแบคทีเรียได้
    แอมโมเนียมไบคาร์บอนเนต นิยมใช้ในอาหารที่ทำจากแป้งจำพวก ซาลาเปา ปาท่องโก๋
    แอมโมเนียมไบคาร์บอเนต จะสลายตัวเมื่อได้รับความร้อนที่อุณหภูมิ 36-60 องศาเซลเซียส โดยเมื่อสลายตัวจะให้แก๊ส 3 ชนิด คือ คาร์บอนไดออกไซค์ แอมโมเนีย และไอน้ำ ดังสมการ
    NH4HCO3 -------> NH3 + CO2 + H2O

    ดังที่บางท่านได้กลิ่นเวลารับประทานปาท่องโก๋บางเจ้า ส่วนที่บางครั้งไม่ได้กลิ่นก็อาจเป็นเพราะระเหยไปหมดหรือจิ้มกับนมและสังขยาจนกลบกลิ่นแอมโมเนียไปหมดแล้วครับ ซึ่งคนสมัยก่อนเขาไม่ใช้กันครับจะใช้ “ยีสต์” ธรรมชาติหรือผงฟูแทนซึ่งต้องใจเย็นๆรอให้แป้งฟูหน่อยแต่ปลอดภัยกว่าเยอะครับ

    สำหรับพิษของแอมโมเนียจะทำให้เกิดการระคายเคืองกับระบบทางเดินหายใจหากได้รับต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดหลอดลมอักเสบได้ ซึ่งอาการจะขึ้นอยู่กับปริมาณและระยะเวลาที่ได้รับ
    ส่วนผลกระทบที่เกิดจากปาท่องโก๋ถือว่าน้อยมาก
    เพราะส่วนใหญ่จะระเหยออกไปหมดแล้ว ลองดูจาก clip เป็นข้อมูล


    Cr. เจาะเวลาหาอดีต
    https://www.facebook.com/2007331706...gvfKS6c8BLpBd6n2tr9zn4D2w6aB4ipq8wgXyYf8b2xl/

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ขว้างก้อนหินให้กระดอนบนผิวน้ำ (Stone skipping)

    เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเล่นเกมนี้กัน หาก้อนหินมาขว้างบนผิวน้ำในบึงหรือทะเลสาบที่มีน้ำนิ่ง ให้ก้อนหินกระดอนบนผิวน้ำ ใครขว้างแล้วไปได้ไกลที่สุดหรือกระดอนบนผิวน้ำจำนวนครั้งมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ ฝรั่งเรียกเกมนี้ว่า Stone skipping จากหลักฐานที่มีพบว่ามนุษย์เราเล่นเกมนี้กันมาอย่างน้อยตั้งแต่ยุคกรีกโบราณประมาณ 2000 กว่าปีมาแล้ว

    ฝรั่งมักมีนิสัยชอบทำอะไรจริงจัง แม้แต่การเล่นเกมหรืองานอดิเรกก็ใส่ใจ จริงจังมาก Stone skipping มีการแข่งขันกันอย่างเป็นทางการ สถิติในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ตกเป็นของ Kurt "Mountain Man" Steiner โดยสามารถปาก้อนหินแล้วกระดอนบนผิวน้ำได้ถึง 88 ครั้ง สถิตินี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2013 คำถามที่น่าสงสัยคือเคล็ดลับในการปาก้อนหินให้กระดอนจำนวนครั้งมากที่สุดคืออะไร เกิดอะไรขึ้นทำไมก้อนหินถึงสามารถกระดอนบนผิวน้ำได้
    เรื่องนี้ต้องอาศัยความรู้ในวิชาฟิสิกส์มาอธิบาย ใครสนใจเข้าไปอ่านต่อได้
    http://www.thaiphysoc.org/article/126/

    จากการวิจัย พบว่าที่มุมประมาณ 20 องศาระหว่างก้อนหินกับผิวน้ำ จะเป็นมุมที่ดีที่ทำให้ก้อนหินกระดอนไปได้จำนวนครั้งมากที่สุด และยังพบอีกว่า ความเร็วและการหมุนไม่ได้เปลี่ยนข้อเท็จจริงนี้ ความเร็วและการหมุนช่วยให้เกิดความสมดุลและสามารถเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงและสม่ำเสมออันเนื่องมาจากผลไจโรสโคป (gyroscopic effect)


    เรียบเรียงโดย

    ณัฐพล โชติศรีศุภรัตน์
    ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นอนหลับฝันดีครับ

    น้ำมันรอนสันต่างจากน้ำมันทั่วไปอย่างไร ?

    น้ำมันรอนสัน ผลิตและกลั่นมาจากน้ำมันปิโตรเลียม
    ซึ่งมีช่วงการกลั่นน้ำมันอยู่ในประเภทของน้ำมันเบนซินแนฟทาเบา
    มีคุณสมบัติในการทำละลาย โดยจะมีความบริสุทธิ์สูง จุดระเหยต่ำ

    เมื่อเทียบกับน้ำมันที่ได้จากการกลั่นประเภทอื่นๆ
    จึงเหมาะสำหรับการเติมน้ำมันไฟแช็ค เชื้อเพลิง, จุดไฟคบเพลิง กองไฟต่างๆ
    หรือจุดธูปเทียนเพื่อให้ไฟติดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

    เนื่องจากน้ำมันรอนสัน มีคุณสมบัติเป็น สารทำละลาย และจะทำได้ดียิ่งขึ้นเมื่อนำน้ำมันรอนสันไปเช็ดล้างบนวัสดุที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ
    เช่น คราบน้ำมัน ไขมัน จาระบี ยางมะตอย คราบกาว สติ๊กเกอร์ เป็นต้น

    จึงเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในกลุ่มช่าง หรือ แม้กระทั่งในครัวเรือน กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มงานอดิเรกเฉพาะด้าน ที่นิยมนำไปใช้ประยุกต์ในงานแต่ละประเภท

    http://www.ronsonol-thailand.com/เก...1d1c8fd10e91?Redirect=true&Date=1656287641544



     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ถึงกลุ่มประเทศ G7 จะแบนทองคำรัสเซีย แต่ธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ยังคงซื้อทองคำแท่งจากรัสเซีย ล่าสุดเพิ่งนำเข้าทองคำ 3.1 ตัน มูลค่า 200ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพราะธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ส่งออกทองคำแท่งไปตลาดจีน ฮ่องกง อินเดีย จำนวนมาก ท่ามกลางการขาดแคลนทองคำแท่งในตลาดอังกฤษ ไม่มีของส่ง และในเดือนกรกฎาคม ตลาดทองคำกระดาษอังกฤษประกาศระงับการซื้อทองคำ และเงินลง

    ตลาด LME หรือชื่อเต็มๆ คือ London Metal Exchange ได้ประกาศ "ระงับการซื้อขายทองคำและแร่เงิน" ของเดือนกรกฎาคม 2565 จนสร้างความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตลาดซื้อขายโลหะมีค่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแห่งนี้ และที่สำคัญก็คือ มันจะส่งผลต่อราคาทองคำ และแร่โลหะมีค่าอย่างไรบ้าง

    LME คืออะไร?

    London Metal Exchange หรือ LME เป็นตลาดซื้อขายสัญญาโลหะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ตั้งแต่กลุ่มโลหะอุตสาหกรรมอย่าง นิกเกิล กลุ่มโลหะมีค่า (Precious metal) อย่าง ทองคำ และเงิน ไปจนถึงสัญญาเหล็กและพลาสติก ตลาดนี้มีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ จึงถือเป็นหนึ่งในตลาดซื้อขายโลหะที่ใหญ่ที่สุดของโลก และถูกใช้เป็นราคาอ้างอิงการซื้อขายโลหะนอกกลุ่มเหล็กมากกว่า 90% ด้วย ที่สำคัญคือ สามารถใช้ตลาด LME ในการบริหารความเสี่ยงด้านราคา (Hedging) ผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทั้งสัญญา Future สัญญา Forward และ สัญญา Options

    https://www.reuters.com/markets/eur...y-first-time-since-ukraine-attack-2022-06-21/

    https://www.amarintv.com/spotlight/markets/detail/24415

    FB_IMG_1656376691793.jpg FB_IMG_1656376693772.jpg
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เมื่อวานนี้ ปธน.โจ ไบเดน และกลุ่ม G7 ได้ประกาศแบนทองคำจากรัสเซียโดยให้เหตุผลว่าเป็นการปิดกั้นรายได้เข้าประเทศรัสเซียที่ส่งออกทองคำเป็นอันดับสองของโลกรองจากจีน นั่นคือเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีเลยทีเดียว


    ตลาดใหญ่ของทองคำนั้นอยู่ที่อังกฤษ The London Bullion Market Association (LBMA) เป็นผู้คุมตลาด แต่ LBMA ไม่ใช่เพียงแต่คุมตลาดทองคำเท่านั้นยังคุมตลาดโลหะมีค่าตัวอื่นเช่น เงิน แพตินั่ม นิกเกิล ทองแดง อีกหลายรายการ ถ้ามีการแบนทองคำจากรัสเซียนั่นหมายถึงทองประมาณ 9.5% จะหายไปจากตลาด Gold Futures ของอังกฤษ รวมถึงตลาดอันดับที่ 2 อย่าง CME ตลาดเก่าแก่ของสหรัฐด้วย


    เรื่องนี้ดูเหมือนกลุ่ม G7 และสหรัฐจะเจ๊งล่วงหน้าเหมือนกับการแซงชั่นสินค้าตัวอื่นๆ ของรัสเซีย นั่นคือตลาดทองคำมีความต้องการไม่รู้จบไม่ต่างอาหารและพลังงานที่ยิ่งแซงชั่นรัสเซียยิ่งรวยขึ้น เพราะตลาดอื่นจะเข้ามาเป็นตัวกลางเก็บกำไรเพิ่มขึ้นจากราคาที่แพงขึ้นจากการขาดแคลน โดยในที่สุดเมื่ออาหารและพลังงานของรัสเซียเมื่อวิ่งอ้อมกลับมาถึงตลาดยุโรปมันไม่ใช่ราคาเดิมอีกแล้ว


    เรื่องนี้คงต้องฟังเทพทองคำอย่าง Peter Schiff เจ้าพ่อนักลงทุนด้านทองคำที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของ ปธน.โจ ไบเดน และกลุ่ม G7 โดยได้ทวิตเตอร์ไปถึง ไบเดนโดยตรงว่า
    "นี่จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่มันจะกลับมาสร้างความเดือดร้อนจากที่ โจ ไบเดนทำกับชาวอเมริกัน ไม่ใช่ปูตินเลย ในที่สุดชาวอเมริกันจะต้องซื้อทองคำแพงขึ้น อะไรก็ตามที่ไบเดนได้ทำลงไปคือการส่งเสริม(ประโยชน์)ให้รัสเซีย"


    รัสเซียไม่ได้ส่งทอง 99% ออกมาขาย แต่จะมีผู้ค้าทองรายอื่นที่เอาสกัดเป็นทอง 99% ส่งออกขายในตลาด เรื่องนี้เมื่อเดือนก่อนก็มีทองจากรัสเซียเข้าไปสกัดที่สวิสเซอร์แลนด์ไป 3.1 ตันเป็นครั้งแรกหลังเกิดสงครามและเปิดการแซงชั่นรัสเซีย ซึ่งเป็นการซื้อมากขึ้นกว่าเดิมที่เคยซื้อเพียงเดือนละ 2 ตัน ตลาดทองของรัสเซียไม่ได้น้อยลง เพราะยังมีจีนและอินเดียเป็นลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าตอนที่ทองย้อนกลับไปสู่ตลาดยุโรปและสหรัฐมันต้องไม่ใช่ราคาเดิม เพราะตลาดฟิวเจอร์มันเริ่มขยับตัวรับข่าวนี้กันแล้ว


    ทองคำไม่เคยหมดอนาคต ผมบอกคำนี้มาหลายปีแล้วว่าถ้ามีเงินเย็นให้เก็บทองเอาไว้ แล้วเรามาดูกันว่าอนาคตของทองคำตั้งแต่วันนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
    FB_IMG_1656376812007.jpg
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ◾️การประท้วงครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่ใจกลางเมืองมิวนิก ชาวเมือง 20,000 คนออกมาประท้วงตามท้องถนนเพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกการประชุมสุดยอด G7

    ◾️นี่คือวิธีที่ตำรวจเยอรมนีดำเนินการในการประท้วงอย่างสันติ
    .
    https://t.me/UkraineHumanRightsAbuses/6558

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ในการให้สัมภาษณ์กับ BBC จอห์นสันได้ออก

    แถลงการณ์โดยระบุว่าเขาอาจต้องออกเนื่องจากความล้มเหลวในการสนับสนุนยูเครน "ถ้าฉันต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าเราควรละทิ้งยูเครนเพราะสถานการณ์มีความซับซ้อนเกินไปและราคาของการสนับสนุนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพอย่างกล้าหาญของชาวยูเครนนั้นสูงเกินไปในแง่ของอัตราเงินเฟ้อและความเสียหายต่อ เศรษฐกิจ ฉันคิดว่าฉันจะยุติข้อพิพาท ฉันจะจากไป”

    เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พรรคอนุรักษ์นิยมที่ปกครองสหราชอาณาจักรแพ้การเลือกตั้งในสภาในสองเขตเลือกตั้งในอังกฤษ หลังจากการประกาศผลการลงคะแนนเสียง โอลิเวอร์ ดาวเดน ประธานร่วมของพรรคได้ลาออก ในสื่อของอังกฤษ ตำแหน่งของจอห์นสันอ่อนแอลงอย่างมาก เสียงของการลาออกที่เป็นไปได้ของเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

    ตามข่าวชิ้นนี้มีข้อสรุปเชิงก้าวหน้าหกข้อดังนี้

    1. ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ สหราชอาณาจักรอยู่ที่ทางแยกของ "การสนับสนุนยูเครน" และ "การละทิ้งยูเครน" และกองกำลังของ "การละทิ้งยูเครน" ได้คุกคามตำแหน่งของจอห์นสัน

    2. หาก "การละทิ้งยูเครน" มีชัย จอห์นสันอาจถูกบังคับให้ลาออก และความช่วยเหลือจากอังกฤษที่ให้แก่ยูเครนจะลดลงอย่างมากหรือถึงกับถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง

    3. หาก "ฝ่ายโปรยูเครน" ชนะ จอห์นสันจะต้องประนีประนอมกับ "ฝ่ายที่ละทิ้งยยูเครน" อย่างเหมาะสม แม้ว่าเขาจะสามารถรักษาตำแหน่งของเขาได้ แต่จะลดลงอย่างมาก

    4. จอห์นสันเป็นผู้ถือมาตรฐานของสายเหยี่ยวที่มีต่อรัสเซีย ไม่ว่าเขาจะลาออกหรือไม่ก็ตาม เมื่อสหราชอาณาจักรลดความช่วยเหลือไปยังยูเครน มันจะกระตุ้นให้หลายประเทศในยุโรปปฏิบัติตาม สายพิราบที่นำโดยฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลีอาจครองอำนาจ

    5. หลังจากสูญเสียการสนับสนุนของพุดเดิ้ลและหลายประเทศในยุโรป สหรัฐฯ จะไม่สามารถสนับสนุนได้เพียงลำพัง พระราชบัญญัติ Lend-Lease Act มูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ อาจกลายเป็นภาพสะท้อน

    6. ยูเครนซึ่งหาอาวุธยากอยู่แล้ว ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือมากมาย ไม่ต้องพูดถึงการบุกโจมตีในเดือนสิงหาคม ที่จะไม่มีกำลังแม้แต่จะทำให้แนวรบมั่นคง

    ทั้ง 6 ประเด็นข้างต้นไม่ว่ากรณีใด ความวุ่นวายทางการเมืองของอังกฤษจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ในยูเครนอย่างแน่นอน ยิ่งความวุ่นวายมากเท่าไร ผลกระทบก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยยูซี ริเวอร์ไซด์ (UC Riverside) และมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ (University of Delaware) ประเทศสหรัฐอเมริกา วิจัยพัฒนาวิธีการปลูกพืชในที่มืดสนิท โดยใช้กระบวนการอิเล็กโทรแคตาไลติกสองขั้นตอนแปลงคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำให้เป็นอะซิเตทเพื่อใช้เป็นอาหารของพืช กระโดดข้ามกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

    ทีมงานนักวิทยาศาสตร์ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาวิธีการดังกล่าวให้สามารถปลูกพืชที่ให้ผลผลิตมากกว่าในธรรมชาติ 18 เท่า โดยใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยจากแผงโซลาร์เซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้า สำหรับพืชที่ถูกนำมาใช้ทดสอบประกอบด้วย มะเขือเทศ ยาสูบ ข้าว คาโนลา และถั่วลันเตา

    แม้ว่าจะการวิจัยพัฒนาเบื้องต้นในห้องทดลองแต่ทีมนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่านี่คือ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงวิธีการปลูกพืช ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงปลูกพืชขนาดใหญ่เพื่อใช้เป็นอาหารยังสามารถปรับปรุงวิธีการเพื่อใช้ปลูกสาหร่าย โดยใช้พลังงานน้อยกว่าการปลูกพืชรูปแบบอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมปิดสนิทไม่มีแสงแดดจากดวงอาทิตย์ส่องเข้าไปถึง

    “เราสามารถสร้างการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตที่ผลิตอาหารได้โดยไม่ต้องใช้การสังเคราะห์แสงทางชีวภาพ โดยปกติแล้วสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้รับสารอาหารจากการสังเคราะห์แสงจากการวิวัฒนาการหลายล้านปีก่อน เรากำลังพัฒนาวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการผลิตอาหารเมื่อเปรียบเทียบกับการปลูกพืชโดยใช้การสังเคราะห์แสงทางชีวภาพปกติ" อลิซาเบธ ฮันน์ (Elizabeth Hann) นักศึกษาปริญญาเอกกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับจุดประสงค์ของงานวิจัยดังกล่าว

    สำหรับแนวทางการพัฒนาในอนาคต งานวิจัยพัฒนาวิธีการปลูกพืชในที่มืดสนิทสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบวิธีการปลูกพืชเพื่อผลิตอาหารของมนุษย์บนโลก ดวงจันทร์ หรือบนอวกาศห่างไกล ลดข้อจำกัดของการปลูกพืชที่ต้องใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากดวงอาทิตย์ รวมไปถึงการใช้แสงเทียมจากหลอดไฟฟ้า

    ก่อนหน้านี้งานวิจัยพัฒนาวิธีการปลูกพืชในที่มืดสนิทเคยส่งเข้าประกวดงานวิจัย Deep Space Food Challenge ที่จัดโดยนาซา ภายในงานดังกล่าวมีทีมนักวิจัยจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกส่งผลงานเข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมาก ผลการประกวดงานวิจัยพัฒนาวิธีการปลูกพืชในที่มืดสนิทได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลที่ได้รับจากนาซาแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยเพื่อการผลิตอาหารบนอวกาศในอนาคต

    ที่มาของข้อมูลและรูปภาพ https://futurism.com/the-byte/plants-darkness-artificial-photosynthesis

    #Plants #Darkness #Space #Plantgrow #UCRiverside #UniversityofDelaware #tnntechreports #techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #Msatoshi
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/#
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เปิดตัว Sherpa A2M รถปืนครกเคลื่อนที่ไฮเทค พร้อมยิงใน 15 วินาที!

    ปืนครกเป็นอาวุธที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 14 ที่ยังจำเป็นอยู่แม้ว่าจะผ่านมากว่า 700 ปีแล้วก็ตาม เพราะเป็นอาวุธสนับสนุนการรบที่สะดวกและทรงประสิทธิภาพที่สุด อย่างไรก็ตาม การติดตั้งและทำการยิงนั้นต้องใช้เวลา และเสี่ยงตกเป็นเป้านิ่งได้ง่าย เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว อาร์คูส (Arquus) จากฝรั่งเศส และทาเลส (Thales) จากสเปน จึงร่วมมือกันพัฒนาและเปิดตัวระบบปืนครกเคลื่อนที่ขั้นสูงในรูปแบบยานพาหนะขึ้นมาในงานจัดแสดงอาวุธที่กรุงปารีสเมื่อ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา

    ระบบปืนครกเคลื่อนที่ขั้นสูง (Advanced Mobile Mortar) ที่ถูกพัฒนาขึ้นมามีชื่อว่าเชอร์ปา เอทูเอ็ม (Sherpa A2M) เป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทางการทหารซึ่งออกแบบและพัฒนาโดยอาร์คูส (Arquus) เป็นหลัก ในขณะที่ระบบควบคุมการยิงปืนครก ป้อมปืน และระบบจัดเก็บกระสุนปืนครกพัฒนาโดยทาเลส (Thales) ซึ่งมีส่วนของกลไกการปรับทิศทางตัวปืนครกที่พัฒนาโดย NTGS พันธมิตรของทาเลสอีกด้วย

    Sherpa A2M ออกแบบให้สามารถควบคุมทิศทางการยิง ตำแหน่ง และระบบพิกัดผ่านคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งภายในรถได้ เมื่อกำหนดพิกัดการยิงเสร็จก็สามารถบรรจุกระสุนที่ติดตั้งอยู่ข้างรถได้อย่างรวดเร็วด้วยมนุษย์เพื่อทำการยิง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้น โดยกระสุนปืนครกที่รองรับจะเป็นกระสุนขนาด 120 มิลลิเมตร รองรับทั้งกระสุนแบบปกติและกระสุนต่อท้ายด้วยจรวดช่วยขับเคลื่อน (Rocket-assisted Projectile: RAP) โดยมีระยะการยิงหวังผลที่ 8.2 กิโลเมตร และ 13 กิโลเมตร ตามลำดับ และตัวรถสามารถติดตั้งกระสุนปืนครกได้สูงสุด 40 นัด

    และเพื่อให้ Sherpa A2M ตอบโจทย์เป้าหมายในการปกป้องกำลังพล รถคันนี้จึงติดตั้งกระจกที่กันกระสุนและแรงระเบิดได้ มีระบบป้องกันตัวเองเป็นป้อมปืนกลอัตโนมัติควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ภายในรถที่ใช้กระสุนขนาด 7.62 มิลลิเมตรตามมาตรฐานทางทหารขององค์การ NATO

    เป้าหมายการพัฒนา Sherpa A2M คือการสร้างระบบอาวุธให้ตอบโจทย์การรบสมัยใหม่ที่เน้นการสร้างกลยุทธ์การเคลื่อนที่เชิงป้องกัน เพิ่มอำนาจการรบและการยิงตอบโต้ที่แม่นยำ และระบบการยิงที่ยืดหยุ่นกับสถานการณ์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งอาร์คูส (Arquus) และทาเลส (Thales) จากสเปน ยังไม่มีกำหนดการทดสอบ ผลิต และเสนอขายให้กับผู้ที่สนใจในขณะนี้

    ที่มาข้อมูล https://www.tnnthailand.com/news/tech/117754/
    ที่มารูปภาพ Thales

    #อาวุธ #สเปน #ฝรั่งเศศ #ยานเกราะ #รถถัง #ปืนครก #สงคราม #เทคโนโลยี #ทหาร #กองทัพ #กองทัพบก #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #DThanaboon
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/#

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Zap Energy เปิดแผนสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขับเคลื่อนด้วยพลาสมาขนาดเท่าโรงรถรายแรกของโลก

    พลังงานนิวเคลียร์ในสหรัฐอเมริกากลับมาเป็นที่นิยมมากขึ้น ก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ ได้เปิดตัวมาร์เวล (MARVEL) เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชันที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกไปก่อนหน้านี้ ในขณะที่แซปเอเนอร์จี้ (Zap Energy) เลือกพัฒนาเทคโนโลยีควบคุมเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ด้วยพลาสมาขนาดเท่าโรงรถทั่วไปในสหรัฐฯ และพร้อมจะยกระดับจากการทดลองสู่ระบบขนาดจริงแล้ว โดยจะเริ่มทำการตลาดสำหรับองค์กรต่าง ๆ ภายในทศวรรษนี้

    เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชัน (Nuclear Fusion Reactor) โดยทั่วไปจะลอกเลียนปรากฏการณ์การสร้างพลังงานบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ที่สร้างพลังงานความร้อนและแสงสว่างเพียงจากพลาสมา แต่เป็นขนาดที่เล็กกว่าจำนวนมหาศาลสำหรับเตาปฏิกรณ์ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในระบบสำคัญที่ทำให้สามารถนำพลังงานมาใช้งานได้คือ ระบบสนามแม่เหล็ก (Magnetic Field) กำลังสูงเพื่อกักเก็บและนำพลังงานเข้าสู่ระบบ ซึ่งต้องแลกมาด้วยพื้นที่ติดตั้งในระบบขนาดใหญ่และต้นทุนการผลิตที่สูง

    ข้อจำกัดที่กล่าวมาถูกทำลายลงเชิงทฤษฎีในปี 2019 ด้วยงานวิจัยที่นำเสนอเทคโนโลยีแซดพินช์ (Z-Pinch) โดยยูริ ชุมลักษณ์ (Uri Shumlak) และทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) ซึ่งใช้ระบบกักเก็บแบบเกลือจิ้มเกลือ ด้วยการสร้างพลาสมาภายในระบบอีกประเภทเพื่อสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Field) ทดแทน ซึ่งมีข้อดีตรงที่ต้นทุนถูกกว่ารวมถึงประหยัดพื้นที่ในการออกแบบระบบมากกว่า ชุมลักษณ์จึงได้ตัดสินใจสร้างบริษัทแซปเอเนอร์จี้ (Zap Energy) เพื่อต่อยอดงานวิจัยให้เป็นเรื่องจริง

    Zap Energy พัฒนาตัวต้นแบบมาแล้ว 3 รุ่นก่อนหน้านี้ และรุ่นล่าสุดที่สามารถนำไปต่อยอดได้จริงมีชื่อรุ่นว่า FuZE-Q ซึ่งสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 650 กิโลแอมแปร์ (Kiloampere: kA) ในระดับพลังงานพื้นฐานสำหรับการกระตุ้นปฏิกิริยานิวเคลียร์ ซึ่งยังต้องทำการพัฒนาต่อไปเพื่อให้ตัวระบบรองรับการกระตุ้นพลังงานเพื่อทำปฏิกิริยาฟิวชัน

    ชุมลักษณ์และบริษัทได้แสดงให้เห็นว่าแซดพินช์ (Z-Pinch) เป็นเทคโนโลยีที่เป็นไปได้ ทำให้งานวิจัยไม่ขึ้นหิ้ง รวมถึงเป็นพลังงานทางเลือกที่ดีและเข้าถึงได้ด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง ในหน้าเว็บไซต์ของบริษัทยังแสดงให้เห็นว่า FuZE-Q จะถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในทุกอุตสาหกรรม โดยบริษัทจะนำเสนอระบบในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการภายในทศวรรษนี้ หรือไม่เกินปี 2030

    ที่มาข้อมูล https://www.tnnthailand.com/news/tech/117742/
    ที่มารูปภาพ Zap Energy

    #พลังงานสะอาด #พลังงานทดแทน #นิวเคลียร์ #สหรัฐอเมริกา #เตา #โลกอนาคต #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #DThanaboon
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/#

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Jun 28, 2022 รุ่นใหม่ไร้บ้าน! ตะลึง 3 เหตุผลทำคนรุ่นมิลเลนเนียมในไทย ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง

    ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย หรือ DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและแนวคิดแผนการเงินที่เปลี่ยนไป เมื่อเผชิญภาวะเศรษฐกิจเปราะบางและเงินเฟ้อยังพุ่งสูง ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลยังพร้อมมีบ้านเป็นของตนเองมากแค่ไหน

    คนกลุ่มมิลเลนเนียมให้นำ้หนักไปที่เงินสำรองฉุกเฉิน หวังสร้างความมั่นคงทางการเงิน สถานะทางการเงินของผู้บริโภคยังคงสั่นคลอนอย่างต่อเนื่อง นอกจากโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวในอนาคตอันใกล้ เมื่อผนวกกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทำให้ราคาสินค้าและพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่อง จึงกลายเป็นความท้าทายที่ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องเตรียมแผนการเงินให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
    .
    โดยเฉพาะในกลุ่มมิลเลนเนียลซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ทำให้การวางแผนใช้จ่ายในช่วง 1 ปีข้างหน้าของกลุ่มมิลเลนเนียลส่วนใหญ่ให้ความสำคัญไปที่การสร้างความมั่นคงทางการเงินมากที่สุด พบว่า มากกว่าครึ่ง (57%) ต้องการเก็บเงินไว้เป็นกองทุนเงินสำรองฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต ตามมาด้วยนำไปใช้จ่ายภายในครอบครัว (47%) และออมเงินเพื่อนำไปชำระหนี้ที่ค้างอยู่ (45%) ด้านการออมเงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยนั้นได้รับความสนใจมาเป็นอันดับสี่ (39%) สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มมิลเลนเนียลยังต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย เพียงจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่ายและรอให้มีความพร้อมทางการเงินมากพอเสียก่อน

    ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยต่อไปว่า 3 เหตุผลหลักที่ไม่ย้ายออก เมื่อพูดถึงความพร้อมในการย้ายออกไปซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองนั้น พบว่าภายในหนึ่งปีข้างหน้ามากกว่าครึ่งของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลยังไม่พร้อมย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ (54%) เช่นเดียวกับข้อมูลจากแบบสอบถามฯ รอบก่อน โดยมีเหตุผลสำคัญคือต้องการดูแลพ่อแม่อย่างใกล้ชิด (36%)
    .
    สะท้อนให้เห็นว่าแม้คนรุ่นใหม่จะมีแนวคิดสมัยใหม่ตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป แต่การปลูกฝังความกตัญญูในสังคมไทยยังคงอยู่ นอกจากนี้เป็นประเด็นมีเงินเก็บไม่มากพอที่จะเช่าหรือซื้อที่อยู่อาศัยที่ต้องการได้ (34%) เนื่องจากความท้าทายทางเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ล้วนส่งผลกระทบต่อการเงินโดยตรง ตามมาด้วยยังไม่ได้แต่งงาน (30%)

    #มิลเลนเนียม #คนรุ่นใหม่ #บ้าน #คอนโด #เศรษฐกิจ #กรุงเทพมหานคร #BTimes

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Jun 28, 2022 เบี้ยวตามคาด! กองทุนประกันความเสี่ยงเงินคริปโตชื่อดังชักดาบหนี้กว่า 24,000 ล้านบาท

    ทรี แอร์โรว์ แคปปิตอล หรือ 3AC ซึ่งเป็นกองทุนประกันความเสี่ยงเงินคริปโตเคอร์เรนซีชื่อดังแก่งหนึ่งของตลาดเงินคริปโตเคอร์เรนซี ไม่สามารถไถ่ถอนหนึ้มูลค่ารวมกว่า 670 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 24,120 ล้านบาทได้ทันตามกำหนดเส้นตายเมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา

    วอยเยเจอร์ ดิจิตอล ซึ่งเป็นธุรกิจนายหน้าซื้อขายวงการตลาดเงินคริปโตเคอร์เรนซี ได้ออกประกาศระบุว่า ทรี แอร์โรว์ แคปปิตอล หรือ 3AC ซึ่งเป็นกองทุนประกันความเสี่ยงเงินคริปโตเคอร์เรนซี ไม่สามารถจ่ายคืนหนี้เงินกู้มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 12,600 ล้านบาท ในรูปแบบเหรียญ USDC หรือสกุลเงินสเตเบิลที่ตรึงค่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐ และไม่สามารถจ่ายคืนหนี้เงินกู้สกุลบิทคอยน์จำนวน 15,250 เหรียญบิทคอยน์ คิดเป็นมูลค่า 323 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 11,628 ล้านบาท โดยคิดจากค่าเงินบิทคอยน์ในราคาตลาดปัจจุบัน

    ก่อนหน้านี้เมื่อราว 2 สัปดาห์ผ่านมา ตลาดเงินคริปโตเคอร์เรนซีตกอยู่ในสภาวะความผันผวนตกต่ำอย่างรุนแรง ส่งผลให้มูลค่าตลาดเงินคริปโตเคอร์เรนซีเสียหายจำนวนมากมาเหลือเพียง 950,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 34.2 ล้านล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าราว 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 108 ล้านล้านบาทเมื่อเดือนพฤศจิกายนในปี 2564 ผ่านมา

    #คริปโตเคอร์เรนซี #คริปโต #เงินคริปโต #3ac #ชักดาบ #เบี้ยวหนี้ #กองทุนประกันความเสี่ยง #บิทคอยน์ #บิตคอยน์ #BTimes

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Jun 28, 2022 หนี้ระเบิด! ยุคเร่งขึ้นดอกเบี้ยส่อกดดันหนี้ครัวเรือนไทยระเบิด ผลรุนแรงมากกว่าประเทศอื่นๆ

    ศูนย์วิจัย KKP Research เปิดเผยว่า สำหรับประเทศไทย กลุ่มที่มีความน่ากังวลมากที่สุด คือ หนี้ในภาคครัวเรือนที่ในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นเกิน 90% ของ GDP และสูงเป็นลำดับที่ 11 ของโลก ซึ่งเกิดจากภาคครัวเรือนมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้น้อยที่สุด 20% แรกที่มีรายได้ต่อเดือนเฉลี่ยเพียงประมาณ 10,000 บาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 12,000 บาท และครัวเรือนจำเป็นต้องมีการกู้ยืมเงินเพื่อบริโภค ทำให้ไทยมีสัดส่วนหนี้เพื่อการบริโภคระยะสั้นเมื่อเทียบกับหนี้ครัวเรือนทั้งหมดมากกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ในขณะที่รายได้ต่อหัวของไทยยังอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศที่มีการก่อหนี้ในระดับใกล้เคียงกัน หมายความว่าไทยเป็นประเทศรายได้ต่อหัวยังไม่สูง แต่ครัวเรือนกลับมีหนี้สูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
    �ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยมีโอกาสส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรุนแรงและหนักกว่าประเทศอื่น เนื่องจากไทยที่เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งสูงที่สุดในโลกตามรายงานของ Credit Suisse ทำให้หนี้มีแนวโน้มกระจุกตัวอยู่ในครัวเรือนรายได้น้อยที่ปกติมีรายได้ไม่เพียงพอและมีสัดส่วนสินทรัพย์ต่อหนี้ที่ต่ำกว่า ทำให้เมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้นครัวเรือนกลุ่มนี้ต้องลดการบริโภคลงเพื่อมาจ่ายหนี้แทนจนกลายเป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจ ยิ่งไปกว่านั้นครัวเรือนรายได้น้อยยังมีตระกร้าสินค้าในกลุ่มอาหารและพลังงานสูงกว่าค่าเฉลี่ยทำให้ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อมากกว่า ส่งผลให้เงินออมลดลง ความสามารถในการจ่ายคืนหนี้ลดลง และจะทำให้ทิศทางหนี้เสียของไทยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในระยะข้างหน้า
    �ศูนย์วิจัย KKP Research เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยมีความคล้ายคลึงกับประเทศญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่หนี้ที่อยู่ในระดับสูงมาก นโยบายการเงินผ่อนคลาย แต่เศรษฐกิจไม่เติบโตเพราะถูกปัญหาหนี้กดดันในระยะยาว ส่วนที่ต่างกันคือญี่ปุ่นเป็นประเทศรายได้สูงแล้ว แต่ไทยยังเป็นประเทศรายได้ปานกลาง KKP Research ประเมินว่าในสถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ชัดเจนขึ้นและกำลังจะเข้าสู่ “วัฏจักรเศรษฐกิจขาลง” ที่ยาวนาน โดยผลกระทบจะเกิดจาก�1) ภาระหนี้ที่จะปรับสูงขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยสัดส่วนหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ดอกเบี้ยแบบผันแปร เช่น สินเชื่อสำหรับธุรกิจ ซึ่งอยู่ในระดับประมาณ 34% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด

    2)หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นจะทำให้การบริโภคเติบโตช้าลง หนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจะเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจชัดเจนในช่วงหลังจากนั้นประมาณ 3-5 ปี และจะรุนแรงขึ้นหากหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับเกิน 80% ซึ่งตรงกับไทยทั้งสองข้อ 3) การกระตุ้นการบริโภคด้วยหนี้จะถึงทางตัน แม้ว่าการประเมินจุดสูงสุดของวัฏจักรหนี้จะทำได้ยาก แต่ไทยมีระดับหนี้ที่ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดของหนี้ในอดีตของหลายประเทศ หากเป็นเช่นนั้นจริงการเติบโตของการบริโภคที่ถูกขับเคลื่อนด้วยหนี้ครัวเรือนจะไม่สามารถเติบโตได้อีกต่อไป
    �KKP Research ประเมินว่าหากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะใช้คืนหนี้ หรือ Deleverage โดยเริ่มชำระหนี้คืนจนหนี้ต่อ GDP เริ่มปรับตัวลดลง จะทำให้แรงส่งต่อการบริโภคหายไปประมาณ 1.3% และเศรษฐกิจเติบโตได้ชะลอลงไปประมาณ 0.7% หรือทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ช้าและซึมยาว�วิกฤติการเงินรอบใหม่
    �การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในภาวะที่หนี้ครัวเรือนสูงเป็นสัญญาณของวิกฤติเศรษฐกิจหลายครั้งในอดีต อย่างไรก็ตาม KKP Research ประเมินว่าโอกาสที่จะเกิดวิกฤติในระยะสั้นของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากไทยยังมีเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่แข็งแรง ตั้งแต่การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ภาระหนี้ต่างประเทศน้อย สถาบันการเงินมีความแข็งแกร่ง และเงินสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง

    แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในระยะยาวยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ 1) การสูญเสียความสามารถในการแข่งขันของไทยที่อาจทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบ เงินบาทที่อ่อนค่า ผนวกกับหนี้สูงอาจนำไปสู่ภาวะวิกฤติได้ 2) การเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงินในระยะยาวของประเทศเศรษฐกิจหลัก ในกรณีที่ปัญหา Stagflation รุนแรงขึ้น 3) ภาคการท่องเที่ยวที่อาจไม่กลับมาเติบโตได้ดีเหมือนเก่า กระแสโลกาภิวัตน์ที่เริ่มย้อนกลับและการกลับมาส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศของเศรษฐกิจจีนทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดไทยอาจไม่กลับไปเกินดุลได้มากเท่าเดิม
    �นโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลายสามารถแก้ปัญหาในระยะสั้นได้แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการยืดปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังไม่ถูกแก้ไขออกไป ปัญหาใหญ่ที่สุดที่ทำให้หนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับที่สูงมากเกิดจาก เศรษฐกิจที่แทบไม่เติบโตในช่วงที่ผ่านมาและทำให้ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ท้ายที่สุดการจะแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนจึงจำเป็นต้องมุ่งไปที่การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้แข่งขันและเติบโตได้ในระยะยาว
    �KKP Research จึงประเมินว่าไม่มีประเทศใดที่ปฏิรูปเศรษฐกิจได้สำเร็จในเวลาอันสั้นและนโยบายการเงินจะยังต้องมีบทบาทในการควบคุมลักษณะของวัฏจักรหนี้ โดยนโยบายการเงินต้องไม่สนับสนุนให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตด้วยหนี้ต่อไปซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจมีอาการซึมยาว (ทางออกที่ 1) แต่ในขณะเดียวกันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อนำเศรษฐกิจเข้าสู่การ Deleverage ต้องระวังไม่ให้เร็วเกินไปและนำไปสู่ภาวะวิกฤติ (ทางออกที่ 2 ) ซึ่งความท้าทายของนโยบายการเงินกำลังมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเศรษฐกิจกำลังจะเจอแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและวัฏจักรนโยบายการเงินโลกขาขึ้น
    �มองในแง่ดี หากวัฏจักรหนี้กำลังจะผ่านจุดสูงสุดในช่วงหลังจากนี้จริงแล้ว การมองเห็นปัญหาของเศรษฐกิจไทยและศักยภาพการเติบโตที่แท้จริงก็จะเริ่มเป็นไปได้อย่างไม่บิดเบือน เพราะไม่มีหนี้มาช่วยให้โตอีกต่อไป ซึ่งจะเป็นสัญญาณเร่งการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อยกระดับการเติบโตของรายได้ในระยะยาวในที่สุด

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
    ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/

    #เศรษฐกิจ #ไทย #ดอกเบี้ย #หนี้ #หนี้ครัวเรือน #ธนาคารกลาง #เงินเฟ้อ #BTimes

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Jun 28, 2022 แพงมึนตึ๊บ! ข้าวผัดกระเพราแพงทะลุกว่า 60 บาท ราคาอาหารจานเดียวในไทยพุ่งแพงสุดๆเกือบ 7% สูงสุดในรอบ 13 ปี สูสีเงินเฟ้อไทย

    ไลน์แมน วงใน แพลทฟอร์มบริการข้อมูล และสั่งอาหารชื่อดังในไทย เปิดเผยว่าดัชนีราคาอาหารจานเดียวทั่วประเทศไทยในช่วงระหว่างปี 2563-2565 โดยใช้ข้อมูลราคาที่ขายจริงจากร้านอาหารกว่า 7 แสนร้านที่ขายเดลิเวอรีบนแพลตฟอร์มไลน์แมนทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย โดยเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับสถานการณ์เงินเฟ้อ และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน พบว่า ราคาอาหารจานเดียวเฉลี่ยทั่วไทยในรอบปีแพงขึ้น 3.66 บาท หรือเพิ่มขึ้น 6.7% เทียบระหว่างพฤษภาคม 2564 และพฤษภาคม 2565 นอกจากนี้ ยังใกล้เคียงกับตัวเลขเงินเฟ้อในไทยอยูที่ 7.1%

    สำหรับราคาอาหารในต่างจังหวัดยังต่ำกว่าในกรุงเทพและปริมณฑลอยู่ที่เฉลี่ยจานละ 7 บาท แต่ต่างจังหวัดมีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารเร็วกว่าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สำหรับอาหารเมนูหมูยังราคาใกล้เคียงเดิม แต่เมนูไก่ราคาแพงขึ้นชัดเจน ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2565 เป็นต้นมา โดยอาหารพื้นฐานอย่างข้าวผัดกะเพราราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3 บาท ภายใน 4 เดือนแรกของปี 2565 (ข้อมูลระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2565) จากเฉลี่ยจานละ 56 บาท เพิ่มเป็นจานละ 59 บาท

    ความเปลี่ยนแปลงราคาเฉลี่ยอาหารจานเดียว เช่น ก๋วยเตี๋ยว สุกี้ ข้าวผัดกะเพรา อาหารตามสั่ง ข้าวผัด ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวขาหมู ราดหน้า ฯลฯ ที่ขายในแต่ละเดือนระหว่างปี 2563-2565 พบว่า ราคาอาหารจานเดียวเฉลี่ยในปี 2563 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2564 โดยตัวเลขของปี 2564 น้อยกว่าของปี 2563 อยู่เล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ราคาอาหารจานเดียวยังไม่ปรับขึ้นมากนัก

    อย่างไรก็ตาม ราคาอาหารจานเดียวเฉลี่ยของปี 2565 กลับเพิ่มขึ้นจากปี 2564 อย่างชัดเจน ราคาเฉลี่ยในเดือนมกราคม 2565 อยู่ที่ 55.33 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2564 ที่ 53.33 บาท หรือแพงขึ้น 2 บาท และถ้าดูตัวเลขในเดือนพฤษภาคม 2565 อยู่ที่ 57.87 บาท เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ 54.21 บาท เพิ่มขึ้น 3.66 บาท

    ภาคตะวันออกเป็นภาคที่มีราคาเฉลี่ยของอาหารจานเดียวแพงที่สุดอยู่ที่ 59.96 บาท ส่วนภาคตะวันตก มีราคาเฉลี่ยถูกที่สุดอยู่ที่ 49.92 บาท (มิถุนายน 2565) โดยภาคกลางเป็นภาคที่มีราคาเฉลี่ยอาหารจานเดียวเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 3.97 บาท (เทียบระหว่างมกราคมและมิถุนายน 2565)

    นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบราคาอาหารเฉลี่ย (นับรวมอาหารทุกประเภท ทุกระดับราคา) โดยแยกตามประเภทของเนื้อสัตว์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบของอาหาร พบว่าเมนูอาหารที่มีไก่เป็นส่วนประกอบมีราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากที่สุด สอดคล้องกับข่าวเนื้อไก่แพงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในรอบ 20 ปี
    ขณะที่ราคาเฉลี่ยของอาหารที่ใช้ไก่เป็นส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2565 และพุ่งขึ้นสูงสุดในเดือนเมษายน 2565 ก่อนที่จะค่อย ๆ ปรับลดลงมาในเดือนพฤษภาคม แต่ก็ยังถือว่าสูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้

    ส่วนเมนูอาหารที่ใช้หมูเป็นส่วนประกอบคงอยู่ที่ราว 64-69 บาทตลอดทั้งช่วงครึ่งปีแรก 2565 อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาอาหารเฉลี่ย (รวมเนื้อสัตว์ทุกประเภท) ที่อยู่ราว 64-80 บาท

    สำหรับเมนูยอดฮิตอย่างข้าวผัดกะเพรานั้น ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงราคาเฉลี่ย ระหว่างปี 2563-2565 พบว่า ราคาเฉลี่ยของข้าวผัดกะเพราในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาช่วงต้นปี 2564 อยู่ที่จานละ 52.78 บาท และค่อย ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ จนอยู่ที่ 54.73 บาทในช่วงปลายปี (เพิ่มขึ้นประมาณ 2 บาท) แต่ในปี 2565 สถานการณ์ราคาปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยช่วงต้นปี ราคาเฉลี่ยของข้าวผัดกะเพราหนึ่งจานคือ 55.9 บาท และเพิ่มมาเป็น 59 บาทในเดือนพฤษภาคม (แพงขึ้น 3 บาทภายใน 4 เดือน)

    ทั้งนี้ ภาคตะวันออก เป็นภาคที่มีราคาเฉลี่ยของข้าวผัดกะเพราแพงที่สุดอยู่ที่ 62.24 บาท ส่วนภาคตะวันตก มีราคาเฉลี่ยถูกที่สุดอยู่ที่ 50.08 บาท ซึ่งทิศทางของราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นมจากต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้น สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อของไทยที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 ในเดือนพ.ค. 2565 ซึ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
    ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/

    #อาหาร #อาหารตามสั่ง #อาหารจานเดียว #เงินเฟ้อ #ข้าวผัดกระเพรา #หมู #ไก่ #เศรษฐกิจ #BTimes #ไลน์แมน #ไทย

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Jun 28, 2022 ที่เดียวในโลก! กระชากดอกเบี้ยสุดแรงของโลกแตะ 200% ซิมบับเวหวังแก้วิกฤตเงินเฟ้อ

    ธนาคารกลางประเทศซิมบับเว เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากระดับ 80% ขึ้นเป็น 200% ทำสถิติอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของซิมบับเว ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในครั้งนี้ปรับทะยานขึ้นถึง 120% นอกจากนี้ นับตั้งต้นปีนี้มาถึงการประชุมครั้งล่าสุด ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นปรับขึ้นถึง 140% ทำสถิติมากที่สุดของโลกอีกด้วย

    นายจอห์น แมนกุดยา ผู้ว่าการธนาคารกลางซิบบับเว กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินแสดงความกังวลอย่างมากกับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงมากขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ เงินเฟ้อที่พุ่งทะยานมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อความต้องการ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งถ้าหากไม่สามารถควบคุมได้ จะทำให้เกิดผลทางเศรษฐกิจในทางตรงกันข้าม

    ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อในประเทศซิมบับเวพุ่งทะยานมากที่สุดในรอบหลายปี ค่าเงินดอลลาร์ซิมบับเวร่วงอ่อนค่าลงอย่างมากกว่า 2 ใน 3 หรือราวกว่า 66% ตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์ซิบบับเวกลายเป็นสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในทวีปแอฟริกา

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
    ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/

    #เงินเฟ้อ #ดอลลาร์ซิมบับเว #ซิมบับเว #แอฟริกา #ดอกเบี้ย #ธนาคารกลาง #ค่าเงิน #BTimes

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รัสเซียเมื่อวันจันทร์(27มิ.ย.) ปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่าพวกเขาผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ศตวรรษ แนะนักลงทุนไปรับเงินกับบรรดาตัวแทนทางการเงินของตะวันตกโดยตรง ในเงินที่ส่งไปแล้วแต่พวกผู้ถือหุ้นกู้ไม่ได้รับ

    ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์(27ม.ย.) ทำเนียบขาวออกมาระบุว่ารัสเซียผิดนัดชำระหนี้ตราสารหนี้ระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุการณ์ปฏิวัติรัสเซีย เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรอันครอบคลุมได้ตัดขาดมอสโกจากระบบการเงินโลก

    การผิดนัดชำระหนี้ในครั้งนี้ ไม่ใช่ว่ารัสเซียไม่มีเงินจ่าย แต่เป็นผลมาจากการที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากบรรดาชาติตะวันตก รวมถึงการปิดช่องทางไม่ให้ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐฯ และชาติตะวันตกรับชำระหนี้พันธบัตรจากรัสเซีย

    จนถึงสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียยังคงสามารถชำระหนี้ตราสารหนี้ยูโรในสกุลเงินต่างประเทศ ตามเงื่อนไขโอนจ่ายดอกเบี้ยตราสารหนี้เป็นงวดๆ(coupon) เป็นดอลลาร์และยูโรในเดือนพฤษภาคม ก่อนหน้ามาตรการละเว้นของสหรัฐฯที่เปิดทางให้ทำธุรกรรมลักษณะดังกล่าวจะหมดอายุลง

    "ถ้อยแถลงเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ไม่ชอบธรรมโดยสิ้นเชิง" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ในวันจันทร์(27มิ.ย.) อ้างถึงการจ่ายดอกเบี้ยตราสารหนี้งวดเดือนพฤษภาคม "ข้อเท็จจริงคือการที่ยูโรเคลียร์(องค์กรที่ทำหน้าที่รับฝากหลักทรัพย์ ชำระเงินและส่งมอบหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ) ยับยั้งเงินเหล่านี้และไม่นำมันไปสู่ผู้รับ ไม่ใช่ปัญหาของเรา มันไม่มีเหตุผลโดยสิ้นเชิงใดๆที่จะเรียกสถานการณ์นี้ว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้"

    ยูโรเคลียร์ยังไม่ออกมาตอบโต้ความคิดเห็นดังกล่าวของรัสเซีย

    ในวันจันทร์(27มิ.ย.) กระทรวงการคลังรัสเซียระบุว่า "การกระทำของคนกลางทางการเงินระหว่างประเทศ อยู่นอกเหนือการควบคุมของกระทรวงการคลังของรัสเซีย" พร้อมกับขอให้บรรดาผู้ถือหุ้นกู้ต่างประเทศ ไปพูดคุยโดยตรงกับพวกที่ระงับการชำระเงิน

    "เงินที่พวกนักลงทุนยังไม่ได้รับ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่าไม่มีการชำระเงิน แต่มันเป็นผลสืบเนื่องจากพฤติกรรมของฝ่ายที่ 3 ซึ่งไม่ใช้คำจำกัดความโดยตรงของสถานการณ์ผิดนัดชำระหนี้" กระทรวงการคลังรัสเซียระบุ

    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ออกคำสั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะพิจารณาว่าได้ปฏิบัติตามพันธสัญญาหนี้สินโดยสมบูรณ์แล้ว ครั้งที่ชำระเงินเป็นสกุลเงินรูเบิลในจำนวนที่เท่ากันเมื่อเทียบกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยบรรดาผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหลายจำเป็นต้องเปิดบัญชีที่ธนาคารแห่งหนึ่งของรัสเซีย เพื่อรับชำระเงิน

    กระทรวงการคลังรัสเซียระบุว่ามอสโกจะไม่ขวางการเปลี่ยนเงินชำระเป็นเงินตราต่างประเทศแล้วโอนเงินไปยังต่างแดน แต่นักลงทุนจำเป็นต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่เรียกร้องความเสียหายจากรัสเซีย

    กลุ่มจี 7 มหาอำนาจตะวันตก ห้ามทำธุรกรรมกับธนาคารกลางรัสเซียและอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของพวกเขา มูลค่าราวๆ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็น "ปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร"

    บรรดานักการเมืองตะวันตกบางส่วนเรียกร้องให้ยึดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียที่อายึดไว้ก่อนหน้านี้ นำไปบูรณะซ่อมแซมยูเครน แนวคิดที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการเงินของรัสเซีย 2 ราย เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการประกาศให้รัสเซียผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งทางมอสโกเรียกว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้แบบเทียมๆ

    เปสคอฟ เน้นย้ำในวันจันทร์(27มิ.ย.) ว่าการอายัดทุนสำรองเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม และบอกว่าความพยายามทำเงินเหล่านั้นไปใช้ เทียบเท่ากับเป็นการขโมยอย่างโจ่งแจ้ง

    อเล็กเซ มอยซีฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังรัสเซีย ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า "ผมเชื่อว่ามีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงินกับเรา ไม่มีประเทศในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติที่ต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรกดดันหนักหน่วงเท่ารัสเซียในปัจจุบันอีกแล้ว"

    (ที่มา:รอยเตอร์)

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย มีแผนเข้าร่วมประชุมซัมมิตจี 20 ในอินโดนีเซีย ในเดือนพฤศจิกายน จากการเปิดเผยของที่ปรึกษาเครมลินรายหนึ่งในวันจันทร์(27มิ.ย.) ตามคำเชิญของจาการ์ตา ซึ่งขัดขืนเสียงคัดค้านจากโลกตะวันตกบางประเทศ ท่ามกลางประเด็นพิพาทเกี่ยวกับวิกฤตสงครามในยูเครน

    "เราได้รับคำเชิญอย่างเป็นทางการแล้ว และเราตอบกลับในทางบวก บอกว่าเราสนใจที่จะเข้าร่วม" ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาระดับสูงของวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว"

    อย่างไรก็ตามเขาบอกว่า "ยังเหลือเวลาอีกนาน" ก่อนถึงการประชุมซัมมิตในบาหลี ระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน ดังนั้นจึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะการเข้าร่วมของรัสเซีย "แต่กระนั้น สำหรับตอนนี้ มันเป็นคำเชิญสำหรับการเข้าร่วมด้วยตนเอง"

    ระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ปูตินเข้าร่วมประชุมจี20 ในกรุงโรม ผ่านวิดีโอลิงค์

    อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของกลุ่มในปีนี้ ก่อประเด็นถกเถียงด้วยการเชิญรัสเซีย เข้าร่วมการประชุมของบรรดาชาติเศรษฐกิจหลักของโลก 20 ประเทศ

    บรรดาชาติตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ พยายามกดดันให้อินโดนีเซียกีดกันไม่ให้มอสโกเข้าร่วมการประชุม ตามหลังรัสเซียเปิดปฏิบัติการรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ และกล่าวหารัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม

    อย่างไรก็ตาม โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แย้มในวันจันทร์(27มิ.ย.) ว่าเขายังคงเปิดกว้างสำหรับเข้าร่วมการประชุม แม้หาก ปูติน เข้าร่วมด้วยตามความคาดหมายก็ตาม

    โชลซ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าภาพการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม7ชาติหรือจี7 บอกว่าเขาจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะเข้าร่วมการประชุมหรือไม่ "ไม่นานก่อนถึงเวลาออกเดินทาง"

    เขาเผยอีกว่าอินโดนีเซียยังได้เชิญประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนเข้าร่วมด้วย

    อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ในวันอาทิตย์(26มิ.ย.) ระบุเช่นกันว่าไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เธอจะนั่งร่วมโต๊ะกับ ปูติน ในที่ประชุมจี20 โดยเธอบอกว่า "เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะได้บอกกับเขาต่อหน้า ในสิ่งที่เราคิดเกี่ยวกับเขา"

    บรรดาชาติจี20 มีสัดส่วนคิดเป็นราวๆ 80% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจโดยรวมของโลก ส่วนจี7 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 31%

    (ที่มา:เอเอฟพี)

     

แชร์หน้านี้

Loading...