ภูไท...ภาษาภูไท...วันละคำ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 29 มิถุนายน 2011.

  1. ped2011

    ped2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,037
    ค่าพลัง:
    +1,096
    อีเม่ะตอบ..เอาไปป่ะหน้า เฮ้อชาวบ้านหูจั๊กเว้านี่ละคนขี้ค้าน ก๊าก ๆๆๆๆๆ กั๊กๆๆๆ(eek)ลุซายตอบ อีเม่ะจั่กแม้นเอ็ด โอ๊ยย

    ว่าแต่..แถวบ้านคูติงดำนาแล้วล่ะบ่อน้อออ
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    แถวบ้านคูติง ซาวบ้านกำลังดำนาค่ะ
    ยกเว้นที่เฮ็ดนาหว่าน
    (แต่คูติงขี้ฮ่ายหลาย ดำนามิเป็นค่ะ)
     
  3. JKV

    JKV เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +201
    ฟังเพิ้นอ้าง คำกะนิพพาน สองคำกะนิพพาน โหมีโง โตมีตีง คำคีงแต่ม้องนอน
     
  4. JKV

    JKV เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +201
    เซื้อชาดแฮ้ง เหม็นสาบไทเดียว ปูสอนปูเฮ้อย้างซื้อ คือสิได้
    แปล......
    กินแม่นปาก อยากแม่นท้อง ผู้เทียวขี้แม่นขา
    .....
    แจงแวงน้ำ ทาวหาบ่เห็นต่อน ซดแต่น้ำ คาแข้วแสม่งตาย
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731

    ผญาด้านล่างนี้ ความหมายว่าอย่างไรคะ

     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ผญานี้มีความหมาย

    • [*]กุญชรช้างพลายสารเกิดอยู่ป่า ยังมาอยู่บ้านเมืองกว้างกล่อมขุน
      [*]กุญชรช้างอัศดรคุณมาก ก็หากหายากแท้ทั้งค่ายบ่มี ส่วนว่ายุงยองฮิ้นฝูงไฮเฮือดไต่ บ่ห่อนขี้ไฮ้หาได้คู่เฮือน
      [*]กุญชรโรช้างแนวสูงศักดิ์ใหญ่ ตายย้อนมดแดงน้อย ๆ แนวนั้นก็หากมี
      [*]คันได้ขี่ช้างแล้วอย่าดังเปิดดังเหิน อย่าได้เสิ่น ๆ หัวแหย่งสิพานพาฮ้าย
      [*]คันได้ขี่ช้างให้หาแหย่งยองหลัง คันบ่ยองแหย่งลงสิบ่สมทรงช้าง มันสิเสียศรีเศร้าเสียทรงช้างใหญ่ ให้ขัดสีอยู่สู่มื้องามแท้เลิศคุณ
      [*]คันบ่ออกจากบ้านบ่เห็นด่านแดนไกล คันบ่ไปหาเฮียนก็บ่มีความฮู้
      [*]คันคากน้อยยังได้ฮบพญาแถน ยังได้ครองนครขวางนั่งเมืองเป็นเจ้า
      [*]กากับนกเค้าบ่เข้าฮ่อมแกวกัน หนูกับแมวบ่อยู่นำกันได้
      คือดังหมีกับไม้พันทนังค้อป่า จอนฟอนกับเห่าห้อมบ่มีมื้อถืกกัน

      [*]คันสิเอาะอ่อมจ้ำอย่าได้ใส่น้ำหลาย มันสิใสเจงเลงบ่เป็นตาจ้ำ
      [*]คันหากมีสองแล้วบ่กลัวไผอย่าฟ้าวหว่า บาดห่าเป็นฮ้างหม้ายสิมาโอ้ใส่เขา
      [*]คันได้นั่งบ้านเป็นเอกสูงศักดิ์ อย่าได้โวๆ เสียงลื่นคนทั้งค่าย
      ชื่อว่าเป็นนายนี้ให้หวังดีดอมบ่าว คันหากบ่าวบ่พร้อมสิเสียหน้าบาดเดิน
    ที่มา"
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    <TABLE width=575><TBODY><TR><TD>เป็นหญิงให้ใจอ่อนน้อม คำเว้าอ่อนหวาน</TD><TD>เทียมดั่งพธูเผิ้ง หวานเลิงบ่ฮู้หล้า</TD></TR><TR><TD>เป็นหญิงอย่าได้ปากกล่าวต้าน คำกล้ากว่าชาย</TD><TD>ให้ค่อยเอาใจตั้ง คำโบราณสอนสั่ง</TD></TR><TR><TD>ให้มีใจอ่อนน้อม ประสงค์ตั้งต่อผัว นั้นเนอ</TD><TD>ให้คึดกลัวความฮ้าย ใดดีให้คึดฮ่ำ</TD></TR><TR><TD>แม่นว่ามีโฉมฮ้าย ฉันใดอย่าประมาท</TD><TD>เป็นแต่ชาติก่อนพุ้น บุญสร้างแต่หลัง</TD></TR><TR><TD colSpan=2> </TD></TR><TR><TD> อันว่าอิตถีเชื้อ ฝูงหญิงงามยิ่ง</TD><TD>เห็นว่าได้มิ่งต้น อย่าโงแง้นว่าโต นั้นเนอ</TD></TR><TR><TD>อย่าได้เอโกอ้าง บ่เอาไผเป็นที่เผิ่ง แพงเอย</TD><TD>ชาติที่นอนป่าฮ้าย แปลงห้างให้ใหญ่ดี</TD></TR><TR><TD>เห็นว่ามีทางซ้อน อย่าหวังคอยสิวางง่าย หลายเนอ</TD><TD>บาดน้ำเขินขาดแล้ง ตมสิแห้งไหง่ผง</TD></TR><TR><TD>ชาติที่แนวนามบ้ง แปนโตกาสิตอด เอาแหล่ว</TD><TD>ให้เจ้าเป็นดั่งม้อน ใยหุ้มห่อตัว</TD></TR><TR><TD colSpan=2> </TD></TR><TR><TD> ชาติที่เป็นหญิงให้ มีชายเพทียมพ่าง</TD><TD>หญิงบ่มีคู่ซ้อนเสียเชื้อชาติหญิง ยิ่งแหล่ว</TD></TR><TR><TD>คันสิเอาผัว ให้ถามนามนักปราชญ์</TD><TD>ชาติที่ยาวลื่นด้าน งามแย้มก็อย่าเอาเจ้าเฮย</TD></TR><TR><TD>ชายใดเนาในห้อง เฮือนตนเป็นวาด</TD><TD>สัพพะการเวียกเว้า กระทำสร้างสู่วัน</TD></TR><TR><TD>ชายนั้นหญิงใดได้สบายใจหมดทุกสิ่ง จริงแหล่ว</TD><TD>พากันลุลาภได้ ของเข้ามั่งมูน</TD></TR><TR><TD>ยูถ่างทำบุญสร้าง ทานไปบ่ได้ขาด</TD><TD>ให้มีใจอ่อนน้อมประสงค์ตั้งต่อทาน นั้นเนอ</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    • คันได้กินลาบซิ้นอย่าลืมแจ่วแพวผัก ได้กินพาเงินพาคำอย่าลืมกระเบียนฮ้าง
    • คันเจ้าได้อยู่ยอดฟ้าผาสาทประดับมุข อย่าได้ลืมเฮียมทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า
    • คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า
    • คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มสัปทน อย่าได้ลืมคนจนผู้แห่นำตีนซ้าง
      ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้วก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง
      ลาบซิ้น = ลาบเนื้อ, แจ่ว = น้ำพริกปลาร้า, แพวผัก = ผักข้างรั้ว, พาเงินพาคำ = ภาชนะเงิน,ทองคำ
      กระเบียนฮ้าง = กระด้งผุๆ, กั้งฮ่ม = กางร่ม, สัปทน = ร่มผ้าสีแดง เป็นเครื่องยศของขุนนาง
    • เกลี้ยงแต่นอกทางในเป็นหมากเดื่อ หวานนอกเนื้อในส้มดั่งหมากนาว
    • เกลี้ยงปากทางไหทางในเป็นปลาแดก เกลี้ยงปากบั้งขังข้อปากกะทอ
    • เกลี้ยงฮอดใบ ใสฮอดลูก เกลี้ยงฮอดเข้าปลูก เกลี้ยงฮอดเข้าปัดลาน
    • กาบ่มักท่าน้ำสมุทรหลวงกะบ่ว่า กาบ่มักท่าน้ำกะตามถ้อนช่างกา
    • กินแกงแข้คางกะแจปากบ่ลั่น กินกะท้างคางกระด้างปากบ่เป็นชั้นบ้อ
    • เก้าสิฆ่าสิบสิฆ่าให้เอาแก่นคะยูงตี อย่าได้เอาบาลีต่อยตีตางฆ้อน
      จะฆ่าให้ตายก็ฟาดด้วยไม้เนื้อแข็ง อย่าตีด้วยความรู้เลย
    • เก้าสิฆ่าสิบสิฆ่าให้เอาแก่นคะยูงตี มาซ่างเอาหัวใจตีเน่านูมในเนื้อ
      ตายกะบ่ตายแท้พอทรงวิบาก อยากกะกินบ่ได้คาแค้นคั่งทวง
      ขอให้หาหมอส้องทำขวัญให้แน่ จั่งสิหายพยาธิฮ้ายคายส้องบ่ให้เสีย

      จะฆ่าให้ตายก็ฟาดด้วยไม้เนื้อแข็ง อย่าตีด้วยความรักความสงสารเลย
    • ใจประสงค์สร้าง กลางดงกะว่าท่ง ใจขี้คร้าน กลางบ้านกะว่าดง
      ถ้าใจสู้ (ขยัน) อยู่กลางป่าดงก็เหมือนกลางทุ่ง ถ้าเกียจคร้านแม้อยู่กลางหมู่บ้านก็เหมือนในกลางป่า
      ท่ง = ทุ่ง, ทุ่งนา
    • ใจบ่โสดาด้วยเว้าแม่นกะเป็นผิด ใจบ่โสดาดอมเว้าดีกะเป็นฮ้าย
      แม้นไม่สบอารมณแล้วจะพูดอย่างไรก็ไม่มีทางถูกใจได้
      โสดา = ยินดี, พอใจ, เว้าแม่น = พูดถูกต้อง (ด้วยเหตุและผล), เว้าดี = พูดด้วยดีๆ, ฮ้าย = ร้าย
    • ตีเจ็บแล้วแสนสิออยกะปานด่า แม่นว่าเว้าจ้อยจ้อยกะปานไม้แดกตา
      เมื่อถูกตีเจ็บแล้วจะปลอบประโลมปานใดก็ไม่หายเจ็บ
      ออย = ปลอบ, เว้าจ้อยจ้อย = พูดฉอเลาะด้วยคำหวาน, แดกตา = ทิ่มตา
    • อย่าสุไลเสียถิ้ม พงษ์พันธุ์พี่น้องเก่า อย่าสุละเผ่าเซื้อ ไปย่องผู้อื่นดี
      อย่าได้ลืมญาติพี่น้องของตัวเอง ไปยกย่องว่าผู้อื่นดีกว่า
      สุไลเลียถิ้ม = ลืมเลือนไม่นึกถึง, สุละ = ทอดทิ้ง, ย่อง = ยกย่อง
    • เชื้อชาติแฮ้ง เหม็นสาบกันเอง ปูสอนปูให้ย่างตรง ห่อนฤสิทำได้
      ตัวอย่างที่เลวหรือจะทำให้ผู้อื่นทำดีได้
      แฮ้ง = แร้ง, ย่าง = เดิน
    • หญิงฮูปฮ้าย ครองวัตรพางาม ชายฮูบทราม วิชาพาฮุ่ง
      หญิงแม้รูปชั่ว แต่จริยาวัตรทำให้งดงามได้ ชายแม้รูปทราม วิชาติดตัวก็ส่งให้เจริญรุ่งเรืองได้
      ฮูปฮ้าย = รูปไม่งาม, ครองวัตร = จริยาวัตร, การกระทำ, ฮูปทราม = รูปชั่วตัวดำ, ฮุ่ง = เจริญรุ่งเรือง
    • ความตายนี้แขวนคอทุกบาดย่าง ไผก็แขวนอ้อนต้อน เสมอด้ามดังเดียว
      ความตาย ติดตามเหมือนเงาตามตัว ไม่มีผู้ใดหลุดพ้น
      บาดย่าง = ทุกย่างก้าว, ไผ = ใคร, อ้อนต้อน = คอน, แขวน (สิ่งของขนาดเล็ก)
    • ไปหาพระให้เอาของไปถวาย ไปหานายให้เอาของไปต้อน
      ต้อน = ต้อนรับ
    • เดินทางบ่อสุดเส้น อย่าถอยหลังให้เขาเหยียบ ตายขอให้ตายหน้าพุ้นเขาสิเอิ้นว่าหาญ
      นักสู้ต้องสู้ไม่ถอยให้ตายอย่างวีรบุรุษ
      บ่อสุดเส้น = ไม่ถึงที่หมายปลายทาง, สิเอิ้น = เรียก, หาญ = กล้าหาญ
    • คนผู้มีความฮู้ ซูซีเฮ็ดบ่แหม่น ความฮู้มีท่อแผ่นฟ้า เป็นบ้าท่อแผ่นดิน
      มีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด
      ความฮู้ = ความรู้, ซูซีเฮ็ดบ่แหม่น = ทำไม่ถูกต้อง, ท่อ = เท่า
    • ให้เจ้าคอยเพียรสร้าง เสมอแตนแปงซ่อ ให้สร้างก่อสืบไว้ เสมอเผิ้งสืบฮัง
      ให้ขยันสร้างตัวเหมือนผึ้งสร้างรัง
      แตน = แมลงคล้ายผึ้ง, แปงซ่อ = สร้างรัง (ช่อ), เผิ้ง = ผึ้ง, สืบฮัง = สร้างรัง
    • การงานนี้ อุปสรรคแสนหมู่ เกิดเป็นคนต้องสู้ อย่าถอยร่นหลีกหนี
      เกิดเป็นคนต้องหนักเอาเบาสู้
    • บุญ บุญนี้บ่แหม่นของแบ่งได้ ปันแจกกันแหล่ว บ่อห่อนแยกออกได้ คือไม้ผ่ากลาง
      คือจั่งเฮากินข้าว เฮากินเฮาอิ่ม บ่แหม่นไปอิ่มท้อง เขาพุ้นผู้บ่กิน

      บุญ ผู้ใดสร้างผู้นั้นได้รับ ไม่สามารถแบ่งปันได้เหมือนสิ่งของ เหมือนข้าวผู้ใดกินผู้นันอิ่ม
      บ่แหม่น = ไม่ใช่, บ่ห่อน = ไม่สามารถ, พุ้น = โน้น
    • ไผผู้เฮียนฮ่ำฮู้ วิชาปราชญ์ทางใด ก็ให้มีใจจด เผิ่งวิชาที่ตนฮู้
      เรียนรู้ให้เชี่ยวชาญเป็นวิชาเลี้ยงตัว
      ไผ = ผู้ใด, เฮียนฮ่ำฮู้ = เรียนรู้, เผิ่ง = พึ่ง, ฮู้ = รู้
    • ขอให้อดสาสู้ เพียรไปให้ถืกป่อง คุณอาจารย์ยกใส่เกล้า คนิงไว้อย่าสิลืม
      อดทนสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง ยกย่องคุณอาจารย์
      อดสาสู้ = อดทนสู้, ถืกป่อง = ถูกทาง, คนิง = คนึง
    • ให้เจ้าเอาความฮู้ หากินในทางชอบ ความฮู้มีอยู่แล้ว กินได้ชั่วชีวัง
      มีความรู้อยู่กับตัวหากินอย่างสุจริตได้ชั่วชีวิต
      ความฮู้ = ความรู้, ชั่วชีวัง = ชั่วชีวิต
    • คันว่าได้ดีแล้ว อย่าลืมคุณพ่อแม่ เผิ่นหากเลี้ยงแต่น้อย ถนอมให้ใหญ่สูง
      ได้ดีแล้วอย่าลืมบุพการี
      คันว่า = ถ้า, เผิ่น = ท่าน
    • ตกกะเทินว่าได้เฮียนแล้ว สิเฮียนเหมิดสู่ซ่อง เฮียนให้เผิ่นได้ย่อง เหมิดถ้วนคู่สู่แนว
      มีโอกาสได้เรียนแล้วต้องเรียนให้รู้จริงทุกอย่าง
      ตกกะเทิน = ถลำตัว, เฮียน = เรียน, เหมิดสู่ซ่อง = หมดทุกด้าน, ย่อง = ยกย่อง, เหมิดถ้วนคู่สู่แนว = หมดทุกด้าน
    • ตกกะเทินว่าได้สู้ บ่ถอยหลังให้เขาว่า นับแต่มื้อสิก้าวไปหน้า บ่ถอย
      เมื่อได้สู้แล้วไม่มีถอยให้ใครดูถูกได้
    • ฝนตกยังฮู้เอื้อน นอนกลางคืนยังฮู้ตื่น ความทุกข์ยังฮู้เตื้อง มีขึ้นเมื่อลุน
      ฝนตกยังซาได้ นอนหลับยังรู้ตื่น ความทุกข์ก็มีโอกาสกลายเป็นสุขในวันข้างหน้า (ถ้าพยายาม)
      เอื้อน = หยุด (ฝนซา), เตื้อง = กระเตื้อง, ลุน = วันข้างหน้า
    • คำสอนพ่อแม่นี้หนักเกิ่งธรณี ผู้ใดยำเยงนบหากสิดีเมือหน้า
      ผู้ใดเคารพคำสั่งสอนพ่อแม่จะเจริญก้าวหน้า
      เกิ่ง = ก้ำกึ่ง, ยำเยง = ยำเกรง, สิดี = เจริญ, เมือหน้า = ภายหน้า
    • ยามยังน้อยให้หมั่นฮู้เฮียนคุณ บุญเฮามีสิยศสูงเพียงฟ้า
    • ได้ขึ้นเฮือแล้ว อย่าลืมแพป้องไม้ไผ่ ได้เป็นใหญ่แล้ว อย่าลืมข้าผู้พลอย
    • ชาติที่เงินคำแก้ว มันบ่แหม่นของไผ ผู้ใดมีใจเพียร หากสิหลงหลอนพ้อ
    • ไผผู้มัวเมาคร้าน การงานตั้งต่อ บ่มีวันสิพบพ้อ เงินล้านค่าแพง
    • ชื่อว่าโลกีย์กว้างเมืองคนมันบ่เที่ยง มันหากเงี่ยงซ่อยง่อยคือค่อยตลิ่งของ
      ลางเทื่อแนวเด็กน้อยสอนคนหัวด่อน ลางเทื่อลุกไพร่บ้านสอนท้าวพ่อพญา ก็มี

      โลกนี้ไม่เที่ยงหนอ วันนี้ลูกหลานอาจสอนพ่อแม่ พ่อเมืองยังต้องเชื่อชาวบ้าน
    • ชื่อว่าแนวเด็กน้อย ตากอความคึดหม่อ ได้กอขอข้อหล่อ ความเว้าผัดอยู่ดาว
    • เด็กน้อยมีความฮู้สองสามความมันก็อ่ง ผู้ใหญ่ฮู้ตั้งล้านก็อำไว้บ่ค่อยไข
      ความรู้มีเพียงน้อยนิด อย่าหยิ่งผยองอวดรู้
    • ชื่อว่าแนวความเว้าของคนมันเกินง่าย ได้เทิงหงายและคว่ำความเว้าบ่อยู่ความ
      เขาฮักเขาก็ย่อง เขาซังเขาก็ว่า คือดั่งบักเค้าเม้า หมาเฒ่าเห่าแต่เขา
      คันเฮาทำดีแล้ว เขาซังก็ตามซ่าง คันเฮาเฮ็ดแม่นแล้ว หยันหย่อก็ซ่างเขา
      เขาสิพากันท้วง ทั้งเมืองก็บ่เงี่ยง เขาสิติทั้งค่าย ขายหน้าก็บ่อาย
    • ขุดดินดั้นประสงค์หาแต่บ่อนกิ่ว แนวสิ่วไม้ประสงค์ไง้แต่บ่อนบาง
    "
     
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ถ้อยคำนี้ เหมือนคำสอนของพระอาจารย์บุญชวน ธมฺมโฆสโกเลยค่ะ
    แต่ท่านไม่ได้กล่าวอ้างเป็นผญา ท่านสอนด้วยคำพูดธรรมดาค่ะ
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2011
  11. อุ๋มอิ๋ม555

    อุ๋มอิ๋ม555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +33
    ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (เจ้าองค์หล่อ) แห่งราชอาณาจักรเวียงจันทน์ ได้มีหัวหน้าชาวผู้ไทยซึ่งมีนามว่า พระศรีวรราช ได้มีความดีความชอบในการ ช่วยปราบกบฏ
    ในนครเวียงจันทน์จนสงบราบคาบกษัตริย์
    เวียงจันทน์ จึงได้ปูนบำเหน็จ โดยพระราชทาน
    พระราชธิดาชื่อนางช่อฟ้า ให้เป็นภรรยา ในกาลต่อมาจึงได้แต่งตั้งให้บุตรซึ่ง เกิดจากพระศรีวรราชหัวหน้าชาวผู้ไทย และ
    เจ้านางช่อฟ้ารวม 4 คนแยกย้ายกันไปปกครอง
    หัวเมืองชาวผู้ไทย คือ เมืองสบแอก
    เมืองเชียงค้อ เมืองวัง เมืองตะโปน(เซโปน)
    พร้อมกับอพยพชาวผู้ไทยลงไปทางใต้ของ
    ราชอาณาจักรเวียงจันทน์(ปัจจุบันอยู่ในแขวง
    สุวรรณเขตของลาวติดชายแดนญวน)

    ชาวภูไท
    (เรียบเรียงจากบทพระนิพนธ์ ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระเจ้าประดิษฐาสารีในหนังสือชื่อ
    พระราชธรรมเนียมลาวซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ.2479 ซึ่งพระองค์เป็นพระราชธิดาของรัชกาลที่ 4
    และเจ้าจอมมารดาดวงคำ เจ้าจอมมารดาดวงคำ เป็นราชนัดดาของเจ้าอนุวงษ์เวียงจันทน์ ) ต่อมาชาวผู้ไทยได้ แยกย้ายออกไปตั้งเป็นเมืองพิน เมืองนอง เมืองพ้อง เมืองพลาน เมืองเชียงฮ่ม, เมืองผาบัง, เมืองคำอ้อคำเขียว เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ในแขวงสุวรรณเขต ของลาว ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงษ์เวียงจันทน์ เป็นกบฎต่อกรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ.2369 เมื่อกองทัพไทยยกขึ้นไปปราบปราม
    จนสงบราบคาบแล้วทางกรุงเทพฯ มีนโยบายจะอพยพพวกผู้ไทย ข่า กะโซ่ กะเลิง ฯลฯ จากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง
    ให้มาตั้งบ้านตั้งเมืองอยู่ทางฝั่งขวาแม่น้ำโขง(ภาคอีสาน) เพื่อมิให้เป็นกำลังแก่เวียงจันทน์ และญวนอีกต่อไป จึงไปกวาดต้อนผู้คนซึ่งเป็นชาวผู้ไทยจากเมืองวัง, เมืองตะโปน, เมืองพิน, เมืองนอง, เมือง, เมืองคำอ้อคำเขียว ซึ่งอยู่ในแขวงสุวรรณเขตของลาวปัจจุบัน วึ่งยังเป็นอาณาเขตของพระราชอาณาจักรไทยอยู่ในขณะนั้นให้ข้าม
    โขงมาตั้งบ้านตั้งเมือง ทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงในเขต เมืองกาฬสินธิ์, สกลนคร, นครพนมและมุกดาหาร คือ...
    มีหมู่บ้านเชื้อสายภูไท ร้อยกว่าหมู่บ้านประชากรเกือบ 1 ใน 4 เป็นชาวผู้ไทยซึ่งกระจัดกระจาย อยู่ในท้องที่เมืองต่าง ๆในอดีต คือ
    1.เมืองเรณูนคร ตั้งในสมัยราชกาลที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2387 เป็นชาวผู้ไทยที่อพยพมาจากเมืองวัง มีนายไพร่รวม 2,648 คน ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ ท้าวสาย เป็น "พระแก้วโกมล" เจ้าเมืองเรณูคนแรก ยกบ้านบุ่งหวายขึ้นเป็นเมืองเรณูนคร ขึ้นเมืองนครพนม คือท้องที่อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนมในปัจจุบัน (จากเอกสาร ร.3 จ.ศ.1206 เลขที่ 58 หอสมุดแห่งชาติ)
    2. เมืองพรรณานิคม ตั้งในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2387 เป็นชาวผู้ไทยอพยบมาจากเมืองวัง จำนวน สองพันกว่าคน ไปตั้งอยู่ที่บ้านผ้าขาวพันนา ตั้งขึ้นเป็นเมืองพรรณานิคมขึ้นกับเมืองสกลนคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ ท้างโฮงกลาง เป็น "พระเสนาณรงค์" เจ้าเมืองคนแรก ต่อมาได้ย้ายเมืองพรรณานิคมไปตั้งที่บ้านพานพร้าว คือท้องที่อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนครในปัจจุบัน (จากเอกสาร ร.3 จ.ศ.1206 เลขที่ 58 หอสมุดแห่งชาติ)
    3.เมืองกุฉินารายณ์ ตั้งในสมัยราชกาลที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2387 เป็นชาวผู้ไทยที่อพยบมาจากเมืองวังจำนวน 3,443 คน ไปตั้งอยู่ที่บ้านกุดสิม ตั้งขึ้นเป็นเมือง "กุฉินารายณ์" ขึ้นเมืองกาฬสินธิ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ ราชวงษ์เมืองวัง เป็น "พระธิเบศรวงษา" เจ้าเมืองกุฉินารายณ์, อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธิ์ (จากเอกสาร ร.3 จ.ศ.1206 เลขที่ 58 หอสมุดแห่งชาติ)
    4. เมืองภูแล่นช้าง ตั้งในสมัยราชกาลที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2387 เป็นชาวผู้ไทยที่อพยพมาจากเมืองวัง
    จำนวน 3,023 คน ไปตั้งอยู่ที่บ้านภูแล่นช้าง ตั้งขึ้นเป็นเมือง "ภูแล่นช้าง" ขึ้นเมืองกาฬสินธิ์ ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้หมื่นเดชอุดมเป็น "พระพิชัยอุดมเดช" เจ้าเมืองคนแรก ปัจจุบันคือท้องที่อำเภอเขาวงกาฬสินธิ์ (จากเอกสาร ร.3 จ.ศ.1206 เลขที่ 58 หอสมุดแห่งชาติ)
    5. เมืองหนองสูง ตั้งในสมัยราชกาลที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2387 เป็นชาวผู้ไทยที่อพยพมาจากเมืองวังและเมืองคำอ้อคำเข ียว (อยู่ในแขวงสุวรรณเขต ดินแดนลาว) จำนวน 1,658 คน ตั้งอยู่บ้านหนองสูงและบ้านคำสระอี ในดงบังอี่ (คำสระอีคือหนองน้ำในดงบังอี่ ต่อมากลายเป็น คำชะอี) ตั้งเป็นเมืองหนองสูง ขึ้นเมืองมุกดาหาร ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ ท้าวสีหนาม เป็น "พระไกรสรราช" เจ้าเมืองคนแรก เมืองหนองสูงในอดีตคือท้องที่ อ.คำชะอี (ตั้งแต่ห้วยทราย), อำเภอหนองสูงและท้องที่อำเภอนาแก ของจังหวัดนครพนมด้วย (จากเอกสาร ร.3 จ.ศ.1206 เลขที่ 58 หอสมุดแห่งชาติ)
    6. เมืองเสนางคนิคม ตั้งในสมัยราชกาลที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2387 เป็นชาวผู้ไทยที่อพยพมาจาก
    เมืองตะโปน (เซโปน) ซึ่งปัจจุบันอยู่ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงในแขวงสุวรรณเข ต ติดชายแดนเวียตนาม อพยพมา 948 คน ไปตั้งอยู่ที่บ้านส่องนาง ยกขึ้นเป็นเสนางคนิคมขึ้นเมืองอุบลราชธานี ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ ท้าวจันทร์จากเมืองตะโปน เป็น "พระศรีสินธุสงคราม" เจ้าเมืองคนแรก ต่อมาได้ย้ายไปตั้งเมืองที่บ้าน
    ห้วยปลาแดกและเมื่อยุ บเมืองลงเป็นอำเภอเสนางคนิคม ย้ายไปตั้งอำเภอที่บ้านหนองทับม้า คือ ท้องที่อำเภอ
    เสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญในปัจจุบัน (จากเอกสาร ร.3 จ.ศ.1206 เลขที่ 58หอสมุดแห่งชาติ)
    7. เมืองคำเขื่อนแก้ว ตั้งในสมัยราชกาลที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2387 เป็นชาวผู้ไทยที่อพยพมาจากเมืองวัง จำนวน 1,317 คน ไปตั้งอยู่ที่บ้านคำเขื่อนแก้วเขตเมืองเขมราฐ ตั้งขึ้นเป็นเมืองคำเขื่อนแก้ว ขึ้นเมืองเขมราฐ ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ ท้าวสีหนาท เป็น "พระรามณรงค์" เจ้าเมืองคนแรก เมื่อยุบเมืองคำเขื่อนแก้วได้เอานามเมืองคำเขื่อนแก้ วไปตั้งเป็นชื่ออำเภอที่ตั้งขึ้นใหม่ที่ตำบลลุมพุก คือ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธรในปัจจุบัน ส่วนเมืองคำเขื่อนแก้วเดิมที่เป็นผู้ไทย ปัจจุบันเป็นตำบลคำเขื่อนแก้ว อยู่ในท้องที่อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญในปัจจุบัน (จากเอกสาร ร.3 จ.ศ.1206 เลขที่ 58 หอสมุดแห่งชาติ)
    8. เมืองวาริชภูมิ ตั้งในสมัยราชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2420 เป็นชาวผู้ไทยที่อพยพมาจากเมืองกะปอง ซึ่งอยู่ในห้วยกะปองแยกจากเซบั้งไฟไหลลงสู่แม่น้ำโขง ในแขวงคำม่วนฝั่งลาว จึงมักนิยมเรียกผู้ไทย
    เมืองวาริชภูมิว่า "ผู้ไทยกระป๋อง" ผู้ไทยเมืองกระปองไปตั้งอยู่ที่บ้านปลาเปล้า แขวงเมืองหนองหาร จึงตั้งบ้านปลาเปล้าขึ้นเป็น "เมืองวาริชภูมิ" ขึ้นเมืองหนองหาร ต่อมาได้ย้ายเมืองไปตั้งที่บ้านนาหอย
    เขตเมืองสกลนคร จึงให้ยกเมืองวาริชภูมิไปขึ้นเมืองสกลนครคือท้องที่อ ำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร
    ในปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ ท้าวพรหมสุวรรณ์ เป็น "พระสุรินทร์บริรักษ์" (จากเอกสาร ร.5 มท. เล่ม 15 จ.ศ.1240 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ)
    9. เมืองจำปาชนบท ตั้งเมื่อรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2421 เป็นชาวผู้ไทยที่อพยพจากเมืองกะปอง ตั้งอยู่ที่บ้านจำปานำโพนทอง ตั้งขึ้นเป็นเมืองจำปาชนบท ขึ้นเมืองสกลนคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ ท้าวแก้วเมืองกะปอง เป็น "พระบำรุงนิคม" เจ้าเมืองคนแรก ปัจจุบันคือท้องที่อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร (จากเอกสาร ร.5 มท. เล่ม 15 จ.ศ. 1240 หอสมุดแห่งชาติ) อ่านเพิ่มเติมในหนังสือ มุกดาหาร
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    วันนี้ ได้ความรู้จากน้องอุ๋มอิ๋ม สงสัยเพราะสอบเสร็จแล้วมังคะ ^^
     
  13. JKV

    JKV เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +201
    อนุซน ซี้ทาง เบาะเหตุ
    อุปเทส คนไบ้ คนพาล
    สามปะการ เห้อจำจื่อไว้
    หนึ่งขี้ไฮ๊ โลภหลงแต๋กาม
    สองเจอหาญ กำลังโตน๊อย
    เยอะตีต่อยท้าทีบเถงแข็ง
    กับคนแฮงกว่าโต ควรย้าน
    สามขี้ค้าน เฮียนน้อยมีจำ
    มันขืนคำเถงคนฮู้มาก
     
  14. JKV

    JKV เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +201
    คึดเห้อฮู้ โตเปบแผ่นดิน
    ชาติแผ่นดิน แน่นหนามิคาด
    คนคะลาด มื้นล้มเล้ยมิเซา
    คนเจอเบา ซังดินด่าป้อย
    คนเจอน้อย โตล้ม ด่าดิน
    ด่าแผ่นดิน หนีดิน หมี๋ได้
    เพิ๊นเปบไว้ นักปราชญ์ เจอบุญ
    เพอเอ็ดบุญ ทำกรรมเห้อโทษ
    เพิ้นมิโกรธเห้อ ยามห่อนแล้นหา
    หมี๋ถือสา คนผิดคนพลาด
    นักปราชญ์เจ้า ยังเว้าขำๆ
    หมาโตดำ โตแดงโตด่าง
    เห็นคนหย้าง เต้นแล้นกัดขา
    มีควรหา อุบายกัดตอบ
    มีควรลอม ลงแห้นขาหมา (แห้น >>> กัด)
    อุปมา บันฑิตผู้ฮู้
    มีห่อนสู้ โต้ตอบคนพาล
    เห็นเสกาล คือหมาโตไบ้
    ขอเปบไว้เป็นข้อดีดี
    น้ำ นที ทะเลกว้างใหญ่
    เยอะเฮ้อฮ้อน เอาเฟืองลงสุม
    เอาไฟสุมเห้อทะเลมันฮ้อน
    น้ำมิฮ้อน คือเจอ เพิ้นหมาย
    อธิบายคือเจอนักปราชญ์
    เพอมิอาจ โต้ด่าเห้อเถียง
    เพิ้นมีเถียง โต้ท่านเห้อเคียด
    เพิ้นอดได้ ผู้ฮ้อน แม้นโต
     
  15. อุ๋มอิ๋ม555

    อุ๋มอิ๋ม555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +33

    สอบเสร็จนานเเล้วค่ะ...ที่หายไปคืออออออไปสอบเเก้ 555 เอิ้กๆๆ
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ฮิฮิ...แก้ยะพิเหลอ....
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
  18. อุ๋มอิ๋ม555

    อุ๋มอิ๋ม555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +33
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=xXkI-dMtXZ8]‪ลำ ตังหวาย บูชาพระเจ้าใหญ่.wmv‬&rlm; - YouTube[/ame]
     
  19. อุ๋มอิ๋ม555

    อุ๋มอิ๋ม555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +33
    เเปลว่าอะไรนะคะ ตายๆๆอิ๋มเเปลบ่ออก ใครก็ได้ช่วยที T^T :cool::cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2011
  20. JKV

    JKV เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +201
    แปลๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ แก้ยาก อะไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...