ถ้าเรายึดหลักธรรมเป็นใหญ่ เราจะมีหลักยึดที่มั่นคงอย่างแท้จริง

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 พฤษภาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    F8C806FD-3EDE-4F3B-988A-5C670588AA3B.jpeg

    กระผม/อาตมภาพเองติดตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ชีวิตฆราวาส ๑๑ ปี เป็นพระอีก ๗ พรรษา ระยะเวลา ๑๘ ปีที่อยู่กับท่านมาเคยถามปัญหาแค่ ๔ ครั้งเท่านั้น เพราะว่าเป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านของกำลังใจ ทำให้ไม่แน่ใจว่าตำราเขียนไว้ถูกต้องหรือไม่ ก็ต้องสอบถามจากครูบาอาจารย์ให้ชัดเจน

    ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพ ปัจจุบันนี้เป็นครูบาอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหาติดตามอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง มีโอกาสใกล้ชิดครูบาอาจารย์ชั้นยอดอย่างหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ก็คงจะมีอะไรสอบถามมากมาย ขออภัย..ท่านทั้งหลายเข้าใจผิดแล้ว..!

    การปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าเราตั้งใจทำจริง ๆ ปัญหาทุกอย่างจะมีคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องทุ่มเททำกันจริง ๆ ชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก แล้วก็จะชัดเจนเองว่าสิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนนั้นหมายถึงอะไร ยกเว้นขั้นตอนอย่างที่ได้ว่ากล่าวเอาไว้ เราค่อยไปกราบเรียนถามสอบถามจากท่าน นอกจากไม่เป็นการรบกวนครูบาอาจารย์แล้ว ยังทำให้เรายึดหลักธรรมแทนตัวบุคคลด้วย

    ตัวบุคคลนั้นย่อมขึ้นอยู่กับสามัญลักษณะ ก็คือ อนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ อนัตตา ไม่สามารถยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้ ท้ายที่สุดก็เสื่อมสลายตายพังไปหมด แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นเช่นนี้

    ดังนั้น..ถ้าเรายึดตัวบุคคล โอกาสที่เราจะได้ดีมีน้อยมาก เพราะว่าเรายึดผิดที่ แต่ถ้าเรายึดหลักธรรมเป็นใหญ่ เราจะมีหลักยึดที่มั่นคงอย่างแท้จริง ขอเพียงให้เราตั้งหน้าตั้งตาทำจริงเท่านั้น เพียงแต่ว่าให้ทำแบบบุคคลที่มีปัญญาประกอบ ไม่ใช่ทำเพราะแรงชักชวน โฆษณาของคนใดคนหนึ่ง

    ในชีวิตของกระผม/อาตมภาพเจอคนจำนวนมากที่มีเจโตปริยญาณ โดยเฉพาะสองท่าน ก็คือพุทธอิสระกับทิดคม หรืออดีตเจ้าคุณคมที่สึกไป ในระหว่างที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ ท่านจะสามารถรู้เท่าทันอารมณ์จิตของบุคคลที่ต่ำกว่าหรือเสมอกันได้ จึงทำให้ท่านสามารถพูดดักใจของเราได้จนกลายเป็นอัศจรรย์ แล้วทำให้คนเชื่อถือ เลื่อมใส ทุ่มเททำบุญอย่างชนิดขาดปัญญาประกอบ กลายเป็นอธิโมกขศรัทธา

    เมื่อถึงเวลากำลังของท่านลดถอยลง วิชาเสื่อมขึ้นมา ก็จะเกิดอาการอย่างที่ท่านทั้งหลายได้เห็น ก็คือกิเลสตีกลับ รัก โลภ โกรธ หลง ท่วมทับตัวเอง กลายเป็นว่าตัวเองก็ยังสั่งสอนตัวเองไม่ได้ สิ่งที่เคยพูดเคยบอกเอาไว้ บางอย่างก็เหมือนกับด่าตัวเองชัด ๆ แต่เราก็ไม่ตำหนิกัน

    เพียงแต่อยากจะบอกกับท่านทั้งหลายว่า เรื่องเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นการรู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต ระลึกชาติได้ รู้ว่าคนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน รู้ใจคนอื่น และท้ายที่สุด รู้วิธีทำกิเลสให้สิ้นไป ถ้าตราบใดยังไม่สามารถทำกิเลสให้สิ้นไปได้ วิชาทั้งหลายเหล่านั้นมีโอกาสเสื่อมอยู่ตลอดเวลา

    เพียงแต่ว่าเมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้น ถ้าเป็นพระภิกษุสามเณรของเรา ต้องรีบปลีกตัวออกจากหมู่ ให้เวลาตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อที่จะประคับประคองปรับปรุงกำลังใจของเราให้ก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้หมดกิเลส ยิ่งสามารถขัดเกลาตนเองให้กิเลสเบาบางได้เท่าไร ความปลอดภัยก็จะมีสูงเท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้าพลาดให้กิเลสตีกลับเมื่อไร ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่กระผม/อาตมภาพกล่าวมาในข้างต้น ก็จะเป็นตัวอย่างที่เราท่านทั้งหลายได้เห็นอยู่กับตา

    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖

    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9459

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน #watthakhanun
    #ig: wat.thakhanun
    #tiktok: @watthakhanun
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม
    #พระครูวิลาศกาญจนธรรมดร #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #พระอาจารย์เล็ก #หลวงพ่อเล็ก
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...