นกแขกเต้ากับชาวนา (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 10 มกราคม 2007.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    นกแขกเต้ากับชาวนา

    มีนกแขกเต้าฝูงหนึ่งประมาณ ๕๐๐ ตัว อาศัยอยู่ในป่างิ้วบนยอดเขาแห่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหากิน ฝูงนกแขกเต้าต่างพากันบินไปกินข้าวสาลีในนา ของชาวมคธ เมื่อกินข้าวสาลีอิ่มแล้ว ต่างก็บินกลับรังด้วยปากเปล่าๆ ทั้งนั้น

    ส่วนพญานกแขกเต้าที่เป็นหัวหน้า เมื่อกินอิ่มแล้ว ยังต้องคาบข้าวสาลีอีก ๓ รวงกลับไปด้วย ชาวนาเห็นก็แปลกใจ จึงพยายามดักจับพญานกแขกเต้าให้ได้ ด้วยการสังเกตุที่ยืนของพญานกนั้น แล้วว่างบ่วงไว้

    วันหนึ่งพญานกแขกเต้าถูกจับได้ ชาวนาจึงถามพญานกว่า “นกเอ๋ย ท้องของท่านคงจะใหญ่กว่านกอื่น เพราะเมื่อท่านกินอิ่มแล้ว ยังต้องคาบรวงข้าวกลับไป อีกวันละ ๓ รวง เป็นเพราะท่านมียุ้งฉางหรือเป็นเพราะเรามีเวรต่อกันมาก่อน”

    พญานกตอบว่า

    “ข้าพเจ้าไม่ได้มียุ้งฉาง และเราก็ไม่มีเวรต่อกัน แต่ที่คาบไป ๓ รวงนั้น
    รวงหนึ่งเอาไปใช้หนี้เก่า
    รวงหนึ่งเอาไปให้เขา
    รวงหนึ่งเอาไปฝังไว้”

    ชาวนาได้ฟังก็เกิดความสงสัย จึงถามว่า “ท่านเอารวงไปใช้หนี้ใคร เอาไปให้ใคร และเอาไปฝังไว้ที่ไหน”

    พญานกแขกเต้าจึงตอบว่า
    “รวงที่หนึ่งเอาไปใช้หนี้เก่า คือ เอาไปเลี้ยงดูพ่อแม่ เพราะท่านแก่แล้วและเป็นผู้มีพระคุณอย่างมาก ทั้งให้กำเนิดและเลี้ยงดูข้าพเจ้าจนเติบใหญ่ นับว่าข้าพเจ้าเป็นหนี้ท่านจึงสมควรเอาไปใช้หนี้”

    “รวงที่สองเอาไปให้เขา คือ เอาไปให้ลูกน้อยทั้งหลายที่ยังเล็กอยู่ ไม่สามารถหากินเองได้ เมื่อข้าพเจ้าเลี้ยงในตอนนี้ ต่อไปยามข้าพเจ้าแก่เฒ่า เขาก็จะเลี้ยงตอบแทน จัดเป็นการให้เขา”

    “รวงที่สามเอาไปฝังไว้ คือ เอาไปทำบุญด้วยการให้ทาน กับนกที่แก่ชรา นกที่พิการหรือเจ็บป่วยไม่สามารถหากินเองได้ เท่ากับเอาไปฝังไว้ เพราะบัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การทำบุญเป็นการฝังขุมทรัพย์ไว้”
    ชาวนาได้ฟังแล้วเกิดความเลื่อมใสว่า นกนี้เป็นนกกตัญญูต่อพ่อแม่ เป็นนกที่มีความเมตตาต่อลูกน้อย ใจบุญ มีปัญญารอบคอบมองการณ์ไกล

    พญานกได้อธิบายต่อไปว่า “ข้าวสาลีที่ข้าพเจ้ากินเข้าไปนั้น ก็เปรียบเสมือนเอาไปทิ้งลงไปในเหวที่ไม่รู้จักเต็ม เพราะข้าพเจ้าต้องมากินทุกวัน วันนี้กินแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องมากินอีก กินเท่าไรก็ไม่รู้จักเต็ม จะไม่กินก็ไม่ได้ เพราะถ้าท้องหิวก็ต้องเป็นทุกข์”

    ชาวนาได้ฟังจึงกล่าวว่า “พญานกผู้มีปัญญา ที่แรกข้าพเจ้าคิดว่าท่านเป็นนกที่โลภมาก เพราะนกตัวอื่นเขาหากินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่คาบอะไรไป ส่วนท่านบินมาหากินแล้ว ก็ยังคาบรวงข้าวกลับไปอีก แต่พอฟังท่านแล้ว จึงรู้ว่าท่านไม่ได้คาบไปเพราะความโลภ แต่คาบไปเพราะความดี คือ เอาไปเลี้ยงพ่อแม่ เอาไปเลี้ยงลูกน้อยและเอาไปทำบุญ ท่านทำดีจริงๆ”

    ชาวนามีจิตเลื่อมใส ในคุณธรรมของพญานกมาก จึงแก้เครื่องผูกออกจากเท้าพญานก ปล่อยให้เป็นอิสระแล้วมอบข้าวสาลีให้ พญานกรับข้าวสาลีไว้เพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งกะคะเนแล้วว่าเพียงพอแก่บริวาร จากนั้นจึงให้โอวาท แก่ชาวนาว่า

    “ขอให้ท่านเป็นผู้ไม่ประมาท หมั่นสั่งสมกุศลด้วยการทำทานและเลี้ยงดูพ่อแม่ผู้แก่เฒ่าด้วยเถิด”

    ชาวนาได้คติจากข้อปฏิบัติของพญานก จึงตั้งใจทำบุญ ทำกุศลตั้งแต่นั้นมาจนตลอด

    ชีวิต นกแขกเต้าผู้มีปัญญา
    รู้ว่าควรบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างไร
    จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด
    ทั้งต่อตัวเอง ต่อครอบครัวและต่อสังคม

    นับเป็นการใช้ทรัพย์อย่างชาญฉลาด
    ที่ยิ่งใช้ก็ยิ่งมีความสุขความเจริญ
    สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ สุขทั้งในปัจจุบันและอนาคต

    : คัดจาก...สันโดษเคล็ดลับของความสุข
    : พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
     

แชร์หน้านี้

Loading...