ตุ๊กตาลูกเทพ สามารถปลุกเสกพลังงานลบเข้าไปอยู่ได้หรือเปล่าคะ

"ลูกเทพ" กำลังฮิตมาก ถ้าดิฉันเรียกจะเรียกกว่ากุมารทองอัพเกรด

 

การปลุกเสกนั้น ความจริงพระท่านจะปลุกเสกคาถาอาคมเข้าไปในวัตถุใดก็ได้นะครับที่จับต้องได้ และเพื่อให้วัตถุมงคลนั้นมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น เราจึงนิยมใช้วัตถุหรือมวลสารที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวอยู่แล้ว มาทำการปลุกเสกอีกที เช่น ผงอิทธิเจ ว่าน ดิน เหล็กไหล เหล็กน้ำพี้ โลหะอื่นๆ ฯลฯ

ดังนั้น ถ้าจะทำการปลุกเสกเข้าไปในตุ๊กตาลูกเทพก็สามารถทำได้เช่นกัน

ตอนนี้ตุ๊กตาลูกเทพมีการพูดถึงกันมากมาย และวิจารณ์กันไปต่างๆนานา บางคนถึงกับใช้คำหยาบคายออกมาด่าทอดูถูกผู้ที่อุ้มตุ๊กตาลูกเทพโดยไม่ส่องกระจกหันมามองตัวเอง ดูมันวุ่นวายกันพอสมควรกับกระแสตุ๊กตาลูกเทพในขณะนี้

ผมเองก็เคยเห็นคนอุ้มตุ๊กตา ก็สงสัยว่าเขาทำอะไรกัน ภายหลังจึงมารู้ว่าเป็นตุ๊กตาลูกเทพนี่เอง คือถ้ามองตามความเคยชินคงไม่มีใครคุ้นเคยกับภาพที่ผู้ใหญ่มาอุ้มตุ๊กตากันหรอก มีแต่เด็กเท่านั้นที่จะอุ้มตุ๊กตากัน ผมว่านะเรื่องของเรื่องถึงไม่ใช่ตุ๊กตาลูกเทพ ต่อให้เป็นตุ๊กตาธรรมดาก็โดนด่า โดนวิจารณ์กันอยู่ดีครับ เพราะคนเราไม่ชินตากับภาพที่ผู้ใหญ่มาอุ้มตุ๊กตากัน ประกอบกับมันมาผนวกเข้ากับเรื่องความเชื่อไสยศาสตร์อีกด้วย เรื่องมันก็เลยบานปลายๆๆๆๆ ไปถึงไหนต่อไหนกัน คนที่มีอคติกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้วก็เข้ามาผสมโรงกันไปใหญ่ โยงเข้ามาหาศาสนาพุทธไปโน่น วิจารณ์กันไปโดยจับประเด็นไม่ได้

ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งใดก็ทำไปเถอะครับ อย่าให้ใครเดือดร้อนเป็นพอ จะตุ๊กตาลูกเทพหรือสร้อยพระคล้องคอผมว่ามันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ เพราะคนเราไม่คุ้นเคยกับภาพที่เห็น ใครเขาจะโกรธจะโมโห ก็ปล่อยเขาบ้าไปเองเถอะครับ โกรธคือโง่โมโหคือบ้า เห็นคนอุ้มตุ๊กตาลูกเทพแล้วเดือดเป็นฟืนเป็นไฟก็ช่างเขาเถอะครับ

 

ปรกติเราเชื่อว่าวัตถุทุกอย่างมีพลังงาน ดังนั้นการบรรจุพลังงานก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่า คนจะทำได้ไหมและจะทำเพื่ออะไร ทีนี้ไม่รู้ใครหัวใส re-brand กุมารทองไทยกลายเป็นตุ้กตาลูกเทพ ทำให้นึกถึง สมัยก่อนกลุ่มคนเล่นตุ้กตาพวก blythe ก็จะเห็นจะมีแต่สาวๆ(ใหญ่) ไฮโซ นัดเจอกันแล้วเอาตุ้กตามาอวดกัน ถ้ามอง (เดา 555) ในแง่พลังงาน ตุ้กตาลูกเทพเรานี่ ต่างจาก ตุ้กตาอื่นๆของฝรั่งตรงที่ ตรงจุดตั้งต้นที่เกิดจากพื้นฐานเดิมในความชื่อว่า ตุ้กตานี้เป็นตัวแทน ของกุมาร ซึ่งเป็นดวงจิตเด็ก แล้วทีนี้มันมีรูป เป็นสัญลักษณ์ มันก็ มีนามได้ + กับความคิด และการกระทำที่ประกอบกันเข้าไป เช่นเลี้ยงดู bla bla ก็อาจจะดึงดูด พลังงาน ที่มี ความสัมพันธ์กับดวงจิตของเจ้าของนั้นๆก็อาจจะเข้ามาเป็นได้ แล้วถ้า ดวงจิตเจ้าของ ปราศจากความเข้าใจในเรื่องของพลังงานและ ขาดการเจริญสติ ก็คงเป็นช่องทางทำให้เกิดการควบคุมจิต ได้ในการต่อไป

ปล เดาล้วนๆ 5555 และส่วนตัวไม่ชอบเด็ก ยกเว้น เกิน 18

 

ส่วนคิดดิฉันใครจะอุ้มอะไรก็อุ้มไปค่ะ
ที่ดิฉันกลัวและเกรงก็เป็นเรื่องของพลังงานลบมากกว่าที่ตัวเองก็สัมผัสแบบจังๆไม่ได้
วันที่ไปสวดมนต์ข้ามปี แฟนดิฉันอยากเห็นและพาลูกเดินไปดู ดิฉันปฎิเสธว่าไม่เอาไม่ไป (แต่ไม่กล้าห้ามลูกเพราะไม่มีเหตุผลอะไร)
ดิฉันไม่แน่ใจเรื่องแบบนี้มากกว่า

หากมีอะไรที่อุ้มแล้วช่วยค้าขายได้ดี ลูกค้าอุดหนุนได้เยอะ ของแบบนี้จะดลใจคนอุ้มไม่ได้หรือ? แล้วถ้าดลใจได้เขาจะดลใจอะไรเรา ?

 

วัตถุเกือบทุกชิ้น มีพลังงานในตัวเองอยู่แล้วครับ
เพียงแต่จะมีด้านไหน มากน้อยเพียงใด
ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆที่มีอยู่ในวัตถุครับ
พวกนี้ปัจจุบันมีเครื่องมือในการตรวจสอบได้ครับ...
ซึ่งก็ถือว่าเป็นรูปธรรมอย่างหนึ่ง
เพียงแต่เครื่องมือนี้ปัจจุบันยังมีราคาแพงอยู่ครับ
ประมาณ ๔ ถึง ๕ แสนบาทไทยครับ

และวัตถุทุกชิ้นสามารถที่จะบรรจุ เพิ่ม ลด ดึง หรือ ดูด
พลังงานลบ(ร้อน , ไม่ดี , อกุศล หรือแล้วแต่จะเรียก)
หรือพลังงาน(เย็น , ดี , กุศล หรือ แล้วแต่จะเรียกหรือเข้าใจ)
ได้หมดนั่นแระครับ..ขอเพียงแต่วัตถุนั้นมีธาตุดินเป็นองค์ประกอบ
คือพอมีความแข็ง จับต้องได้ ทำได้หมดครับถ้าเป็นเรื่องการบรรจุพลังงาน
และไม่ว่าวัตถุอะไรก็สามารถมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานได้หมด
ไม่ว่าจะเพิ่ม หรือ ลด บิด หรือ บัง หรือ ขวาง ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็น
คนกลาง. ตลอดวิธีการต่างๆ
ในการเชื่อมต้นพลังงานจากแหล่งต่างๆไม่ว่าแหล่งใด
เพื่อบรรจุพลังงานนั้นๆ ไม่ว่าจะเพิ่ม
ลดหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง และคุณสมบัติของพลังงาน
ที่มีอยู่ในวัตถุนั้นๆก็ขึ้นอยู่กับว่าวัตถุนั้นๆ
อยู่ ณ สถานที่ หรือ กับบุคคลใดๆครับ...
เช่น สมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๑ อยู่กับบุคคลที่
จิตใจดีอยู่ตลอดเวลา กับ อยู่กับบุคคลที่
มีแต่ความกังวลตลอดทั้งวันผลก็ต่างกันเป็นต้น

ส่วนใครจะชอบ จะยึดวัตถุอะไรก่อนก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล
และขึ้นอยู่กับว่า เน้นเพื่อสิ่งใด เช่น ค้าขาย หน้าที่การงาน
ป้องกันภัยต่างๆ ฯลฯ
และหลักในการครอบครอง หรือ เพื่อมีวัตถุนั้น ยกตัวอย่างเช่น
เช่น เราไหว้รูปบิดา มารดา ของเรา แต่เราต้องเข้าใจว่า
รูปที่เราไหว้นั้นมิใช่บิดามารดาเราจริงๆครับ
แต่รูปนั่นคือ สิ่งเชื่อมโยงจิตเราที่ทำให้เราระลึกถึงคุณบิดามารดาเรา
เป็นต้น หรือเราครอบครองวัตถุมงคลที่เป็นรูปพระพุทธฯ พระสงฆ์
ท่านต่างๆ เราครอบครองเพื่อเชื่อมโยงจิตถึงท่านและทำตามคำสอน
ของท่านก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ
ถ้าเอาหลักนี้เป็นเกณฑ์ก็ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนใครจะเชื่อมโยงเพื่อผลออกไปทางด้านไหน
ก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ตามเหตุและปัจจัยของตน
ใครไม่ยึดเลยก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลอีก
ประเด็นนี้สุดแล้วแต่จะเข้าใจตามเหตุและปัจจัยส่วนตนครับ

ต่อไปนี้เล่าให้ฟัง แต่ไม่ต้องถือเอาเปนสาระ
เพราะไม่ใช่สาระที่สำคัญอะไรครับ
ในวงการเรื่องการบรรจุพลังงานนั้นบ้างก็เรียกว่าปลุกเสก
ถ้ามีการเชื่อมต้นพลังงานเป็นระดับพระพุทธฯ
ก็มักเรียกว่า พุทธาภิเษก เป็นต้น
หรือจะเรียกอะไรก็สุดแล้วแต่จะเรียก...
การทำให้วัตถุนั้นออกเมตตาได้ถือว่าดีที่สุด
เพราะเรื่องอื่นๆมันง่ายหากทำให้ออกเมตตาได้
เพราะการทำให้ออกเมตตาได้จะคลอบคลุมทุกเรื่อง..

และที่สุดยอดของเมตตาอีกระดับ
ทั่วๆไปจะเย็นๆ ส่วนมากผู้ทำจะเป็นพระ
อายุ ๗๐ ถึง ๘๐ ขึ้น ก็คือลักษณะ
เมตตาแบบเบา นิ่ง เร็ว คือ
เอกลักษณะของพระพุทธฯท่านต่างๆที่เราทราบๆกันดี
และเมตตาแบบ แน่น เร็ว หนัก
คือเอกลักษณะของพระโพธิสัตว์ เช่น สมเด็จ ต.ฯลฯ
และแบบพลังงานเมตตาแบบกระชาก...คือ
เอกลักษณะของท่านที่สำเร็จระดับ จิตธาตุ(เป็นไปอย่างใจคิด)
ความสามารถไม่ต่ำกว่า ปฏิสัมภิทาญาน (ยังมีที่มีชีวิตอยู่)
ส่วนวัตถุทางสายด้านพลังงาน ที่สุดของที่สุด
ด้านพลังงานก็คือ มีลักษณะพลังงานกระชาก
เช่น วัตถุมงคล ของ หลวงปู่ ด.
ปล.ประมาณนี้หละครับ ไม่มีอะไรหรอกพอขำๆ

 

อย่างนี้วัตถุทั้งหลายก็เป็นแค่ตัวกลางที่บรรจุพลังงานทั้งหลายไว้สินะครับ สำคัญที่พลังงานที่อยู่ในนั้น และเชื่อมโยงกับอะไร

 

ดิฉันว่ามันเป็นสาระนะคะ เพราะว่าการเอาลูกเทพซึ่งบางคนไปเปรียบเทียบกับการปลุกเสกในพระเครื่อง กับ การปลุกเสกประเภทกุมารมันคนละเรื่องกัน อย่างในข่าวที่บางวัดกำลังทำอยู่

 

ใช่ ประมาณนั้น เชื่อมโยงกับอะไรเรียกอีกอย่างว่า ต้นพลังงานนั่นหละ

แล้วแต่จะเข้าใจเนาะ..ที่ส่วนตัวเขียนบอกว่าไม่ใช่สาระ หมายถึง
เรื่องในวงการบรรจุพลังงานในวัตถุ..ถึงแม้ว่าจะดีที่สุดก็ตาม
แต่ก็ไม่ควรเอามาเป็นสาระ เพราะไม่ใช่ประเด็นสำคัญของพุทธศาสนา
พุทธศาสนาเราเน้นเรื่องปัญญา.และเน้นเรื่องธรรมะของพระพุทธเจ้า
ต่อให้เราจะมีพลังงานถึงขั้นพลิกจักรวาลได้ มันก็ไม่ทำให้เรา
สามารถหลุดพ้นได้..นี่ประเด็นแรก พอเข้าใจเนาะ.

ประเด็นต่อมา ถ้าเราลูบๆคลำๆ ไม่สนใจเรื่องการสร้างสติทางธรรม..
นอกจากความเข้าใจทางด้านนามธรรมเราจะไม่ดีแล้ว..
ผ่านมากี่ปีต่อกี่ปี ก็ยังไม่เข้าเหมือนเดิม..
ก็เพราะเราขาดตัวสติทางธรรมตรงนี้
ที่จะคอยควบคุมความคิด ขาดตัวควบคุมพฤติกรรมของจิต
เป็นเหตุให้จิตเราส่งออก สร้างตัวอุปทานขึ้นมาอย่างที่ไม่รู้ตัว...
ทีนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องภายนอก ตัวจิตมันก็จะส่งตัว
วิญญานไปเชื่อมโดยที่เราไม่รู้ตัว และสุดท้ายมันก็จะไปยึด
ไปดึง เอาเรื่องนั้นเข้ามาเป็นเรื่องของตัวเราเองอย่างไม่รู้ตัว...
เราก็จะมองว่ามันเป็นสาระขึ้นมาทันที..และยิ่งจิตที่หละหลวม
ขาดการฝึก สนใจบ้างไม่สนใจบ้าง แต่อยากรู้เรื่องนามธรรม
ไปทุกเรื่องแล้วเนื่องด้วยวิสัยปกติของจิตเมื่อรวมกับความคิดแล้ว
มันมักจะคิดแต่เชิงลบ คิดไปโน้นนี่นั้นไปเรื่อย เด่วก็เรื่องคนโน้น
เรื่องคนนี้ เรื่องอดีตบ้าง เรื่องอนาคตบ้าง ทั้งๆที่มันผ่านมาแล้ว
และก็ยังมาไม่ถึง ก็ยังไปดึงเข้ามาคิดปรุงแต่งไปเรื่อยเปื่อย.ยิ่งรวมกับสัญญา
ความจำได้เดิมเป็นทุนยิ่งคิดไปกันใหญ่.เพราะว่าขาดการ
เจริญสติให้ต่อเนื่องนั้นหละครับ...
ปล.พอเข้าใจเนาะ..

 

พลังงานเมตตาแบบกระชาก ผมเคยมีประสบการณ์กับท่านนี้ครับ คือผมมักจะอนุสติเชิญบารมีท่านมาแผ่เมตตา ระหว่างก็จะเหมือนมีพลังงานสปารค์ ครับ แต่แผ่เสร็จแล้ว รู้ฟิน สดชื่น มากๆ เลยครับ

 

เข้าใจค่ะว่าคนละเรื่องกับที่ดิฉันเขียน 555

 

เทพท่านไม่มาสิงมาอาศัยอยู่ในตุ๊กตาหรอกครับท่านมีวิมาณของท่าน ทำกันอย่างนี้บ่อย ๆ ไอ้ที่จะมาสิงมาอาศัยก็จะเป็นพวกสัมภเวสีหรือพวกผีทั่ว ๆ ไปที่ไม่มีที่อยู่ไม่มีที่จะกินนั่นแหละครับ ผีพวกนี้จะรู้ร้อนรู้หนาวรู้หิวเหมือนเรา และหากยิ่งบ้ากันไปก็ไอ้พวกขายตุ๊กตานั่นแหละครับที่จะรวย ลองถามพวกที่บูชาตุ๊กตาลูกเทพกันดูว่าเขานับถือศาสนาอะไรกัน คิดว่าคงจะไม่ใช่ชาวพุทธ เพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนอะไรอย่างนี้ ส่วนที่มีพระบางองค์ระดับเจ้าอาวาสออกมาพูดว่าไม่ผิดมันก็จริงเพราะต้องบอกว่ามันโง่งมงายกันมันถึงจะถูก เป็นถึงพระระดับเจ้าอาวาสแต่พูดออกมาอย่างนี้มันรู้น้อยกว่าคนที่ยังไม่ได้บวชเสียด้วยซ้ำไป

 

+++ เวลาทำพิธี "ปลุกเสก พระพุทธรูป" ผู้สวด "จะสวดอะไร และ ระลึกถึงอะไร" เป็นหลัก รวมแล้ว "คนสวดได้ พุทธานุสติ" ใช่หรือเปล่า ถ้าระลึกได้ถูกต้องตามบทสวด

+++ เวลาทำพิธี "ปลุกเสก เทวรูป" ผู้สวด "จะสวดอะไร และ ระลึกถึงอะไร" เป็นหลัก รวมแล้ว "คนสวดได้ เทวตานุสติ" ใช่หรือเปล่า มีอยู่ใน "อนุสติ 10"

��ѧ�Ե� Palungjit.org > ��ѡ�ٵ� ����Է��

+++ แต่เวลาทำพิธี "ปลุกเสก ตุ๊กตา" ผู้สวด "จะสวดอะไร และ ระลึกถึงอะไร" เป็นหลัก จะมาบอกว่าเป็น "ตุ๊กตานุสติ" มันก็แผลง ๆ งัย ๆ ชอบกลอยู่

+++ แล้วถ้าเป็น "ตุ๊กตายางญี่ปุ่น" ขึ้นมาล่ะ จะไม่กลายไปเป็น "ตุ๊กตาแม่เทพ" กันไปหมดหรอกเหรอ แล้วผู้สวดจะไม่ระลึกกันจน "หน้าดำคร่ำเครียด แล้วถอนการระลึกไม่ออก" หรอกเหรอ ตรงนี้ คนสวด "ย่ำแย่เหน็ดเหนื่อยไปตาม ๆ กัน" ดีไม่ดี พระสึกกันหมดวัดเอาทีเดียวนะ กลัวจะมีพาดหัวข่าวว่า "ตุ๊กตาแม่เทพเฮี้ยน ทำเอาพระสึกหมดวัด" อะไรทำนองนี้ ยุ่งเลย

+++ เรื่อง "ตุ๊กตาลูกเทพ" นี่ดังไปทั่วโลก ข่าวฝรั่งก็เอามาลง แต่ออกไปในแง่ "ติดลบ" เสียมากกว่า กลายเป็น "คนไทย (โดนทั้งประเทศ รวมตัวคุณด้วย) งมงายมาก ๆ"

+++ ต่อไปเหล่า "มิจฉาชีพ" ก็จะได้ช่องเข้ามา หาช่องทางทำมาหากิน โดยใช้ ความงมงายของคนไทยเองนั่นแหละ หลอกจนหมดประเทศ แต่ก่อน "ธรรมกลาย ยังแต่งตัวคล้ายพระ" แต่ปัจจุบันนี้ "ใช้เพียงแค่ ตุ๊กตา ก็หาทางรวยได้แล้ว"

+++ ใครก็ตามที่มี "ขีดความสามารถในการ ขยายวงจิตให้กว้างออกไปในระดับ สังคมส่วนรวมได้" หรือสามารถทำการ "พิจารณาแบบ อิทัปปัจจัยตา" ได้ในระดับ "สังคมส่วนรวม" ก็ให้ช่วยกัน ลองฝึกทำดู แล้ว map เข้ากับสถานการณ์โดยรวมของโลกในปัจจุบันขณะ (รวมผู้ก่อการร้าย สงครามน้ำมัน การฉวยโอกาสแบบ จอร์จ โซรอส ต่าง ๆ) แล้วประเมิน "ผลได้เสีย จากความงมงาย ในระดับคนไทยทั้งหมด" ดูว่าจะออกมายังไง "ขั้นต่ำสุด คงเห็น สงครามจิตวิทยา ระหว่า ธรรมะกับอธรรม" ออกกันได้บ้างกระมัง แต่ถ้าใครทำไม่ได้ "ก็อย่าทำ" เพราะมันจะทำให้ปวดหัวได้ สำหรับผู้ที่ "ทำได้" ตรงนี้เป็นการพิจารณาธรรมปัจจุบัณขณะ ในวงกว้าง ผู้ที่ทำได้จะได้ประโยชน์อย่างมหาศาลด้วยตนเอง ในระดับที่เรียกว่า big picture "ส่วนผู้ที่ทำไม่ได้ อย่าลองโดดเข้ามา นะครับ มันเกินกำลัง"

 

ตรงคำว่าปลุกเสกนะค่ะ ดิฉันก็ไม่ทราบ่ว่าปลุกเสกด้วยอะไร อ่านผ่านๆรู้สึกจะมีใบสูติบัตร(วันปลุกเสก) ด้วย แต่น่าจะคนละเรื่องกับความหมายปลุกเสกพระเครื่อง

 

คิดแบบนี้เหมือนกันนะค่ะ เป็นอะไรก็ไม่รู้ที่เจ้าของต้องคอยเรียกกิน ฯลฯ ถ้าจำได้จะมีกระทู้เก่าๆ โพสต์รูปตุ๊กตาของสมาชิกเก่าท่านนึง ตุ๊กตาสะสมประกอบด้วยชิ้นส่วนสัตว์ที่ตายแล้ว (ประมาณนี้) ดูภาพแล้วดิฉันเชือว่า หลายๆคนคงรู้สึกอะไรบ้าง มันไม่ใช่ความรู้สึกกลัวแบบไม่มีเหตุผล

 

ปกติไม่ชอบตุ๊กตตาอยู่แล้ว ยิ่งมาเวอร์ชั่นพกพา(พร้อมพาพกอะไรบางอย่าง เป็นอะไรที่อ้ดไปในนั้นก็ไม่รู้) ไม่รู้สึกว่ามันหลอนไปหน่อยเหรอคะ ลองคิดว่าตุ๊กตามาเดินหรือทำตาปะหล้บปะเหลือกแล้ว...ขนลุกง่ะ

แล้วที่เค้าบอกว่าลูกเทพนี่ต้องการสื่ออะไร
ข้อ1 ในนั้นเป็นเทพเหรอ? ถ้าพ่อแม่เทพลูกก็เทพใช่มั้ย? ฟังแล้วเหมือนบังคับให้ผลิตได้แล้วพ่อแม่เป็นใคร?

ข้อ2 นั่นนะเทพเลย? แต่เอ้...เทพเทวดาไม่อยู่สวรรค์วิมานของท่านเหรอ แล้ว อยู่ในต๊กตาทำไม รู้สึกคล้ายโดนขัง(เหมือนในหนังจับผีลงหม้อ) สวรรค์น่าสบายกว่ามั้ย อยากไปไหนก็น่าจะแว็บดูดีกว่าโดนอุ้มตั้งเยอะ หรือว่าบอกว่าหมดเวลาบนโ้น้นเลยเลือกมาอยู่ในตุ๊ตาแทนการเกิด ที่สุดท้ายก็ทำไม่ได้แม้แต่เดิม มันดีกว่าจริงๆเหรอ?

ข้อ3. เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพอันสุดเทพ ว่าเจ๋งเจงๆมีไรอยากไรบันดาลได้หมด ขอกันเข้าไปหากคุณโทรมาภายในสิบนาทีเราขอมอบสิทธิ์ขาดในการเลึ้ยงดูไปตลอดแลกกับโปรขอสารพ้ดนึก ห้ามพลาดในการครอบครองตุ๊กตาลูกเทพเด็ดขาด(เหมือนโฆษณาเลย)

ข้อ4.ท่านที่มีนี่ต้องดีม้ากมากจริงๆ เพราะนั่นเป็นตุ๊กตาลูกเทพ. ท่านตัองเลึัยงเหมือนลูกตัวเอง ตัวท่านนั่นแหละเป็นเทพเองไม่งั้นมึลูกเทพได้ไง แลัวคนทึ่มีจะลอยตามคำอวยมั้ยนั่น?
แล้วจะไม่อยากมีตุ๊กตาได้ไง

ข้อ5.ท่านที่มีนี่สุโค่ยมาก สามารถออเดอร์อะไรเทพก็ได้ ราวกับมีเทพเป็นลูกสมุน???(เรื่องจริงชืวิตจริงทำอย่างนั้นได้จริงๆเหรอ?)

ข้อ6.ท่านนี่ยอดสุดๆสามารถเข้าถึงเทพชนิดปรนนิบัติผ้ดวีกันได้ตลอดเวลา อยากเสวยลูกชิ้นปิ้งก็บึ่งไปถวาย ขนาดร่างทรงยังไม่แนวเท่าท่านเลย อุ้มกระเตงดูแลเข้าถึงกันสุดๆ ล้้ำจริงๆ

ข้อ7.การจะครอบครองนั้นท่านต้องถือศีลไปปฏิบัติธรรมก่อนไปรับลูกเทพ ต้องเขัาวัดทำบุญบ่อยๆ ถ้าไม่ทำรับลูกเทพไม่ได้บารมีไม่พอ ที่ท่านทำไปทั้งหมดเพื่อลูกเทพ ไม่รู้ว่าเกึ่ยวกับการแสดงความเป็นชาวพุทธรึเปล่า ใครจะสน...ชัานจะครอบครองเทพจ้าๆๆๆ

ข้อ8.แหมมันโก้ไม่หยอกมีเทพแบบพกพาโชว์หน้าตากะตาเนื้อได้ อินเทรนด์นะเข้าใจ๊? ใครไม่มีเชยว้า...สะสมได้เหมือนแสตมป์ เปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนบาบี้ หน้าตาดีเหมือนเด็กน้อยฝาหรั่ง โคตรคุัมคุณสมบัติแถมอวดได้ยังกะไอโฟน ช่ายเลย

ข้อ9.เงินเยอะทำไมใคร...เอาไปบำรุงบำเรอตุ๊กตาลูกรักนี่คุ้มฝุดๆ แล้วลูกเทพจะเปย์กลับสมนาคุณอบ่างสุดติ่งรวยเป็นเศรษฐี บิลเกตจะต้องชิดซ้ายเมื่อเจอลูกข้าฮุว้าฮ่ะๆๆๆ รีบๆโทรจิตอยากกินอะไรจะลูก แม่เพิ่งซื้อของเล่นใหม่ให้ งวดนี้ขอตรงๆน่ะลูก

ข้อ10.เทพไม่เทพไม่รู้ แต่เค้าจะติดกระแส ขอมีมั่งให้โลกรู้ว่า ข้านึ่แหละเจ้าของตุ๊กตาลูกเทพ(กับเค้าเหมียนกัน) ปลุกเสกไม่เสกไม่สนขออุ้มเอาหน้าหน่อยแล้วกัน

แล้วก็จบไปแล้วสำหรับการตั้งขอสงกะสัยของข้าพเจ้า อย่าคิดมากสงสัยก็แค่สงสัย

 

รายการทีวีย้อนหลัง ไทยแลนด์ก๊อตทาเลนต์ ดูรายการย้อนหลังอัพเดทที่นี่

เปิดคำพูด !! “เจน ญาณทิพย์” เมื่อเธอออกมาบอกสาวกเหล่าตุ๊กตาเทพ “หยุดงมงาย”

เป็นกระแสที่แรง และฮ็อตฮิตมากสำหรับนาทีนี้ เรืองของการบูชาเหล่า “ตุ๊กตาเทพ” เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล เรียกเงินเรียกทอง ให้โชคให้ลาภ ซึ่งบางตัวถึงขนาดต้องบูชากันเป็น หมื่น ๆ ก็มี ทำให้กระแสตุ๊กตาเทพร้อนแรง ถึงขั้นมีสายการบิน เปิดจองตั๋วที่นั่งให้ตุ๊กตาเทพ แม้แต่ร้านอาหารก็มีการจองที่พิเศษ หรือราคาพิเศษ สำหรับตุ๊กตาอีกด้วย วันนี้ทางโชว์ข่าวได้นำบทสัมภาษ์ของคุณ”เจน ญาณทิพย์” ที่เธอเคยออกมาบอกว่าหยุดงมงายกันสักที ไม่มีเทพที่ไหนมาสิงห์ตุ๊กตาแน่นอน
ที่บอกครอบครองจะสร้างความร่ำรวยเป็นการกล่าวเกินความเป็นจริง อย่างที่บอกจะส่งผลร้ายทำให้คนที่ครอบครองเจ็บป่วย ยิ่งถ้ามีการใส่เล็บผม ฟัน ของคนตายไป หรือกระทั่งเอาดวงเรา เอาเส้นผม เล็บของส่วนตัวใส่ไปก็อันตราย เพราะในกรณีที่เป็นคนตายที่วิญญาณไม่รับรู้ มันมีวิญญาณบางดวงที่ยึดติดกับร่างและสังขารยังหวงแหน อาจจะมีความโกรธ จะทำให้วิญญาณไปสิงสู่กับสิ่งเหล่านี้ คนที่ซื้อไปจะถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายวิญญาณที่ยึดติดกับสังขาร ทำให้ดวงคุณไม่ดี ส่วนดาราที่เห็นเขาถือแล้วร่ำรวยก็คือผลบุญกุศลที่ทำมาแต่อดีตชาติ หรือปัจจุบันก็ดี แต่พอบุญหมด หรือว่าดวงตกเมื่อไหร่สิ่งเหล่านี้ก็จะให้ผล ทำให้คุณถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายวิญญาณ
ที่อ้างว่าเป็นเทพ เทพไม่มาสิงสู่สิ่งเหล่านี้ เทพจะไม่ยุ่งกับมนุษย์เด็ดขาด เพราะมนุษยมีกลิ่นสาป มนุษย์ตัวเหม็น มนุษย์ไม่มีศีล คนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่มีความโลภทั้งนั้นเลย อยากรวย อยากได้มีชื่อเสียงก็จะเป็นเหยื่อ
เจนย้ำด้วยว่า ตุ๊กตาที่ว่าไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่ผลเสียเป็นโทษ 1.เสียเงิน 2.เรางมงาย และ 3. แทนที่เราจะอยู่อย่างมีความสุขกลับมีผีมาด้วย
ต้องเข้าใจด้วยว่าผีหรือวิญญาณมันมีความหลากหลายมีทั้งดีและไม่ดี ถ้าเจอผีไม่ดี อยากให้มนุษย์ยกยอปอปั้นเขาอยู่แล้ว วิญญาณก็จะเห่อเหิม เวลาไปบูชา ไปแบ่งบุญให้ ไปเลี้ยงดูเหมือนลูก วิญญาณร้ายเหล่านีก็จะเข้าสิงสู่ตุ๊กตาจริงๆ อย่างที่เราเรียกกันว่าตุ๊กตาผี แทนที่เราจะไว้พระกลับ
ไปไหว้ผี ก็อันตราย อุ้มตุ๊กตาแล้วพูด บางครั้งมันสามารถสื่อให้วิญญาณมิจฉาทิฐิเข้ามาสิงสู่เหมือนกับตุ๊กตากุมาร พอเข้ามาอยู่ มนุษย์เหล่านั้นก็จะเจ็บป่วยและมีผีตาม สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่สิ่งดี แล้วราคาก็แพง น่าสงสารการสร้างกระแส ก็อยากจะมี ก็เป็นหนี้เป็นสินกัน”

 

แหมม เทียบกับพระห้อยคอก็แรงไปหน่อยนะครับ คือผมเห็นด้วยนะครับแต่แรงไปหน่อย ผมขอเทียบกับการเจิมรถล่ะกัน ด้วยความเคารพครับ (kiss)

 

เป็นไปตามวัฎจักรจริงๆ ทุกอย่างย่อมมีเสื่อมลง ศาสนาพุทธไม่เสื่อมแต่สติปัญญาของคนที่จะเข้าถึงแก่นศาสนานับวันยิ่งเสื่อมลงเสื่อมลงจนยั้งไม่อยู่ ทั้งฆารวาสและพระ ฆาราวาสยิ่งไร้สติ ไร้ปัญญา พระยิ่งไร้ศีลวินัยตัวเองบวชเข้ามาเพื่ออะไร แทนที่จะสละ ละกิเลส แนะนำชักจูงฆาราวาสให้เข้าใจถึงธรรมที่แท้จริง กลับ จะมากระทำตัวเยี่ยงฆาราวาสแล้วจะบวชทำไม บวชเพราะขี้เกียจทำงาน บวชหาเงินเพราะรู้ว่าถ้าใช้ความสามารถในฐานะฆาราวาสคงไปไม่รอด คงอดตาย หรือ ไม่รวยซักที อย่างนั้นหรือ

 

+++ หมอปลากับ ตุ๊กตาลูกเทพ

https://youtu.be/-U9557Molr0

 

อาจารย์บอกว่า เอาเวลาไปหาเห็บหมาดีกว่ามั้ย? 5555555