ทำไมบางท่านถึงไม่ทานอาหารในงานศพคะ

๑. พวกเรียนคาถาอาคม มีข้อห้ามไม่ให้ทานอาหารในงานศพ จะทำให้คาถาเสื่อม
๒. คนทั่วไปเชื่อกันว่าวิญญาณคนตายจะเที่ยวชิมอาหารในขณะที่นำไปเลี้ยงแขก จึงรังเกี่ยจไม่รับประทาน
๓. พวกทรงเจ้าจะมีความเชื่อว่าอาหารในงานศพไม่บริสุทธิ์จึงไม่กิน
๔. ไม่ถืออะไรแต่รังเกียจว่ามีศพคนตายตั้งอยู่ด้วยเลยทานไม่ลง
๕. พวกอนามัยจัดคิดมากว่าศพอาจเป็นโรคระบาด หรือคิดว่าอาหารที่ทำในงานศพไม่สะอาดจึงไม่กิน

 

ดิฉันมีพี่ีชายที่เรียนวิชาหลายอย่างแต่ไ่ม่เคยถามและไม่เห็นบอกใครว่าเรียนวิชาอะไรแต่เคยเห็นคนที่ผีเข้าแล้วพี่ชายไปดูไม่นานผีก็ออกไม่เห็นพี่ชายทำอะไร
รู้แต่ว่า กำหลายอย่างเช่น ไม่อยู่ใต้ต้นมะเฟือง-ไม่กินปู-ไม่กินอาหารงานศพ
ปัจจุบันกินเจตลอดชีวิต ลาออกจากงานมาขี่มอเตอไซค์รับจ้างแล้วก็ไปรับธรรมมะ บ่อยมากหรือเห็นใครคุยไปคุยมาก็ชวนเค้าไปรับธรรมมะดิฉันก็เคยไปรับธรรมมะด้วย แต่ใครมีปัญหาอะไรแกก็ให้ความช่วยเหลือและคำปรีกษาทุกเรื่องยกเว้นของเงิน

อย่าว่าแต่กินอาหารในงานศพเลยแม้แต่ไปงานศพถ้าป่วยหรือคิดว่าดวงไม่ดีเขาก็ไม่ไปงานค่ะ(ถ้าไม่ใช่ญาติหรือคนสนิทจริงๆ)

 

หรือคนที่ลงสาริกาลิ้นทองก็ห้ามไม่ให้กินน้ำก๊กฮวยค่ะ

 

นอกจากอาหารแล้วน้ำเปล่าก็ห้ามครับ..เป็นข้อห้ามของบางคนที่มีอาจารย์
ทางภพภูมิในกรณีที่อาจยังไม่ทราบวัตถุประสงค์.ของการที่จะพบวิญญาน
ที่จะตามมาขอส่วนบุญ..ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โดนแกล้งได้โดยไม่ได้เจตนา.

 

เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่ามีเหตุผลมากมายหลากหลายขนาดนี้ นึกว่าบางคนไม่กินเพราะกลัวเรื่องความสะอาดอย่างเดวซะอีก ส่วนตัวชอบกินด้วยสิ แถวบ้านเราเวลามีคนตายเขาจะจ้างแม่ครัวมาทำให้ เเล้วแม่ครัวคนนี้แกมาประจำ ฝีมือแกดี แต่ต่อไปเวลาจะกินชักกลัวๆแล้วสิ = ="

 

เท่าที่ได้ยินมา เขาบอกว่า...ส่วนใหญ่ที่มีองค์ หรือมีสื่อสัมผัสพิเศษ (อะไรแบบนี้)
จะไม่ทานอาหารในงานศพ บางคนก็ไม่ไปงานศพ บางคน แม้แต่น้ำดื่มก็ไม่แตะค่ะ
(จริงเท็จประการใด อันนี้ก็ไม่ทราบนะคะ..ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม ^^)

 

ที่เห็นมาน่ะครับ คนมีวิชา(ของ) ไม่ให้กินอาหารในงานศพ และถ้าอยู่บ้านกับข้าวต้องกินพร้อมกันหรือ กินก่อนคนอื่น หรือต้องแยกไว้ให้ต่างหากก่อนคนอื่นกินถึงจะกินได้ ส่วนที่งานศพกับข้าวที่คนอื่นกินเสร็จแล้ว เขาจะคัดที่ดีๆ อยู่นำมาใส่กลับในหม้อเดิม แล้วตักไปให้แขกคนอื่นกินต่อ ซึ่งถือว่านั่นคือของเหลือแล้วครับ บางคนมักเถียงครูบาอาจารย์ว่าไม่ได้กินของเหลือหรอก เพราะเขาได้แยกสำรับไว้ให้ก่อนแล้ว แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า กับข้าวนั้นไม่ได้เหลือมาจากเวลาก่อน ครูบาอาจารย์เลยสั่งห้ามศิษย์นอกครูเหล่านี้ เพื่อไม่ให้มีความเสื่อมเสียมาถึงตัวอาจารย์ในภายหลังได้

 

บางคนคิดว่า อาหารที่เลี้ยงในงาน ศพ เป็นของอัปมงคล ก็เลยไม่ทาน ความเชื่อนี้ ส่วนมากจะเป็น คติความเชื่้อถือ ของคนจีน คนที่อยู่การไว้ทุกข์ จะไม่ค่อยมีคนอยากให้เข้าไปบ้านใคร เพราะว่ากลัวจะนำทุกข์มาสู่ครอบครัวคนอื่น คือของที่บ้านคนตาย จะไม่อยากได้ เหมือนกับเป็นของทุกข์

แต่คิดในมุมกลับ แหวนเพชร แหวนทอง ในนิ้วคนตาย ยังต้องถอดออก แล้วแย่งกัน ที่ดิน เงินทอง บ้านช่อง ของคนตาย แย่งกัน หรือถ้าเอาไปให้คนอื่น ที่ถือคติเรื่องนี้ รับรองเอากันหมดทุกคน ไม่มีใครปฏิเสธ ไม่กลัววิญญาณคนตายมาทวงคืนอีกด้วย

สมัยนี้ อาหารที่งานศพ ส่วนมากจะเว้นไว้เฉพาะถาดอาหารของไหว้ศพ เท่านั้น ที่ไม่ค่อยมีใครทานกัน ยกเว้นงานเชงเม้ง ที่กินได้ทุกคน

อาหารที่ใช้ไหว้ศพในงาน ผมก็เคยทานเหมือนกัน แต่มีความรู้สึกว่า รสชาติของอาหารที่ตักแยกสำหรับไหว้ศพจะค่อนข้างไม่มีรสชาติ คือไม่มี่ความอร่อย รู้สึกชืด ๆ แล้วได้ลองเปรียบเทียบ กับอาหารชนิดเดียวกันในงาน ที่สำหรับเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานกลับมีรสชาติที่ดีกว่า อย่างรู้สึกได้อย่างชัดเจน
ทั้ง ๆ ที่เป็นอาหารหม้อเดียวกัน

 

ไม่ได้ถือของถือครูอะไร แต่ส่วนตัว ไม่ชอบกินอาหารตามงานอย่างนั้น

ที่ชอบกิน และกินทุกครั้งคือ ข้าวที่วัด หลังพระท่านตักแล้ว ญาติโยมที่นำอาหารไปถวาย จึงเข้าแถวไปตักมากินบ้าง บรรยากาศดังรูป

 

เพิ่งนึกได้ ว่าที่ไม่ชอบกินอาหารตามงานเพราะกินมังสวิรัติ แล้วอาหารตามงานเขาทำมาแล้ว ใส่น้ำปลา ใส่เนื้อสัตว์ต่างๆ จะไปบอกเขาแยกนั่นแยกนี่ ก็เป็นการเรื่องมาก

ส่วนอาหารที่วัด เวลาไปถวายพระ ก็ทำเอง ไม่มีเนื้อสัตว์ พอถึงเวลาญาติโยมตัก ก็ตักของตัวเองด้วย ส่วนอาหารคนอื่น มีหลายสิบอย่าง เลือกตักเอาได้ อย่างที่ไม่มีเนื้อสัตว์ก็เยอะแยะ

 

เหตุผล
1.กินอิ่มมาก่อนหน้านี้แล้ว
2.รีบกลับ
3.รสชาติอาหารน่าจะไม่อร่อย
4.ถ้าอาหารอร่อย เวลาขอเบิ้ลจะค่อนข้างลำบากใจนิดนึง ก็เลยตัดใจไม่กินมันซะเลย

 

ที่ดิฉันได้ยินมา...จากพ่อ พ่อเล่าว่าสมัยที่พ่อยังเด็กอายุประมาณ 10 ขวบกว่า(ตอนนี้พ่ออายุ 92 ปี) มีลุงคนหนึ่งในหมู่บ้านที่อยู่(ภาคอิสาน)เตือนพ่อว่าอย่ากินอาหารในงานศพเด็ดขาดเพราะลุงเล่าว่ามีครั้งหนึ่งตอนนั้นเวลาโพล้เพล้แล้วกำลังจะเดินไปงานศพที่วัด ก่อนจะถึงประตูเข้าวัดเจอเด็กผู้ชายอายุประมาณ 7-8 ขวบนั่งร้องไห้หาแม่ ลุงก็บอกว่าเข้าไปในวัดด้วยกันไหมเผื่อจะเจอแม่ เด็กปฎิเสธและบอกว่าลุงหาดูนะลักษณะท่าทางแม่(เด็ก)เป็นอย่างนี้ บอกแม่ด้วยว่าเขารออยู่หน้าวัด ลุงรับปากแต่ก่อนที่จะจากมาเด็กบอกว่าเข้าไปในงานแล้วอย่ากินอาหารในงานศพนะ ลุงถามว่าเพราะอะไรเขาบอกว่าให้ลุงเห็นเองโดยเมื่อลุงเห็นศาลาที่ตั้งศพแล้วอย่าเพิ่งเข้าไปให้ลุงยืนหันหลังแล้วก้มมองลอดใต้หว่างขาตัวเองแล้วลุงจะรู้ว่าเพราะอะไร ลุงก็คิดในใจว่าจะลองทำดู เมื่อถึงศาลาที่ตั้งศพแล้วลุงก็ทำตามอย่างที่เด็กบอก..ปรากฎว่า..ลุงเห็นผี,วิญญาณหลายตนกำลังใช้ลิ้นและมือ(ผี)กินอาหารในงาน ลุงบอกพ่อว่าตั้งแต่นั้นมาไม่กินอาหารในงานศพอีกเลย และเมื่อหาผู้หญิงลักษณะตามที่เด็กบอกก็เจอ เล่าให้ฟังว่าลูกตามหาคอยอยู่หน้าวัด..ซักไปซักมา เด็กคนนั้นตายไปได้ไม่นานนี่เอง เข้าใจว่าวิญญาณเด็กคงบอกเพื่อตอบแทนน้ำใจลุงที่เข้าไปถามไถ่เรื่องร้องไห้น่ะ


นี่เป็นเรื่องที่พ่อเล่าให้ฟังดิฉันกับพี่ๆก็จำไว้ ครอบครัวเราย้ายไปอยู่ทางใต้หลายสิบปีแล้ว มีอำเภอหนึ่งในจ.ตรังที่ครอบครัวเราอาศัยอยู่ที่นั่นงานศพนะคนไปงานเหมือนไปงานกินเลี้ยงเลย กินอย่างเดียว..พระสวดเนี่ยะมีแต่ญาติผู้เสียชีวิตนั่งฟังพระสวด ญาติห่างๆต้องคอยเสริฟท์อาหาร,ของว่าง,น้ำให้คนที่มาในงาน ขณะพระสวดกินและคุย(ดังด้วย)อย่างเดียว มีส่วนน้อยที่ฟังพระสวด ดิฉันอยู่กท.มานานเพิ่งจะกลับไปอยู่ที่ใต้ 7-8 ปี ไปเจอใหม่ๆอึ้งและทึ่งมาก เรื่องงานศพที่ทางนี้นะไว้มีโอกาสค่อยเล่าให้ฟังอีก


ทางศาสตร์ของจีนเคยได้ยินมาว่า ถ้าผู้หญิงที่มีประจำเดือนห้ามไปและกินของในงานศพเด็ดขาดเพราะจะทำให้เป็นเนื้องอกที่มดลูกและเต้านม จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบได้ ตอนที่อยู่กท.มีรุ่นพี่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าประมาณ 20 กว่าปีแล้ว(ตอนนี้อายุ 57 ปี)เคยไปวัดๆหนึ่งที่จ.หนองคาย(ไปราชการ)เจอแม่ชีรูปหนึ่ง ท่าทางน่าศรัทธาท่านคุยเรื่องธรรมะและเหมือนจะรู้จิตพี่คนนี้ ท่านสั่งห้ามว่าไปงานศพแล้วอย่ากินของในงานศพนะ(รุ่นพี่บอกว่าท่านไม่ได้ให้เหตุผล) แต่พี่คนนี้ไม่ฟังหรือจะลืมๆไปแล้วก็ได้คือ..เธอบอกว่า enjoy กับการกินอาหารในงานศพมาก จนเดี๋ยวนี้เมื่อมาเจอดิฉันและเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พี่คนนี้บอกสงสัยอย่างนี้กระมังถึงได้ผ่าซีสที่เต้านมเป็นสิบครั้งแล้ว..จนหมอบอกห้ามดื่มน้ำเต้าหู้,ถั่วงอก,นมถั่วเหลืองเพราะทำให้เป็นซีสง่าย(เหมือนกับได้รับสารอาหารที่มีโปรตีนหรือสารโครลาเจนหรือพวกโฮโมนมากซึ่งทำให้เป็นเนื้องอกได้ง่าย) ก็ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกันหรือเปล่าค่ะ

 

หมอบอกห้ามดื่มน้ำเต้าหู้,ถั่วงอก,นมถั่วเหลืองเพราะทำให้เป็นซีสง่าย(เหมือนกับได้รับสารอาหารที่มีโปรตีนหรือสารโครลาเจนหรือพวกโฮโมนมากซึ่งทำให้เป็นเนื้องอกได้ง่าย) ก็ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกันหรือเปล่าค่ะ

เคยได้ยินแต่กินน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองจะทำให้ซีสต์ที่หน้าอกยุบลงนะคะ