ติดตามสถานะการณ์

Russia-China: เรือรบรัสเซียโผล่ใกล้ไต้หวัน นักวิเคราะห์ ชี้ การกระทำล่าสุดของรัสเซีย ทำให้จีนอยู่ในสภาวะ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

หน่วยยามชายฝั่งของญี่ปุ่นออกมาระบุว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีเรือรบของรัสเซียอย่างน้อย 3 ลำ ลอยอยู่ห่างจากเกาะโยนากุนิ ของญี่ปุ่นไปทางใต้ราว 70 กิโลเมตร และเดินทางขึ้นมาแถบตะวันออกเฉียงเหนือ ขึ้นมาใกล้กับเกาะเตี้ยวหยู หรือ เกาะเซนกากุ ซึ่งเป็นเกาะที่ทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองอยู่

โดยเรือทั้ง 3 ลำ จากการตรวจสอบพบว่า มีทั้งเรือพิฆาต และเรือบรรทุกปืนใหญ่ โดยล่องอยู่ระหว่าง 2 เกาะของญี่ปุ่น

ขณะที่ กระทรวงกลาโหมไต้หวันออกมายืนยันว่า เรือรัสเซียลอยอยู่ห่างจากเกาะฮัวเหลียนทางตะวันออกของไต้หวัน ในวันที่ 1-2 กรกฎาคม และยังมีการเคลื่อนไหวในทะเลจีนตะวันออกด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่า มีเรือฟริเกตของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือ PLA ล่องตามเรือรบของรัสเซีย ในบริเวณน่านน้ำดังกล่าวด้วย

โฆษกกระทรวงต่างประเทศของไต้หวัน ระบุว่า เจ้าหน้าที่จับตาความเคลื่อนไหวของเรือรบจีนและรัสเซียนี้อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ จีนยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ กรณีที่มีความเคลื่อนไหวของเรือรบรัสเซียอยู่ใกล้กับเกาะไต้หวันและเตี้ยวหยูนี้

นักวิเคราะห์ ระบุว่า กรณีที่มีเรือรบรัสเซียเคลื่อนไหวใกล้กับเกาะไต้หวัน และพื้นที่ทะเลจีนตะวันออกเช่นนี้ สร้างสภาวะ "กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก" ให้กับจีนไม่น้อย

ศาสตราจารย์ หนี่ เล่อ เซียง ด้านวิทยาศาสตร์การเมืองและกฎหมาย แห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า รัสเซียไม่เคยเข้าใกล้ช่องแคบไต้หวัน หรือน่านน้ำใกล้กับทะเลจีนตะวันออกมาก่อน และรัสเซียก็ไม่เคยก้าวก่ายกิจการภายในของจีน แต่การกระทำล่าสุดของรัสเซีย ดูเหมือนจะขัดต่อหลักการที่ผ่าน ๆ มา

จ้าว เฉิน หมิง นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์การทหารและเทคโนโลยี หยวน หวัง บอกว่า ครั้งนี้ รัสเซียมาไกลกว่าที่ผ่านมา จีนไม่ต้องการให้สหรัฐฯ เข้ามาใกล้กับช่องแคบไต้หวัน และจีนเองก็ไม่ได้ต้องการให้รัสเซียเข้ามาในน่านน้ำดังกล่าวเช่นกัน

แพตทริก หวง นักวิจารณ์การเมืองในไต้หวัน ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของรัสเซีย อาจเป็นไปเพื่อพยายามสร้างความประทับใจว่า รัสเซียให้ความร่วมมือทางการทหารกับจีน ในการรับมือกับสหรัฐฯ แต่กระนั้น จีนจะต้องไม่ใส่ใจใด ๆ กรณีที่เรือรบรัสเซียเคลื่อนพลเข้ามาใกล้กับเกาะฮัวเหลียน
หวง ระบุว่า นับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน จีนเองพยายามที่จะไม่เอาตัวเองเข้าไปก้าวก่ายเรื่องนี้มากนัก โดยในทางหนึ่ง ยังคงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกับรัสเซีย แต่ในอีกทางหนึ่ง ก็พยายามรักษาระยะห่างจากรัสเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลากเข้าไปในวงความขัดแย้ง

ขณะเดียวกัน หลิน อิง หวี นักวิจัยจากสมาคมคาดการณ์กลยุทธ์แห่งไทเป ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของรัสเซีย อาจเป็นความพยายามแสดงให้โลกตะวันตกเห็นว่า แม้จะมีสงครามเกิดขึ้นในพื้นที่ทางตะวันตกของประเทศ แต่ในทางตะวันออกก็ยังคงเดินหน้าซ้อมรบอยู่เป็นประจำ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกระหว่างจีนและรัสเซีย เพื่อต่อกรกับสหรัฐฯ และโลกตะวันตกต่อไป
————
ภาพ: Reuters

#TNNWorldNews #รัสเซีย #จีน #ไต้หวัน
#เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
————
อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

 

ที่แห่งนี้ “ทราย” มีค่า เพราะมันนำมาซึ่ง “น้ำมัน”! --- ย่าน “เพอร์เมียน” รัฐเท็กซัส แห่งอเมริกา นี่คือสถานแห่ง { เมืองทรายทอง } ที่ฉันปองมาสู่ …
บัดนี้ ทรายกำลัง “ขาดตลาด” หนักหน่วง --- มีน้อยกว่าที่ต้องการใช้ 1 ล้านตัน! ต้องวิ่งวุ่นไล่แย่งหากันจ้าละหวั่น นั่นทำให้ราคากระฉูดแตก ปัจจุบัน ปาเข้าไป 55 ดอลลาร์ต่อตัน (ตีหยาบๆ 2 พันบาทต่อตัน) พุ่งขึ้น 150% เทียบกับสิ้นปีที่แล้ว
ทรายเอาไปทำอะไร นอกจากก่อสร้าง?
อุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซในอเมริกา ใช้ทรายมหาศาลนะครับท่าน
.
เพจเดือดฯ เอ่ยถึง “เชล ออยล์” shale oil และ “เชล ก๊าซ” shale gas อยู่บ่อยครั้ง ขอทบทวนชำแหละความทรงจำกันอีกที

มันแปลว่าน้ำมันดิบและก๊าซที่อยู่ใน shale = “ชั้นหินดินดาน”

อเมริกาค้นพบมานมนาน แต่ไม่มีปัญญาจะสูบมันขึ้นมาจากธรณีได้ และแล้ว กระทั่งราวๆ ปี 2010 ก็พบ “จุดเปลี่ยน” ในหน้าประวัติศาสตร์วงการปิโตรเลียมอเมริกา และของทั้งสากลจักรวาล

อเมริกาคิดค้นกระบวนการ hydraulic fracturing (fracking) สามารถดึง เชล ออยล์ และ เชล ก๊าซ ขึ้นบก เข้ากระเป๋าตังค์ได้ --- นับจากนั้น ก็พลิกโฉมไปตลอดกาล!
.
โปรดจินตนาการตาม
ปกติ ขุดเจาะจะเป็นแนวดิ่ง แทงจึ๊กลงไป แล้วดูดขึ้นมา อะจึ๊ย … ไม่ยาก

เชล ออยล์ มันไม่มีลักษณะเป็น “บ่อ” อยู่ใต้ดินหรือใต้น้ำแบบนั้น (ที่แค่สูบก็พุ่งขึ้นแล้ว) แต่น้ำมันจะแทรกตัว แฝงฝังอยู่ในชั้นหินดินดาน
จึงต้องประดิษฐ์ “ท่ายาก”

ก่อนอื่น ทิ้งตัว เจาะลงไปในแนวดิ่ง ทว่าเมื่อลึกถึงจุด ให้กลับตัว หักศอก 90 องศา พลิกเป็นท่าราบ
ทีเด็ดอยู่ที่ตรงนี้ โปรดติดตามด้วยใจวาบหวาม
ยังดูดไม่ได้ ต้องอัดน้ำด้วยแรงดันสูง หลั่งทะลวงเข้าไปในรู ฉีดพุ่งเข้าไป --- ตรงนี้ นี่แหละครับท่าน ต้องมี “ทราย” และ พวกสารเคมี ประสมไปกับน้ำด้วย

น้ำจะกระแทกตับๆๆ ในท่าตัดขวาง ชอนไชเข้าไปไซ้ความแน่นหนึบหนับภายในของชั้นหินดินดาน เพื่อเซาะกะเทาะให้น้ำมันแตกตัวออกมาจากชั้นหิน

อัดเข้าไปอีก น้ำมันก็ยิ่งหยาดออกมา บังเกิดความหล่อลื่นหฤหรรษ์ พลันก็สามารถดูดสะด๊วบออกมาได้โดยคล่อง
.
ปัจจุบันกำลังดูดกันสนั่นโลก

การผลิตน้ำมันดิบในอเมริกา ต้นปี 2020 ทำสถิติสูงสุด ที่ 13.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เยอะแค่ไหน เทียบง่ายๆ ไทยใช้คร่าวๆ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน)

และแล้ว ก็เกิดเหตุที่ทำให้การใช้น้ำมันโลกดิ่งลง อย่างที่เรารู้ๆ กัน ฉะนั้น การผลิตก็ร่วงลงฮวบฮาบตาม มีช่วงที่ผลิตต่ำกว่า 10 ล้านบาร์เรลต่อวันด้วยซ้ำ … ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นขึ้น และล่าสุด 12.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ตอนนี้ กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
.
น้ำมันดิบอเมริกา มี เชล ออย์ เท่าไหร่?
กระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกา ประเมินว่า เดือน ก.ค. นี้ ผลิตได้ 8.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน --- โอ้ เยอะแค่ไหนคิดดู 8.9 ใน 12.1!
(ในนี้ มาจากหลักๆ ย่าน “เพอร์เมียน” 5.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน)

น้ำมันขาด น้ำมันแพง ยิ่งขุดเยอะ ยิ่งใช้ทรายเยอะ
ทรายยิ่งขาดตลาด ก็ยิ่งแพงบรรลัย

โอ้อนิจจา โปรดอย่าอิจฉา สมาชิกใหม่ ของเมืองทรายทอง

https://www.bloomberg.com/news/feat...g-for-permian-oil-producers?srnd=premium-asia
https://www.eia.gov/dnav/pet/hist/LeafHandler.ashx?n=PET&s=WCRFPUS2&f=W
https://www.reuters.com/markets/com...forecast-hit-record-high-june-eia-2022-06-13/

 

5 เหตุผลที่เราต้องรู้ว่าทำไมน้ำมันไทยแพงกว่ามาเลเซีย

ก็ช่วงนี้อย่างที่หลาย ๆ คนรู้กันอยู่ว่าน้ำมันบ้านเราราคาสูงขึ้น จนคนชอบนำราคาน้ำมันบ้านเราไปเทียบกับราคาน้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่เอาจริงมันมีเหตุผลที่สมเหตุสมผลซึ่งจากที่แอดไปหาข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งแอดเลยจะขอสรุปให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ 5 ข้อ ด้วยกันครับ
.
1.ปริมาณในการผลิตต่างกัน
ที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะว่าประเทศไทยของเราผลิตน้ำมันได้น้อยกว่าประเทศมาเลเซียโดยไทยผลิตน้ำมันได้แค่ 2.2 แสนบาร์เรล/วัน แต่ว่ามาเลเซียผลิตได้ 6.4 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งมากกว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า แถมยังมีน้ำมันสำรองถึง 3,000 ล้านบาร์เรล ซึ่งทำให้มาเลเซียมีน้ำมันใช้ได้ถึง 15 ปีเลยทีเดียว
.
2.ความต้องการใช้ไม่เท่ากัน
ประชากรของประเทศมาเลเซียนั้นมีจำนวนแค่ 32.37 ล้านซึ่งน้อยกว่าประเทศที่มีถึง 69.8 ล้าน แน่นอนครับว่าประชากรต่างกันขนาดนี้ไม่แปลกที่ปริมาณการใช้งานน้ำมันของไทยจะสูงกว่า
.
3.การเก็บภาษีที่ต่างกัน
ซึ่งประเทศมาเลเซียนั้นไม่มีการเก็บภาษีน้ำมัน นั้นทำให้ทางรัฐบาลของเขาขาดรายได้จากตรงนี้ นั้นทำให้รัฐบาลของเขาก็ต้องไปหารายได้จากทางอื่นแทน
.
4.รัฐช่วยเหลือคนละแบบ
ประเทศไทยรัฐช่วยพยุงราคาน้ำมันไว้แต่ที่มาเลเซีย รัฐนำกำไรจากการขายน้ำมันที่เหลือโดยการเอาน้ำมันพวกนั้นไปส่งออกในราคาตลาดโลก หลังจากนั้นก็นำเงินมาช่วยอุดหนุนคนในประเทศ
.
5.คุณภาพที่ต่างกัน
ไทยเราคุณภาพดีกว่าเพราะได้มาตรฐาน Euro 4 แต่ของมาเลเซียได้มาตรฐานแค่ Euro 2 นั้นทำให้ไทยเราใช้ต้นทุนที่สูงกว่ามาเลเซีย
.
สรุปทั้ง 2 ประเทศก็มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต่างกันทั้งปัจจัยการผลิต ต้นทุน ประชากร หรือการช่วยเหลือจากทางรัฐ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของการจัดการของประเทศ 2 ประเทศจะเอามาเหมารวมแอดมองว่ามันไม่แฟร์เลย

#OpenUp #ราคาน้ำมัน

 

... "ลาว ซื้อหุ้นใหญ่ท่าเรือหวุงอัง ในเวียตนาม หวังเป็นฮับขนส่งเชื่อมจีน ไทย อาเซี่ยนกับทะเลจีนใต้"

... "ลาว" เร่งพัฒนาศักยภาพตัวเอง หลังจากสิบปีก่อนก้าวหวังเป็น "หม้อไฟแห่งอาเซี่ยน" หวังขายไฟฟ้าพลังงานน้ำไปให้เพื่อนบ้าน ... มาวันนี้ จะเป็น "สะพานเชื่อมจีน ไทย อาเซี่ยนกับทะเลจีนใต้"

... ปัจจุบัน "รัฐบาลลาว" ถือหุ้น 60% ในท่าเรือ "หวุงอัง" ของเวียดนาม เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนการถือหุ้นเดิมที่ 20% ก่อนหน้านี้

... ในปี 2017 "รัฐบาลเวียตนาม" ได้อนุมัติการร่วมทุนระหว่างรัฐวิสาหกิจเพื่อพัฒนาโครงการท่าเรือหวุงอัง หลังจากที่เวียดนามอนุญาตให้ใช้ท่าเรือใน "จังหวัดห่าติ๋ง" ในภาคกลางของเวียตนาม สำหรับ "รัฐบาลลาว"

... "รัฐบาลเวียดนาม" อนุมัติให้สัมปทานแก่ลาวเป็นเวลา 50 ปีในการจัดตั้งและพัฒนาโครงการโดยอาจต้องมีขยายเวลาสัมปทานออกไปหากจำเป็น

... โครงการนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ "ลาว" ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลสามารถเข้าถึง "เส้นทางการค้าทางทะเล" ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสำหรับ "การนำเข้าและส่งออก" ได้อย่างมากเมื่อโครงการเริ่มดำเนินการ

... ที่คาดว่าจะเริ่มเปิดใช้ได้ในเดือนกรกฏาคม 2022 นี้

***... รัฐบาลลาวได้ร่วมมือกับบริษัท Petroleum Trading Lao Public Company (PetroTrade) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ" PTL Holding Company Limited" เพื่อ "ร่วมมือกับรัฐบาลเวียดนาม" ในการพัฒนาโครงการ Lao Logistics Link (LLL) ซึ่งรวมถึงท่าเรือในเวียตนามด้วย

... เพื่อหวังจะให้ "ลาวเป็นสะพานเชื่อมระหว่างจีน และลาวเองกับเส้นทางการค้าทางทะเล"

... “หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เราคาดว่าจะเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารของท่าเรือ ในเดือนกรกฎาคมนี้” นายจันทอนบอกดร.ไชยสมพรและผู้ติดตาม ที่รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการนี้ในระหว่างการทัวร์เยี่ยมชม "ท่าเรือแห้งธนาเลง" และ "สวนโลจิสติกส์เวียงจันทน์" ในเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ LLL ที่บริษัทของนายจันทอนกำลังพัฒนาเช่นกัน

... การศึกษาด้านการตลาด พบว่าปริมาณสินค้าแห้งจำนวนมหาศาลที่จัดการโดย "ท่าเรือหวุงอัน" มีปริมาณถึง 2.9 ล้านตันในปี 2014

... นักลงทุนลาวคาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 20.2 ล้านตันภายในปี 2030

... ปัจจุบันท่าเรือกำลังดำเนินการและจัดการตู้คอนเทนเนอร์และสินค้าที่ประกอบด้วยเศษไม้ โพแทสเซียม ยิปซั่ม แร่เหล็ก และถ่านหิน

*** ... "ท่าเรือหวุงอัง" นี้อยู่ห่างจากจุดผ่านแดนนาเปา-ชาลอ 145 กม. ระหว่าง "จังหวัดคำม่วนของลาว" และเวียดนาม ท่าเรือนี้อยู่ในตำแหน่งที่ดีเพื่อใช้เป็น "ประตูเชื่อม" ระหว่างเวียดนามตอนกลาง ลาวตอนกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ( คล้ายกับ "กาญจนบุรี" ของไทยจะเป็น Gateway เชื่อมอ่าวเบงกอล อาหรับ อาฟริกา กับ ลาว จีน เวียตนาม กัมพูชา และทะเลจีนใต้ ... และเชื่อมกับอ่าวไทยที่แหลมฉบัง )

*** ... เนื่องจากมี "การวางแผนเส้นทางรถไฟ" (ส่วนหนึ่งของ LLL) ที่เชื่อมเวียงจันทน์ผ่านคำม่วนไปยังท่าเรือ การขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือหวุงอัง รวมทั้งจาก "ภาคอีสานของประเทศไทย" ( ที่เชื่อมกับอาเซี่ยนอื่นๆได้อีก ) ไปยังตลาดเอเชียขนาดใหญ่ เช่น จีน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น และฮ่องกง "ท่าเรือหวุงอัง" จึงถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าของ "รัฐบาลลาว"

... โครงการ LLL ยังรวมถึง "สวนโลจิสติกส์" ใน "คำม่วนและเวียงจันทน์" เพื่อจัดตั้งระบบเชื่อมโยงด้านลอจิสติกส์ระดับภูมิภาคที่จะช่วยให้ "การขนส่งสินค้า" ที่จัดส่งโดย "ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" สามารถเข้าถึง "ตลาดยุโรป" ผ่านระบบ "รถไฟเชื่อมต่อระหว่างลาว-จีน" ( ส่วนหนึ่งของทางสายไหมใหม่ ) ที่เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย

.
... https://laotiantimes.com/2022/01/11/laos-ups-stake-in-vung-ang-sea-port/

 

จีนปฏิเสธข้อกล่าวหานาซา ที่ระบุว่า “จีนเตรียมยึดดวงจันทร์” เอาไว้เอง

นาย “จ้าว ลี่เจียน” โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ออกโรงปฏิเสธข้อกล่าวหาขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ “นาซา” ที่กล่าวถึงความก้าวหน้าด้านโครงการอวกาศของจีนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

โดยเฉพาะความสำเร็จในการส่งยานอวกาศไร้คนขับไปจอดบนดวงจันทร์เมื่อปี 2556 รวมถึงเป้าหมายในการส่งมนุษย์ขึ้นไปสำรวจ และการเก็บตัวอย่างจากดวงจันทร์กลับมาอีกหลายครั้ง ภายในช่วงปลายทศวรรษนี้ ซึ่งสร้างความกังวลว่า “จีนกำลังพยายามในการยึดครองดวงจันทร์เอาไว้เอง”

นอกจากนี้นาย “บิล เนลสัน” ผู้อำนวยการนาซา ยังโจมตีโครงการอวกาศของจีน ซึ่งอยู่ใต้การควบคุมดูแลของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) และรัฐบาลจีนว่ายังคง “ขโมย” แนวคิด และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจากหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ระบุว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้อำนวยการนาซา ไม่ยอมรับความจริง และพูดจาอย่างไร้ความรับผิดชอบเกี่ยวกับโครงการอวกาศของจีน ซึ่งพยายามที่จะสร้างวาทะกรรมเพื่อต่อต้านโครงการอวกาศของจีนที่ดำเนินไปอย่างปกติ และสมเหตุสมผลเรื่อยมา อีกทั้งจีนยังร่วมกับนานาชาติในการส่งเสริมและพัฒนาโครงการอวกาศมาโดยตลอด

ทั้งนี้นาซา ตั้งเป้าดำเนินโครงการอวกาศที่เรียกว่า “อาร์เทมิส” ซึ่งเป็นโรงการส่งมนุษย์กลับไปสำรวจดวงจันทร์อีกครั้งภายในปี 2568 นับตั้งแต่ประสบความสำเร็จในโครงการ “อะพอลโล 17” เมื่อปี 2515 โดยก่อนจะส่งมนุษย์กลับขึ้นไป จะมีการส่งยานสำรวจพร้อมมนุษย์ ไปโคจรรอบดวงจันทร์ภายในปี 2567

ขณะที่องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติของจีน วางแผนพัฒนาโครงการสำรวจดวงจันทร์ ระยะที่ 4 แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน เริ่มด้วยการส่งยานสำรวจดวงจันทร์ “ฉางเอ๋อ-6”, “ฉางเอ๋อ-7” และ “ฉางเอ๋อ-8” ก่อนปี 2573 โดยเป้าหมายหลัก คือการสำรวจทางวิทยาศาสตร์บนขั้วใต้ของดวงจันทร์ และตั้งสถานีวิจัยดวงจันทร์ทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน

โดยยาน “ฉางเอ๋อ-6” จะเก็บตัวอย่างจากด้านไกลของดวงจันทร์ นอกจากนี้จีนยังวางแผนตั้งกลุ่มดาวเทียมรอบดวงจันทร์ เพื่อให้บริการด้านการติดต่อสื่อสาร และการนำทางด้วย

#ข่าวโมโน29 #mononews29 #ข่าวต่างประเทศ #สหรัฐฯ #นาซา #NASA #จีน #PLA #โครงการอวกาศ #สำรวจดวงจันทร์ #ตั้งอาณานิคม #งานอวกาศ #กาลอวกาศ

 

06.07.22

ประเทศนอร์เวย์ มีผู้ติดเชื้อ ฝีดาษลิง แล้วทั้งหมด 22 ราย โดยผู้ติดเชื้อทั้งหมดเป็นชายล้วน โรคฝีดาษลิง กำลังแพร่ระบาดในนอร์เวย์ พร้อมๆ กับที่การติดเชื้อกำลังลุกลามไปทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉิน

1.ได้มีการค้นพบผู้ป่วยรายแรกของ ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 31.05 และนับตั้งแต่ กลางเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา อัตราการติดเชื้อในนอร์เวย์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ผู้ติดเชื้อชาวนอร์เวย์ทั้งหมดเป็นชายล้วน

2.ผู้ติดเชื้อ 17 คนในมีอายุระหว่าง 20 - 49 ปี และในจำนวนนนี้ 17 คน อาศัยอยู่ในออสโลและ Viken โดย ผู้คนจำนวนมากขึ้นติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดหรือทางเพศสัมพันธ์ โดยมักจะมีผื่นขึ้นที่อวัยวะเพศ ขาหนีบ หรือ บริเวณทวารหนัก

- ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อ ฝีดาษลิง ราว 6,000 คน

3.Siri Laura Feruglio รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมโรคติดเชื้อ FHI กล่าวว่า เรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมการติดเชื้อในครั้งนี้ และใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหยุดยั้งไม่ให้สิ่งนี้แพร่กระจายออกไปในหมู่ประชากร FHI ทำงานร่วมกับเทศบาลในการตรวจหาการติดเชื้อ

4.ก่อนหน้านี้ WHO ได้สรุปว่า โรคฝีดาษลิง ไม่ใช่วิกฤตสุขภาพระดับโลก แต่ถึงกระนั้นก็ได้ให้คำอธิบายว่า มันคือ - "ภัยคุกคามด้านสุขภาพที่รบกวนอย่างมากและต่อเนื่อง" หนึ่งสาเหตุที่ทำให้ WHO มีความกังวลเป็นพิเศษคือมีรายงาน เด็กที่เป็นผู้ติดเชื้อ จากบางประเทศในยุโรป

- แต่ใน นอร์เวย์ นั้น ยังไม่พบเด็กที่ติดเชื้อโรคนี้ เนื่องจากวัคซีนมีจำนวนจัดกัด FHI จะพิจารณาว่าควรแจกจ่ายวัคซีนอย่างไรเมื่อได้รับวัคซีนแล้ว

5.อย่างไรก็ตาม วันนี้ WHO ได้เรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉินครั้งใหม่ โดยจะหารือกันว่าควรประกาศการระบาดของโรคฝีดาษลิงเป็นวิกฤตสุขภาพโลกหรือไม่ ทางด้านนาย Tedros Adhanom Ghebreyesus ผอ.WHO กล่าวว่า เนื่องจากมีการทดสอบหาการติดเชื้อจำนวนน้อยเกินไป ทำให้เราไม่สามารถทราบจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงได้

6.WHO ให้คำอธิบายว่า โรคฝีดาษลิง ไม่ใช่โรคที่ประชาชนทั่วไปควรหวาดกลัวหรือกังวล และไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนจำนวนมาก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

....

✨E-book 12 ข่าวที่มีผู้อ่านมากที่สุดประจำปี 2020
https://www.flipsnack.com/norwaynewsth/2020.html

อ่านรวมข่าว & มาตรการโคโรนา ของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/norgeutrykk

#norway #รายงานข่าวประจำวัน #นอร์เวย์ #ข่าว #วัคซีน #โคโรนา #โควิด19 #Coronavirus #ไวรัส #ความเคลื่อนไหวในนอร์เวย์
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook ข่าวนอร์เวย์

ข่าวต้นฉบับ NRK :
https://www.nrk.no/norge/22-tilfell...tt-en-sa-stor-utbredelse-tidligere-1.16029609

 

โปรดอย่าสงสัยอันใดให้มากความ …
สภายุโรป มีมติใหม่ ให้นับว่าลงทุนก๊าซและนิวเคลียร์ “ไม่” ทำโลกร้อน! --- นับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป บริษัทใดที่ลงทุนพวกนี้ จะไม่ถูกตราหน้าจากสังคมยุโรปแล้ว
(ปกติ ถ้าหน้าไหนไปทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการทำให้โลกร้อน ก็ไม่ได้มีบทลงโทษใดหรอก … แต่มันจะไม่เข้าข่าย ได้ประทับตรา Environmental, Social, and Governance - ESG --- ซึ่งจะถูกเมินยามออกหุ้นกู้ มันเป็น “เทรนด์” ของโลกยุคนี้)

ก็ลมมันเย็นนี่ … ก็รัสเซียหั่นก๊าซซะขนาดนั้น ย่อมเสียว --- ฉะนั้น เรื่องโลกร้งโลกร้อนอะไรนั่น ก็หลับหูหลับตา เอาให้มันผ่านๆ ไปก่อน

(ปฏิเสธยากนะครับท่าน ว่ามนุษย์เราจะสนใจเรื่องโลกร้อน ยามที่เราว่างและสงบสุขพอประมาณ … แต่ถ้ากำลังขัดสนจนใจ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ถามว่าคุณมีเวลามาตกแต่งบ้าน จัดสวน จับผีเสื้อหรอกหรือ???)
.
ที่ผ่านมา
ก๊าซไม่นับ เพราะมันปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ --> สาเหตุให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก (โลกร้อน)

นิวเคลียร์ไม่นับ แม้ไร้คาร์บอนไดออกไซด์ แต่มันก่อกากกัมมันตรังสี
(เอ๊ะ นี่มันกลายเป็นเพจวิทยาศาสตร์เพื่อคุณหนูแล้วรึ???)

ก๊าซ : ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 53 กิโลกรัมต่อการเผาผลาญให้ค่าความร้อน (พลังงาน) หนึ่งล้านบีทียู
เบนซิน : 71 กิโลกรัมต่อค่าความร้อนหนึ่งล้านบีทียู
ดีเซล : 74 กิโลกรัมต่อค่าความร้อนหนึ่งล้านบีทียู
ถ่านหิน : 96 กิโลกรัมต่อค่าความร้อนหนึ่งล้านบีทียู
(ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกา)

นั่นไง เห็นไหม ก๊าซปล่อยน้อยกว่าจริง แถมถ้าจะเลิกผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินที่ปล่อยเยอะๆ ก็ต้องหันมาใช้ก๊าซแยะๆ แทน

แต่ แต่ แต่ ถ้าถามว่าก๊าซปล่อยไหม … คำตอบคือปล่อยนะครับท่าน
.
ที่แล้วมา ยุโรปจึงกระดากใจ ไม่อาจนับนิวเคลียร์และก๊าซเป็นการลงทุน “สายเขียว” (ลดโลกร้อน) ได้
แต่รัสเซียดันมาทำให้ปั่นป่วนใจกระเจิงนี่สิ!

ก็ตามนั้นครับท่าน
เพื่อความยั่งยืน เพื่อสิ่งแวดล้อม … จะสำคัญกว่าเพื่อไม่หนาวตายได้เรอะ!
ต้องกระตุ้นหนุนให้ลงทุนก๊าซและนิวเคลียร์เป็นการด่วน

แต่ยังไม่จบ นี่คือชงขึ้นไป เพื่อให้สหภาพยุโรป (EU) ออกเป็นกฎหมาย
… สมาชิกมี 27 ประเทศ ต้องมีเสียงค้าน 20 เสียงขึ้นไป ถึงจะโดนตีตก --- ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่จะระดมกันมาค้านถึงปานนั้น!

อีกไม่นานคงเรียบร้อย
ถ้าเรียบร้อยเมื่อใด ออสเตรียกับลักเซมเบิร์กขู่ฟ้องร้อง EU
ขณะที่เดนมาร์กออกมาโวยยกใหญ่ ความศักดิ์สิทธิ์ในการต่อสู้ลดโลกร้อนอยู่ที่ไหนกัน

หรือคำตอบ คือ … อยู่ที่รัสเซีย!

https://www.reuters.com/business/su...ment-vote-green-gas-nuclear-rules-2022-07-06/
https://www.eia.gov/environment/emissions/co2_vol_mass.php
https://www.reuters.com/business/su...-eus-sustainable-finance-taxonomy-2022-02-03/

 

เคาะที่ $40-60/บาร์เรล! อเมริกาและพวกหวัง'กด'ราคาน้ำมันรัสเซียแถวนี้(เทียบตอนนี้ตลาดโลก $100 และราคาขายรัสเซีย $80)-ถามคนขายยัง???

เพจเดือดฯ พยายามรายงานเรื่องนี้อยู่เป็นระยะ แต่ก็มิวายคลางแคลงฉงนฉงายยิ่งนัก ว่ามันจะทำได้จริงหรือไม่
"กด" ราคาน้ำมันรัสเซีย เท่ากับ "กด" รายได้รัสเซีย (ในการเอาไปใช้ทำสงคราม) และตรงนี้ก็เป็นช่องให้พันธมิตรของอเมริกาอยู่ได้ --- คือ มันดีกว่าคว่ำบาตรไปเลย นั่นทำให้น้ำมันขาดตลาด ราคายิ่งกระฉูด แต่ถ้ายังซื้อจากรัสเซียได้อยู่ เพียงแต่ซื้อในราคาต่ำๆ ก็ถือว่าพอกล้อมแกล้ม (มั้ง)
แต่ทางปฏิบัติ มันจะได้สักแค่ไหน ใครจะเข้าร่วม
แน่นอนว่า G7 เอย EU เอย ร่วมด้วยช่วยกันอยู่แล้ว แต่จีน อินเดีย คงไม่เสี่ยงเอาด้วย
แล้วถ้าถามว่า G7 EU จะเอา แต่รัสเซียเอากับเขาด้วยเหรอ
รัสเซียขึ้นชื่อเรื่องความหยิ่งทระนง ถ้าโดนคนซื้อมาบีบคอแบบนี้ ถามว่ารัสเซียยอมโอนอ่อนหรือ???
อย่าลืมนะครับ ลูกค้าก๊าซที่รัสเซียนิยามว่า "ไม่น่ารัก" ต้องโดนอะไรบ้าง
(แต่ชาติตะวันตกอาจพอมีความมั่นใจ เพราะก๊าซนั้น ยุโรปต้องพึ่งรัสเซียสุดๆ แต่กับน้ำมัน พอมีทางหนีทางไล่บ้าง)

https://www.bloomberg.com/news/arti...s-discuss-capping-russian-oil-prices-at-40-60

 

วิจัยเผย คนที่มีไอคิวสูง ชอบอยู่เฉยๆ นอนเปื่อยอยู่บ้านมากกว่าออกไปทำกิจกรรม
ทั้งนี้ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัย Florida Gulf Coast ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า
.
คนที่มีไอคิวสูงมักจะชอบจมอยู่กับความคิดตัวเองมากกว่าออกไปทำกิจกรรมเคลื่อนไหว เพราะคนไอคิวสูงขี้เบื่อน้อยกว่า พวกเขาจึงพึงพอใจกับการอยู่เฉยๆ แล้วนั่งคิดอะไรของตัวเองไป

อ่านเพิ่มเติม : https://mono29.com/life/365346.html

 

ราคาน้ำมันดิบโลก ทรุดหนัก ตลาดกังวลเศรษฐกิจถดถอย
.
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกดิ่งลงอย่างหนัก โดยที่ตลาดไนเม็กซ์ปิดวานนี้ (6 ก.ค. 65) ราคาร่วงลง 8.93 ดอลลาร์ ไปอยู่ที่ 99.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ดิ่งลง 10.73 ดอลลาร์สู่ระดับ 102.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
.
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันร่วงลงแรงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ด้านซิตี้กรุ๊ป ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะทรุดหนักแตะระดับ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปลายปีนี้ หากโลกต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
.
#น้ำมันดิบโลก #เศรษฐกิจ #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

[ข่าวด่วน] - รัสเซียอ้างว่าได้ทำลายระบบ HIMARS 2 ใน 4 ระบบที่ยูเครนครอบครองด้วยขีปนาวุธความแม่นยำสูง
ข้อมูลนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากแหล่งที่มาของยูเครน มีเพียงรัสเซียเท่านั้น

 

หากค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุ 36.5 บาท ก็จะอ่อนค่าที่สุดในรอบ 16 ปีทันที

[UPDATE]
ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องจน
แตะ 36.25 บาท/ดอลลาร์แล้ว
เราไม่เคยเห็นบาทอ่อนค่าขนาดนี้มาเกือบ 16 ปีแล้ว
#TraderKP

แบ่งปันจาก ทันโลกกับ Trader KP

 

BREAKING !! : ตลาดคริปโตโดนกระหน่ำ !!! ล่าสุดมีรายงานว่าลูกค้า ของ Voyager อาจไม่ได้รับเงินคืนทั้งหมด !!! หลังจากบริษัทประกาศยื่นล้มละลายต่อศาล ทำให้ตอนนี้ตลาดคริปโตเผชิญข่าวร้ายแบบยับ ๆ ตรงกันข้ามกับกระแสเชิงบวกเมื่อ 2 ปีก่อน ! มาดูกันว่าโดมิโน่ถล่มครั้งนี้จะไปจบลงที่จุดใด ?
.
⚠️หากจะเรียกว่า 'ยับเยิน' ก็คงไม่แปลก ! สำหรับสถานการณ์ในตลาด Crypto ตอนนี้ ซึ่งล่าสุดสื่อระดับโลกอย่าง Bloomberg รายงานอีกว่าลูกค้าของ Voyager Digital Ltd. ที่เปิดบัญชีอยู่ อาจไม่ได้เงินต้นคืนทั้งหมด ! และไม่ควรคาดหวังอะไรด้วย !
.
เอาละสิ งานนี้ยุ่งกันไปใหญ่ ! เพราะหากไม่มีการคืนเงินลูกค้าครบ 100% ก็หมายความว่าเงินส่วนหนึ่งจะถูกชิ่งเไปฟรี ๆ ! ไม่ว่าจะอ้างถึงสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่ผลสรุปก็คือ : ลูกค้าอาจจะไม่ได้เงินคืนทั้งหมด !
.
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวของ Bloomberg เกิดขึ้นหลังจาก Voyager ยื่นล้มละลายต่อศาลในบทที่ 11 และยังระบุอีกว่าทาง Voyager นั้นไม่ได้ตั้งใจจะคืน Bitcoin, Ether หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่เก็บไว้ใน Platform ของตนเอง
.
และเหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ราคาเหรียญหลัก ๆ อย่าง Bitcoin และ Ether ร่วงลงมาราว -70% จากระดับ All Time High
.
ยิ่งไปกว่านั้น Voyager ล้มละลายทั้ง ๆ ที่ได้รับเงินช่วยเหลือประมาณ 75 ล้านดอลลาร์จาก Alameda Research ของ Sam Bankman-Fried ขณะที่การล้มละลายในบทที่ 11 หมายความว่า Voyager จะเข้าสู่สถานะ 'บกพร่อง' ในการชำระหนี้ และนั่นหมายถึงลูกค้าจะไม่ได้รับเงินที่ 'ค้างชำระคืน' อย่างแน่นอน
.
⚠️อาจพูดได้ว่าผลกระทบของตลาด Crypto นั้นเกิดขึ้นแบบเป็นลูกโซ่แล้ว ! ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็เป็นอย่างที่ World Maker บอกไปคือตลาดนี้มีการใช้ Leveraged เข้ามาเก็งกำไรสูงมาก และยังมีการปล่อยกู้ยืมต่อ ๆ กันจากเงินที่กู้มาอีกที ซึ่ง Debt Complex เช่นนี้ไม่ใช่โมเดลใหม่อะไรเลย และทุกครั้งที่ใช้โมเดล Debt Complex นี้ไปจนเกิดฟองสบู่ มันก็มักจะลงท้ายด้วยการระเบิดแบบโดมิโน่ทุกที !
.
ยกตัวอย่างเช่น Voyager เองที่ตอนนี้มีเงินสดเหลืออยู่ราว 110 ล้านดอลลาร์และมีสินทรัพย์อื่น ๆ ตีเป็นมูลค่ารวม 1.3 พันล้านดอลลาร์ แต่กลับเป็นหนี้สินให้เจ้าหนี้มากกว่า 1 แสนราย และอาจมีหนี้สูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
.
มารอดูกันว่าปัญหาลูกโซ่ตรงนี้ลุกลามไปถึงจุดไหน ? ในขณะที่นักวิเคราะห์บางคนให้มุมมองทีน่าสนใจเอาไว้ว่า ตลาดคริปโตตอนนี้กำลังเผชิญกับวิกฤตเช่นเดียวกับ Lehman Brothers ในอดีต !
.
⚠️ดังนั้นเราคงต้องมาลุ้นกันว่าหลังจากผ่านวิกฤตครั้งใหญ่นี้ไปได้แล้ว คริปโตจะกลับมาผงาดใหม่ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลของโลก หรือจะพังทลายหายไปเลยแบบจตุคามบ้านเรากันแน่ ?
.
ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์ในตลาดการเงินและตลาด Crypto โลกจะเป็นอย่างไรต่อไป ทาง World Maker ก็จะคอยเกาะติดทุกความเคลื่อนไหว และจะนำข้อมูลมาอัปเดตให้ท่านทราบกันแบบ Real Time อย่างแน่นอน ! ใครไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญก็ติดตามเพจเราไว้ได้เลยครับ !
--------------------------------------------------------------
#WorldMaker X #Liberator
.
สนใจข่าวหุ้น/การเงิน/เศรษฐกิจ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ทั้งแบบรายตัวและภาพรวม ??? วันนี้ท่านสามารถติดตามข่าวสาร บทวิเคราะห์ เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน ทั้งหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ ไปพร้อม ๆ กับเพจ World Maker และเพจหลักทรัพย์ Liberator Securities ได้แล้ว !
.
⚠️โดยทาง Liberator จะมีการอัปเดตข้อมูล-ข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจโลกให้ในทุก ๆ วันด้วย และมีแบบเจาะลึกกันรายตัว-รายวันเลยทีเดียว ! ใครสนใจรับข่าวสารดี ๆ เพิ่มเติมก็ติดตาม Liberator ไว้ได้เลยที่ : https://bit.ly/3kEtXW7
--------------------------------------------------------------
ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันข่าวสาร อย่างแท้จริงไปกับ #WorldMaker
.
แนะนำให้ทุกท่าน #เปิดกระดิ่ง ตั้งค่า #รายการโปรด หรือ #Favourite ไว้ได้เลยครับ เพราะบางที Facebook อาจไม่แสดงโพสต์ของเราในหน้าฟีด หรืออาจแสดงช้าไปบ้าง ซึ่งอาจทำให้พลาดข่าวสารที่สำคัญจากทาง World Maker ได้ครับ
.
ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
--------------------------------------------------------------
#Crypto #คริปโต #การเงิน #เศรษฐกิจ #หุ้น #ลงทุน #เศรษฐกิจโลก #ข่าวหุ้น #ข่าวคริปโต #ข่าวเศรษฐกิจ #Voyager #ล้มละลาย

 

แคนาดาเตรียมทิ้ง วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า กว่า 13 ล้านโดส หลังไม่มีคนทั้งในประเทศและต่างประเทศยอมฉีด

ทางการแคนาดาเปิดเผยว่าจะเตรียมทิ้งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าราว 13.6 ล้านโดส เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีผู้ที่ต้องการฉีดวัควัคซีนตัวดังกล่าวในแคนนาดา และไม่มีประเทศใดยอมรับบริจาควันซีนแอสตราเซเนกาจากแคนาดา จึงทำให้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ากว่า 13 ล้านโดสหมดอายุลง

ทั้งนี้ แคนาดาได้เซ็นสัญญาสั่งซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเมื่อปี 2020 จำนวน 20 ล้านโดส อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นทางการแคนาดาเริ่มมีความกังวลว่าวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ ซึ่งในบางรายอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต จากนั้นแคนดาดาก็ได้เริ่มสั่งซื้อวัคซีน mRNA จากไฟเซอร์และโมเดอร์นาแทน

#โควิด19 #แคนาดา #AstraZeneca #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29 #ข่าวต่างประเทศ

 

Citiชี้ เป็นไปได้เกิน70%ที่เงินยูโรจะร่วงทาบดอลลาร์ภายใน3เดือนนี้!-และอนาคตยูโรจะ'ถูก'กว่าดอล ซึ่งไม่เจองี้มา20ปีแล้ว!

เว็บเขาสมัครฟรีนะครับ ลองเข้าไปดูได้
FX options บ่งสัญญาณว่า เป็นไปได้ 73.4% ที่เงินยูโรจะแลกได้ดอลลาร์ 1:1 ภายใน 3 เดือนนี้ --- จากที่ปกติ ยูโรจะแพงกว่าตลอด คือ 1 ยูโรจะแลกได้ 1 กว่าๆ ดอลลาร์เสมอๆ
แต่ตอนนี้ ยูโรอ่อนค่าสุดในรอบ 20 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ทว่ามันก็ยังแพงกว่าดอลลาร์นิดๆ
ทีนี้ล่ะ ถ้ายูโรถูกกว่า จะกลับกัน คือ 1 ยูโรแลกได้ไม่ถึงดอลลาร์ ซึ่งตอนนี้ยังนะครับยัง

ถ้ามุมมองผม ดีไม่ดีจะมาเร็วกว่านั้น
เดือนนี้มีเสียวได้ไปทดสอบ
แบงก์ชาติยุโรป ประชุมขึ้นดอก 21 ก.ค.
แบงก์ชาติอเมริกา ประชุมขึ้นดอก 26-27 ก.ค.
คือ โปรแกรมมันไม่สวยครับ
ก่อนอื่น บอกง่ายๆ ก่อนว่า ยิ่งใครขึ้นดอก คนนั้นยิ่งแข็ง
ซึ่งตอนนี้ ยูโรอ่อนหวาดเสียวจะแตะทาบดอลลาร์ 1:1 อยู่ (ปกติ ยูโรแพงกว่าตลอด เป็นงี้มา 20 ปีแล้ว) ทีนี้ ถ้ายิ่งแบงก์กลางยุโรปขึ้นดอกเร็ว ยิ่งช่วยให้ยูโรแข็งขึ้น
แต่นับไปสิครับ วันนี้วันที่ 7 ... กว่าจะถึงวันที่ 21 นี่อีกกี่วัน จะยื้อไปถึงตอนนั้นได้ไหม
ยังไงซะ ถ้าถึง 21 เมื่อแบงก์ยุโรปขึ้นดอก จะกระตุ้นให้ยูโรแข็งขึ้นมา
แต่ แต่ แต่ บัดซบ!!! ไม่ทันไร โปรแกรมตามมาติดๆ แบงก์ชาติอเมริกา จะตัดสินใจขึ้นดอก 27 ก.ค. เท่ากับว่าผ่านไปยังไม่ถึง 7 วันเลย
ถ้าอเมริกาขึ้นดอก ดอลลาร์จะยิ่งแข็ง ก็ผลักให้ยูโรกลับมาอ่อนอีก
อยู่ที่อเมริกาแล้ว ว่าขึ้นเท่าไหร่ ถ้า 0.5% ก็เบาะๆ แต่ถ้าผ่ามาขึ้น 0.75% ล่ะก็ หูย เสียวเลยล่ะครับยูโร เสียวสุดๆ
(แล้วยิ่งข่าวช่วงนี้ ออกมาเยอะๆ คนก็เก็งกันแยะ ว่ายูโรจะอ่อนทาบดอลลาร์ ยิ่งเก็งก็ยิ่งเทขายยูโร ก็ยิ่งผลักให้อ่อนลงอีก)

แบ่งปันจาก เดือดทะลักจุดแตก

 

โอเปก และโอเปกพลัสจะยอมหรือ ปรกติ ประเทศเศรษฐีน้ำมันเป็นผู้กำหนดราคา ถ้าให้สหรัฐ และอียูกำหนดราคาได้ตอนนี้ อีกหน่อยราคาน้ำมันขึ้นหรือลงคงไม่ใช่เป็นสหรัฐ หรืออียูกำหนดเองเลยหรือ

---------

เคาะที่ $40-60/บาร์เรล! อเมริกาและพวกหวัง'กด'ราคาน้ำมันรัสเซียแถวนี้(เทียบตอนนี้ตลาดโลก $100 และราคาขายรัสเซีย $80)-ถามคนขายยัง???

 

สงครามที่มีผู้เสียชีวิตกว่า “1 ใน 6” ของประชากรโลก

“สงครามโลก” คือสงครามที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายมหาศาล และหนึ่งในความขัดแย้งที่อาจจะไม่ใช่สงครามโลก หากแต่สร้างความเสียหายมหาศาล ก็คือ “กบฏอันหลู่ซาน (An Lushan Revolt)” ซึ่งเริ่มตั้งแต่ค.ศ.755-763 (พ.ศ.1298-1306)

เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในปีค.ศ.754 (พ.ศ.1297) มีคนอาศัยอยู่ในประเทศจีนราว 52 ล้านคน แต่หลังจากเหตุการณ์กบฏจบลงในปีค.ศ.764 (พ.ศ.1307) จำนวนประชากรในจีนกลับเหลือเพียง 16.3 ล้านคน

มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เกือบ 36 ล้านคน ซึ่งเกือบเท่า 1 ใน 6 ของประชากรโลกในเวลานั้น และใกล้เคียงกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 1

และถึงแม้นักประวัติศาสตร์จะถกเถียงกันว่าในระยะเวลาเพียงประมาณ 10 ปี จะทำให้มีผู้เสียชีวิตได้เยอะขนาดนั้นจริงหรือ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์กบฏอันหลู่ซานก็เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์

เราลองมาดูเรื่องราวของเหตุการณ์นี้กันครับ

“ราชวงศ์ถัง” ได้เข้าปกครองประเทศจีนตั้งแต่ปีค.ศ.618 (พ.ศ.1161) โดยมี “จักรพรรดิถังเกาจู่ (Gaozu of Tang)” เป็นจักรพรรดิพระองค์แรก และราชวงศ์ถังก็ได้พิชิตชนเผ่าเตอร์กิก และดึงให้ชนเผ่าเข้ามาหลอมรวมกับสังคมจีน

จักรพรรดิองค์ที่สอง คือ “จักรพรรดิถังไท่จง (Emperor Taizong of Tang)” นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็น “โอรสสวรรค์” พระองค์ยังเป็นที่รู้จักในนามของ “ข่านแห่งสวรรค์” ทำให้พระองค์เป็นจักรพรรดิองค์แรกที่พวกเตอร์กิกยอมรับว่าเป็นข่าน

ชนเผ่าเตอร์กิกได้เข้ามาหลอมรวมกับสังคมจีน และกลายเป็นชาติพันธุ์ที่มีจำนวนมากเป็นอันดับสอง รองจากชาวฮั่น ซึ่งนอกจากสองชนชาตินี้ ก็ยังมีชนชาติอื่นๆ ในจีน เช่น เปอร์เซีย อาหรับ เกาหลี และญี่ปุ่น

องค์จักรพรรดินั้นทรงชื่นชมที่จีนมีหลากหลายเชื้อชาติ หากแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะคิดเช่นนั้น

จากบันทึกโบราณ ซึ่งเขียนโดยชาวเตอร์กิกในช่วงต้นศตวรรษที่ 8 ก่อนเหตุการณ์กบฏอันหลู่ซานไม่กี่ปี ได้บรรยายถึงการกดขี่ของราชวงศ์ถังที่กระทำต่อชนเผ่าเร่ร่อน

ในปีค.ศ.751 (พ.ศ.1294) “หลี่ลินฟู (Li Linfu)” อัครมหาเสนาบดี ได้โน้มน้าวให้ “จักรพรรดิถังเสวียนจง (Emperor Xuanzong of Tang)” แต่งตั้งให้นายพล “อันหลู่ซาน (An Lushan)” ขึ้นเป็นแม่ทัพแห่งกองทัพภาคเหนือ ควบคุมทหาร 164,000 นาย

อันหลู่ซาน มีบิดาเป็นชาวซอกเดีย มารดาเป็นชาวเตอร์กิก เขาสามารถพูดได้ถึงหกภาษา และก้าวสู่อำนาจในเวลาต่อมา

นอกจากจะเป็นแม่ทัพฝีมือฉกาจ เขายังเป็นนักการเมืองที่ปราดเปรื่อง สามารถชนะใจอัครมหาเสนาบดี แม้แต่ “หยางกุ้ยเฟย (Yang Guifei)” สนมเอกขององค์จักรพรรดิก็ยังชื่นชอบในตัวเขา

และด้วยแรงสนับสนุนของหยางกุ้ยเฟย ทำให้องค์จักรพรรดิก็ทรงสนับสนุนอันหลู่ซาน ทำให้เขาทั้งมั่งคั่งและมีอำนาจ

แต่ดูเหมือนโชคของอันหลู่ซานจะอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากเมื่อหลี่ลินฟูเสียชีวิตในปีค.ศ.753 (พ.ศ.1296) อัครมหาเสนาบดีคนใหม่ นั่นคือ “หยางกั๋วจง (Yang Guozhong)” ก็ตั้งใจจะถอดถอนอันหลู่ซาน

หยางกั๋วจงได้เป่าหูองค์จักรพรรดิว่าอันหลู่ซานคิดจะก่อกบฏ และเริ่มกำจัดผู้สนับสนุนอันหลู่ซานในราชสำนักทีละคน

เหตุการณ์นี้ได้สร้างความโกรธแค้นให้แก่อันหลู่ซานเป็นอันมาก และนำไปสู่ความวุ่นวาย

ในเวลานั้น อันหลู่ซานเป็นแม่ทัพที่เป็นที่เคารพนับถือของเหล่าทหาร จึงได้ทำการประกาศอิสรภาพในปีค.ศ.755 (พ.ศ.1298) และตั้งราชวงศ์ขึ้นใหม่ นั่นคือ “ราชวงศ์หยาน (Yan Dynasty)” และเริ่มรุกไปเพื่อยึดครองเมืองหลวง ก่อนจะยึดลั่วหยาง เมืองหลวงทางตะวันออกของราชวงศ์ถังได้ในเดือนมกราคม ค.ศ.756 (พ.ศ.1299)

กลุ่มกบฏอยู่ไม่ไกลจากฉางอาน องค์จักรพรรดิจึงทรงส่งแม่ทัพฝีมือดีไปต้านทัพกบฏ หากแต่การเมืองภายในก็ทำให้แม่ทัพทั้งสองถูกประหารก่อนจะได้ออกทัพ

จากนั้น อัครมหาเสนาบดีก็ได้ทรงส่งแม่ทัพเตอร์กิกไปพิทักษ์ด่านตงกวน หากแต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกองทัพของอันหลู่ซาน

เมื่อเป็นอย่างนี้ ทำให้องค์จักรพรรดิและองค์รัชทายาทต้องเสด็จหนีตายไปคนละทาง และก็ได้เกิดเหตุขัดแย้งภายในกองทัพราชวงศ์ถัง เมื่อทหารในกองทัพจับกุมตัวหยางกั๋วจงและหยางกุ้ยเฟย และโทษว่าสาเหตุของความพ่ายแพ้มาจากสองคนนี้ และขอให้มีการประหารชีวิตคนทั้งคู่

จักรพรรดิถังเสวียนจงทรงยอมทำตามและยอมสละบัลลังก์ ทำให้บัลลังก์ตกเป็นของ “จักรพรรดิถังซู่จง (Emperor Suzong of Tang)” พระราชโอรสของพระองค์

จักรพรรดิถังซู่จงทรงเป็นผู้ที่มีพระปัญญาหลักแหลม อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน พระองค์จึงทรงขอความช่วยเหลือจากอุยกูร์คากาเนต ซึ่งอยู่ทางเหนือของจีน โดยทรงสัญญาว่าจะตอบแทนพวกอุยกูร์ด้วยของล้ำค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหม ทองคำ และทรงอนุญาตให้เข้าปล้นเมืองแถบชายแดน

นอกจากอุยกูร์ รัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ ซึ่งเป็นรัฐเคาะลีฟะฮ์ราชวงศ์ที่สามของศาสนาอิสลาม ก็ได้ส่งทหารมาช่วยอีก 4,000 นาย

ด้วยความช่วยเหลือเหล่านี้เอง ทำให้ผลของสงครามเริ่มเปลี่ยนไป

ในปีค.ศ.757 (พ.ศ.1300) “อันชิงซู (An Qingxu)” ลูกชายของอันหลู่ซาน ได้ทำการลอบสังหารอันหลู่ซาน และการสังหารนี้ ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

ค.ศ.759 (พ.ศ.1302) “ซือซื่อหมิง (Shi Siming)” หนึ่งในคนสนิทของอันหลู่ซาน ก็ได้ทำการสังหารอันชิงซู

แต่ต่อมา ในปีค.ศ.761 (พ.ศ.1304) “ซือจ้าวยี (Shi Chaoyi)” ลูกชายของซือซื่อหมิง ก็ได้สังหารบิดาตนเอง ซึ่งต่อมา เมื่อพ่ายแพ้ต่อกองทัพราชวงศ์ถัง ซือจ้าวยีก็ได้ฆ่าตัวตายในปีค.ศ.763 (พ.ศ.1306)

ภายในปีค.ศ.764 (พ.ศ.1307) เหตุการณ์กบฏอันหลู่ซานก็ได้จบลง

มีการประเมินว่าจากเหตุการณ์นี้ มีผู้เสียชีวิตระหว่าง 13-36 ล้านคนเลยทีเดียว

-----

References:
https://totallyhistory.com/an-lushan-rebellion/
https://www.thoughtco.com/the-an-lushan-rebellion-195114
https://www.bbc.co.uk/programmes/b01by8ms

ต้นฉบับ: https://www.blockdit.com/posts/62c51bf26c7c972527bb7063

 

เป็นห่วงว่ายิ่งทำจะยิ่ง เจ๋ง เพราะจำทะแบบนี้ได้สหรัฐ และอียูต้องมีน้ำมันป้อนตลาดไม่หยุด เพื่อให้ราคาลง ซึ่งโอเปกจะเอาด้วยเพื่อลดรายได้ตัวเองลง คิดว่าใครจะโง่ไปทำแบบนั้น

----

[UPDATE]
สหรัฐและชาติตะวันตกกำลังเร่งหารือเรื่อง
"แบนน้ำมันรัสเซีย"
ร่วมกันหากราคาสูงกว่า 60 เหรียญ เพื่อพยายามหาทางกดราคาน้ำมันโลกลง
#TraderKP

 

ITM
What is the Value of Gold and Silver During Inflation?

Lynette Zang July 7, 2022

14:14....ถาม....
ทำไมทองคำจึงราคาร่วงลงในช่วงที่คุมเงินเฟ้อไม่ได้

Eric.....
เรื่องนี้มีการถามกันมานานแล้ว ลองมาดูจากชาร์ทที่ 1 กันก่อน เป็นชาร์ทราคาสป๊อตทองคำตั้งแต่ปี 2008 ..อย่าลืมว่านี่เป็นราคาในสัญญาซื้อขาย (ที่ยังไม่มีของ) เป็นเพียงบุริมสิทธิในมูลค่า ใน spot market

เมื่อเดือนมีนาคม 2008 จุดสูงสุดของราคาในชาร์ทนี้คือ $1,032 และมันร่วงลงมาถึงจุดต่ำสุดในชาร์ทในเดือนพฤศจิกายน 2008 ที่ $692

ทีนี้ย้อนกลับไปดูช่วงที่มีปัญหาเลห์แมนเมื่อเดือนกันยายน (อ่านไปดูกร้าฟไปนะครับ) ราคามีการวิ่งขึ้นจากช่วงต่ำกว่า $750 ไปถึง $900 ก่อนที่จะร่วงลงมาเพราะมีการ selloff ครั้งใหญ่ เพราะนักลงทุนทั้งหลายถูกเรียก margin calls จากตลาดหุ้น จนต้องขายทรัพย์สินที่มี ถึงแม้จะ performing well เพื่อตัดขาดทุนทรัพย์สินอื่น

ราคาทองคำตกไปถึง 30% จากพีค ก่อนที่มันจะกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง

Lynette.....
ทีนี้ก็เปลี่ยนมาดูภาพใหญ่ในชาร์ทที่ 2 ที่แสดงราคาสป๊อตตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปัจจุบัน ดูที่ปี 2008 ว่ามันขึ้นไป newer highs ได้ถึง $1,800-$1,900 มี cup formation และ mini cup หลายครั้ง

ราคาทองคำที่สูงขึ้นครั้งนั้นเป็นการแสดงถึงค่าของดอลลาร์ที่กำลังสูญไป ....เมื่อคุณได้รับรู้ความจริงของมูลค่าดอลลาร์ คุณก็ต้องรู้ว่า ราคาทองคำสป๊อตที่เห็นตอนนี้คือการถูกกดอย่างแรงจนสามารถเห็นได้ชัด ..ในฐานะที่ Eric เป็น wholesaler ทองคำ คงพอจะบอกได้ถึงค่าพรีเมี่ยมของทั้งทองคำและซิลเวอร์

Eric....
พรีเมี่ยมคือส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่มจากราคาสป๊อตเมื่อต้องการซื้อทองคำ physical ...แต่พรีเมี่ยมซิลเวอร์จะสูงกว่าทองคำนะ ดูตัวอย่างของ Silver Eagles ที่ราคาตลาดสป๊อต $20 ต่อออนซ์ แต่ราคาจริงที่บวกพรีเมี่ยมแล้วคือ $33 ต่อออนซ์ ....ทั้งหมดนี้มาจากดีมานด์ที่ยังสูงอยู่ของโลหะทั้งสอง

ในช่วงที่ราคาทรัพย์สินทุกชนิดกำลังร่วงลง แน่นอนว่าราคาทองคำก็ร่วงด้วย แต่จะเห็นว่าผู้ที่ถือทองคำจะไม่ยอมปล่อยออกมาง่าย ๆ ....ราคาวันนี้ที่ตกไป $30-$40 แต่ไปดูราคาหุ้นที่กำลังพังสิ พวกนักลงทุนหุ้นกำลังถูก call margins ...เราจึงเห็นการ selloff ทองคำอย่างแรงตอนนี้

อย่าลืมว่า ทองคำคือกรมธรรม์ Insurance Policy นะ

(โล่ห์น่ะทำจากโลหะ ไม่ใช่กระดาษ...ตาสา')

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า รอสเนฟต์ บริษัทพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย แถลงเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ว่า ได้ค้นพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเพโชรา และคาดหมายว่าจะมีน้ำมันอยู่ราวๆ 82 ล้านตัน
.
โดยแหล่งน้ำมันที่ถูกค้นพบครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการขุดสำรวจในพื้นที่เมดีนสโก-วารันดีย์สกี "ระหว่างการทดสอบ ได้กระแสน้ำมันไหลออกมาอย่างอิสระ ด้วยอัตราการไหลสูงสุด 220 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน" บริษัทแถลงในวันพุธ (6 ก.ค.) พร้อมระบุว่า "น้ำมันดังกล่าวเป็นน้ำมันเบา กำมะถันต่ำ และความหนืดต่ำ"
.
รอสเนฟต์ ระบุว่า งานสำรวจในน่านน้ำต่างๆ ของทะเลเพโชรา ได้พิสูจน์ถึง "ศักยภาพด้านน้ำมันที่สำคัญของเขตติมัน-เพโชรา และจะกลายเป็นรากฐานสำหรับการเดินหน้าศึกษาและพัฒนาในภูมิภาคต่อไป"
.
คำแถลงของรอสเนฟต์ มีขึ้นในขณะที่ตะวันตกพยายามยกระดับกดดันรัสเซีย ตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประชุมซัมมิตของกลุ่มจี 7 ตกลงกันที่จะสำรวจความเป็นไปได้ในการออกมาตรการชั่วคราวเพื่อจำกัดราคานำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลจากรัสเซียที่รวมถึงน้ำมันด้วย เพื่อตัดแหล่งรายได้ของมอสโกที่จะนำไปใช้ในสงครามยูเครน แต่ไม่ได้ระบุเป้าหมายราคาที่จะจำกัด
.
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอจำกัดราคาขายน้ำมันของมอสโกเหลือแค่ครึ่งเดียวของราคาปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นให้อดีตประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย ซึ่งเวลานี้ยังคงเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดคนหนึ่งของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน รับตำแหน่งเป็นรองประธานของสภาความมั่นคง ซึ่งทรงอิทธิพลมากของรัสเซีย ออกมาเตือนว่ามัน อาจทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงและดันราคาทะยานทะลุ 300-400 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://shorturl.asia/1A3sw

https://mgronline.com/around/detail/9650000064553
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision