ปทปรมะในอีกความหมายหนึ่ง ตามนัยของอภิธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย siratsapon, 2 กรกฎาคม 2009.

  1. siratsapon

    siratsapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +641
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๖ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๓
    ธาตุกถา-ปุคคลบัญญัติปกรณ์

    จตุกกนิทเทส

    [บุคคล ๔ จำพวก]

    (คัดมาเฉพาะบางส่วน)

    [๑๐๘] บุคคลผู้อุคฆติตัญญู เป็นไฉน
    การบรรลุมรรคผล ย่อมมีแก่บุคคลใด พร้อมกับเวลาที่ท่านยกหัวข้อ
    ขึ้นแสดง บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้อุคฆติตัญญู

    บุคคลผู้วิปัญจิตัญญู เป็นไฉน
    การบรรลุมรรคผล ย่อมมีแก่บุคคลใด ในเมื่อท่านจำแนกเนื้อความ
    แห่งภาษิตโดยย่อให้พิสดาร บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้วิปัญจิตัญญู

    บุคคลผู้เนยยะ เป็นไฉน
    การบรรลุมรรคผลเป็นชั้นๆ ไป ย่อมมีแก่บุคคลใด โดยเหตุอย่างนี้
    คือโดยอุทเทส โดยไต่ถาม โดยทำไว้ในใจโดยแยบคาย โดยสมาคม โดย
    คบหา โดยสนิทสนมกับกัลยาณมิตร บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้เนยยะ

    บุคคลผู้ปทปรมะ เป็นไฉน
    บุคคลใดฟังพุทธพจน์ก็มาก กล่าวก็มาก จำทรงไว้ก็มาก บอกสอนก็
    มาก แต่ไม่มีการบรรลุมรรคผลในชาตินั้น บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้ปทปรมะ


    [๑๓๗] บุคคลผู้ได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้ปัญญาที่เห็น
    แจ้งในธรรม กล่าวคืออธิปัญญา เป็นไฉน

    บุคคลบางคนในโลกนี้ ได้สมาบัติที่สหรคตด้วยรูป หรือสหรคตด้วย
    อรูป แต่ไม่ได้โลกุตรมรรค หรือโลกุตรผล บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า เป็นผู้ได้
    เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้ปัญญาที่เห็นแจ้งในธรรม กล่าวคือ อธิปัญญา

    บุคคลผู้ได้ปัญญาเห็นแจ้งในธรรม กล่าวคืออธิปัญญา แต่ไม่
    ได้เจโตสมถะเป็นภายใน เป็นไฉน

    บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ได้โลกุตตรมรรคหรือโลกุตตรผล แต่
    ไม่ได้สมาบัติที่สหรคตด้วยรูป หรือสหรคตด้วยอรูป บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า เป็น
    เป็นผู้ได้ปัญญาที่เห็นแจ้งในธรรมกล่าวคืออธิปัญญา แต่ไม่ได้เจโตสมถะเป็น
    ภายใน

    บุคคลผู้ได้เจโตสมถะเป็นภายในด้วย ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา
    ด้วย เป็นไฉน

    บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ได้สมาบัติที่สหรคตด้วยรูป หรือสหรคต
    ด้วยอรูป เป็นผู้ได้โลกุตตรมรรค หรือโลกุตตรผล บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า เป็น
    ผู้ได้เจโตสมถะเป็นภายในด้วย ได้ปัญญาที่เห็นแจ้งในธรรม กล่าวคืออธิปัญญา
    ด้วย

    บุคคลผู้ไม่ได้เจโตสมถะเป็นภายในด้วย ไม่ได้ปัญญาที่เห็นแจ้ง
    ในธรรมกล่าวคืออธิปัญญาด้วย เป็นไฉน

    บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่เป็นผู้ได้สมาบัติที่สหรคตด้วยรูป หรือสหรคต
    ด้วยอรูป ไม่เป็นผู้ได้โลกุตตรมรรค หรือโลกุตตรผล บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า เป็น
    ผู้ไม่ได้เจโตสมถะเป็นภายในด้วย ไม่ได้ปัญญาที่เห็นแจ้งในธรรม กล่าวคือ
    อธิปัญญาด้วย


    [๑๓๙] บุคคลผู้มีสุตะน้อย และไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ
    เป็นไฉน
    สุตะคือสูตร เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก
    อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกนี้มีน้อย บุคคลนั้นไม่รู้
    อรรถ ไม่รู้ธรรมแห่งสุตะอันน้อยนั้น ไม่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
    บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า เป็นผู้มีสุตะน้อย ไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะนั้น

    บุคคลผู้มีสุตะน้อย แต่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ เป็นไฉน

    สุตะคือสูตร เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก
    อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกนี้มีน้อย บุคคลนั้นรู้อรรถ
    รู้ธรรม ของสุตะน้อยนั้น เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม บุคคลอย่างนี้
    ชื่อว่า เป็นผู้มีสุตะน้อย แต่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ

    บุคคลผู้มีสุตะมาก แต่ไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ เป็นไฉน

    สุตะ คือสูตร เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ
    ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกนี้มาก บุคคลนั้น
    ไม่รู้อรรถ ไม่รู้ธรรมของสุตะมากนั้น ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม บุคคล
    อย่างนี้ชื่อว่า เป็นผู้มีสุตะมาก แต่ไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ

    บุคคลผู้มีสุตะมาก และได้ประโยชน์เพราะสุตะ เป็นไฉน

    สุตะคือสูตร เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก
    อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกนี้มาก บุคคลนั้นรู้อรรถรู้ธรรม
    ของสุตะอันมากนั้น เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า
    เป็นผู้มีสุตะมาก และได้ประโยชน์เพราะสุตะ

    <!-- m -->http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... 659&Z=4544<!-- m -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...