ถ้าท่านมี โทสะราคะและโมหะ ท่านปราถนาพุทธภูมิจะทําอย่างไร

สมมุติว่า ท่านเกิดโทสะ ท่านจะทําอย่างไร

สมมุติว่า ท่านเกิดโมหะขึ้นมา จะทําอย่างไร ท่านยังลังเลคอยตั้งคําถาม เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า พระสาวก อยู่จะทําอย่างไง
สมมุติว่าท่านเกิดราคะ จะทําอย่างไร ท่านมองหญิงยังสวยอยู่

จะทําอย่างไงเหรอครับ

 

บารมี 10 ยังไงล่ะ ทำได้มากน้อยแค่ไหน ราคะ โทสะ โมหะ ข่มด้วย บารมี 10 ขันติ เป็นต้น และเจริญวิปัสสนาให้มาก ก็จะข่มไว้ได้ ข่มมากได้มาก ข่มน้อยละได้น้อยตามลำดับ ข่มไม่ได้ลงอเวจีไปเลย ข่มไว้ได้มากชั้นพรหม ข่มได้ธรรมดาสวรรค์ ข่มไม่ได้อบายภูมิไปเลย ถามตัวท่านดูว่าจะไปทางไหน

 

1.ประพฤติตนให้อยู่บนหลักของมรรคแปดเป็นนิจ
2.ทำสมาธิให้ถึง สัญญาเวทยิทธินิโรธสมาบัติ

 

ให้มีสติกำกับ
อยู่กับปัจจุบัน
จะทำอะไรคิดอะไร
พิจารณาให้ถี่ถ้วน
ถ้าหลุดไปให้ตั้งสติใหม่
เว้นแต่คุณจะปล่อยหลุดไปเอง
คือไม่อยากมีสต่งสติแล้วไม่ตั้งสติกำกับ
คือยอมให้กิเลสครอบงำ นั่นอีกเรื่องนึง

 

หลายๆท่านก็ตอบข้อสงสัยไปแล้วซึ่งข้าพเจ้าก็ว่าเป็นธรรมที่ชอบแล้ว ส่วนตัวข้าพเจ้ามองถึง ธรรมสโมทาน 8 ประการ ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ โดยรวมแล้วก็ต้องอาศัย อริยมรรค นั่นเอง สัมมาทิฐิ เป็นตัวแรกนะท่าน ถ้าท่านเกิดโมหะตามที่ท่านว่า มันก็ไม่ใช่ สัมมาทิฐิ ถ้าท่านมองหญิงสวยแล้วกำหนัด มันก็ไม่ใช่สัมมาทิฐิ อีก หรือไม่ก็แสดงว่า สัมมาทิฐิของท่านที่มีอยู่ใช้ไม่ได้ บางครั้งก็ว่ากันไม่ได้เพราะสัญชาตญาณมันบังคับเรา ข้าพเจ้าตอนอายุสัก 18 จน 21 22 ข้าพเจ้าก็กำหนัดมากกำหนดยังไงก็ไม่ลง ติดกามเลยก็ว่าได้ จนถึงตอนที่ข้าพเจ้ามีความคิดอย่างหนึ่ง(ต้องบอกว่าคิด เพราะคิดจริงๆไม่ใช่พิจารณาด้วยธรรม) ข้าพเจ้าเห็นว่า ผู้หญิงเนี่ยจะสวยขนาดไหน ปานใด ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่า เพศสัมพันธ์ อยากจะทำมากกว่าเพศสัมพันธ์ แล้วมันทำยังไงล่ะ มีความรู้สึกว่า สุดท้ายมันก็แค่นั้น เราก็ไม่ได้เขา เขาก็ไม่ได้เรา ไม่มีใครครอบครองใครได้เพราะเป็นอนัตตา นั่นแหละเมื่อนั้นข้าพเจ้าเองก็คลายกำหนัดไปได้พอสมควร เพราะมันเบื่อ และเรื่องเจอผู้หญิงสวยก็ทึกทักไปว่า สวยแล้วไง ได้มากสุดก็เพศสัมพันธ์ ทำมากกว่านั้นก็ไม่ได้เพราะไม่มีอะไรให้ทำ ความอยากได้ อยากมีก็ลดลงไป

ข้าพเจ้าว่ามันก็แล้วแต่จริตคนนะ แต่ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้จึงแสดงทัศนะ ชอบไม่ชอบแล้วแต่จะพิจารณา

 

ยิ่งสูง ยิ่งหนาว!

เอกทศมุขีอวโลกิเตศวรมนต์

เอกทศมุขีอวโลกิเตศวรมนต์ - YouTube

ด้วยเหตุนี้หรือป่าว ท่านจึงได้เสด็จบรรลุเป็นพระอริยอวโลกิเตศวร
"ผู้มองลงมายังเบื้องล่าง"
เพื่อแบ่งให้ตำแหน่ง เอกบรมโพธิ์สัตว์ ให้ผู้ที่ปรารถนาเช่นเดียวกับท่าน
เป็นแทนพระองศ์ต่อไป

 

ทำดี ทำดี ทำดี
ทำเพื่อตนเอง ฝึกจิตภาวนา
ทำบารมี ๓๐ ทัศ ให้ยิ่ง ๆ

ทำเพื่อคนอื่น จิตเป็นเมตตา อธิษฐานให้ดี
เป็นขั้น ๆ ลำดับ ๆ ไป

 

ก็แค่ขับไล่กิเลสมันออกไปครับ โดยจับลมหายใจเข้า-ออก
ส่วนมากเราใช้ชีวิตประจำวันแล้วมักจะลืมลมหายใจ กิเลสมันก็เลยเข้ามากวนใจเรา
ทางที่ดีพยายามทรงฌาณให้ได้ตลอดครับ

 

ความคิดผมว่านะเป็นไปตามวาสนาบารมีคือบารมี10 ประการมี 3 ระดับ คือ..บารมีต้น..อุปบารมี..ปรมัตถบารมี..เป็นของธรรมดาลองพิจารณาว่าบารมีเราขั้นไหนเรามีอารมย์ยับยั้งชั่งใจแค่ไหนถ้ากระทบกับโลกธรรม 8 หรือ กามคุณ 5 เพราะเรายังเป็นปุถุชนอยู่..ต้องใช้ สติปัฎฐาน 4 พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม เสมอ

 

ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดนี้ มีความไม่เที่ยง มีเกิดมีดับ ตัวของเราก็ไม่เที่ยง มีเกิดมีดับ ดั้งนั้น โลภะ โทสะ โมหะ (โลภ โกรธ หลง) ก็ไม่เที่ยง มีเกิดมีดับเช่นกันครับ....

 

ฝึกสติปัฏฐาน 4 ครับ
ฝึกรู้เท่าทันจิตของเรา
จะได้จัดการกับอารมณ์ไม่พึงประสงค์ได้