พระสมาธิอันแน่วแน่

ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 21 กรกฎาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492




    พระราชกรณียกิจอย่างหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติเป็นประจำ คือการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ

    เรื่องนี้ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เล่าไว้ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในหนังสือ "รอยพระยุคลบาท" ที่สำนักพิมพ์มติชนจัดพิมพ์

    พล.ต.อ.วสิษฐสังเกตว่า เวลาที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานปริญญาบัตร ทรงประทับอยู่ในท่านั่งได้นานหลายชั่วโมงติดต่อกัน โดยไม่ทรงเปลี่ยนพระอิริยาบท หรือกระเถิบส่วนใดของพระวรกายเหมือนอย่างคนอื่นเวลาปวดเมื่อย

    พระองค์พระราชทานแก่บัณฑิตด้วยพระกิริยาที่สม่ำเสมอและเป็นปกติ ไม่มีวี่แววของความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เบื่อหน่าย หรือง่วง

    มิหนำซ้ำ เมื่อเสด็จฯ กลับถึงพระตำหนักแล้ว ยังทรงวิ่งบริหารพระวรกายตามปกติอีกด้วย

    ในปี 2515 ก่อนจะเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรที่วิทยาลัยการศึกษาจังหวัดพิษณุโลกเป็นครั้งแรก พล.ต.อ.วสิษฐเดินทางล่วงหน้าไปก่อน และเห็นการซ้อมโดยใช้คณบดี 4 คนผลัดกันนั่งในที่ประทับ

    ปรากฏว่าภายหลังการซ้อม คณบดีทั้ง 4 คนบ่นว่าปวดเมื่อยร่างกายไปหมด

    การพระราชทานปริญญาบัตรของพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชกรณียกิจหนักหน่วงยิ่ง มีอยู่ปีหนึ่ง สำนักพระราชวังหารือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเห็นควรว่าน่าจะแก้ไขวิธีพระราชทานปริญญาเพื่อให้สะดวกแก่ฝ่าละอองธุลีพระบาท ไม่ต้องเสียเวลาประทับอยู่ในพิธีเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมง

    ตกลงกันว่า เมื่อพระเจ้าอยู่หัวต้องเสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อยู่แล้ว ก็ควรขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จฯ ให้พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาด้วยพร้อมๆ กัน โดยจัดผู้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเป็นสองแถว

    คนหนึ่งรับพระราชทานจากพระเจ้าอยู่หัว อีกคนรับพระราชทานจากสมเด็จฯ เสร็จแล้วก็แยกออกไปคนละทาง ขวาคน ซ้ายคน

    ทว่า ถึงวันกำหนดเสด็จฯ ปรากฏว่า สมเด็จฯ ทรงพระประชวร พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ พระองค์เดียว การพระราชทานปริญญาบัตรวิธีใหม่เป็นอันต้องล้มเลิก และกลับไปใช้วิธีพระราชทานพระองค์เดียวอย่างเดิม

    เวลาพระราชทานปริญญา พระเจ้าอยู่หัวเคยทรงเล่าว่า จะทรงสังเกตและทอดพระเนตรเห็นทุกอิริยาบถของบัณฑิตทุกคน ใครชงักหรือช้าและยังไม่ยื่นมือออกไปรับพระราชทาน พระองค์จะทรงถือปริญญาบัตรรอไว้เช่นนั้น

    จนกว่าบัณฑิตผู้นั้นจะยื่นมือออกไปเอางานแล้วนั่นแหละ จึงจะพระราชทาน

    เมื่อเห็นทีแรกนั้น พล.ต.อ.วสิษฐเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติได้อย่างไร ภายหลังจึงตระหนักว่า ที่ทรงทำเช่นนั้นได้เพราะพระสมาธิอันแน่วแน่ของพระองค์ พระหทัยจดจ่ออยู่กับพระราชกรณียกิจที่ทรงทำอย่างต่อเนื่อง จึงมิได้สนพระทัยกับอาการปวดเมื่อย

    หรือหากทรงสนพระทัยก็คงจะทรงพิจารณาแต่เพียงว่า อาการปวดเมื่อยนั้นปรากฏอยู่แล้วก็คงจะทรงปล่อยพระองค์ไปตามสภาพธรรมชาติ

    จะเรียกว่าทรงอยู่เหนือความปวดเมื่อยนั้นก็คงจะได้





    ที่มา : [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    บารมีของพระเจ้าอยู่หัวทรงยิ่งใหญ่และไพศาล เคยอ่านคำสัมภาษณ์ ของอดีตผกค. เมื่อสมัยคอมมิวนิสต์ระบาด ถ้าขบวนเครื่องบินเสด็จของพระเจ้าอยู่หัวมาในพื้นที่มี ผกค. เขาจะไม่กล้ายิงใส่ขบวนเครื่องบิน เพราะกลัวว่าประชาชนในพื้นที่จะไม่ให้ร่วมมือกับพวกเขาและอาจจะถูกต่อต้านมากยิ่งขึ้น และทหารไทยบางคนเอารูปในหลวงใส่ไว้ในหมวกเหล็ก ผมเองจะกล่าวสรรเสริญ ระลึกไว้เสมอว่า เราคือทหารของพระเจ้าอยู่หัว เราคือข้ารับใช้แผ่นดินและพระมากษัตริย์
     
  3. wat vrdigital

    wat vrdigital Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +113
    ผู้ที่เกิดในรัชกาลที่ 9 ถือว่ามีบุญนะครับ เพราะท่านเป็นพระโพธิสัตว์
     

แชร์หน้านี้

Loading...