พระโสดาบันเป็นผู้ยืนอยู่จรดประตูพระนิพพาน

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 17 มีนาคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๐ หน้าที่ ๑๖๖/๒๖๑
    [๒๐๒] ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังเกี่ยวข้อง ด้วยกาม
    คลุกคลีด้วยอกุศลธรรมอยู่ สมัยอื่น เขาฟังธรรมของพระอริยเจ้า มนสิการโดยแยบคาย ปฏิบัติ
    ธรรมสมควรแก่ธรรม เขาอาศัยการฟังธรรมของ พระอริยเจ้าและการมนสิการโดยแยบคาย ปฏิบัติ
    ธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่เกี่ยวข้องด้วยกาม ไม่คลุกคลีด้วยอกุศลธรรมอยู่ สุขย่อมเกิดแก่เขา
    ผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยกาม ไม่คลุกคลีด้วยอกุศลธรรม โสมนัสอันยิ่งกว่าสุขก็เกิดขึ้น ดุจความ
    ปราโมทย์ เกิดต่อจากความบันเทิงใจฉะนั้น ท่านผู้เจริญทั้งหลาย การบรรลุโอกาสนี้เป็นประการ ที่ ๑
    ที่พระผู้มีพระภาคผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นตรัสรู้แล้วเพื่อบรรลุถึงความสุข ฯ
    [๒๐๓] ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร
    ส่วนหยาบ ของคนบางคนในโลกนี้ ยังไม่สงบระงับ สมัยอื่นเขาฟังธรรมของพระอริยเจ้า
    มนสิการโดยแยบคาย ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เมื่อเขา อาศัยการฟังธรรมของพระอริยเจ้า
    มนสิการโดยแยบคาย ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมอยู่ กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร ที่หยาบๆ
    ย่อมสงบระงับ เพราะ กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร ที่หยาบๆ สงบระงับ สุข
    ย่อมเกิดแก่เขา โสมนัสอันยิ่งกว่าสุขก็เกิดขึ้น ดุจความปราโมทย์ เกิดต่อจากความบันเทิงใจ
    ฉะนั้นท่านผู้เจริญทั้งหลาย การบรรลุโอกาสนี้เป็นประการที่ ๒ ที่พระผู้มีพระภาค ผู้รู้ ผู้เห็น
    เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตรัสรู้แล้ว เพื่อบรรลุถึง ความสุข ฯ
    [๒๐๔] ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง คนบางคนในโลกนี้ ไม่รู้ชัดตาม
    เป็นจริงว่า นี้กุศล นี้อกุศล นี้มีโทษ นี้ไม่มีโทษ นี้ควรเสพ นี้ไม่ควรเสพ นี้เลว นี้ประณีต
    นี้เป็นส่วนธรรมดำและธรรมขาว สมัยอื่น เขาฟังธรรมของพระอริยเจ้า มนสิการโดยแยบคาย
    ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เขาอาศัยการฟังธรรม ของพระอริยเจ้า มนสิการโดยแยบคาย
    ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมรู้ชัด ตามเป็นจริงว่า นี้กุศล นี้อกุศล นี้มีโทษ นี้ไม่มีโทษ นี้ควร
    เสพ นี้ไม่ควรเสพ นี้เลว นี้ประณีต นี้เป็นส่วนธรรมดำและธรรมขาว เมื่อเขารู้เห็นอย่างนี้
    ย่อมละอวิชชาได้ขาด วิชชาย่อมเกิดขึ้น เพราะปราศจากอวิชชา เพราะวิชชาเกิดขึ้น
    สุขย่อมเกิดแก่เขา โสมนัสยิ่งกว่าสุขก็เกิดขึ้น ดุจความปราโมทย์เกิดต่อจากความบันเทิงใจฉะนั้น
    ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย การบรรลุโอกาสนี้เป็นประการที่ ๓ ที่พระผู้มีพระภาค ผู้รู้ ผู้เห็น
    เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตรัสรู้แล้วเพื่อบรรลุถึงความสุข ท่านผู้เจริญทั้งหลาย
    การบรรลุโอกาส ๓ ประการ เหล่านี้แลอันพระผู้มีพระภาค ผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระองค์นั้นตรัสรู้แล้ว เพื่อบรรลุถึงความสุข ฯ
    [๒๐๕] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สนังกุมารพรหมได้กล่าวเนื้อความนี้แล้ว เรียกเทวดา
    ชั้นดาวดึงส์มากล่าวว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย เทวดาชั้นดาวดึงส์ จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
    สติปัฏฐาน ๔ นี้ อันพระผู้มีพระภาค ผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
    ทรงบัญญัติดีแล้วเพื่อบรรลุกุศล สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน ฯ
    ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณากายในกาย เป็นภายใน มี
    ความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชญาและโทมนัสในโลกอยู่ เมื่อภิกษุพิจารณากายใน
    กายเป็นภายในอยู่ ย่อมตั้งจิตไว้โดยชอบ ผ่องใสโดยชอบในกายานุปัสสนานั้น เธอตั้งจิตไว้
    โดยชอบ ผ่องใสโดยชอบในกายานุปัสสนานั้น แล้วยังญาณทัสสนะให้เกิดในกายอื่นในภายนอก
    ภิกษุพิจารณาเห็นเวทนาใน เวทนาเป็นภายใน มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา
    และโทมนัส ในโลกอยู่เมื่อภิกษุพิจารณาเวทนาในเวทนาเป็นภายในอยู่ ย่อมตั้งจิตไว้โดยชอบ
    ผ่องใสโดยชอบ เวทนานุปัสสนานั้น เธอตั้งจิตไว้โดยชอบ ผ่องใสโดยชอบใน เวทนานุปัสสนา
    นั้นแล้ว ยังญาณทัสสนะให้เกิดในเวทนาอื่นในภายนอก ภิกษุพิจารณาจิตในจิตเป็นภายใน
    มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกอยู่ เมื่อภิกษุพิจารณาจิตใน
    จิตเป็นภายในอยู่ ย่อมตั้งจิตไว้โดยชอบ ย่อมผ่องใสโดยชอบในจิตตานุปัสสนานั้น เธอตั้งจิตไว้
    โดยชอบ ผ่องใสโดยชอบในจิตตานุปัสสนานั้นแล้ว ยังญาณทัสสนะให้เกิดในจิตอื่นในภายนอก
    ภิกษุพิจารณาธรรมในธรรมเป็นภายใน มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา
    และโทมนัสในโลกอยู่ เมื่อภิกษุพิจารณาธรรมในธรรมเป็นภายในอยู่ ย่อมตั้งจิตไว้โดยชอบ
    ผ่องใสโดยชอบในธัมมานุปัสสนานั้น เธอตั้งจิตไว้โดยชอบผ่องใสโดยชอบในธัมมานุปัสสนานั้นแล้ว
    ยังญาณทัสสนะให้เกิดในธรรมอื่น ในภายนอก ท่านผู้เจริญทั้งหลาย สติปัฏฐาน ๔ นี้แล
    อันพระผู้มีพระภาค ผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติ
    แล้วเพื่อบรรลุกุศล ฯ
    [๒๐๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สนังกุมารพรหมได้กล่าวเนื้อความนี้แล้ว
    เรียกเทวดาชั้นดาวดึงส์มากล่าวว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย เทวดาชั้นดาวดึงส์
    จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บริขารแห่งสมาธิ ๗ ประการนี้ อันพระผู้มีพระภาค ผู้รู้ ผู้เห็น
    เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติดีแล้วเพื่อ ความเจริญ เพื่อความบริบูรณ์แห่งสัมมาสมาธิ
    บริขารแห่งสมาธิ ๗ ประการ เป็นไฉน คือสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ
    สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ความที่จิตตั้งมั่น แวดล้อมด้วยองค์ ๗ นี้แล
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สัมมาสมาธิอันเป็นอริยะมีอุปนิสัยดังนี้บ้าง มีบริขารดังนี้บ้าง ฯ
    ดูกรท่านผู้เจริญ สัมมาสังกัปปะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาทิฐิ สัมมา วาจา
    ย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาสังกัปปะ สัมมากัมมันตะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาวาจา
    สัมมาอาชีวะ ย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมากัมมันตะ สัมมา วายามะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มี
    สัมมาอาชีวะ สัมมาสติย่อมเพียงพอแก่บุคคล ผู้มีสัมมาวายามะ สัมมาสมาธิย่อมเพียงพอแก่บุคคล
    ผู้มีสัมมาสติ สัมมาญาณะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาสมาธิ สัมมาวิมุตติย่อมเพียงพอแก่บุคคล
    ผู้มีสัมมาญาณะ ฯ
    ดูกรท่านผู้เจริญ ก็บุคคลเมื่อกล่าวถึงข้อนั้นโดยชอบ พึงกล่าวว่าพระธรรม อันพระผู้มี
    พระภาคตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อม
    เข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตนฉะนั้น ประตูพระนิพพานเปิดเพื่อท่านแล้ว บุคคลเมื่อ
    กล่าวโดยชอบกะบุคคลผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใส อย่างแน่นแฟ้นในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พึงกล่าวว่า ก็พระธรรม อันพระผู้มีพระภาค ตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วย
    กาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ฉะนั้น
    ประตูพระนิพพานเปิดเพื่อท่านแล้ว ฯ
    ดูกรท่านผู้เจริญ ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใส อย่างแน่นแฟ้น
    ในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้า ชอบใจ ชนเหล่านี้เป็น
    โอปปาติกะ อันพระผู้มีพระภาคทรงแนะนำแล้วในธรรม ชาวมคธผู้บำเรอเกินสองล้านสี่แสนคน
    ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นพระโสดาบัน เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง มีความไม่ตกต่ำเป็น
    ธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ข้าพเจ้ากลัวการพูดเท็จ จึงไม่อาจคำนวณได้
    ว่าในชนเหล่านี้มี พระสกทาคามีเท่าไร และหมู่สัตว์นอกนี้บังเกิดด้วยส่วนบุญ ฯ
    [๒๐๗] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สนังกุมารพรหมได้กล่าวเนื้อความนี้ เมื่อสนังกุมารพรหม
    กล่าวเนื้อความนี้อยู่ ความดำริแห่งใจเกิดขึ้นแก่ท้าวเวสสวรรณ มหาราชอย่างนี้ว่า
    ดูกรท่านผู้เจริญ น่าอัศจรรย์หนอ ไม่เคยมีมาหนอ จักมีพระศาสดา ผู้ยิ่งเห็นปานนี้ จักมีการแสดง
    ธรรมที่ยิ่งเห็นปานนี้ จักปรากฏการบรรลุคุณวิเศษ ที่ยิ่งเห็นปานนี้ ฯ
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้งนั้น สนังกุมารพรหมทราบความดำริแห่งใจ ของเท้าเวสวัณมหาราชด้วยใจ
    แล้วได้กล่าวกะท้าวเวสสวรรณมหาราชว่า ท่านเวสสวรรณมหาราชจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
    ในอดีตกาลก็ได้มีพระศาสดา ผู้ยิ่งเห็นปานนี้ ได้มีการแสดงธรรมที่ยิ่งเห็นปานนี้ปรากฏการบรรลุคุณวิเศษที่
    ยิ่งเห็นปานนี้มาแล้ว ถึงในอนาคตกาล ก็จักมีพระศาสดาผู้ยิ่งเห็นปานนี้ จักมีการแสดงธรรมที่ยิ่งเห็นปานนี้
    จักปรากฏการบรรลุคุณวิเศษที่ยิ่งเห็นปานนี้ ฯ
    [๒๐๘] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สนังกุมารพรหมได้กล่าวเนื้อความนี้แก่เทวดา ชั้นดาวดึงส์
    ท้าวเวสสวรรณมหาราชตรัสบอกเนื้อความนี้ ที่พระองค์สดับมาต่อหน้า รับมาต่อหน้าสนังกุมารพรหม
    ผู้กล่าวแก่เทวดาชั้นดาวดึงส์ ในบริษัทของพระองค์ ชนวสภะยักษ์ กราบทูลความนี้ที่ตนสดับมาต่อหน้า
    รับมาต่อหน้าแห่งท้าวเวสส วรรณมหาราชผู้ตรัสในบริษัทของพระองค์ แก่พระผู้มีพระภาค
    พระผู้มีพระภาค ทรงสดับความข้อนี้มาต่อหน้า ทรงรับความข้อนี้มาต่อหน้าชนวสภะยักษ์
    และทรงทราบด้วยพระองค์เอง แล้วตรัสบอกแก่ท่านพระอานนท์ ท่านพระอานนท์
    ได้ฟังความข้อนี้มาต่อพระพักตร์ รับความข้อนี้มาต่อพระพักตร์พระผู้มีพระภาคแล้ว จึงบอกแก่ภิกษุ
    ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกา พรหมจรรย์นี้นั้น บริบูรณ์ แพร่หลายกว้างขวาง ชนเป็นอันมากทราบชัด
    เป็นปึกแผ่น จนเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ประกาศดีแล้ว ดังนี้แล ฯ
     
  2. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    กราบโมทนา สาธุ ๆ
    ที่ได้นำพระธรรมมาเผยแพร่ด้วยครับ
    การให้ธรรมะ ชนะ การให้ทั้งปวง
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. phanbuaphet

    phanbuaphet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +2,180
    อนุโมทนาค่ะ
    เชื่อมั่นและศัทธาในพระพุทธองค์พระรัตนตรัยและท่านครูบาอาจารย์
     

แชร์หน้านี้

Loading...