พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย HMMAmulet296, 4 กุมภาพันธ์ 2022.

  1. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    ###ปิดครับ
     
  2. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    367. พระผงปิดตา คู่ หลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย อ.แม่ทะ จ.ลำปาง สร้างปี2538 ผสมแร่เหล็กไหล ให้บูชาชุดละ 750 บาท

    upload_2022-6-24_15-4-10.png

    upload_2022-6-24_15-4-20.png
     
  3. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    368. พระดีพิธีใหญ่ พระผงปางลีลา หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง ออกวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ปี พ.ศ. 2516 ให้บูชา 550 บาท ปิดครับ


    upload_2022-6-24_16-11-25.png

    upload_2022-6-24_16-11-33.png


    การสร้างพระผงชุดนี้ สืบเนื่องมาจาก การหล่อสร้างพระพุทธปฏิมาประธาน ประจำพระอุโบสถวัดสัมพันธวงศ์ (พระพุทธศรีสุทธิสัมพันธ์) และหล่อสร้างพระพุทธรูปบูชานี้ ทางวัดได้นำแผ่นทองไปถวายท่านเจ้าอาวาสพระอารามหลวงในกรุงเทพมหานคร ๗๙ วัด และถวายพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณในภาคต่าง ๆ ของประเทศอีกส่วนหนึ่ง เพื่อให้ลงอักขระและเลขยันต์ปลุกเสกตามถนัดของแต่ละอาจารย์ เสร็จแล้วนำไปถวายขอเมตตาจาก หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ให้บริกรรมภาวนาปลุกเสกแผ่นทองนั้นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะนำมาเข้าพิธีพุทธาภิเษกในวันเสาร์ที่ ๓ สิงหาคม เพื่อหลอมหล่อเจือปนในพระพุทธปฏิมาประธาน และพระพุทธรูปบูชาจำลองนั้น ๆ ในวันเททอง ทางวัดได้ทูลอาราธนา เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย และทรงเททอง ทุนทรัพย์ที่ท่านบริจาคบูชาปูชนียวัตถุต่าง ๆ นี้ ทางวัดจะได้นำไปสมทบการก่อสร้างพระอุโบสถส่วนที่ยังค้างให้สำเร็จเรียบร้อยต่อไป

    ฉะนั้น ปูชนียวัตถุที่เปิดให้ประชาชานได้บูชาในดิถีมงคลพิเศษนี้ คือ พระพุทธรูปบูชาจำลอง ๕ - ๙ นิ้ว และพระเครื่องของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ซึ่งได้อนุญาตให้วัดจัดสร้างหลายรุ่น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ปลุกเสกครั้งที่ ๑ เมื่อวันมาฆบูชา ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๗ เมื่ออายุครบ ๗ รอบ ๑๖ มีนาคม ๒๕๑๗ รายการปูชนียวัตถุที่ให้บูชาในดิถีมงคลดังกล่าว คือ
    ๑. พระพุทธรูปบูชา ขนาด ๕ นิ้ว สร้างจำนวน ๑,๕๑๗ องค์
    ๒. พระพุทธรูปบูชา ขนาด ๙ นิ้ว สร้างจำนวน ๑,๐๐๐ องค์
    ๓. เหรียญรูปเหมือนหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ชนิดกลมใหญ่และกลมเล็ก คือ
    - เหรียญพระแก้วมรกต (มณีรัตนะ)
    - รูปเหมือนหลวงปู่แหวน นั่งในกลีบบัวบาน บรรจุเกศา
    - รูปเหมือนหลวงปู่แหวน นั่งในกลีบบัวตูม บรรจุเกศาชนิดผง
    - สมเด็จพิมพ์พิเศษมหาพุทธานุภาพ
    - สมเด็จมหาสิทธิโชค
    - สมเด็จผงใบลานชาญวิทยา
    - สมเด็จพิมพ์หูบายศรีมีเสน่ห์
    - สมเด็จพิมพ์หูยานอยู่ยงคงกระพัน
    - สมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ยอดคุ้มครอง
    - สมเด็จพิมพ์ซุ้มทรงยันต์กันภัย
    - สมเด็จพิมพ์นางพญามหาเสน่ห์
    - สมเด็จทุ่งเศรษฐีทวีทรัพย์
    - สมเด็จพิมพ์คะแนนปรกโพธิ์ยอดคุ้มครอง
    - สมเด็จพิมพ์ทรงนิยมเมตตาบารมี
    - พระรอดปลอดภัยอันตราย
    - พระซุ้มกอหลวงปู่แหวนแสนสุข
    - เหรียญพระประธานยุคเชียงแสนวัดดอยแม่ปั๋ง ฉลองอายุ ๘๔ ปี
    - เหรียญเพิ่มยศของอดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (เสก ๑ ไตรมาส ๒๕๑๖)
    - รูปเหมือนหลวงปู่แหวนยืนหลังรางปืน ฉลองอายุ ๘๔ ปี
    - เหรียญมหามงคล (พระมหารัชชมังคลาจารย์) ซึ่งหลวงปู่แหวนให้จัดสร้าง
    - รูปหล่อโลหะหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ๕ นิ้ว
    - ตราวัด สำหรับกลัดเนคไท หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ได้กรุณาแผ่เมตตาให้
    2728.png พระปางลีลาทุ่งเศรษฐี หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ปี ๒๕๑๖ ออกวัดสัมพันธวงศ์ พิธีใหญ่ปลุกเสกสองวาระ สมเด็จพระสังฆราช ทรงจุดเทียนชัยมหาพุทธาภิเษก พระอาจารย์สายพระป่าจากทั่วประเทศ ๖๐ รูป นั่งปรกบริกรรมภาวนาปลุกเสกตลอดคืน อาทิ
    ๑. หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อุดรธานี (ชรามาก แผ่พลังเมตตาจิตมาในวันพิธี)
    ๒. หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่ (ชรามาก แผ่พลังเมตตาจิตมาให้ในวันพิธี)
    ๓. พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโต วัดสิริสาลวัน อุดรธานี
    ๔. พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ วัดนิโครธาราม อุดรธานี
    ๕. พระอาจารย์บุญ ชินวโส วัดศรีสว่างแดนดิน สกลนคร
    ๖. พระอาจารย์จันทร์ เขมปปตโต วัดจันทาราม หนองคาย
    ๗. พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สกลนคร
    ๘. พระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ วัดภูทอก หนองคาย
    ๙. พระอาจารย์ลี ฐิตธมโม วัดศรีชมพู สกลนคร
    ๑๐. พระอาจารย์แว่น ธนปาโล วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร
    ๑๑. พระอาจารย์อุ่น กลยาณธมโม วัดป่าบ้านโคก สกลนคร
    ๑๒. พระอาจารย์สุภาพ ธมมปญโญ วัดทุ่งสว่าง สกลนคร
    ๑๓. พระอาจารย์คล้าย ทานรโต วัดสุจินต์ประชาราม สกลนคร
    ๑๔. พระอาจารย์เตรียม ธมมธโร วัดสามัคคีธรรม สกลนคร
    ๑๕. พระอาจารย์เคน เขมาสโย วัดป่าบ้านหนองหว้า สกลนคร
    ๑๖. พระอาจารย์บุญมี ฐิตปุญโญ วัดประชานิยม สกลนคร
    ๑๗. พระอาจารย์ประสาร ปญญาพโล วัดคามวาสี สกลนคร
    ๑๘. พระอาจารย์บัว วัดป่าบ้านเสาเส้า อุดรธานี
    ๑๙. พระอาจารย์ปั่น ญาณวโร วัดพุฒาราม สกลนคร
    ๒๐. พระอาจารย์สมัย ทีฆายุโก วัดโนนแสงทอง สกลนคร
    ๒๑.พระอาจารย์เกิ่ง วิทิโต วัดสามัคคีบำเพ็ญผล สกลนคร
    ๒๒. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ
    ๒๓. หลวงพ่อเก็บ วัดดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี
    ๒๔. หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะอง สมุทรสาคร
    ๒๕. พระครูวิจารณ์สมถกิจ (จรัญ เขมจารี) วัดประชารังสรรค์ ศรีสะเกษ
    ๒๖. พระครูพิเนตสมณกิจ วัดประชารังสฤษฎ์ ศรีสะเกษ
    ๒๗. หลวงพ่อจ้วน วัดเขาลูกช้าง เพชรบุรี
    ๒๘. หลวงพ่อสา วัดราชนัดดา กรุงเทพฯ
    ๒๙. ปรมาจารย์ผ่อง จินดา วัดจักรวรรดิ กรุงเทพฯ
    ๓๐. หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง
    ๓๑. หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธินิมิต กรุงเทพฯ
    ๓๒. พระอุดมสารโสภณ (ผาสุก) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ
    ๓๓. หลวงพ่อเข็ม วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ
    ๓๔. หลวงพ่อแฟ้ม วัดอรัญญิกาวาส ชลบุรี
    ๓๕ .หลวงพ่อสนั่น วัดบพิตรพิมุข กรุงเทพฯ
    ๓๖. หลวงปู่ฟัก วัดวังไทรติ่ง ประจวบคีรีขันธ์
    ๓๗.หลวงพ่อเฉลา วัดคีรีภาวนาราม ระยอง
    ๓๘. พระอาจารย์พวง สุวีโร วัดป่าบ้านปูลู อุดรธานี
    ๓๙. พระอาจารย์แปลง สุนทโร วัดป่าอุดมสมพร สกลนคร
    ๔๐. พระอาจารย์ศรีนวล สิริปญโญ วัดศรีไตรรัตนนิมิต อุดรธานี
    ๔๑. พระอาจารย์บุญมี วัดถ้ำกลองเพล อุดรธานี
    ๔๒. พระอาจารย์หนู สุจิตโต วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่
    ๔๓. หลวงพ่อหิน วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ
    ๔๔. พระปัญญาพิศาลเถร (สงวน) วัดราชประดิษฐ์ กรุงเทพฯ
    ๔๕. พระธรรมภาณโศภน (สวัสดิ์) วัดปลดสัตว์ อ่างทอง
    ๔๖. พระพ่อสาม อภิญจโน วัดไตรวิเวการาม สุรินทร์
    ๔๗. พระพ่อศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม ร้อยเอ็ด
    ๔๘. พระสุทธิสารโสภณ(โสภณ) วัดศรีโพนแท่น เลย
    ๔๙. พระอาจารย์เปลี่ยน วัดบ้านปง เชียงใหม่
    ๕๐. หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา
    ๕๑.หลวงปู่บุญ วัดบ้านนา ระยอง
    ๕๒. หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยอง
    ๕๓. พระครูวิจิตรธรรมภาณี(สิงห์) วัดหนองบัว อุบลฯ
    ๕๔. พระอาจารย์เมือง พลวฑฺโฒ วัดป่ามัชฌิมวาส กาฬสินธุ์ ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2022
  4. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    369. เกจิอาจารย์ที่ได้รับพัดหางนกยูงและไม้เท้าเผยแพร่ธรรมจากท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย เหรียญรูปไข่รุ่นแรก(พิมพ์เล็ก) หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย ต.ประตูป่า จ.ลำพูน สร้างปี 2517 ตอกโค๊ดกำกับ สร้างน้อยแค่ 1599 เหรียญ และเหรียญกลมโภคทรัพย์ ปี17 ให้บูชาเหรียญละ 1,550 บาท ปิดทั้งสองรายการครับ





    upload_2022-6-24_17-6-8.png

    เหรียญรุ่นแรก พิมพ์เล็ก

    upload_2022-6-24_17-11-27.png

    เหรียญกลมโภคทรัพย์ ปี17

    upload_2022-6-24_17-14-4.png

    upload_2022-6-24_17-15-1.png

    ประวัติการสร้างเหรียญรุ่นแรก ครูบาชุ่มโพธิโก วัดวังมุย ปีพ.ศ.๒๕๑๗
    เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ คณะศิษย์ได้กราบเรียนขออนุญาตจัดสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านเพื่อไว้บูชาเป็นที่ระลึก เป็นขวัญและกำลังใจ ท่านได้อนุญาตให้ศิษย์ของท่านคือ ครูทองใบ สายพรหมา ซึ่งขณะนั้นเป็นรองผู้อำนวยการวิทยาลัยพลศึกษาเชียงใหม่(ภายหลังได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุนามว่า หลวงพ่อทองใบ โชติปัญโญ) ท่านได้ปรึกษากับ อ.ยุทธ เดชคำรณ ขณะดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์เขต ๘ ท่านเป็นนักเขียนอิสระในหนังสือ “ ของดีเมืองเหนือ ” และนิตยสาร “ ลานโพธิ์ ”, ม.ร.ว.เอี่ยมศักดิ์ จรูญโรจน์ และคุณอิศรา เทพหัสดิน ณ อยุธยา เจ้าของโรงพิมพ์ช้างคลาน จ.เชียงใหม่ คุณอิศราได้ออกแบบเหรียญและนำไปให้ครูบาชุ่ม พิจารณา ท่านครูบาได้อนุญาตให้จัดสร้างได้ โดยท่านได้ลงอักขระเลขยันต์ในแผ่นทองเพื่อเป็นชนวนในการผสมเนื้อโลหะสำหรับการจัดสร้างเหรียญรุ่นนี้ ซึ่งถือเป็น “ รุ่นแรก ” เมื่อเหรียญปั๊มเสร็จเรียบร้อยแล้วได้มีการฉลองสมโภช เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ปี ๒๕๑๗ โดยนิมนต์เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ร่วมนั่งปรกบริกรรมแผ่เมตตาอธิษฐานจิตตลอดคืน พอใกล้รุ่งของวันที่ ๖ ธันวาคม ปี ๒๕๑๗ ได้มีการสวดเบิกพระเนตร และสวดมงคลสูตรต่างๆ จนเสร็จพิธีแล้วก็มีการทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร พระสงฆ์กล่าวอนุโมทนา เป็นอันเสร็จพิธี
    จำนวนการสร้าง
    เหรียญรูปไข่ใหญ่ ( ไม่มีหูห่วง )
    - เนื้อทองคำ 30 เหรียญ
    - เนื้อเงิน 999 เหรียญ
    - เนื้อนวะ 999 เหรียญ
    - เนื้อทองแดง 13,629 เหรียญ

    เหรียญกลมโภคทรัพย์
    - เนื้อเงิน 277 เหรียญ
    - เนื้อทองแดง 1,500 เหรียญ

    เหรียญรูปไข่เล็ก ( มีหูห่วง )
    - เนื้อทองคำ 19 เหรียญ
    - เนื้อนวะ 499 เหรียญ
    - เนื้อทองแดง 1,599 เหรียญ

    หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก ถึงแก่มรณภาพเข้าสู่แดนบรมสุขเมื่อวันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ.2519 สิริอายุได้ 78 ปี 65 พรรษา คงเหลือไว้แต่คุณงามความดี สำหรับวัตถุมงคลต่างๆของท่านจากประสบการณ์ของผู้ที่ได้ครอบครองล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์มากมาย เป็นความเชื่อที่ว่า เหรียญของครูบาชุ่มนั้นเด่นเรื่อง มหาอุตย์ คงกระพัน ชาตรี ช่วยคุ้มครองให้อยู่รอดแคล้วคลาดปลอดภัยจนเป็นเล่าขานกันไม่รู้จบ

    หลวงปู่ฯกล่าวไว้ว่า…หากมีของของท่านติดตัว ต่อให้ระเบิดมาลงก็ไม่ต้องกลัวครับ…จากประสบการณ์ของผู้ที่มีของดีของหลวงปู่ติดตัวก็เป็นเช่นนั้นจริงตามที่หลวงปู่ได้กล่าวไว้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2022
  5. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    370. รูปเหมือนรุ่นนี้หลวงปู่ยังแนะนำให้ลูกศิษย์หาบูชาไว้ติดตัว พระผงรูปเหมือนนั่งรุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ 2514 หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน ให้บูชา 1,450 บาท


    upload_2022-6-24_17-31-18.png

    upload_2022-6-24_17-36-20.png

    ครูบาชัยวงศาพัฒนา ท่านเป็นศิษย์เอกอีกรูปหนึ่งของครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งลานนาไทย อีกทั้งยังมีปาฏิหาริย์ประทับฝ่ามือ และเหยียบศิลาเป็นรอยและเมื่อดับขันธ์แล้วสรีระก็ไม่เน่าเปื่อย ยังคงโปรดลูกศิษย์ลูกหาอยู่ที่วัดแสดงให้เห็นภูมิธรรมอันไม่ธรรมดาของท่านวัตถุมงคลของครูบาท่านมีประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย อาทิ

    อิทธิบุญฤทธิ์ "ครูบาเหยียบศิลาเป็นรอย"

    เมื่ออายุได้ ๒๒ ปี ท่านจึงเดินทางกลับมาหาครูบาศรีวิชัยพร้อมกับชาวกะเหรี่ยงที่เป็นศิษย์ของ ท่าน เพื่อช่วยครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพในครั้งนี้ ครูบาศรีวิชัยได้เมตตาให้ท่านเป็นกำลังสำคัญทำงานร่วมกับครูบาขาวปีในการควบ คุมชาวเขาช่วยสร้างทางอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ยากลำบา เช่น การสร้างถนนในช่วงหักศอกก่อนที่จะถึงดอยสุเทพ (ช่วงที่คนวิพากษ์วิจารณ์ครูบาศรีวิชัยกันมากที่สร้างถนนหักศอกมากเกินไป)
    ใน ระหว่างกำลังสร้างทางช่วงนี้ ได้มีหินก้อนใหญ่มากติดอยู่ใกล้หน้าผา จะใช้กำลังคนหรือช้างลากเช่นไรก็ไม่ทำให้หินนั้นเคลื่อนไหวได้ ชาวกะเหรี่ยงที่ทำงานอยู่นั้นจึงไปกราบเรียนให้ ครูบาศรีวิชัยทราบ ท่านจึงให้คนไปตามหลวงพ่อซึ่งกำลังสร้างทางช่วงอื่นอยู่ เมื่อหลวงพ่อครูบาวงศ์มาถึงท่านได้ยืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้เดินทางไปผลักหินก้อนนั้นลงสู่หน้าผานั้นไป เหตุการณ์นี้ทำให้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แปลกใจไปตามๆกันที่เห็นท่านใช้มือผลักหินนั้นโดยไม่ อาศัยเครื่องมือใด ๆ ครูบาศรีวิชัยได้ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ท่านด้วยความพอใจ
    และ ขณะที่ท่านช่วยครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ครูบาชัยวงศาฯท่านได้ประทับรอยเท้าลึกลงไปในหินประมาณ ๑ ซ.ม. ข้างน้ำตกห้วยแก้ว ช่วงตอนกลางๆ ของทางขึ้นดอยสุเทพ เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่ท่านได้มาช่วย ครูบาศรีวิชัยสร้างทาง โดยตอนนั้น ท่านเพิ่งเป็น"ตุ๊เจ้าหนุ่มน้อย" อายุเพียง "22" ปีเท่านั้น

     
  6. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    3ึ71. เหรียญที่ถือว่าเป็นที่สุดของหลวงปู่ครับ ประสบการณ์มากมาย เหรียญรุ่นแรกครูบาชัยวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ปี 2509 บล็อกข้าวต้ม นิยม สนใจสอบถามได้ครับ

    upload_2022-6-24_17-52-23.png

    upload_2022-6-24_17-52-37.png

    จัดสร้างเพื่อสมทบทุนจัดสร้างศาลายาว 54 ห้อง (จำนวนห้องเท่ากับจำนวนหลวงปู่ครูบาวงค์ ท่านเกิดปี 2456 ในขณะนั้น ปี 2509 อายุ 54 ปี) หลวงปู่เมตตาอธิฐานจิตเดี่ยว และได้นำเหรียญรุ่นแรก ทั้ง2 บล็อกข้าวตมและต้ม
    บล็อกข้าวตม เป็นเนื้อทองแดงผิวไฟ เกิดจากการแกะบล็อกผิดพลาดครั้งแรกช่างลืมแกะไม้โท
    บล็อกข้าวต้ม เป็นบล็อกที่ได้รับการแก้ไข้ข้อผิดพลาดโดยการแกะ ไม้โทเพิ่ม เป็นข้าวต้ม หลวงปู่สั่งทำเป็นเหรียญกะไหล่ทอง
    เข้าร่วมปลุกเสกเพิ่มในพิธีตั้งธรรมหลวงเทศมหาชาติ ปลุกเสกด้วยคาถาพัน โดยสุดยอดเกจิคณาจารย์ที่หลวงปู่นิมนต์มาเทศพลัดเวียนกันสวดเจริญพุทธมนต์เทศธรรมหลวงมหาชาติ ถือเป็นสุดยอดแห่งพระคาถา
    การเตรียมพิธีตั้งธรรมหลวง
    ก่อนการจัดพิธีตั้งธรรมหลวง พระเณรและชาวบ้านต้องช่วยกันเตรียมงานเป็นการใหญ่ ล่วงหน้าอย่างน้อยเป็นเดือน เพราะต้องเตรียมการในหลายส่วน เช่น การ “ตกธรรม” คือการไปนิมนต์พระเสียงดีมาเทศน์ การตกแต่งสถานที่ การทำรั้วราชวัตร ประตูป่า ประดับโครงซุ้มด้วยทางมะพร้าว ประดับด้วยฉัตร ธง ช่อช้าง ต้นกล้วย ต้นอ้อย ต้นข่า ต้นกุก มาปักไว้ให้ดูเหมือนกับประตูเข้าป่า การที่จัดทำประตูป่านี้ คาดว่าคงจำลองมาจากเรื่องในเวสสันดรชาดก คือตอนที่พระเวสสันดรถูกขับให้ออกจากเมือง พร้อมทั้งพระมเหสีและโอรสธิดา จึงพากันเข้าไปอยู่ในป่าเพื่อบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญบารมี เมื่อไปถึงประตูป่าที่มีพรานเจตบุตรเป็นผู้เฝ้า ได้ชี้ทางไปเขาวงกตให้และอาจมีการจำลองเขาวงกตไว้ภายในวัดให้ได้เดินเล่น โดยตรงกลางเขาวงกตจะมีแท่นบูชาพระพุทธรูปอยู่ หากหลงก็วนเวียนอบยู่จนกว่าจะเข้าไปสักการะพระพุทธรูปได้ จึงเป็นที่สนุกสนานของผู้ที่มาร่วมทำบุญ
    สถานที่ใช้ในการ ตั้งธรรมหลวง จะนิยมใช้วิหาร ภายในจะต้องตกแต่งไปด้วยเครื่องบูชาเวสสันดรชาดก ได้แก่ ดอกบัว ดอกพ้าน(บัวสาย) ช่อสามเหลี่ยม ติดกนะดาษต้อง(กระดาษฉลุ) รูปช้าง ม้า วัว ควาย ทาสหญิง ทาสชาย แก้ว แหวน เงิน ทอง อย่างละ ๑๐๐ รูป ประดับโคมผัดที่เล่าเรื่องเวสสันดรชาดก มีการทำค้างโคมแขวนบูชา มีเชือกสำหรับดึงขึ้นลงได้ จึงเรียกว่า โคมล้อ ล้อ หมายถึงรอกที่ใช้สำหรับชักเชือกขึ้นลงเพื่อจุดประทีสบูชา
    ส่วนธรรมมาสน์สำหรับเป็นที่นั่งเทศน์ของพระสงฆ์ก็จะประดับตกแต่งด้วยม่าน และห้อยดอกพัน ที่อยู่ใน หับดอก ที่สานโดยแตะไม้ไผ่ประกบกัน ดอกไม้พันดอก หรือ สหสสฺปุปฺผานิ เป็นเครื่องบูชาพระธรรม บูชาพระคาถาจำนวน ๑,๐๐๐ พระคาถา ที่เรียกว่า สหสฺสคาถา ดอกไม้ที่นิยมได้แก่ดอกกาสะลอง ดอกจีหุบ(มณฑา) ดอกสารภี เป็นต้น ดอกไม้เหล่านี้เป็นดอกไม้หอมทำช่วยให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในป่าหิมพานต์ที่พระเวสสันดรบำเพ็ญบารมีอยู่ที่นั่น ส่วนด้านข้างก็จะมีการจำลองเป็นป่าหิมพานต์ ปัจจุบันมีการตกแต่งด้วยซุ้มต้นไม้ดอกไม้ใส่กระถางไปประดับตกแต่งให้งดงาม
    ด้านข้างพระประธานในวิหารก็จะมีการอ่างน้ำมนต์ โดยใช้น้ำมันงา หรือน้ำมันมะพร้าว ใส่ลงไป โยงสายสิญจน์จากพระประธาน ไปยังธรรมมาสน์ โยงมาพันที่อ่างน้ำมนต์สามรอบ แล้วโยงกลับไปยังธรรมมาสน์ให้พระถือไว้ขณะเทศน์กัณฑ์ต่างๆ เชื่อว่าอานุภาพของการเทศน์ตั้งธรรมหลวงจะทำให้น้ำมนต์นี้ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทาแผล แก้ปวดเคล็ดขัดยอก แก้ผื่นคัน และเชื่อว่าจะทำให้อยู่ยงคงกระพัน
    ลำดับพิธีการตั้งธัมม์หลวง
    เกี่ยวกับลำดับพิธีการตั้งธัมม์หลวงนี้ ประมวลจากสารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคเหนือ(๒๕๔๒, หน้า ๒๓๕๖) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.มณี พยอมยงค์ (๒๕๔๗, หน้า ๒๖๐) และชูเกียรติ วงศ์รักษ์ (๒๕๓๙, หน้า ๔๔) และพระครูอดุลสีลกิตติ์ (ฐานวุฑโฒ) (สัมภาษณ์, ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑)
    วันแรก
    วันแรก ในการเทศน์ นิยมเทศน์ในวันเดือนยี่เหนือขึ้น ๑๔ ค่ำ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น ศรัทธาชาวบ้านจะมาฟังเทศน์คาถาพัน คือเรื่องราวของเวสสันดรชาดกที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นภาษาบาลี รวมทั้งหมดมี ๑,๐๐๐ พระคาถา และเทศน์คัมภีร์ต่อไปอีก คือ คัมภีร์มาลัยต้น มาลัยปลายและอานิสงส์เวสสันตระ และธัมม์ไขวิบากเวสสันตระ
    คาถาพัน หรือสหัสสคาถา คือคำบาลีที่แต่งด้วยฉันทลักษณ์ต่างๆ กล่าวเรื่องย่อของพระเวสสันดรตั้งแต่ต้นจนจบ
    คัมภีร์มาลัยต้น กล่าวถึงพระมาลัยเถร พระสงฆ์ชาวลังกาเป็นพระอรหันต์ เดินทางไปเยี่ยมนรก ได้พบพญายมราชและเห็นสัตว์นรกจำนวนมาก พญายมราชบอกกับพระมาลัยว่า การทำบุญทำทาน การฟังเทศน์ และอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตายนั้น อาจทำให้ผู้ที่อยู่ในนรกพ้นจากความทุกข์ได้
    คัมภีร์มาลัยปลาย กล่าวถึงพระมาลัยเดินทางไปสวรรค์ ได้พบพระอริยะเมตไตรเทวบุตร ผู้ซึ่งจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป พระมาลัยถามว่า ทำอย่างไรจะได้ร่วมศาสนากับพระศรีอริยะเมตไตร ได้คำตอบว่า ผู้ที่ได้สดับฟังการเทศมหาชาติตั้งแต่ต้นจนจบจะได้พบกับศาสนาพระศรีอริยะเมตไตรพุทธเจ้า
    ธัมม์อานิสงส์เวสสันตระและธัมม์ไขวิบากเวสสันตระ กล่าวถึงอานิสงส์ต่างๆของการฟังเทศน์มหาชาติ รวมถึงการได้อยู่ร่วมพระศาสนาของพระศรีอริยะเมตไตร และชาติต่างๆของพระเวสสันดร นางมัทรี กัณหา ชาลี ชูชก จึงทำให้เกิดเป็นเรื่องราวพระเวสสันดรชาดกชาติสุดท้ายก่อนเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในยุคปัจจุบัน
    วันที่สอง
    วันที่สอง รุ่งขึ้นวันเดือนยี่เหนือเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เวลาเช้าตรู่จะเริ่มฟังกัณฑ์ทศพรและกัณฑ์ต่อ ๆ มาตามลำดับ มีเวลาพักตักบาตรตอนเช้าและฉันเพล จากนั้นเทศน์ติดต่อกัน การฟังเทศน์และเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ สามารถเป็นเจ้าภาพร่วมกันหรือฟังแบบสืบชาตาต่ออายุ ตามปีเกิดของแต่ละคน เมื่อเทศน์กัณฑ์ใด ให้เจ้าภาพของกัณฑ์จุดธูปเทียน (ผางประทีส) เท่าจำนวนพระคาถา เพื่อบูชาคาถาของกัณฑ์นั้น จนครบคาถา ดังนี้
    ๑. กัณฑ์ทศพร มี ๑๙ คาถา ปีใจ้(ปีชวด)
    ๒. กัณฑ์หิมพาน มี ๑๓๔ คาถา ปีเป้า(ฉลู)
    ๓. ทานกัณฑ์ มี ๒๐๙ คาถา ปียี(ปีขาล)
    ๔. กัณฑ์ประเวสน์ มี ๕๗ คาถา ปีเหม้า(ปีเถาะ)
    ๕. กัณฑ์ชูชก มี ๗๙ คาถา ปีสี(ปีมะโรง)
    ๖. กัณฑ์จุลพล มี ๑๕ คาถา ปีใส้(ปีมะเส็ง)
    ๗. กัณฑ์มหาพน มี ๘๐ คาถา ปีสะง้า(ปีมะเมีย)
    ๘. กัณฑ์กุมาร มี ๑๐ คาถา ปีเม็ด(ปีมะแม)
    ๙. กัณฑ์มัทรี มี ๙๐ คาถา ปีสัน(ปีวอก)
    ๑๐. กัณฑ์สักกบรรพ มี ๔๓ คาถา ปีเร้า(ปีระกา)
    ๑๑. กัณฑ์มหาราช มี ๖๙ คาถา ปีเส็ด(ปีจอ)
    ๑๒. กัณฑ์ฉกษัตริย์ มี ๓๙ คาถา ปีใค้(ปีกุน)
    ๑๓. นครกัณฑ์ มี ๔๘ คาถา ทุกปีเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
    รวมทั้งหมด ๑,๐๐๐ คาถา


    เหรียญสุดยอดประสบการณ์ของหลวงปู่ครูบาวงค์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2022
  7. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    372. เหรียญรุ่นแรก ครูบาราศรี(ตุ๊เจ้าเสือดาว) ถ้ำเสือดาว จ.เชียงใหม่ ปี 2518 ให้บูชา 999 บาท ปิดรายการครับ


    upload_2022-6-24_18-5-34.png


    เหรียญรุ่นแรก ครูบาราศรี(ตุ๊เจ้าเสือดาว) ถ้ำเสือดาว จ.เชียงใหม่ ปี 2518
    สร้างด้วยกัน2พิมพ์2แบบ คือ
    * เหรียญภาคพระภิกษุ (เหรียญรูปเหมือน ปลงเกศา-หนวดเคราแล้ว)
    จัดสร้างเฉพาะเนื้อทองแดง 3700 เหรียญ
    * เหรียญภาคทุกขกริยา (เหรียญรูปเหมือน ตอนที่ปล่อยผมเผ้าหนวดเครายาว มุ่นเกล้าคล้ายฤาษี)
    เนื้อทองแดงสร้างจำนวน5000เหรียญ
    เนื้อเงินและเนื้อนวะโลหะ จำนวนเพียงเล็กน้อย
    เหรียญรุ่นนี้แกะแม่พิมพ์โดยช่างเกษม มงคลเจริญ เป็นเหรียญที่งดงามมาก มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำแบบใคร ด้านหน้าเหรียญมีเลข 4ตัว กำกับอยู่ คือเลข ๗,๑๑,๑๓และ๓๕ แต่ละตัวเลขมีความหมายดังนี้
    * เลข๗ อยู่เบื้องบน หมายถึงการบำเพ็ญตบะ ไม่พูดกับมนุษย์ถึง7ปี
    * เลข๑๑ อยู่ด้านขวาของเหรียญ หมายถึงท่านไม่ได้นอนมา11ปี แล้ว
    * เลข๑๓ อยู่ด้านซ้ายของเหรียญ หมายถึงท่านได้ปฏิบัติธุดงควัตรครบ13ประการ โดยครบถ้วน
    * เลข๓๕ อยู่กึ่งกลางเหรียญ หมายถึงอายุของท่าน
    ทุกเหรียญตอกโค๊ตดาว บริเวณสังฆาฏิ ถ้ามีตอกโค๊ด บน ไหลซ้าย
    คุณ ชินพร นำไปให้หลวงปู่ทิมเสกเพิ่ม อีกประมาณ 6 เดือนก่อนท่านมรณภาพครับ
    ข้อมูลการจัดสร้างวัตถุมงคล ชุดนี้กิตติศัพท์ ในเรื่องการปฏิบัติอันเด็ดเดี่ยวของครูบาราศี หรือ "ตุ๊เจ้าเสือดาว" นั้น เป็นที่รับรองกันโดยทั่วไป ทั้งในวงการบรรพชิตและคฤหัสถ์ในจังหวัดเชียงใหม่ พระราชสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ ซึ่งเป็นพระอารามสำคัญยิ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ถึงกับกล่าวว่า "มีองค์เดียวในโลกที่สามารถปฏิบัติได้ถึงขนาดนี้"
    พระครูพิพัฒน์คณาภิบาล อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐานประจำจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดเมืองมางและวัดตะโปทาราม ก็กล่าวว่า "เป็น องค์แรกของโลกที่สามารถปฏิบัติได้ครบถ้วนซึ่งธุดงควัตรทั้ง ๑๓ ประการ และบำเพ็ญบารมีได้สูงถึงขนาดนี้ โดยที่มิได้เป็นบ้า หรือวิกลวิการไปเสียก่อน
    อีกตอนหนึ่ง พระครูพิพัฒน์ฯ ได้กล่าวว่า "องค์อื่นอาจจะมี แต่ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้พบเห็น"
    ตลอด เวลาท่านครองผ้าไตรจีวรเพียงชุดเดียว ไม่ว่าหน้าร้อน หน้าหนาว หรือหน้าฝน ไม่เคยใช้ผ้าห่มหรือผ้าอื่นใดอีก และผ้าไตรจีวรนั้น ท่านจะใช้จนกว่าจะผุเปื่อยขาดไป จึงจะยอมเปลี่ยนใหม่ ใครเอาไปถวายท่านก็ไม่รับ
    นอก จากไม่เคยใช้ผ้าห่มแล้ว มุ้งหมอนใด ๆ ท่านก็ไม่เคยใช้ ท่านนั่งอยู่แต่ในกรด ซึ่งกางอยู่ในถ้ำหรือในกุฏิตลอดเวลา เรือดยุงริ้นไรจะแห่กันไปราวีโจมตีท่านสักเท่าใด ท่านก็ทนอยู่ในสภาพอย่างนั้นได้ตลอดมา
    ท่าน ไม่เคยนอนเช่นพระสงฆ์ธรรมดาเลย เป็นเวลานานติดต่อกันถึง ๑๑ ปีเต็ม ๆ แล้ว ยามจะหลับพักผ่อน ก็หลับในสมาธิ หลับในญาณ นั่งคอตั้งตรงตลอดเวลาแม้ในยามเจ็บไข้ ซึ่งบางครั้งก็หนักเอาการท่านก็ไม่ยอมนอน
    ตั้งแต่ บวชมา ท่านไม่เคยไปเยี่ยมญาติโยมที่บ้านเลย อยู่แต่ในป่าขึ้นเขา-เข้าถ้ำเป็นประจำตลอดมา แม้ในตอนหลังจะมีผู้สร้างกุฏิถวาย กุฏินั้นก็อยู่ในป่าช้า หน้าถ้ำเสือดาว อันเป็นสถานที่สงบวิเวก วังเวง น่ากลัวจริง ๆ เฉพาะอย่างยิ่งในยามค่ำคืน เพราะอยู่ห่างไกลบ้านเรือนผู้คน และในย่านถ้ำเชียงดาวนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้กันเลยจนบัดนี้
    นอก จากนี้ท่านยังปฏิบัติแปลก ๆ ออกไปอีก เป็นต้นว่าไม่ยอมพูดจากับมนุษย์ใด ๆ เป็นเวลา ๗ ปี (เริ่มแต่เข้าพรรษาปี ๒๕๐๗ จนถึงออกพรรษาปี ๒๕๑๓) ไม่ยอมให้มนุษย์ทั่วไปได้พบเห็นท่านอยู่เป็นเวลาช้านาน แม้ในเทศกาลสงกรานต์ เมื่อมีผู้ไปขอรดน้ำท่าน ท่านก็จะยื่นมือออกมาให้รดพอเป็นพิธีเท่านั้น ท่านเพิ่งจะออกมาให้ผู้มีศรัทธาได้สรงน้ำและเห็นตัวท่านเมื่อ ๓ ปีมานี้เอง และปีหนึ่ง ๆ ก็จะออกมาให้เห็นเพียงวันเดียว คือวันที่ ๑๕ เมษายน เท่านั้น
    อย่างดีของผู้ที่ได้มีโอกาสไปนมัสการท่าน ก็คือได้ฟังแต่เสียงของท่านเท่านั้น!!!
    แต่ กระนั้นก็น่าประหลาด ที่ยังมีผู้พอใจหลั่งไหลไปนมัสการท่านไม่เว้นแต่ละวัน วันละมาก ๆ ด้วย เฉพาะอย่างยิ่งในระยะหลัง ๆ ที่ท่านเริ่ม "แสดงออก" โดยการแต่งหนังสือแจก และเทศนาสั่งสอน
    อัน ถ้ำเสือดาวนั้น ได้ชื่อว่าเป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ มีความอัศจรรย์เร้นลับอยู่มาก (หากมีโอกาสจะได้นำรายละเอียดมาเสนอในภาคพิสดารของประวัติท่านครูบาราศรีต่อ ไป) นอกจากนี้ยังมีความ "เฮี๊ยน" พิลึกเอาการอยู่ทีเดียว ใครบุญไม่ถึง บารมีไม่พอ ก็จะมีอันเป็นไป ไม่สามารถบำเพ็ญอยู่ได้เลย อย่างเก่งก็จะอยู่ได้เดือนเดียวเท่านั้น ผีดุ ไข้ป่า อสรพิษ ความมืดอับอากาศชื้นภายในถ้ำ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญเพียรทั้งสิ้น
    นอกจากนี้ ยังมีโจรผู้ร้ายชุกชุม ชอบเข้าไปปล้น - ฆ่าพระที่ไปปฏิบัติในอาณาบริเวณนี้อยู่เสมอๆ
    การที่ครูบาราศรีสามารถปฏิบัติอยู่ได้ตลอดมา เป็นเวลากว่า ๑๐ ปีนั้น ย่อมแสดงว่าท่านจะต้องใจเด็ดและมี "ดี" มีอานุภาพเหนือพวกมารร้ายใดๆ ตลอดทั้งท่านจะต้อง "เหนือ" กว่าบรรดานักบวชใด ๆ ด้วยกัน ที่เคยเข้าไปบำเพ็ญภาวนาในถ้ำแห่งนี้ในยุคหลัง ๆ ทั้งสิ้น
    หาก จะมองกันอีกนัยหนึ่ง ก็กล่าวได้ว่าการที่ท่านอาจหาญเข้าไปบำเพ็ญอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ในสถานที่อันน่าสพึงกลัว ท่ามกลางภยันตรายรอบด้านนั้น แสดงถึงตัวท่านไม่อาลัยในชีวิต และตั้งใจที่จะ "ตัด" ตัวเองให้ขาดจากโลกอย่างแท้จริง
    ด้วย ความเด็ดเดี่ยวของท่านดังกล่าวมานี้แหละ ที่ทำให้ท่านได้รับความเคารพศรัทธาจากผู้คนเป็นอันมาก มีผู้เพียรไปนมัสการท่านจากทั่วทุกภาคของประเทศไทย มีทั้งนายทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ประชาชนธรรมดา นักบวชทั้งไทย - จีน จนแทบไม่น่าเชื่อว่า "พระป่า" ที่ปลีกตัวเองอยู่ห่างไกลจากโลกถึงปานนั้น จะมีผู้ให้ความสนใจในองค์ท่านถึงขนาดนั้น
    หลาย คนบอกว่าได้เพียรไปคารวะท่านหลายปีมาแล้ว และไม่เคยเห็นตัวท่านเลย เพิ่งได้เห็นเมื่อตอนท่านออกมาให้รดน้ำ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ปี ๒๕๑๘ นี้ ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษที่ท่านออกมานอกกุฏิ เป็นเวลาติดต่อกันถึง ๕ วัน คือตั้งแต่วันที่ ๑๕ - ๑๙ เมษายน ๒๕๑๘ เพราะท่านจะอำลาเพื่อธุดงค์ไปอินเดียโดยไม่มีกำหนดกลับ
    ใน จำนวนนี้ มีอยู่รายหนึ่งที่บอกชื่อ - สถานที่อยู่ไว้โดยละเอียดก็คือ ส.ต.ท.สมจิตต์ ชื่นสำราญ ปัจจุบันอยู่ที่ตึกแถวเลขที่ ๓๓/๒๙ ติดอู่รถเมล์ขาว ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเดิมเป็นตำรวจประจำอยู่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเชียงดาว มีความเคารพศรัทธาท่านมาก แม้จะโยกย้ายไปอยู่สถานที่ใด ๆ ก็ตาม เขาจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการท่านอยู่เสมอ เป็นเวลากว่า ๒ ปีมาแล้ว แต่เพิ่งจะได้เห็นองค์จริงเมื่อ ๑๗ เมษายน ๒๕๑๘ นี้เอง ตำรวจผู้นี้ได้เผชิญอภินิหารเกี่ยวกับท่านเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วย จึงเพิ่มศรัทธายิ่ง ๆ ขึ้น นอกไปจากความชอบใจในการปฏิบัติอันเด็ดเดี่ยว ที่ได้มีมาช้านานแล้ว
    ต่อ ไปนี้คือตัวอย่างในเรื่องอภินิหารบางประการของท่านครูบาราศรี (ตุ๊เจ้าเสือดาว) เท่าที่รวบรวมมาได้ในเวลาอันสั้น และเท่าที่หน้ากระดาษจะอำนวยให้
    อภินิหารเส้นเกศา
    ใน ระยะ ๒ - ๓ ปี ที่ท่านเริ่มเปิดเผยตัว ให้ผู้คนได้สรงน้ำบ้าง ฟังธรรมจากท่านบ้าง รับแจกหนังสือจากท่านบ้าง ฯลฯ นี้เอง ก็ได้มีผู้คนไปนมัสการเพิ่มขึ้นทุกที และในจำนวนนี้มีหลายคนได้เอ่ยปากขอพระท่าน ซึ่งท่านไม่มี ไม่เคยสร้าง และไม่คิดจะสร้างด้วย เพราะมิใช่จุดประสงค์ของท่าน ในการที่ออกไปบำเพ็ญภาวนา แต่เมื่อมีผู้คนรบเร้ามากขึ้น ท่านก็เลยเอาเส้นเกศาของท่านที่ยาว ๆ มาพับเป็นขดเล็ก ๆ ขึ้น ห่อด้วยกระดาษพลาสติก เย็บด้วยเครื่องเย็บกระดาษอย่างเรียบร้อยแถมมีเข็มกลัดติดให้ด้วย เมื่อมีคนไปขอพระท่าน ท่านก็เอาเกศาเหล่านั้นแจกให้ไป ซึ่งก็น่าประหลาดที่เส้นเกศาดังกล่าว ได้ไปก่ออภินิหารมากมายหลายราย เป็นที่น่าอัศจรรย์
    จาก การเปิดเผยของแม่ชีศิริวรรณ แห่งวัดถ้ำเชียงดาว ซึ่งได้ติดตามดูพฤติการณ์ของท่านมาตั้งแต่ต้น จนเกิดศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างยิ่ง เป็นผู้หนึ่งที่ใกล้ชิดติดต่อท่านอยู่เสมอ ได้เล่าให้ฟังว่า เส้นเกศาของท่านใช้ป้องกันผีปอบได้ชะงัด ในปัจจุบันชาวบ้านป่ายังต้องเผชิญกับภัยจากผีปอบ - ผีกะอยู่เสมอ และเกศาของท่านก็ใช้ได้ผล เท่าที่ทราบมาก็คือที่บ้านม่วงฆ้อง ตำบลวังจ่อม บ้านทุ่งละคร อำเภอเชียงดาว และที่เชียงใหม่แถบชานเมือง เช่นที่สันทราย สารภี ตลอดจนที่ลำพูน ก็ได้รับแจ้งว่าเส้นเกศาของท่านเป็นที่ประจักษ์ในทางคุ้มครองป้องกัน ภยันตรายอยู่โดยทั่วไป
    มี อยู่รายหนึ่งเป็นหญิงสูงอายุอยู่บ้านม่วงฆ้องเชียงดาว เป็นโรคหืด มีอาการหอบทรทุกข์ทรมานมาช้านาน รักษาเท่าใดก็ไม่หาย จึงได้ทดลองอาราธนาเอาเส้นเกศาของท่านมาแช่น้ำ อธิษฐานทำเป็นน้ำมนต์กินต่างยา ก็ปรากฏว่าไม่เกิน ๓ วันผ่านไป อาการได้ทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อได้รับประทานติดต่อกันไปนาน ๆ ก็หายขาดไปได้อย่างน่าประหลาด
    ส.ต.ท. สมจิตต์ ชื่นสำราญ ก็ได้เล่าว่าตัวเขาได้รอดพ้นจากอุบัติเหตุบนเส้นทางเชียงใหม่-ฝาง ตรงบ้านร่องธาร ซึ่งเป็นทางภูเขาเต็มไปด้วยหุบเหว เมื่อ ๑๙ - ๒๐ มีนาคม ๒๕๑๘ นี้เอง ด้วยเส้นเกศาของท่านที่อาราธนาติดตัวอยู่เสมอ และเขาเองนิยมไปไหนมาไหนด้วยรถจักรยานยนต์ อันอาจเป็นอันตรายได้ง่ายอีกด้วย เขาจึงหวงแหนและภูมิใจในเส้นเกศา ซึ่งได้รับมาจากมือของท่านเป็นอย่างยิ่ง
    อีกราย หนึ่ง เรื่องเกิดที่กาญจนบุรี เมื่อปลายเดือนเมษายน ๒๕๑๘ ที่ผ่านมานี้เอง สตรีผู้หนึ่งครรภ์แก่ถึงคราวจะคลอด ปวดท้องทรมานอยู่หลายวัน ก็คลอดไม่ออกสักที มีแต่อาการดิ้นของทารกปรากฏอยู่เสมอ แพทย์แผนปัจจุบันที่ไปตรวจอาการจึงบอกว่า ครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด จึงยังไม่คลอด แต่ก็ปวดทรมานอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีใครสามารถช่วยเหลืออะไรได้ ในที่สุดจึงต้องหันเข้าพึ่งทางไสยศาสตร์ นึกถึงเส้นเกศาของท่าน"ตุ๊เจ้าเสือดาว" ซึ่งได้ไปจากพระอาจารย์องค์ หนึ่งในกรุงเทพฯ ขึ้นมาได้ จึงอัญเชิญมาอาราธนาแช่น้ำ อธิษฐานเป็นน้ำมนต์ช่วยปัดเป่า เพราะมิฉะนั้นก็เหลืออีกทางเดียวคือ ผ่าตัด!
    ในที่สุดก็คลอดทารกนั้นออกมาได้ ด้วยน้ำมนต์แช่เส้นเกศาของท่านนั้นเอง แต่ปรากฏ ว่าทารกเมื่อคลอดออกมานั้น ตัวเขียวใกล้จะเน่าอยู่แล้วแสดงว่าตายมานานแล้ว อย่างที่เรียกกันว่าตายพราย การดิ้นอยู่ในท้องได้นั้น เป็นการหลอกของผีทารกนั่นเอง!
    นอกจากนี้ก็ปรากฏว่า ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๔ ตำบลบ้านถ้ำเชียงดาวก็รอดอันตรายจากกระสุนปืนผู้ร้ายได้อย่างหวุดหวิด ด้วย "พระ" ซึ่ง สร้างจากเส้นเกศาของท่าน ทำให้ผู้ใหญ่บ้านคนนี้ มีความเคารพศรัทธาในท่านเป็นยิ่งนัก กับยังมีสตรี สองแม่ - ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งเคยไปตักน้ำถวายท่านอยู่เสมอ ๆ ก็ถูกผู้ร้ายลอบยิง แต่ไม่เป็นอันตราย โดยกระสุนเพียงแต่ถูกต้นแขนของผู้เป็นแม่เพียงแค่ไหม้พองไปเท่านั้น ทั้งนี้ก็ด้วย "พระ" จากเส้นเกศาของท่านครูบาราศรีนี้ทั่งสิ้น
    ผู้เขียนเคยเอาเส้นเกศาของท่าน ให้สุภาพสตรีผู้ชำนาญทางวิปัสสนาผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อพล สระบุรี ก็ได้ความว่า "แรง" อย่างน่าอัศจรรย์ แรงยิ่งกว่าพระเครื่องบางองค์เสียอีก
    ขณะนี้ได้ทราบข่าวว่าเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งใฝ่ใจในทางนี้ กำลังเสาะแสวงหาเส้นเกศาของ "ตุ๊เจ้าเสือดาว" เป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดมีไว้ในครอบครองต้องถือว่าเป็นมงคลวิเศษอย่างหนึ่ง
    ญาณพิเศษ
    ค่ำ วันหนึ่งของต้นเดือนมกราคม ๒๕๑๘ ขณะที่พระอาจารย์รูปหนึ่งจากกรุงเทพฯ กำลังก้าวขึ้นไปบน “หอสังเกตการณ์ธรรมชาติ” หน้าถ้ำเสือดาว อันเป็นกุฏิโกโรโกโสของ “ตุ๊เจ้าเสือดาว” ในสายตาของมนุษย์ทั่วไปนั่นเอง ก็มีเสียงร้องทักออกมาจากในกุฏิมืด ๆ โดยไม่เห็นเจ้าของเสียงว่า “อ้าว! นั่นมีเด็กมาด้วยรึ?”
    ทำ เอาพระอาจารย์รูปนั้นต้องสะดุ้งเล็กน้อย เพราะวันนั้นท่านไปเยี่ยมท่านครูบาราศี หรือ “ตุ๊เจ้าเสือดาว” ตามลำพัง มิได้มีลูกศิษย์ติดตามไปด้วยเลย มีแต่เพื่อนพระภิกษุด้วยกันตามไปห่าง ๆ บ้างเท่านั้น
    แต่ ทว่าในย่ามของพระอาจารย์รูปดังกล่าวนี้มี “พระสิทธัตถะกุมาร” เป็นพระผงขนาดค่อนข้างเขื่องรูปกุมารกำลังก้าวเดิน ซึ่งสร้างขึ้นจากผงพระเจ้าสิบชาติ เป็นผงเก่าแก่รวบรวมไว้ช้านาน จากพระเกจิอาจารย์ยอด ๆ ในอดีต สร้างขึ้นโดยอาศัยบุญญาบารมีของพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต เมื่อยามท่านจะไปไหนมาไหน ท่านก็อาราธนาพระกุมารผู้ประเสริฐองค์นี้ติดตามไปด้วยทุกครั้ง ซึ่งมนุษย์ธรรมดาสามัญ จะไม่มีวันล่วงรู้เลยว่าพระอาจารย์รูปนี้ท่านมี “เพื่อนกายสิทธิ์” ติดตามไปด้วย แม้ในหมู่เพื่อนพระสงฆ์ที่ไปด้วยกันก็ตาม
    จาก เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ทำให้พระอาจารย์รูปนี้เชื่อมั่นในทันทีว่า “ตุ๊เจ้าเสือดาว” นี้ มิใช่พระภิกษุสงฆ์ธรรมดาแน่นอน เพราะมี “ญาณ” พิเศษ สามารถเห็นสิ่งเร้นลับเหนือวิสัยมนุษย์สามัญได้
    เมื่อ ท่านกลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว จึงเอาดวงของ “ตุ๊เจ้าเสือดาว” ไปให้โหรอาวุโสท่านหนึ่งซึ่งมีความชำนาญในการพยากรณ์แม่นยำยิ่งกว่าตาเห็น เพราะโหรท่านนี้สำเร็จวิปัสสนาชั้นสูงด้วย ในการนี้ท่านมิได้เล่าอะไรให้ฟังทั้งสิ้น นอกจากบอกแต่เพียงว่าเจ้าของดวงนี้ มีนามว่า “ราศี” เท่านั้น
    จากการตรวจดวงอย่างคร่าว ๆ ในชั้นแรกนั้นเอง โหรท่านนั้นก็กล่าวออกมาอย่างไม่น่าเชื่อว่า
    “คน ๆ นี้อดีตเป็นคนที่ได้ระดับญาณสูง เป็นบุคคลสำคัญมาก เป็นนักบวชที่ปฏิบัติได้ยอดเยี่ยมอย่างหาผู้เสมอได้ยาก แต่ไม่ชอบสังคมกับมนุษย์ มักจะมีการสมาคมกับเทพ – พรหมเป็นส่วนใหญ่
    ทำเอาพระอาจารย์รูปนี้ฟังแล้วต้องสะดุ้งอีกครั้งหนึ่ง
    โหร ท่านนั้นยังกล่าวต่อไปอีกว่า พระภิกษุรูปนี้จะสำเร็จอรหันต์ตอนอายุ ๔๗ – ๔๙ ปี ตอนนี้ยัง “ติด” อยู่ในฤทธิ์ต่าง ๆ จึงยังไม่อาจสำเร็จได้ แต่ก็สำเร็จอภิญญา ๕ บรรลุขั้นพระอริยบุคคลไปแล้ว
    อีก เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้เผชิญมาเอง เมื่อไปนมัสการท่านครั้งแรกเมื่อตอนสายวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๘ ซึ่งก่อนหน้านั้น ๒ วัน ตอนพลบค่ำผู้เขียนได้ไปมาครั้งหนึ่งเพียงชั่วเวลาครู่เดียว กับพรรคพวกราว ๑๐ คนเศษ มีทั้งพระทั้งฆราวาส มีผู้แจ้งแก่ท่านว่าผู้เขียนก็ไปด้วย โดยมิได้เห็นตัวกัน จากนั้นก็รีบกลับกันเพราะค่ำมืดแล้ว ต่อจากนั้นอีกสองวันจึงได้กลับไปใหม่ เพื่อขอฟังเรื่องราวจากท่านซึ่งในการนี้ก็มิได้เห็นตัวท่านตามเคยเพราะ ท่านอยู่ภายในกลดซึ่งอยู่ในกุฏิ ผู้ที่ไปคุยกับท่านต้องยืนออรอบกุฏิทั้งสิ้น และขณะนั้นมีผู้คนนักท่องเที่ยว ที่ชอบซอกซอนซุกซนออกจากถ้ำเชียงดาวแล้วเตลิดดั้นด้นขึ้นไปทางเหนือ พลุกพล่านไปถึงกุฏิท่านมากพอดูทีเดียว แต่ก็น่าแปลกแท้ ๆ ที่พอถึงเวลาท่านจะแสดงธรรมให้ฟัง ท่านสามารถระบุได้ว่ามีผู้ฟังกี่คน เป็นพระสงฆ์กี่รูป อุบาสก – อุบาสิกากี่คน ซึ่งบางคนก็มิได้ไปในคณะเดียวกัน เพิ่งไปพบหน้ากันเดี๋ยวนั้นเอง ยิ่งกว่านั้นพอใกล้เวลาจะแสดงธรรม ท่านได้เรียกชื่อผู้เขียนอย่างชัดเจน ราวกับเคยเรียกกันมาช้านานแล้ว ว่าให้เป็นผู้กล่าวนำในเชิงอาราธนาเป็นการอารัมภบทสักเล็กน้อย ทั้งนี้เพราะในขณะนั้นผู้เขียนไปยืนอยู่ชิดกุฏิยิ่งกว่าใครเพื่อน ทำเอาต้องสะดุ้งใจเป็นครั้งแรก ว่าท่านรู้จักตัวผู้เขียนได้อย่างไร?
    ต่อ มาอีก ๓ สัปดาห์ – ๙ เมษายน ๒๕๑๘ อันเป็นวันเกิดของท่านครบ ๓๕ ปีบริบูรณ์ได้ทราบว่าท่านจะออกบิณฑบาตเป็นครั้งสุดท้ายก่อนอำลาธุดงค์ไป อินเดีย ผู้เขียนจึงเดินทางขึ้นไปนมัสการและใส่บาตรท่านในวันนั้น เนื่องจากแท็กซี่ที่นัดไว้ไปรับที่เชียงใหม่ช้าไปเล็กน้อย จึงทำให้ไปถึงถ้ำเชียงดาวเมื่อราว ๘.๓๐ น. ขณะรถผ่านทางแยกจากถนนใหญ่ มุ่งไปยังถ้ำเชียงดาวนั้นเอง เมื่อใกล้จะถึงวัดถ้ำเชียงดาวก็ได้เห็นผู้คนออกมายืนออเป็นกลุ่มหน้าบ้าน ตลอดเส้นทาง ทราบภายหลังว่ามาคอยใส่บาตรท่าน “ตุ๊เจ้าเสือดาว” เมื่อเหลือระยะทางอีกราว ๑ กม. จะถึงถ้ำเชียงดาว พระสงฆ์ที่ไปด้วยกันก็บอกว่าท่านมาแล้วโดยกำลังรับบิณฑบาตจากชาวบ้านอยู่ ข้างทาง ผู้เขียนจึงให้หยุดรถ แล้วรีบคว้ากล้องถ่ายรูป วิ่งไปหาท่านทันที ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวจริงท่าน พอเข้าใกล้ท่านก็ยกมือขึ้นไหว้ ยังมิทันจะพูดอะไรออกไป ท่านก็เอ่ยปากทักก่อนว่า “อ้อ...สะเทื้อนรึ?” (ชื่อของผู้เขียน) ทำเอาผู้เขียนเองสะดุ้งเป็นครั้งที่ ๒ และคิดว่าพระองค์นี้ถ้าจะไม่ใช่พระธรรมดาเสียแล้ว!
    ต่อ มาเมื่อมีโอกาสได้สนทนากับท่าน ก็ได้เพียรพยายามสอบถามท่าน ถึงการได้ “ทิพยจักขุญาณ” ว่าได้เมื่อใด ได้อย่างไร ซึ่งท่านก็ไม่ได้ตอบตรง ๆ เข้าใจว่าเกรงจะเป็นการโอ้อวด ท่านบอกแต่เพียงว่าท่านมุ่งปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นเป็นที่ตั้ง มิได้หวังอะไรนอกเรื่องนอกราว แต่เมื่อได้คุยกับท่านไปนาน ๆ หลาย ๆ ครั้งเข้า เรื่องราวต่าง ๆ บางเรื่องก็เผยออกมาเอง เช่น ท่านเล่าว่าครั้งหนึ่งเมื่อท่านเข้าไปบำเพ็ญอยู่ในถ้ำเสือดาวได้ไม่นานนัก ขณะที่กำลังหลับตาทำสมาธิภาวนาอยู่ ก็เห็นพวกเมืองลับแลหลายคนมาปรากฏ (ท่าน อธิบายว่าพวกเมืองลับแลนี้กายหยาบใกล้เคียงกับมนุษย์ คนที่ได้สมาธิขั้นต้น หรือมีพรสวรรค์อยู่บ้าง ก็อาจแลเห็นได้ถ้าหากสภาพแวดล้อมและจิตใจอำนวย และพวกนี้มีอยู่มากในบริเวณถ้ำหลวงเชียงดาว) ครั้น ท่านลืมตาขึ้นภาพนั้นก้หายไป พอหลับตาใหม่ก็ปรากฏอีกและเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกัน ท่านจึงรู้ว่าเป็นเรื่องของพวกมนุษย์อีกโลกหนึ่ง และท่านเริ่มได้ทิพยจักขุญาณขั้นต้นแล้ว!
    แต่ เมื่อถามถึงเหตุการณ์เร้นลับบางประการ ทั้งในอดีต – อนาคตหลายเรื่อง ท่านไม่ยอมตอบท่านบอกว่าเรื่องของการพยากรณ์ท่านไม่สนใจ เป็นเรื่องอาจิณไตยแม้พระสงฆ์บางพวกจะนิยมชมชอบแต่พระอริยบุคคลที่มุ่ง ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น จะไม่ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย
    จากเรื่องราวดังกล่าวนี้ ทำให้ผู้เขียนเชื่อได้ว่า ครูบาราศี หรือ “ตุ๊เจ้าเสือดาว” นี้ ท่านได้ทิพยจักขุญาณแน่นอน
    ปลงเกศา – แผ่นดินไหว
    “งานสำคัญก็จวนเสร็จแล้ว หลังจากนี้อีก ๓๐ ราตรี โลกทำท่าว่าจะแตก จะเกิดปรากฏการณ์ขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของแผ่นดิน...”
    นี่ เป็นคำพูดของครูบาราศีกับพระอาจารย์รูปหนึ่ง ซึ่งมีช่างภาพ น.ส.พ. “ไทยนิวส์” ประจำจังหวัดเชียงใหม่ แม่ชีศิริวรรณและคฤหัสถ์อีกหลายคน ร่วมฟังอยู่ด้วย ขณะนั้นเป็นเวลาราว ๑๓ น.เศษ ของวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๑๘ ซึ่งเป็นเวลที่ท่านเพิ่งปลงเกศา – หนวดเคราเสร็จใหม่ ๆ หลังจากที่มิได้แตะต้องมาเป็นเวลา ๕ ปีแล้ว จนใคร ๆ พากันเรียกท่านว่า “พระฤาษีเสือดาว” วันนั้นตอนเที่ยงจึงได้โกนเสียที เพราะท่านจะเดินธุดงค์ไปอินเดีย และปรากฏตัวให้คนทั่วไปได้พบเห็นท่าน เช่น ภิกษุธรรมดาทั่วไป เมื่อโกนเกศาเสร็จก็มีการถ่ายภาพในอิริยาบถต่าง ๆ ไว้เป็นที่ระลึก เสร็จแล้วท่านก็ได้เอ่ยวาทะดังกล่าวออกมา ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครฟังรู้เรื่องว่าหมายถึงอะไรกัน
    ที่ ท่านพูดว่า “งานสำคัญ” จวนเสร็จแล้วนั้น พอจับความต่อมาได้ว่าหมายถึงท่านได้แต่งหนังสือ “วาทะพระศาสดา” อันเป็นบทนิพนธ์ล่าสุด และสำคัญที่สุดจบแล้ว ซึ่งสันนิษฐานว่าท่านจะต้องปฏิบัติธรรมผ่านขั้นสำคัญบรรลุล่วงไปได้แล้วอีก ขั้นหนึ่ง จึงปรากฏผลงานนิพนธ์เล่มนี้ออกมา และหนังสือนี้ก็สามารถพิมพ์แจกจ่ายได้ทันวันเกิดอายุครบ ๓๕ ปี เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๘ พอดี ท่านจึงถือว่าท่านได้ปฏิบัติภารกิจสำคัญในเมืองไทยสำเร็จหมดแล้ว จึงเตรียมตัวธุดงค์ไปอินเดียสืบต่อไป
    จากนั้นท่านได้กล่าวต่อไปอีกว่า
    “มันมีอะไร ๆ ที่น่าคิดอยู่แต่เป็นเรื่องของอาจิณไตย...”
    หลัง จากวันดังกล่าวผ่านไปได้ ๑ เดือนกับ ๑ วัน ก็มีปรากฏการณ์เกี่ยวกับแผ่นดินอย่างน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นจริง ๆ นั่นก็คือเมื่อเวลา ๑๐.๓๘ น.ของวันจันทร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ของเมืองไทยในรอบ ๓๐ ปี
    ชาว เชียงใหม่ – เชียงดาวเล่าว่าที่นั่นไหวรุนแรงมาก และไหวเฉพาะซีกตะวันตก อันเป็นดินแดนที่ท่านจะเดินธุดงค์ตรงไปสู่อินเดียเท็จจริงอย่างไรไม่ทราบได้ และผู้เขียนไม่อาจกล่าวได้ว่าการปลงเกศาของครูบาราศีในวันนั้น จะมาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องของอาจิณไตย! แต่เรื่องของเรื่องก็เป็นไปแล้วดังที่ได้กล่าวมาในตอนนี้นี่แหละ และท่านได้พูดไว้ก่อนหน้าจะเกิดแผ่นดินไหวถึง ๓๑ วัน
    พระพุทธองค์ สมเด็จพระบรมศาสดา ได้ตรัสกับพระอานนท์เกี่ยวกับสาเหตุที่จะทำให้แผ่นดินไหว ปรากฏอยู่ในมหาปรินิพพานสูตร ดังนี้
    “อานนท์ ที่จะทำให้แผ่นดินไหวนั้น ด้วยเหตุ ๘ ประการ คือ
    ๑.ลม กำเริบ ๒.ท่านผู้มีฤทธิ์บันดาล ๓.พระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิตลงสู่พระครรภ์ ๔.พระโพธิสัตว์ประสูติ ๕.พระตถาคตเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ๖.พระตถาคตเจ้าทรงประกาศอนุตตรธรรมจักรให้เป็นไป ๗.พระตถาคตเจ้าทรงปลงอายุสังขาร และ ๘.พระตถาคตเจ้าปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เหตุทั้ง ๘ อย่างนี้เป็นปัจจัยที่จะให้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่แต่ละอย่างๆ”
    อนึ่ง ขอเรียนให้ท่านผู้อ่านได้ทราบอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า โหรสำคัญของเมืองไทยในยุคปัจจุบันนี้ท่านหนึ่ง ได้ให้คำพยากรณ์เกี่ยวกับครูบาราศี ที่น่าทึ่งอยู่หลายตอน เช่น ตอนหนึ่งมีดังนี้
    “...ยุค ต่อไปนี้การปฏิบัติธรรมจะบรรลุผลตามที่ตนตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้ในอายุ ๔๗ หรือ ๔๙ อย่างแน่นอน และเมื่อสำเร็จแล้วแผ่นดินจะไหวอีกครั้งหนึ่ง หรือมีแสงสีอันมหัศจรรย์เกิดขึ้นบนฟากฟ้า”
    อภินิหารครูบาราศี ( ตุ๊เจ้าเสือดาว )
    ถ้ำเชียงดาว เชียงใหม่
    โดย...สะเทื้อน ศุภโสภณ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2022
  8. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    373. พระปิดตาสิริมหากาฬ อาจารย์นก วัดเขาบังเหย จ.ชัยภูมิ รุ่นแรก ปี 2534 ให้บูชา 750 บาท


    upload_2022-6-24_19-52-22.png


    พระปิดตาสิริมหากาฬ อาจารย์นก วัดเขาบังเหย จ.ชัยภูมิ รุ่นแรก ปี 2534 เนื้อผงพุทธคุณหลังยันต์ เป็นพระยุคแรกๆ ของท่าน พระอาจารย์นก วัดเขาบังเหย ท่านเป็นพระสายกรรมฐาน วัตถุมงคลของท่านประสบการณ์ มหาอุตม์ คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตาครบทุกด้าน ดังนั้นวัตถุมงคลทุกรุ่นของท่านล้วนมีประสบการณ์สุดยอด ทั้งสิ้น ยิ่งปิดตายุคแรกของท่าน ปัจจุบันยิ่งหายาก น่าเก็บน่าใช้
     
  9. สิริพงษ์

    สิริพงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    310
    ค่าพลัง:
    +323
    จองครับ
     
  10. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ
     
  11. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    374. พระดีปีลึกน่าบูชา เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดราชบพิธ กรุงเทพฯ ปี 2521 ให้บูชา 600 บาท ปิดครับ

    upload_2022-6-24_22-28-47.png

    upload_2022-6-24_22-28-55.png

    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงปูสุด วัดกาหลง หลวงปู่เครื่อง วัดเทพสิงหาร และเกจิอีกมากมาย ร่วมปลุกเสก..
    เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ออกวัดราชบพิธ กรุงเทพฯ ปี 2521 เนื้อทองแดง หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ร่วมเป็นประธานปลุกเสก ที่ระลึกในงานฉลองสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช องอาจ กล้าหาญ สู้เพื่อชาติ เหรียญ สวย คม ขลัง เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 10-14 มกราคม 2521 ณ วัดราชบพิธ โดยพระคณาจารย์ที่ทรงคุณวุฒิ 108 รูป เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสก) ปี 2521 (พิมพ์ใหญ่ / ขนาดพระ 4 ซม.) เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สร้างปี 2521 พระดีพิธีใหญ่ จัดสร้างโดยพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ เพื่อนำไปแจกทหารไปรบในสมัยนั้น พิธีมหาพุทธาภิเศกโดยมีสมเด็จพระสังฆราชทรงจุดเทียนชัย พิธีปลุกเสกใหญ่ 5 วัน โดยคณาจารย์ในยุคนั้น 108 รูป ทั้งนิกายมหายาน และหินยาน สำหรับพระคณาจารย์ที่เข้าร่วมปลุกเสก ได้แก่...
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.,
    หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธินิมิตร กทม.,
    หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขตต์ ขอนแก่น,
    หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม,
    หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์,
    หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว,
    หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู,
    หลวงปู่เครื่อง วัดเทพสิงหาร,
    หลวงพ่อสุด วัดกาหลง,
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง,
    หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะองค์ สมุทรสาคร,
    หลวงปู่วัน วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สกลนคร,
    หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยอง,
    หลวงพ่อเส็ง วัดประจันตคาราม ปราจีนบุรี,
    หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณ, และคณาจารย์อื่นๆ อีกมากมาย...

    เหรียญนี้ สมัยก่อนมีลงประวัติพิธีในหนังสือพระเครื่องหลายเล่ม เหรียญสภาพสวยมาก พระดีพิธีใหญ่ แขวนบูชาขึ้นคอ คุ้มครองได้ สบายใจ พระดีพิธีใหญ่ปลุกเสกโดยยอดคณาจารย์ ได้บูชาสมเด็จพระเจ้าตากสินและมียอดพระเกจิอาจารย์ปลุกเสก ให้ พุทธคุณสูงทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี คุ้มครองป้องกันภัย โชคลาภ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2022
  12. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    สวัสดียามเช้าครับ^^
     
  13. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
  14. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    375. หลวงปู่ทวดลอยองค์ พิมพ์บัวรอบ (รุ่นนารายณ์แปลงรูป) เนื้อสัมฤทธิ์แดง พิธีใหญ่( ร่วมสร้างพระหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ หน้าตัก 24 เมตร จัดสร้างโดยมูลนิธิพระเทวราชโพธิสัตว์ ปี 2552 ตอกโ ค้ด ตอกหมายเลข ให้บูชา 750 บาท ปิดครับ


    upload_2022-6-25_11-31-31.png

    upload_2022-6-25_11-31-44.png



    พระหลวงพ่อทวด รุ่น "นารายณ์แปลงรูป" จัดสร้างโดยมูลนิธิพระเทวราชโพธิสัตว์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดสร้างพระหลวงพ่อทวด เนื้อสัมฤทธิ์นอก (บรอนซ์) องค์ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตัก 24 เมตร ประดิษฐาน ณ พุทธอุทยาน หลักกิโลเมตรที่ 44 ถนนสายเอเชีย ต.บ้านใหม่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา พระหลวงพ่อทวด รุ่น "นารายณ์แปลงรูป" ประกอบด้วย
    1.พิมพ์บัวรอบ เนื้อนวโลหะกลับดำ สูตรเดียวกับพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว จ.ปัตตานี - เนื้ออัลปาก้า -และเนื้อสัมฤทธิ์
    2.เหรียญกลม ขนาดกว้าง 3 ซม. เนื้อเงินลงยาสีแดง เขียว เหลือง ฟ้า - เนื้อสัมฤทธิ์เหลือง - เนื้อว่านสีดำ และสีขาว

    การจัดสร้างพระหลวงพ่อทวดรุ่นนี้ ไม่มีชุดกรรมการ พระทุกองค์มีโค้ด และหมายเลขกำกับ

    โดยได้ประกอบพิธีมังคลาภิเษก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2552 ณ ณ พุทธอุทยาน หลักกิโลเมตรที่ 44 มีพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณนั่งปรกปลุกเสกตลอดพิธี เกจิชือดังร่วมปลุกเสกได้แก่
    หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    หลวงพ่อตัด วัดชายนา
    หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว
    หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ
    หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ
    หลวงพ่อแขก วัดสุนทรประดิษฐ์
    หลวงพ่อสมชาย วัดโพรงอากาศ
    หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก
    หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร
    หลวงพ่อเขียว วัดห้วยเงาะ
    และเกจิสายเขาอ้อ และอีกหลายๆ ท่าน ฯลฯ

    ดังนั้นพระหลวงปู่ทวดลอยองค์ พิมพ์บัวรอบ รุ่นนารายณ์แปลงรูป จึงน่าบูชาเก็บไว้มาก เพราะมีพระเกจิดังแห่งยุคหลายองค์ร่วมปลุกเสก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุประสงค์การสร้างดี พิธีดี และเกจิดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2022
  15. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    376. สุดยอดของดี ของเทพเจ้าแห่งบางบาล พระกริ่งชินบัญชรเนื้อนวะ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา ปี2548 มีจารใต้ฐานครับ ให้บูชา 1,450 บาท พี่Parichati จองครับ

    upload_2022-6-25_14-17-57.png

    upload_2022-6-25_14-18-29.png

    upload_2022-6-25_14-23-34.png

    พระกริ่งชินบัญชรเนื้อนวะ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา ปี2548 สภาพเดิมบูชา
    ****มวลสารชั้นยอดที่หล่อหลอมเป็นองค์พระกริ่งชินบัญชร*****
    - พระกริ่งชินบัญชรองค์จริง เนื้อนวโลหะของหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ ที่มูลค่าเป็นแสนบาทหล่อเป็นชนวน
    1 องค์
    - พระกริ่งปรโม ของหลวงปู่เริ่ม 3 องค์
    - พระกริ่งชินบัญชรหลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข 9 องค์
    - ชนวนพระกริ่งท่านเจ้าคุณศรี (สนธ์) วัดสุทัศน์ปี 2493 พร้อมทั้งพระกริ่งนายควง 1 องค์
    - ชนวนชินราชอินโดจีน 2485 พร้อมชินราชอินโดจีน 5 องค์
    - พระกริ่งมหาจักรพรรดิ ปี 15
    - ชนวนพระพุทธชินราชที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเททอง
    - ชนวนเหรียญสมเด็จโต วัดระฆังฯ ผู้เป็นต้นกำเนิดพระคาถาชินบัญชร รุ่น 100 ปี รุ่น 108 ปี รุ่น 122 ปี
    - เหล็กยอดเจดีย์
    - ชนวนหล่อเกศพระประธาน
    - ชนวนหล่อองค์หลวงพ่อพระมหาจักรพรรดิ์
    - แผ่นจารพระคาถาชินบัญชรจากพระเถระ 8 ทิศ 8 มุมเมืองทั่วประเทศ
    - แผ่นจารจากพระคณาจารย์ทั่วประเทศ 993 แผ่น
    - แผ่นจารพระยันต์บังคับตำรับการสร้างพระกริ่งนะปถมัง 14 นะ ยันต์ 108 ล้วน
    เป็นโลหะธาตุชั้นหัวกะทิทั้งนั้น เมื่อหล่อเป็นองค์พระกริ่งชินบัญชรก็สุดจะเข้มขลัง ยิ่งได้ทำพิธี "มหาชัยมังคลาภิเษก" เดี่ยวแบบเต็มๆ ในกุฏิของหลวงปู่ทิมยิ่งเพิ่มความพิเศษสูงค่าหาประมาณมิได้ และไม่ใช่ง่ายนักที่จะเกิดพระ
    กริ่งชินบัญชรของหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ครั้งนี้จึง สำคัญและพิเศษที่สุด
    จำนวนการสร้าง
    1.พระกริ่งชินบัญชร (กรรมการ) ชุดเนื้อเงินปิดก้นทองคำ 108 ชุด
    1.1 พระกริ่งเนื้อเงินปิดก้นทองคำ
    1.2 พระกริ่งเนื้อนวะพิเศษ
    1.3 พระกริ่งเนื้อนวะอุดชานหมาก
    1.4 พระกริ่งเนื้อสำริดแดง
    1.5 พระกริ่งเนื้อสำริดเหลือง
    2.พระกริ่งชินบัญชร (พิเศษ) ชุดเนื้อนวะปิดก้นทองคำ 93 ชุด
    2.1 พระกริ่งเนื้อนวะปิดก้นทองคำ
    2.2 พระกริ่งเนื้อนวะพิเศษ
    2.3 พระกริ่งเนื้อนวะอุดชานหมาก
    2.4 พระกริ่งเนื้อสำริดแดง
    2.5 พระกริ่งเนื้อสำริดเหลือง
    3.พระกริ่งชินบัญชร เนื้อนวะปิดก้นเงิน 993 องค์
    4.พระกริ่งชินบัญชร เนื้อนวะอุดชานหมากผสมผงของหลวงปู่ 1,993 องค์
    5.พระกริ่งชินบัญชร เนื้อนวะปิดก้นนวะ 1,993 องค์
    6.พระกริ่งชินบัญชร เนื้อสำริดแดง 2,993 องค์
    7.พระกริ่งชินบัญชร เนื้อสำริดเหลือง 2,993 องค์*********

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2022
  16. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    ### ปิดรายการครับ
     
  17. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458

    ###ปิดครับ
     
  18. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    377. ฉายาท่าน หลวงพ่อสารพัดนึก พระผงสี่เหลี่ยม(ฝังเกศา) หลวงพ่อทิพย์ วัดโพธิ์ทอง จ.บุรีรัมย์ สร้างปี2517 ให้บูชา 750 บาท ปิดครับ


    upload_2022-6-25_16-42-49.png

    upload_2022-6-25_16-42-56.png

    upload_2022-6-25_16-43-3.png


    พระผงหลวงพ่อทิพย์ ทั้งรูปเหมือนและปิดตา
    1.พระผงรูปเหมือนมี 2 เนื้อ คือ เนื้อสีชาอ่อน และ สีชาแก่
    2.พระปิดตามหาลาภมี 2 เนื้อ คือ เนื้อดำ และเนื้อสีน้ำตาลคล้ายศิลาแลง
    พระผงและพระปิดตาของหลวงพ่อทิพย์เป็นเนื้อเดียวกันกับเนื้อพระว่านหลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ รุ่นแรก และ พระหลวงพ่อพัฒน์ แต่พระหลวงพ่อทิพย์มีผิวเนื้อดำกว่า
    มวลสารจัดสร้าง มีดังนี้
    -ผงดินดำกากยากายสิทธิ์
    -ผงว่านหลายร้อยชนิด
    -ดินสังเวชนียสถานในประเทศอินเดีย
    -ผงพระกระสิณ
    -ผงนวโลหะ 25 ศตวรรษ
    -ผงวิเศษ 25 ศตวรรษ
    -ผงสมเด็จวัดระฆัง
    -ผงสมเด็จวัดอินทรวิหาร
    -ผงโพธิ์พุทธคยา อินเดีย
    -ผงพระสมัยโบราณหลายกรุ
    -ผงรากต้นลูกเปลือก
    -ดอกพันธุ์พญาไม้
    -ผงดอกไม้บูชาพระในพรรษา 108 วัด
    -ตะไคร่โบสถ์ ตะไคร่โพธิ์ ตะไคร่พัทธสีมา ตะไคร่เจดีย์
    -ผงข้าวสารดำเป็นหิน
    -ผงดอกบัวเป็นหิน
    -ผงฤาษีสมเป็นหิน
    -ผงลูกเปลือกราชพฤกษ์เป็นหิน
    -ผงขนมต่างๆของคนธรรม์ เป็นหิน
    -ผงแก้วตรีเพชรและมรกต
    -ผงตรีนิสิงเหสัตตนาเค
    -ผงอักขระใบลาน ๘๔๐,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
    -ผงดินเหลืองได้จากก้นกรุศรีวิชัย
    -ผงกระพี้เหล็กไหลถ้ำองจุ จ.กาญจนบุรี
    -ผงศิลาแลงจากปราสาทหินต่างๆ
    -ผงศักดิ์สิทธิ์อื่นๆหาได้จากถ้ำและภูเขาอีกหลายแห่ง
    -และผงหลวงพ่อทิพย์ปลุกเสกตลอดไตรมาส

    หลวงพ่อทิพย์ ธัมมนิโยโก วัดโพธิ์ทอง บุรีรัมย์ ท่านเป็นพระอาจารย์เชื้อสายเขมรที่เรืองวิชาอาคม จนชาวเมืองตั้งฉายาว่า “หลวงพ่อสารพัดนึก” เนื่องจากบนอะไรก็สัมฤทธิ์ผลตามที่ขอไว้ และท่านเป็นสหธรรมมิกกับท่านหลวงปู่ทิมแห่งวัดละหารไร่ไปมาหาสู่กันเป็นประ จํา วัดถุมงคลของ หลวงพ่อทิพย์ จัดว่าเป็นของดีที่น่าใช้มากๆ มีประสพการณ์สูง ทั้งทางด้านเมตาตา โชคลาภ ขออะไรมักจะสัมฤทธิ์ผล จนท่านได้รับฉายาว่า หลวงพ่อทิพย์สารพัดนึก
    หลวงพ่อทิพย์ ท่านเป็นพระที่เก่งมากครับ สร้างพระไว้น้อย มีไม่กี่รุ่น ทำของยาก มาก...ท่านดังพร้อมกับหลวงปู่ทิม วัดละหานไร่นู่นแน่ะครับ วัดถุมงคลของ หลวงพ่อทิพย์ จัดว่าเป็นของดีที่น่าใช้มากๆ มีประสพการณ์สูง ทั้งทางด้านเมตาตา โชคลาภ ขออะไรมักจะสัมฤทธิ์ผล จนท่านได้รับฉายาว่า ”หลวงพ่อทิพย์สารพัดนึก.”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2022
  19. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    378. เหรียญดี ปลุกเสก 1 ไตรมาส !!! เหรียญเสมา เนื้อทองเเดง หลวงพ่ออั้น คนฺธาโร วัดพระญาติการาม จ.อยุธยา ปี พ.ศ.2523 ให้บูชา 800 บาท



    upload_2022-6-25_17-1-25.png

    ข้อมูลจากทางเพจ วัดพระญาติ

    เหรียญเสาร์ ๕ รุ่น ๑ ปี ๒๕๒๓(จัดสร้างโดยหลวงพ่อเฉลิม) วันนี้ทางเพจวัดพระญาติการามขอนำเสนอเหรียญที่มากด้วยประสบการณ์พิธีปลุกเสกตามตำหรับวัดพระญาติการามถ้วนทั่งทุกกระบวนการ ปีลึกและราคายังจับต้องได้มาให้ชมครับ ^_^ ย้อนไปเมื่อปี ๒๕๒๓ วัดพระญาติการามได้สร้างเหรียญที่เป็นรูปใบเสมาอันเป็นรูปเหมือนครูบาอาจารย์ทั้ง ๒ ของท่านคือเหรียญเสมา หลวงพ่อกลั่นชื่อว่า “เหรียญเสาร์ ๕ มงคล”และเหรียญหลวงพ่ออั้น “เสาร์ ๕ สิริชัย” ทั้ง ๒ เหรียญนี้ได้ทำพิธีปลุกเสกภายในอุโบสถวัดพระญาติการามตลอดไตรมาส และปลุกเสกโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อเฉลิมก่อน คือปลุกเสกในวัน เสาร์ที่ ๕ ขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๕ ปี๒๕๒๓(ปลุกเสกแล้วยังต้องปลุกเสกภายในโบสถ์วัดพระญาติฯอีก ๑ ไตรมาสตามตำหรับวัดพระญาติการาม) เนื่องในโอกาสหารายได้สมทบทุนการก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆภายในวัดพระญาติการาม โดยจำนวนการสร้างในสมัยนั้น

    เหรียญเสมาหลวงพ่อกลั่น มี ๒ เนื้อ คือ
    เนื้อเงิน สร้าง ๙๙ เหรียญ (เก้าสิบเก้าเหรียญถ้วน),
    เนื้อทองแดง ๑๐,๐๐๐ เหรียญ, (หนึ่งหมื่นเหรียญถ้วน),

    เหรียญเสมาหลวงพ่ออั้น
    เนื้อเงินสร้าง ๒๐๐ เหรียญ( สองร้อยเหรียญถ้วน)
    และเหรียญทองแดง สร้าง ๕,๐๐๐ เหรียญ (ห้าพันเหรียญถ้วน)

    ปัจจุบันมีประสพการณ์เป็นเครื่องการันตีจากผู้ได้ประสบมาหลายท่าน ทั้งด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย และเมตตามหานิยมก็เด่นมาก
     
  20. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,169
    ค่าพลัง:
    +458
    ### ปิดครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...