พระมหากัจจายนะพระอรหันต์องค์เดียวที่มีคำสอนในพระไตรปิฎก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 13 กันยายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    อย่างสมัยพุทธกาลพระมหากัจจายนะ ท่านบำเพ็ญพุทธภูมิบารมีมาทางด้านพระโพธิญาณมา จนกระทั่งมีมหาปุริสสลักษณะคล้ายพระพุทธเจ้า พราหมณ์พาวรี ที่เป็นอาจารย์ของมานพ ๑๖ องค์ที่ตอนหลังเป็นพระอรหันต์หมด ท่านมีแค่ ๓ อย่าง แต่ว่าพระมหากัจจายนะนี่ คล้ายพระพุทธเจ้าเลย แล้วพระอานนท์ที่เป็นน้อง (ลูกอา) ก็คล้าย พระนันทะที่เป็นน้องต่างแม่ก็คล้าย ถึงเวลาออกบิณฑบาตไปทางด้านเดียวกัน พระพุทธเจ้าเสด็จ พอถึงยามว่างจากภารกิจ พระอานนท์เสด็จ เดี๋ยวก็พระนันทะไป พระมหากัจจายนะไป คนเขาก็เลยว่า เอ๊ะสมณะผู้นี้ทำไมถึงมักมากแท้มาแล้วมาอีกอย่างนี้

    พระมหากัจจายนะท่านเลยอธิษฐานให้ร่างกายท่านอ้วน คนอื่นจะได้จำได้เป็นคนละคนกัน แต่จริงๆ แล้วท่านเองนี่มีมหาปุริสลักษณะเสียด้วยซ้ำไป แล้วเป็นพระเถระองค์เดียวที่มีความสามารถพิเศษในการขยายหัวข้อ ที่พระพุทธเจ้าย่อไว้ให้เป็นของพิสดารคือ จากของยากให้เป็นของง่ายของละเอียดได้ก็เลย เป็นพระเถระองค์เดียวที่มีพระสูตรบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก เพราะว่าพระอานนท์ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า พระมหากัจจายนะแก้ในข้ออรรถ ข้อธรรมมาในลักษณะอย่างนี้ๆ พระพุทธเจ้าประทานสาธุการบอกสาธุๆ ถ้าเป็นตถาคตก็แก้อย่างนี้เหมือนกัน

    เพราะฉะนั้นพระมหากัจจายนะ เป็นพระอรหันต์องค์เดียวที่มีพระสูตรที่ท่านกล่าวถึงอยู่ในพระไตรปิฎก นอกนั้นจะเป็นคำเทศน์ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น เขาเรียกภัตรเทกะรัตตะสูตร สูตรของผู้มีราตรีอันเจริญ ทำอย่างไรจะเป็นผู้มีสติอยู่ทั้งหลับทั้งตื่น นั่นแหละพระพุทธเจ้าท่านเทศน์เอาไว้สั้นๆ พระมหากัจจายนะขยายซะยาวยืด แล้วเสร็จแล้วต้องดูลีลาครูบาอาจารย์ ลีลาของพระสมัยนั้น พระมหากัจจายนะนี่บ้านของท่านอยู่แคว้นอวันตี ถ้าเป็นสมัยนี้ก็บ้านนอกสุดกู่คือสุไหงโกลกเลย ถึงเวลากลับไปแต่ละทีมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสตามมาบวชทีหนึ่ง ๑๐๐, ๒๐๐, ๕๐๐ พามากราบพระพุทธเจ้าๆ ท่านก็ประทานสาธุการ สาธุ...กัุจจายนะเธอทำดีแล้วๆ ...รายงานว่าปฏิบัติอย่างไรบ้างๆ เทศน์อย่างไรบ้าง สอนอย่างไรบ้าง พอเห็นถูกต้องสมบูรณ์ท่านประทานสาธุการให้

    ลองครูบาอาจารย์สมัยนี้ดูบ้างซิเอาแค่ทองผาภูมิก็พอ อาจารย์สมจิตร พระครูสุจิณ บุญกาญจนํ เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๓ บวชพระมาตั้งแต่ ๒๕๓๖ จนป่านนี้เจ้าคณะอำเภอยังไม่ยอมออกใบสุทธิให้สักองค์ เำพราะกลัวว่าถ้าลูกศิษย์ของอาจารย์จิตรมากๆ เดี๋ยวจะไปแข่งบุญกับตัวเอง เอากับพ่อซิ แล้วพ่อท่านประกาศไว้เลยว่า เขตของอำเภอทองผาภูมิห้ามคนอื่นนั่งอุปัชฌาย์ ต้องเป็นท่านถึงนั่งได้องค์เดียว

    อาตมาไปถึงครั้งแรกก็กัดกันเขี้ยวบิ่นเลย เพราะว่าเด็กมอญจะบวช ๔ คนก็ไปติดต่อท่านเป็นอุปัชฌาย์ ท่านกำหนดมาเลยว่าค่านั่งอุปัชฌาย์ท่าน อย่างต่ำองค์ละสามพัน ๔ องค์ล่อไปหมื่นกว่าก็เลยเช่ารถพาทั้ง ๔ องค์ไปบวชกับหลวงพ่ออุตตะมะไม่เสียเลยซักตังค์แล้วแต่โยมจะถวาย พระดีทำอย่างหนึ่ง พระดีมากๆ ทำอีกอย่างหนึ่งนั่นน่ะเป็นอย่างนั้น

    เพราะฉะนั้นถ้าหากเราดูในพระไตรปิฎก ดูอย่างไรเสียก็จะเห็นตัวมุทิตาจิตอย่างชัดเจนเลย โดยเฉพาะพระผู้ใหญ่มีมุทิตาจิตกับผู้น้อย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามุทิตาต่อภิกษุสามเณรตลอดถึงญาติโยมทั้งหมด

    สมัยนี้มันดีแต่ขัดคอกัน หลวงวิจิตรวาทการท่านว่า อันที่จริงคนเขาอยากเห็นเราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้ จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน ขาดตัวมุทิตาจิต



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนเมษายน ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...