ที่มาของคำว่า “เศรษฐี” ฉบับ ธาราญา

ในห้อง 'ธรรมทาน - วิทยาทาน' ตั้งกระทู้โดย Dharaya, 13 สิงหาคม 2021.

  1. Dharaya

    Dharaya ศรัทธาอันประณีต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +53
    212639cab3af6415ccc5b2b63f83bf78.md.jpg

    คำว่า “เศรษฐี” ตรงกับภาษาสันสกฤตว่า “เศรษฐิน” หมายความว่า บุคคลที่ดีที่สุด เป็นผู้นำ มีชื่อเสียง และมีเกรียรติ ในขณะที่ภาษาบาลีจะตรงกับคำว่า “เสฏฐี” หมายความว่า ผู้มีทรัพย์มาก เป็นนายธนาคาร เป็นผู้อยู่ในเมือง เป็นพ่อค้าผู้ร่ำรวย และเป็นหัวหน้ากลุ่มอาชีพต่าง ๆ
    เศรษฐีมาจากวรรณะแพศย์ที่มีฐานะร่ำรวย ได้แก่พวกพ่อค้า ชาวนา ชาวสวน และอาชีพต่าง ๆ เช่น ช่างทอ ช่างทอง ช่างจักสาน ช่างปั้นหม้อ เป็นต้น กลุ่มเหล่านี้เมื่อผลิตสินค้าจะนำไปขายด้วยตนเอง จึงรวมอยู่ในกลุ่มพวกพ่อค้า

    อาชีพของเศรษฐีมักทำการค้าขาย บรรทุกสินค้าลงเกวียนค้าขายระหว่างเมือง หรือเป็นผู้ควบคุมระบบการเงินการค้า ฯลฯ แต่เศรษฐีที่ทำนาก็มี เช่น จากเรื่องกุรุธรรมชาดก กล่าวถึงเศรษฐีมีไร่ข้าวสาลี, จากพระธัมมปทัฏฐกถา กล่าวถึงนายปุณณะ ผู้ทำงานรับจ้างอยู่ที่บ้านของสุมนเศรษฐี ได้ออกไปไถนาให้เศรษฐีในวันนักขัตฤกษ์ หรือจากเรื่องนางวิสาขา ตอนที่นางจะเดินทางไปอยู่บ้านสามี ธนัญชัยเศรษฐีผู้เป็นพ่อได้ให้เงินและสิ่งของต่าง ๆ ไปด้วย เช่น โคจำนวนมาก อุปกรณ์ทำนา ไถ ผาล เป็นต้น

    วรรณะแพศย์จึงเป็นกลุ่มที่ร่ำรวยจากการค้าขาย บางคนถึงขั้นเศรษฐีมีทรัพย์มาก ฐานะทางสังคมเลื่อนสูงจนเกือบทัดเทียมวรรณะพราหมณ์เลยทีเดียว แต่ในพุทธศาสนามักไม่กล่าวถึงเรื่องชนชั้นวรรณะมากนัก จะกล่าวถึงวรรณะแพศย์ว่าเป็นพวก “คหบดี” ซึ่งเศรษฐีในพระไตรปิฎกก็มักเป็นกลุ่มคนที่เลื่อมใสพระพุทธศาสนา ชอบทำบุญทำทาน ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาหลายด้าน

    ผลของกรรมที่ทำให้คนรวยด้วยวิธีที่แตกต่างกัน

    แม้จะเป็นบุคคลร่ำรวยเหมือน ๆ กัน แต่คนรวยก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับทรัพย์สินแตกต่างกันออกไปมาก บางทีชัดมากจนเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นความบังเอิญ ขอจำแนกเป็นหลัก ๆ ตามที่สงสัยกันทั่วไปดังนี้

    1) ความรวยแบบได้มาอย่างที่คาดคิด

    บางคนที่ได้รับฉายาว่าเป็นพ่อมดในวงการธุรกิจการเงิน เพราะเป็นผู้มีสายตาแหลมคมราวกับมีตาทิพย์รู้อนาคต พยากรณ์ถูกไปหมดว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร พลิกผันได้แค่ไหน ทำให้ลงทุนแทบไม่เคยพลาด เป็นผู้ชนะตลอดกาลในเกมการเก็งกำไร

    ความรวยชนิดนี้เป็นผลมาจากการอยู่ใกล้ผู้ทรงคุณเช่นนักบวชในลัทธิหรือศาสนาที่เพียรทำความดี มีใจพยายามพรากจากกาม แล้วเมื่อท่านขอก็ให้ตามที่ท่านขอ หรือบางทีก็มีใจนึกครึ้ม ท่านขอแค่สิบแต่เกิดอยากให้เป็นร้อยเป็นพัน อย่างนี้ผลยิ่งไพบูลย์ คือเก็งกำไรไว้ประมาณหนึ่ง ผลออกมากลับท่วมท้นจนขนลุก หากทำทานแบบใจใหญ่เป็นครั้ง ๆ ก็ได้ประหลาดใจเป็นครั้ง ๆ หากใจใหญ่อยู่เสมอก็ได้ผลเสมอ ๆ ส่วนพวกที่อยู่ใกล้นักบวชดี ๆ แล้วไม่เคยให้ตามที่พวกท่านขอ ก็มักทำมาค้าขายไม่ค่อยขึ้น คิดอะไรสมเหตุสมผลแค่ไหนก็ไม่ได้อย่างใจนึกสักเท่าไหร่

    นอกจากนั้นยังมีความรวยแบบปานกลางหรือค่อนข้างสูงที่ได้มาจากการเป็นลูกจ้างที่กินเงินเดือนประจำสม่ำเสมอ ความรวยประเภทนี้เป็นผลมาจากการให้ทานอย่างสม่ำเสมอ หากเป็นทานในสัตว์หรือผู้ต่ำต้อย บุญจะส่งให้ได้งานดีพอควร แต่หากเป็นทานในนักบวชผู้ทรงศีล บุญจะส่งให้มีตำแหน่งหน้าที่การงานระดับสูง ต่อให้การศึกษาต่ำก็ได้เงินเดือนดีๆสูงเกินระดับเฉลี่ยไปมาก

    2) ความรวยที่ไม่อาจพยากรณ์ความแน่นอน

    บางคนเจอกับเหตุการณ์ท่าดีทีเหลวเป็นประจำ นึกว่าจะได้กลับไม่ได้ ไม่นึกว่าจะได้กลับได้ ขนาดที่ว่าแน่ๆ เช่นฝ่ายการตลาดของบางบริษัทวางแผนอย่างดิบดี ใช้ทุนรอน ใช้เวลาวิจัย ใช้กำลังคนมากมาย แต่ท้ายที่สุดกลับต้องงุนงงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคตัวจริง ว่าเหตุใดจึงไม่เหมือนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเอาเลย พูดง่ายๆพอสินค้าออกวางตลาดจริงเจ๊งไม่เป็นท่า ทั้งที่ตอนทดลองกับกลุ่มผู้บริโภคตัวอย่างแล้วชอบใจกันมากมาย แต่บางทีนึกว่าทำสินค้าขัดตาทัพไปพลางๆ ลงทุนน้อย ไม่หวังกำไรตอบแทนมาก กลับมีใครต่อใครแห่ซื้อกันล้นหลามชนิดมืดฟ้ามัวดิน

    ความรวยชนิดนี้เป็นผลมาจากการเป็นนิสัยไม่อยู่กับร่องกับรอย โดยเฉพาะเกี่ยวกับความคิดให้ทาน บางทีหลอกให้คนเขารอเก้อเล่นเสียอย่างนั้น บางทีโลเลกลับไปกลับมาเดี๋ยวอยากให้เดี๋ยวไม่อยากให้ บางทีนึกอยากให้ดีใจหรือประหลาดใจก็เทกระเป๋าให้แทบเกลี้ยง บางทีก็สำนึกเห็นขึ้นมาว่าไม่ควรผิดคำพูดกับคนอื่น ความคิดที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่อาจพยากรณ์ได้นี้ ส่งผลชัดในชาติที่ผลทานงอกเงย หรือในชาติที่เป็นพ่อค้า ผลกำไรตอบแทนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ส่วนความรวยที่แน่นอนและสามารถพยากรณ์ได้จะมาจากการทำทานแบบพูดคำไหนคำนั้น หรือกระทั่งคิดอย่างไรทำตามนั้น ซื่อสัตย์แม้กระทั่งกับความคิดของตัวเอง อย่าต้องกล่าวถึงเมื่อให้สัญญากับผู้อื่นไว้

    3) ความรวยที่ได้มายาก

    บางคนต้องลำบากมากกว่าจะรวยได้ เรียกว่าหืดจับ หรือรอจนแก่กว่าจะได้ลิ้มรสของความมานะพยายามทั้งชีวิต

    ความรวยชนิดนี้เป็นผลมาจากความขยันทำงาน หมั่นเก็บออม และมีสติปัญญาเพียงปานกลางหรือเล็กน้อยในการทำงาน แต่อดีตชาติเคยเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ค่อยทำบุญสุนทาน กว่าจะทำแต่ละทียากเย็นแสนเข็ญ อาจทำเพราะเสียไม่ได้ที่โดนคนตื๊อ หรืออาจทำเพราะสงสารใครจับใจจริงๆ

    แต่ขอให้เข้าใจด้วยว่าถ้าเคยถึงขั้นตระหนี่ระดับพาล ดีแต่กีดขวางญาติพี่น้องที่อยากทำทาน พูดจาถากถางให้คนเขาเสียกำลังใจได้ลงคอ อันนี้ไม่ใช่แค่ยากที่จะรวย แต่จะเข้าขั้นเกิดมายากจนข้นแค้น หาเสื้อผ้าและเครื่องอยู่ได้ลำบาก หาความสนุกสนานบันเทิงเริงใจได้ยาก พูดง่าย ๆ ว่าถ้าโชคดีเป็นมนุษย์ก็ต้องระเห็จไปอยู่แถว ๆ เอธิโอเปียโน่น หรือถึงมีสิทธิ์เกิดในแดนศิวิไลซ์ก็อาจต้องเดินเท้าเปล่าอยู่ริมถนนเป็นส่วนใหญ่

    4) ความรวยที่ต้องเกลือกกลั้วกับธุรกิจเลวร้ายหรือคนร้าย ๆ

    บางคนร่ำรวยมากก็จริง แต่ทั้งชีวิตไม่ค่อยเป็นสุขกับเงินทองข้าวของที่มี เพราะมัวแต่เกร็ง ใจต้องคอยระแวดระวังว่าอาจถูกลอบสังหารได้ทุกเมื่อ ทั้งจากคู่แข่งที่เป็นมาเฟีย หรือกระทั่งคนใกล้ชิดที่อาจเป็นหอกข้างแคร่ เขาอาจเกิดมาท่ามกลางธุรกิจสกปรก เช่นค้าอาวุธ ค้าสุรา ค้ายาพิษ ค้าชีวิตสัตว์หรือมนุษย์

    ความรวยชนิดนี้เป็นผลมาจากการที่เคยยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสกปรกเทือกเดียวกันมาก่อน เมื่อใช้กรรมในอบายภูมิแล้วยังพอมีบุญมาเกิดใหม่ในภพมนุษย์ ก็จะต้องเวียนว่ายในวงจรอุบาทว์เดิมแบบหนีไปไหนไม่รอด

    เป็นที่น่าสังเกตว่าคนในแวดวงธุรกิจที่แปดเปื้อนมลทินนั้น ไม่ใช่ว่ามีจิตใจเลวร้าย ขาดสำนึกผิดชอบชั่วดีเหมือนผู้ร้ายในหนังเสมอไป ตรงข้าม บางคนชอบทำบุญ และมีใจดิ้นรนอยากเป็นคนดีในสังคมอย่างมาก บางคนพยายามช่วยเหลือสังคม ทำบุญสร้างวัดวาอารามใหญ่โต เป็นการชดเชยความรู้สึกด้านลบที่ทำอาชีพอันเป็นบาป ผลบุญที่เขาทำในระหว่างมือเปื้อนบาปนั้น ส่งผลให้ร่ำรวยได้ในชาติต่อ ๆ มา แต่มีข้อแม้ว่าต้องไปอยู่ท่ามกลางธุรกิจดิบ ๆ เถื่อน ๆ ร่ำไป

    อีกประการหนึ่ง ความรวยชนิดนี้อาจเป็นผลมาจากการให้ทานที่ไม่บริสุทธิ์ กล่าวคือของที่ได้มาให้ทานหรือถวายสังฆทานนั้นได้มาโดยไม่สุจริต อย่างเช่นตำนานโรบินฮู้ด ปล้นทรัพย์คนรวยมาแจกจ่ายคนจนอะไรทำนองนั้

    5) ความรวยที่ได้มาแบบลาภลอย

    บางคนเกิดมายากจน แต่มักมีลาภลอยประเภทซื้อหวยรวยลอตเตอรี่ หรืออยู่ ๆ ก็มีคนตกรางวัลให้ด้วยเหตุเพียงทำดีเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วเป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ หรือบังเอิญเข้าตากรรมการอย่างไม่คาดฝัน

    ความรวยชนิดนี้มาจากการให้ทานแบบไม่ได้ตั้งใจไว้ก่อน เช่น ทำสลากภัตถวายพระ เดินไปเจอขอทานในต่างถิ่นก็คิดอยากให้เศษสตางค์ หรือเดินทางกลางป่าพบพระธุดงค์ถึงกับนำอาหารที่เตรียมมาเพื่อตนเองถวายท่านหมดแบบไม่เสียดาย ทานชนิดนี้เป็นการให้แบบที่ส่งลาภลอยให้คนอื่น จึงสะท้อนกลับมาเป็นลาภลอยไม่คาดฝันเช่นกัน

    ชาวบ้านป่าที่อาศัยอยู่ในเขตพระธุดงค์โคจรเป็นระยะมักได้ทำบุญประเภทนี้ คือร้อยวันพันปีอาจไม่ค่อยชอบทำบุญทำทาน หรือขาดโอกาสทำบุญทำทาน แต่ปะเหมาะเคราะห์ดีเกิดเจอพระธุดงค์ท่านผ่านทางมา แล้วมีใจปลาบปลื้มยินดี ขนข้าวของที่มีติดตัวให้ท่านมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หากเผอิญพระธุดงค์ท่านเป็นผู้สำเร็จธรรม ก็มักได้ผลเป็นลาภลอยก้อนใหญ่ เช่น ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1

    เฉพาะกรณีชาวบ้านป่าทำบุญกับพระธุดงค์นี้ หากเห็นพระแล้วเกิดจิตคิดเลื่อมใสอยากทำทานทันที ก็มักได้ลาภลอยตั้งแต่ต้นวัยและเป็นลาภใหญ่ หากเห็นแล้วคิดชั่งใจอยู่เล็กน้อยว่าจะให้ดีหรือไม่ให้ดีจากนั้นจึงถวาย ก็มักได้ลาภลอยประมาณกลางวัยและเป็นลาภปานกลาง แต่หากเห็นแล้วชั่งใจอยู่นานว่าจะเอาอย่างไรกับพระรูปนี้จากนั้นจึงถวาย ก็มักได้ลาภลอยเอาปลายชีวิตและเป็นลาภเล็กน้อย

    6) ความรวยที่ทำให้กลายเป็นโรคไม่รู้จักพอ

    หลายคนรวยก็แล้ว ประสบความสำเร็จทางธุรกิจสม่ำเสมอก็แล้ว จับอะไรเป็นทองไปหมดก็แล้ว แต่ยังไม่อิ่มไม่พอ เป็นทุกข์ทางใจอยู่ไม่ขาด กลัวมีจะหมด กลัวธุรกิจไม่ทำเงินเพิ่ม กลัวความล้มเหลวในอนาคต ฯลฯ ในหมู่เศรษฐีจะมีโรคทางใจชนิดนี้อยู่เป็นปกติ แต่คนฐานะต่ำกว่าจะคาดกันไม่ถึงว่าอย่างนี้ก็มีด้วย

    ความรวยที่เป็นเหตุแห่งโรคทางใจนี้ เป็นผลมาจากกรรมทั้งปัจจุบันและอดีต ว่ากันเรื่องกรรมในปัจจุบันก่อน ตั้งต้นจากความโลภธรรมดา ๆ คือใจคนเราส่วนใหญ่มักละโมบเกินตัว อยากมีเกินกว่าที่มีอยู่เป็นปกติกันทั้งนั้น จากกฎธรรมดาข้อนี้จะเป็นคำตอบว่าทำไมมีแล้วไม่รู้จักพอเสียที ต่อให้ครองโลกทั้งใบก็อยากได้ดาวอังคารไว้ในมืออีกสักดวง!

    ว่ากันเรื่องกรรมในอดีตชาติ ได้แก่ทานที่เจตนาหวังผลกำไรตอบแทน หรือเจือด้วยความคิดแก่งแย่งชิงดี หรือเจือด้วยความอยากเอาหน้า พูดรวบรัดสั้น ๆ ได้ว่าถ้าให้ทานบนพื้นฐานของความโลภเป็นประจำ ก็จะทำให้รวยจริง แต่ได้โรคทางใจพกพามาเป็นของแถมด้วย

    บางคนรวยแล้วไม่เป็นสุขเพราะมีเหตุที่น่าเห็นใจ คือสมบัติพัสถานมักไม่ค่อยอยู่ดี ต้องมีอันเป็นไปต่าง ๆ ก่อนกาลอันควรเสมอ ๆ ด้วยเหตุอันสุดวิสัย ควบคุมป้องกันไม่ได้

    ความรวยที่มีทรัพย์สินสำคัญ ๆ ถึงความวิบัตินั้น มาจากการที่เคยลักทรัพย์มาก่อน ถ้าเคยลักทรัพย์เล็ก ๆ น้อย ๆ ทรัพย์สินก็จะประสบความวิบัติเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าลักทรัพย์แบบที่ทำให้เจ้าของเดือดเนื้อร้อนใจ ทรัพย์สินก็จะประสบความวิบัติอย่างมโหฬาร

    7) ความรวยที่ถึงความหายนะด้วยอุบัติภัยต่าง ๆ

    สำหรับคนรวยที่รวยทีไรแทบหายนะด้วยอุบัติภัยทุกที ควรสันนิษฐานว่าเคยปล้นครั้งใหญ่มาก่อน อาจในรูปของการปล้นชาติอย่างที่เราเรียนกันในประวัติศาสตร์ หรืออาจในรูปของการเคยยักยอกทรัพย์ของวัด เพราะกรรมที่ทำกับประชาชนหรือกับวัดนั้น เวลาเผล็ดผลแล้วจะหนักหน่วงและร้อนแรงมาก ให้ผลยืดเยื้อราวกับไม่มีวันสิ้นสุด นับเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะที่รวยได้นั้นต้องอาศัยเหตุปัจจัยประกอบกันหลายอย่าง เมื่อเกิดในชาติที่จำไม่ได้ว่าเคยฉ้อโกงประชาชนหรือยักยอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ย่อมงงงันทดท้อว่าเหตุใดทรัพย์ที่หามาได้จึงไม่อาจตั้งอยู่นาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...