เรื่องเด่น พระพุทธมารดา ตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ น้อยคนที่จะรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 12 สิงหาคม 2024 at 13:38.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,738
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,057
    ค่าพลัง:
    +70,178

    พระพุทธมารดา
    ตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ น้อยคนที่จะรู้





    --------------------------

    อนุโมทนา และขอบคุณที่มา
    https://www.youtube.com/@namo-2566

     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,738
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,057
    ค่าพลัง:
    +70,178
    ?temp_hash=ae4630838417bc8bdab003522b0319c5.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,738
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,057
    ค่าพลัง:
    +70,178
    ?temp_hash=f018fc32abf7084f39524767c8e46bd7.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,738
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,057
    ค่าพลัง:
    +70,178
    ?temp_hash=f018fc32abf7084f39524767c8e46bd7.jpg




    เรื่อง พระพุทธเจ้า ทรงแสดงพระอภิธรรม โปรดพระพุทธมารดา
    โอวาท : หลวงพ่อพระราชพรหมยานฯ~หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง



    ..." วันนี้ วันทำบุญตักบาตรเทโวฯ โดยประเพณีถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ คือเป็นวันที่องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงสเทวโลก ลงมาที่ประตู เมืองสังกัสนคร.
    .. เพลานั้นองค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนวันเข้าพรรษาสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดง ยมกปาฏิหาริย์ ที่ เมืองสาวัตถี ซึ่งมี พระเจ้าปเสนทิโกศล บรมกษัตริย์เป็นองค์อุปถัมภ์.
    .. ในเมื่อ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดง ยมกปาฏิหาริย์ แล้ว ปรากฏว่าเวลานั้นเป็นเวลาพรรษาที่ ๗ แห่งการบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดามาระลึกถึงพระพุทธมารดา คือ *ท่านสิริมหามายาราชเทวี*
    .. ในเมื่อ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติแล้วได้ ๗ วัน ท่านก็สวรรคต.
    .. ปรากฏว่า ตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต ก็ในฐานะที่เป็นพุทธมารดา แต่ว่าการเกิดในสถานที่นั้นมิได้เป็นผู้หญิง เป็นเทพบุตรคือเป็นผู้ชาย.
    .. เพราะขึ้นชื่อว่าครรภ์ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบังเกิดแล้ว ครรภ์ของสตรีผู้นั้นไม่ควรที่จะมีบุคคลอื่นใดเข้ามาเกิดผสมได้.
    .. เหตุฉะนั้น เมื่อคลอดองค์สมเด็จพระจอมไตรแล้ว ๗ วัน จึงได้เสด็จสวรรคตตามบุญบารมี.
    .. องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงมี ความกตัญญูกตเวที เป็นเหตุ.
    .. เหตุฉะนั้น องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ จึงได้คิดถึงคุณพระมารดาเป็นสำคัญ คิดว่าจะสนองคุณพระมารดานี้นั้นได้ต้องอาศัยเสด็จไปดาวดึงสเทวโลก แสดงพระสัทธรรมเทศนาสนองคุณพระมารดา.
    ~ ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดง ยมกปาฏิหาริย์ แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็ทรงแสดงปาฏิหาริย์พิเศษ คือก้าวจากที่นั้นไปยอดภูเขา ยุคันธร แล้วองค์สมเด็จพระชินวรก้าวอีกครั้งหนึ่ง ขึ้นไปยอดเขา พระสุเมรุ.
    ~ ในตอนนี้องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อขึ้นไปแล้ว ปรากฏว่า ท้าวโกสีย์สักกเทวราช คือพระอินทร์ ได้ทราบข่าวว่า องค์สมเด็จพระมหามุนินทร์เสด็จมา จึงได้พาเทวดาทั้งหลายมาต้อนรับองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา และก็ทูลเชิญสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้ประทับอยู่ที่ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์.
    .. ความจริง บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ นี้ มีความยาว ๖๐ โยชน์ มีความกว้าง ๓๐ โยชน์ของมนุษย์ เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไป.
    ~ พระอินทร์ก็คิดในใจว่า องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาเป็นมนุษย์นี่ตัวเล็กนัก ถ้าทรงเสด็จประทับอยู่ที่ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ก็จะมีภาพคล้าย ๆ กับแมลงตัวเล็ก ๆ นั่งหรือจับอยู่บนเตียงนอนของบุคคลธรรมดา.
    ~ พระองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทราบความดำริของพระอินทร์ดังนั้นแล้วไซร้.
    ~ สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา จึงได้ทรงโยนผ้าสังฆาฏิที่พาดบ่า สังฆาฏิคลุม บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ พอดี.
    ~ แล้ว องค์สมเด็จพระชินสีห์ ก็ทรงประทับนั่งพระวรกายของพระองค์ใหญ่พอดิบพอดีกับ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์.
    ~ เป็นเหตุให้ ท้าวโกสีย์สักกเทวราช ทรงมีความแปลกพระทัยว่า องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดานี้มีพระพุทธปาฏิหาริย์เป็นเลิศ ประเสริฐกว่าบุคคลผู้ใด แต่ก็มิได้กล่าวอะไรเพราะว่าเห็นเป็นของอัศจรรย์.
    .. ในขณะที่องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จประทับอยู่ที่นั้น พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกากล่าวกับ ท้าวโกสีย์สักกเทวราช คือพระอินทร์ว่า :-
    "เทวราชะ ! ดูก่อนเทวดาผู้ประเสริฐ การมาของตถาคตในคราวนี้ มีความต้องการจะแสดง ความกตัญญูกตเวที สนองคุณความดีของพระมารดา ที่ให้ชีวิตมา.
    ฉะนั้นขอเชิญ ท้าวโกสีย์สักกเทวราช โปรดกรุณาไปตามพระพุทธมารดา จากสวรรค์ชั้นดุสิตมาด้วย ช่วยให้มารับ ความกตัญญูกตเวที"
    .. ครั้น ท้าวโกสีย์สักกเทวราช คือพระอินทร์ ได้รับพระพุทธบัญชาแล้ว ก็เสด็จไปชั้นดุสิตเทวโลก เชิญพระพุทธมารดาเสด็จเข้ามา.
    ~ เมื่อพระพุทธมารดาเสด็จมาแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว จึงได้มีพระพุทธฎีกากล่าวว่า:-
    "อามะ ! ข้าแต่แม่เจ้าผู้เจริญ บัดนี้ตถาคตมีความประสงค์จะใช้หนี้ข้าวก้อน และนํ้านมที่ให้ชีวิตมา ขอพระมารดาจงตั้งใจสดับพระสัทธรรมเทศนา"
    .. ในตอนนั้น และขณะที่จะแสดงพระสัทธรรมเทศนา องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมาดำริว่า : ไตรปิฎกทั้ง ๓ ประการ คือ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก..
    ~ คำว่า “ปิฎก” ก็คือ หมวดคำสอนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน แก่บรรดาท่านพุทธบริษัท.
    ~ สมเด็จพระทรงสวัสดิ์ มาพิจารณาว่า ถ้าเราจะแสดง พระวินัยปิฎก ก็ดี พระสุตตันตปิฎก ก็ดี คุณธรรมทั้ง ๒ ประการนี้ไม่คู่ควรกับคุณของมารดา.
    .. แต่องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ก็ทรงพิจารณาว่า สำหรับ พระอภิธรรมปิฎก ซึ่งเป็นธรรมะสูงสุดนี่เป็นการคู่ควรอย่างยิ่ง และต่อจากนั้นไปองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาก็ทรงแสดง พระอภิธรรมปิฎก.
    .. สำหรับ พระอภิธรรมปิฎก นี้ เขาบรรยายกันไว้มากมาย แต่เนื้อแท้จริง ๆ มีเนื้อความจริง ๆ โดยย่อเป็น มาติกา อยู่ ๓ ประการเท่านั้น ได้แก่ :-
    ~ กุสลา ธัมมา
    ~ อกุสลา ธัมมา
    ~ อัพยากตา ธัมมา
    * กุสลา ธัมมา ได้แก่ : ธรรมที่เป็นกุศล ที่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ทำแล้วในวันนี้ เป็นการบูชาพระรัตนตรัยก็ดี ถวายทานแก่บรรดาภิกษุสงฆ์ก็ดี สมาทานศีลก็ดี สดับรับรสพุทธพจน์เทศนา เป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี อย่างนี้องค์สมเด็จพระพระชินสีห์ตรัสว่า : เป็น กุสลา ธัมมา คือ สร้างธรรมที่เป็นกุศล.
    * สำหรับ อกุสลา ธัมมา นั้น องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาทรงหมายว่า : ธรรมที่เป็นอกุศล คือความชั่ว ทำตัวให้ตกอยู่ในอำนาจของอกุศลกรรม มีการไม่เคารพในศีล ๕ เป็นต้น.
    * สำหรับ อัพยากตา ธัมมา นั้น เป็นธรรมที่เป็นมหากุศล คือทำใจของตนให้เป็น อัพยากฤต ตั้งจิตเฉพาะพระนิพพานเป็นอารมณ์
    .. คือมีอารมณ์คิดเห็นว่า : กามฉันทะ คือนิวรณ์ ๕ ได้แก่ กามฉันทะ มี.. รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันจะเป็นมนุษย์ก็ดี เป็นสัตว์ก็ดี เป็นวัตถุธาตุก็ดี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็น “อนิจจัง” หาความเที่ยงมิได้.
    ~ และก็ ถ้าจิตใจของเราไปยึดมั่นถือมั่นว่ามันจะทรงอยู่ตลอดกาล ตลอดสมัย เมื่อมันเคลื่อนไปใจก็เป็นทุกข์ หาความสุขมิได้.
    * ฉะนั้น องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา จึงให้ปลดใจเรื่องนี้เสีย คิดเห็นว่า เป็นของธรรมดา ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ที่เกิดมานี้ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน
    ~ แม้แต่ร่างกายของเราเองก็เป็นสำคัญ มีความเกิดขึ้นมาแล้ว ก็มีความแก่เป็นธรรมดา ไม่สามารถจะล่วงพ้นความแก่ไปได้ ทำใจให้มีความรู้สึกอย่างนี้ เป็นปกติ.
    ~ เมื่อความแก่เข้ามาถึง อารมณ์ใจของเราก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะจิตมันมีความรู้สึกอยู่แล้ว ว่า มันจะต้องเป็นอย่างนี้.
    * ข้อที่ ๒ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาตรัสว่า เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วทรงชีวิตอยู่ สมเด็จพระบรมครูก็กล่าวว่า ร่างกายเป็น โรคนิทธัง มันเป็นรังของโรค.
    ~ เราจะมีความป่วยไข้ไม่สบายเป็นธรรมดา ไม่สามารถจะล่วงพ้นความป่วยไข้ไปได้ ทำใจรับสถานการณ์ไว้เป็นปกติ ในเมื่อความป่วยไข้ไม่สบายเกิดขึ้น ความทุกข์ใจมันก็ไม่มี.
    ~ ถือว่าอาการอย่างนี้ เป็นปกติธรรมดาของคน และสัตว์ ที่เกิดมา จะต้องรับเสมอไป ในเมื่อจิตใจยอมรับแล้วมันก็มีความสุข.
    * ในที่สุดทรงกล่าวว่า : เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วป่วยแล้ว ก็มีความตายเป็นธรรมดา ไม่สามารถจะล่วงพ้นความตายไปได้ คิดเสมอไว้ว่าเราจะต้องตาย เมื่อความตายจะเข้ามาถึง จิตใจก็ไม่กระสับกระส่าย ใจเป็นสุขเพราะถือว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา.
    * ประการที่ ๔ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ตามปกติเป็นธรรมดา.
    ~ นี่หมายความว่า เราจะตายหรือเรายังไม่ตายก็ตามที คนที่เรารัก สัตว์ที่เรารัก วัตถุธาตุที่เรารัก ในเมื่อมันมีสภาพเป็น อนิจจัง และก็มีสภาพเป็น อนัตตา คือไม่เที่ยง แล้วก็สลายตัวไป
    ~ อาการอย่างนี้ปรากฏขึ้นมาเมื่อไร เราทราบอยู่แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว กล่าวว่า ให้ยอมรับนับถือในเรื่องนี้ จิตใจของเราก็เป็นสุข เป็นอันว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวต่อไปว่า :-
    "เรามีกรรมเป็นของตน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้าเรากลัวความทุกข์เราก็ทำแต่ความดี"
    * สำหรับในเรื่องของ พระอภิธรรม นี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์ ตรัสหัวข้อไว้ ๔ ประการ คือ : จิต เจตสิก รูป นิพพาน
    ~ หมายความว่า : องค์สมเด็จพระพิชิตมาร บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแนะนำให้บรรดาท่านพุทธบริษัท รักษากำลังใจเป็นสำคัญ.
    ~ ถ้าใจของเรานี้นั้น ไม่หมกมุ่นอยู่ในกามารมณ์ และใจของเราไม่หมกมุ่นอยู่ในความโลภ ละโมบอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น ที่เขาไม่ให้มาเป็นของตน อารมณ์จิตน้อมไปด้วยกุศล กล่าวคือมีความเมตตาปรานีแทน โทสะ ที่มันเข้ามาสิงใจ.
    * และประการสุดท้าย องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า :-
    "เรามีอุเบกขารมณ์ หมายความว่า : มีอาการวางเฉยทุกอย่างในสภาวะของโลก"
    ~ ร่างกายมันจะแก่ก็เชิญแก่ ร่างกายมันจะป่วยก็เชิญป่วย ร่างกายมันจะตายก็เชิญตาย สิ่งที่เรารักเราชอบใจ มันจะพลัดพรากจากไป แต่จิตใจของเราก็ปกติ.
    * อย่างนี้ องค์สมเด็จพระมหามุนีกล่าวว่า : บุคคลผู้นั้นทำใจได้อย่างนี้ ย่อมเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน.
    ~ อันนี้เป็นใจความที่องค์สมเด็จพระพิชิตมาร บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเทศน์โปรดพระพุทธมารดา.
    .. สวัสดี..."


    ( ที่มา : เพจ.. มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร..เทศน์วันพระ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีระกา )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,738
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,057
    ค่าพลัง:
    +70,178


    ทรงแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา


    ที่มา https://www.youtube.com/@watpahuayladloei


    เผยแผ่เพื่อการศึกษา และ สืบต่อพระพุทธศาสนา
    ไม่ใช่เพื่อธุรกิจพาณิชย์ใดๆ
    อนุโมทนา และขอบคุณ
    https://buddha-thushaveiheard.com/images/All_page_02/P_02_HTML_Thai/P_2_VDO_Thai_31.html
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,738
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,057
    ค่าพลัง:
    +70,178
    สมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จขึ้นสู่ดาวดึงส์พิภพ
    พระพุทธองค์มีพระทัยปรารถนาจะสนองคุณพระมารดาจึงดำริว่า

    .... "พระคุณแห่งมารดาที่ทำไว้ แก่ตถาคตนี้ยิ่งให่ญนัก สุดที่จะคณานับได้ว่า กว้างหนาและลึกซึ้งปานใด และธรรมอันใดจึงจะสมควรที่จะทดแทนพระคุณแห่งพระมารดานี้ได้

    พระวินัยปิฎกและพระสุตตันปิฎกก็ยังน้อยนัก มิเท่าคุณแห่งพระมารดา

    เห็นควรแต่พระอภิธรรมปิฎกที่พอยกขึ้นชั่งเท่ากันได้
    "

    ดำริแล้ว เรียกพระพุทธมารดาว่า "ดูกรชนนี มานี้เถิดตถาตคจะใช้ค่าน้ำนมข้าวป้อนของมารดา อันเลี้ยงตถาตคนี้มาแต่อเนกชาติ ในอตีดภพ" แล้วกระทำพุทธมารดาเป็นประธาน ตรัสอภิธรรมปิฎก 7 คัมภิร์ให้สมควรแก่ปัญญา บารมี มีสังคณี วิภังค์ ธาตุกถา บุคคลบัญญัติ กถาวัตถุ ยมก และมหาปัฏฐาน

    กาลเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดง สัตตปกรณาภิธรรมเทศนาจบลง องค์พระสิริมหามายาเทวบุตรพุทธมารดา ก็บรรลุโสดาปัตติผล...
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...