มีสติรู้ตัวว่าฝัน มันเป็นเพราะเรานั่งสมาธิหรือเปล่าครับ..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย น้าต๋อย เซมเบ้, 23 มกราคม 2009.

  1. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,750
    ผมเป็นคนนึงที่ได้นั่งสมาธิมาประมาณ หนึ่งปีกว่า เป็นการต่อเนื่องหลังจากได้บวชสึกมาแล้ว เมื่อประมาณเดือนธันวาเป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มสังเกตตัวเองว่ามีสติตอนฝัน ครั้งนั้นมีชายคนหนึ่งนำตะกรุดมาให้ผมในความฝัน ผมจำได้ว่าตะกรุดดอกนี้เป็นดอกที่ผมอยากได้มาก (ตะกรุดพิสมร) ผมก็รับมาด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง พอรับมาไว้ในมือผมกลับคคิดได้ว่า นี่มันคือความฝันนี่ แล้วเรากำลังฝันอยู่ด้วย เลยพลอยย้อนคิดไปตอนสมัยเด็กที่มีผลไม้รอบตัวเต็มไปหมด ผมกอดผลไม้ไว้แน่นกลัวว่าตื่นแล้วมันจะหายไป พอตืนมามันก็มีแต่ความว่างเปล่า เอาอะไรมาไม่ได้ คิดได้ดังนั้นผมก็คืนตะกรุดให้เขาไป แล้วบอกว่า ผมรู้ว่าผมฝันอยู่ ความฝันมันเอาอะไรไปไม่ได้ ผมให้พี่คืนแล้วกัน แต่ถ้าพี่เจอผมตอนอยู่ข้างนอกที่ผมไม่ได้ฝัน พี่อย่าลืมให้ผมก็แล้วกัน อีกอย่างผมก็กำลังจะตื่นด้วย ไปล่ะครับ จากนั้นก็ตื่น
    นั่นเป็นครั้งแรกที่เกิดความรู้สึกว่าเรารู้ตัวเองว่าฝัน และยังมีสติเหมือนคนปกติ เสมือนว่าตัวเราเข้าไปอยู่ในฝัน ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ดูเท่านั้น ผมก็ได้ลองหาในกูเกิล เขาเรียกอาการนี่ว่า lucid dream
     
  2. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,750
    แต่ในครั้งหลังต่อผมก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกให้ระวังว่าอย่าหลงมันมาก
    แล้วถ้าหากรู้ตัวว่าฝันอีกให้ถามว่าคนที่เราเห็นเป็นใคร สอง ลองถามหวยดู สามลองตั้งจิตหาใครสักคน แล้วเราจะเห็นเขาไหม ประมาณอาทิตย์ก่อน ผมก็รู้สึกตัวอีกครั้งว่าฝัน ผมมองไปรอบๆ ดูว่าอยู่ที่ไหน จากนั้นก็เห็นชายหญิงคู่นึง ผมจึงดำเนินการตามที่ตอนยังไม่ได้ฝันคิดอยู่ เรื่องที่อยู่ผมจำไม่ได้ พอดีตื่นมา แล้วนอนต่อก็เลยลืม จำได้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆ แถวที่ผมอยู่ สองถามหวย ผมก็เดินไปหาคนอีกกลุ่มนึง ค่อนข้างใกล้เคียง สาม พอผมหลับตาตั้งจิตในฝัน ผลปรากฏคือ ผมก็อยู่ทีเดิมในความฝันไม่ได้ไปไหน ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกตัวเกือบทุกวัน เพียงแต่เราจะเป็นผู้ดู หรือคิดที่จะบังคับมัน แต่ผมเลือกที่จะอยู่เฉยๆ ไม่เอาใจไปจับมาก ตัวผมเองปัจจุบันนี้ก็ได้นั่งสมาธิบ้างบางครั้ง ปกติจะนั่งตอนกลางคืนก็ไม่รู้ว่าจะถูกหรือเปล่า (เกือบห้าทุ่ม) ชั่วโมงกว่าก็เลิก แต่อาจารย์ท่านก็ให้แนวว่าตั้งสติให้มั่น อยู่กับปัจจุบัน เห็นอะไรก็พิจารณาแค่เห็น ไม่ต้องคิดตาม แต่ผมก็ไม่เคยเห็นอะไรเลย เพราะไม่เคยสนใจที่จะดู ก็ไม่ทราบว่ามาถูกทางหรือเปล่า ผมเองก็ใหม่สำหรับเรื่องนี้ รบกวนชี้แนะด้วยนะครับ
     
  3. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    อืมม..อาการคล้ายๆกับผมเลยครับ
    บางวันนอนหลับถึงเช้า ก็ยังมีสติจนตื่นแต่ก็ตื่นมาไม่เหนื่อยไม่เพลียเลยซักนิด
    ก็ปรกติธรรมดาเหมือนทุกวันที่ได้พักผ่อนเต็มที่ ที่แรกเลยก็หลับตาหลับตาตอนนอนเล่นเหมือนมีภาพอะไรซักอย่าง เป็นสถานที่บ้าง เป็นเหตุการณ์ต่างๆบ้าง เหมือนภาพถ่ายเข้ามา แป๊ปๆ..! คล้ายแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูป ต่อมาก็เหมือนจะฝัน แต่ฝันแบบมีสติ คือเรื่องราวดำเนินไป แต่ก็รู้ตามไป
    จนบางวันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อคืนเรานอนหลับหรือเปล่าวะ ? ประมาณนั้น
    มาคิดในทางธรรมก็ได้ให้คำตอบตัวเองไปว่า "เอ..หรือว่าแม้กลางวัน กลางคืน นี้เราก็สมมติขึ้มมาแต่แรกแล้วนะ ? "

    ถามอาจารย์ท่านก็ไม่ตอบ ท่านก็บอกให้มีแต่สติตามรู้ตามดูเช่นกันครับ
    อย่าเข้าไปเอา อย่าไปอยาก มันเอาออกมาไม่ได้ ดูมันไป แม้สุดท้ายแล้วมันก็ไม่เที่ยง ก็ทำน้อมรับเอามาปฏิบัติตาม ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ..ตามอาจารย์ท่านบอก

    ความคิดเห็นส่วนตัวก็เหมือนเช่นกันกับอาจารย์ของท่านของผมนั่นแหละ คือรู้ รู้ มันอย่างเดียว
    มีสติไว้เท่านั้น ตั้งสติให้มั่น
    อ่อ..เหตุการณ์ว่าไปว่าเมื่อกี้ ผ่านไปแล้วครับ ตอนนี้ผมก็นั่งสมาธิมั่ง ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีโอกาสหรอกครับ
    แต่ถึงจะไม่ได้นั่งก็เอามันทุกอริยาบทเหมือนเดิม จนมันจะกลายเป็นอัตโนมัตไปแล้วตอนนี้..ฮา

    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ

    เดี๋ยวลองดูพิจารณาตามจริตที่ท่านถนัดก็แล้วกันนะครับเพราะจะมีท่านอื่นๆเข้ามาแสดงความคิดเห็นอีกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2009
  4. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    [​IMG]
     
  5. ผู้นอบน้อมสุดใจ

    ผู้นอบน้อมสุดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,094
    อืม ผมก็มีสติตลอดเวลาฝัน รู้ว่าฝันทุกครั้งแหละครับแล้วก็คอนโทรลฝันได้ด้วย ตลกดี

    ผมฝันเป็นภาพสีตลอดเลย
     
  6. Prachyaz

    Prachyaz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2009
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +54
    ผมเพิ่งนั่งสมาธิไม่ถึงเดือนเป็นแบบนี้เหมือนกันอาแต่ผมควบคุมไม่ได้อา
     
  7. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ผมก็ไม่รูเเต่รูสึกช่วงไหนจิตตก จะควบคุมฝันไม่ได้ทั้งหมด ควบคุมได้เเค่บางช่วง

    ที่มีสติตามทัน(เช่นช่วงนี้เล่นเกมเยอะจิตตกเลย)

    เเต่ตอนไหนจิตดีจะควบคุมฝันได้ตามต้องการตลอด เเต่ควบคุมไม่ได้คือ

    ควบคุมไม่ให้ตื่นหุๆ บางทีกำลังควบคุมหนุกอยู่ เซงเลย
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ฝึกแบบมหาสติมาใช่ไมครับ......ดีครับใช้ได้นะ.....ผมก็เป็น....ฝันรู้ว่าฝัน....คือตอนนอนมันจะจับสติตลอด..นะครับ....ถือว่าคล่องตัวนะ......แต่ยังไม่ถึงใหนนะครับ.......ต้องฝึกต่อ.......
     
  9. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ฝันมี 2 อย่าง คือ ฝันกลางวันกับฝันกลางคืน

    ฝันกลางวันคือ ช่วงเวลาที่หลงปล่อยให้จิตจมแช่อยู่ในความคิดตลอดเวลาขณะตื่นนอนทำภารกิจในชีวิตประจำวันนั้นเอง จะฝันนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่า เรามีสติรู้สึกตัวได้เร็วได้ไว และไม่จมแช่ลงไปในความคิดได้นานแค่ไหนนั่นเอง จมเมื่อไหร่ก็คือฝันกลางวันเมื่อนั้น

    ฝันกลางคืน คือผลอันสืบเนื่องมาจากการเป็นคนชอบฝันกลางวันนั่นเอง สติยิ่งอ่อนยิ่งส่งผลมาก ตัวอย่างที่พอทำให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นคือ เด็ก ๆ ถ้ากลางวันเด็กเล่นซนมาก ๆ ทั้งวัน กลางคืนมักจะละเมอ คิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฝันนั้นเป็นจริงเป็นจัง จนตื่นลุกขึ้นมาแล้วบางทีก็เดินไปโน่นไปนี่ ก็ยังอินยังคิดว่าเป็นเรื่องจริงอยู่นั่นเอง จนกลับเข้าไปนอนต่ออย่างเดิม ตื่นเช้ามา พอถามเด็ก เด็กก็จำไม่ได้ ลืมไปว่าเมื่อคืนตัวเองอินเป็นจริงเป็นจังกับเรื่องอะไรไปบ้าง

    สรุปว่า ถ้าเราหมั่นฝึกสติไม่ให้ตัวเองจมแช่ลงไปในความคิดและทำตามความคิดที่จมแช่นั้นได้ง่าย ๆ ฝึกมีสติตอนตื่นนอนได้บ่อย ๆ เวลาหลับถ้าทำท่าจะเผลอจมแช่ลงไปในความคิด เป็นจริงเป็นจังขึ้นมาเมื่อใด สติที่ฝึกดีแล้วนั่นแหละจะเป็นตัวคอยสะกิดเตือนเราไม่ให้หลงอินกับความคิดใด ๆ นั้นได้ง่าย ๆ อีก เรื่องที่จะทำให้ฝันเป็นตุเป็นตะในทำนองนี้ก็จะน้อยลงไปเองครับ ส่วนเรื่องเทพเรื่องลางพาให้ฝันก็ว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
     
  10. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสรุปแล้ว..
    ถึงจะฝันแบบกำหนดรู้ว่าฝัน และกลับไปจับที่ลมเข้าออก
    มันก็งั้นๆแหละเนาะ ปัญญาไม่เกิดเลย...
    จับฉวยก็ไม่ได้...


    อนุโมทนากับคุณ Tboon และทุกคำตอบครับ
     
  11. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ครัึบ ขอบคุณ...
    ตั้งสติดีๆนะครับ ..เดี๋ยวคงได้คุยกันอีกครับ
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    หืม......มีอะไรคุยเหรอครับ......สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา.....ผู้ที่จะทรงสติได้ตลอดเวลาคือพระอรหันต์....เพราะไม่มีความฟุ้งซ่านแห่งจิต...ขอให้ทุกท่านปฏิบัติต่อไปนะครับ.....
     
  13. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    เอ๊า.. วุ้ยงง..

    มีสติไว้มากๆน่ะดีว่าจะอวยพรแบบลอยๆไม่ใช่เร๊อะ !?
    ที่ว่าเดี๋ยวคงได้คุยกันใหม่ก็หมายถึง ท่านส่งข้อความส่วนมาหาผมตอบโต้กัน แต่ผมยังไม่ได้ตอบเพราะพึ่งจะมาอ่านเมื่อกี้นี่เอง..ก็เลยบอกไปว่า ไว้ค่อยคุนกันอีก ..

    กำลังใจอ่อนแอไปเองหรือเปล่า ?
    ลองเอาอารมณ์แบบฮึกเหิมมาใช้ให้มันถูกที่ถูกทางมันก็จะได้ผลเหมือนกันนะ (เล่าให้ฟัง)
    มัวตัดพ้อต่อว่าตนเองอย่างนี้ แล้วจะกำลังไปที่ไปประหารกิเลสกันล่ะท่าน

    นี่แหละถึงได้บอกว่า มีสติไว้ให้มากๆ หรือ ที่บอกว่าตั้งสติดีๆ
    ฮื่อ..เหนื่อยแล้วล่ะ ไม่นานคงจะเบื่อการเข้ามาตอบเองแหละ..
     
  14. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ออ...ครับ...เข้าใจแล้ว...แรกๆ...ผมงง..เอง...อ่ะ....
    กำลังใจอ่อนแอ......อะไรครับ....ใน ณ ที่นี้ผมหมายถึงผู้ที่จะทรงอารมณ์คงสติไว้ได้ตลอด...มีการสำรวม กาย วาจา ใจ ได้แบบ ไม่เผลอ เลย คือ พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ครับ....สำหรับเราคือต้องพยายามทรงไว้ให้ดีที่สุด...เผลอน้อยที่สุด...ทำไปเรื่อยๆ...จนถึงที่สุด นะครับ

    ส่วนการฮึกเหิมนั้น ต้องมีอ่ะครับ อย่างน้อยก็ใน ศีล สมาธิ และปัญญา ไม่ให้ใหลไม่ตาม กิเลส ทั้งหลาย บ้างตาม ธรรมดาของ ปุถุชน(ผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส)...นั้น...ต้องมีอ่ะครับ....ไม่ใช่ปล่อยไปหมด นะครับ...ตรงนี้...สติ มี บทบาทสำคัญอย่างหนึ่งล่ะครับ

    ใช่ครับที่ท่านตอบ สติ มีความจำเป็นมากๆครับ....เมื่อมีสติ...จึงมี สมาธิ...แล้วต่อด้วยปัญญา หละครับ.....ตรงนี้ผมพยายามอยู่นะครับ.......


    เอ......ผมว่าท่านนี่มีจุดประสงค์อื่นหรือเปล่าครับ....เราติดต่อกันทาง PM น่าจะดีกว่านะครับ......เดี่ยวกลัวว่าจะทำให้สมาชิกท่านอื่น...เข้าใจผิดอ่ะครับ....

    โมทนาสาธุธรรมนะครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2009
  15. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ขอเล่าทิ้งไว้หน่อยนะคะ กลัวจะลืม ^^ (วันข้างหน้า จะได้เก็บไว้อ่านได้)

    เมื่อคืนวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

    mamboo ฝันว่า.. mamboo เดินเล่นอยู่หน้าหอพัก.. เสร็จแล้วก็รู้ตัวว่า ตัวเองกำลังฝัน และร่างของตัวเอง นอนอยู่ในห้อง ^^

    mamboo มีสติรู้ตัวว่า นี่ไม่ใช่ความจริง มันคือฝัน ^_^ แล้วตอนนั้น ก็มีความสุขมากๆ .. เพราะภาพมันชัด ^^

    ภาพในความฝัน ชัดยิ่งกว่าภาพในโลกความจริงเสียอีก(เพราะจริงๆสายตาสั้นนิดหน่อยด้วย อิอิ ^^)

    เวลาอยู่ในโลกความฝัน มองภาพต่างๆ จะเหมือนตาเราเป็นทั้ง กล้องโทรทัศน์และกล้องจุลทัศน์ในตัว ^^

    ผู้คนในฝัน บางคนก็มองเห็น mamboo บางคนก็มองไม่เห็น ^^ จน mamboo งงว่า.. นี่มันความฝัน หรือ .. วิญญาณ mamboo ออกมาสู่โลกความเป็นจริง >< (ในฝัน มันงงๆ แต่พอตื่น ก็รู้ว่า ฝันอ่ะแหละ)

    แล้ว mamboo ก็ได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง ..

    ผู้ชายคนนี้ หน้ากลมๆ ผิวขาว หน้าจีนๆ ใส่เสื้อสีเหลืองอ่อนๆทั้งเสื้อและกางเกง เป็นผ้าบางๆ(ไม่รู้มีใครเคยรู้จักผู้ชายลักษณะแบบนี้ไหม ?? ><)

    เขาให้ mamboo ท่องคาถา เป็นคำ 5 คำ .. พอ mamboo ท่อง เขาก็ ปรากฏตัว..

    เขาบอกกับ mamboo ว่า.. "เห็นมั้ย ?? ^^ เราบอกแล้ว ว่าเธอทำได้ ^^"

    ในความฝัน mamboo รู้สึกว่า mamboo เคยรู้จัก เคยเจอเขามาก่อน 1 หรือ 2 ครั้งนี่แหละ เค้าสอน mamboo เรื่อง การมีสติในฝัน และการใช้พลังอำนาจ ที่จะทำอะไรก็ได้ในฝัน

    mamboo ทำหนังสือ 2 เล่ม หล่นมือ.. หนังสือและกระดาษแต่ละหน้า กระจายออกเกลื่อนกลาดพื้นถนนเลย ><

    แต่ mamboo รู้ว่า mamboo กำลังฝัน เพราะฉะนั้น.. เราก็มีอำนาจที่จะ ทำให้หนังสือกลับมาเหมือนเดิม

    mamboo ยื่นมือออกไป แล้วดูดหนังสือ กลับมาที่มือ..

    mamboo เดินไปที่ร้านขายเค้ก.. แล้วเข้าไปในร้าน เป็นร้านขายเค้กของคนจีน เพราะลึกเข้าไปในร้าน เป็นบ้าน เป็นบ้านคนจีนสมัยใหม่ที่สวยมาก..

    mamboo ส่องกระจกบานใหญ่ๆที่อยู่ในร้าน อยากรู้จังว่า เราจะเห็นตัวเราในกระจกในฝันไหม ??

    แล้วรูปที่เห็น น่ากลัวมากกกกกก ><

    --' ไม่น่าส่องเลย

    mamboo ตัวดำกว่าตัวจริง และผอมด้วย ปากเบี้ยวด้วย ฟันก็เหยิน .. ไม่ถึงกับขี้เหร่.. แต่.. ตัวจริงดูดีกว่า..

    แต่ mamboo รู้ว่า นี่มันคือ ความฝัน เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปตกใจ อิอิ ^^

    แล้ว mamboo ก็เดินไปดูเค้กในร้านนั้น ดูไป หยิบกินไป อร๊อยย อร่อย อิอิ =^__^=

    เสร็จแล้ว mamboo ก็เจอกับแม่.. ตอนนี้แหละ ที่เริ่มไม่มีสติแระ mamboo เริ่มคิดว่า นี่ไม่ใช่ฝัน แต่เป็นโลกความเป็นจริงที่กายทิพย์ mamboo ออกจากกายเนื้อ..(ตื่นมาค่อยรู้ว่า ไม่ใช่)

    แม่ mamboo บอกให้เข้าบ้าน .. mamboo เลยบอกแม่ว่า.. ถ้าเข้าบ้าน แม่จะตกใจเลยนะ >< เพราะแม่จะเห็นร่างของ mamboo อีกร่าง นอนอยู่ในบ้านนะ ><

    แม่ก็ว่า mamboo "บ้าหรอ.. จะเป็นไปได้อย่างไร?? " mamboo เลยบอกแม่ว่า.. ก็เพราะว่า ตอนนี้ mamboo คือ วิญญาณ ไม่ใช่ร่างจริงๆ อิอิ ^^

    พอเข้าไปในบ้าน.. mamboo ก็เลย เจอกับผู้ชายใส่ชุดเหลือง..

    ผู้ชายคนนี้ เหมือนเป็นคนที่เคยเจอกัน 2-3 ครั้ง แต่เจอที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วเขาสอน mamboo เรื่อง การมีสติในฝัน แต่ไม่รู้ว่าสอนเมื่อไหร่ และที่ไหน รู้แค่ว่า สอน..

    แต่ mamboo ออกจะ กลัวๆเขา .. เพราะในใจ mamboo รู้ว่า เขาไม่ใช่คน .. เขาเป็น ดวงวิญญาณ ที่ฝึกมาดี .. ก็เลยเป็น กล้าๆ กลัวๆ จะไม่ค่อยคุยกับเขา จะคุยด้วยไม่กี่คำ..

    เขาไม่ได้ทำไร mamboo หรอก เขามาสอน .. แต่ mamboo แอบกลัวเขา(ในใจ)ไม่รู้เขาจะรู้ไหม อิอิ ^^

    --------

    ตอนนี้แหละ ที่สติเริ่มหายไปแระ .. พอสติเริ่มหายไป .. ความฝัน มันก็เปลี่ยนฉากไป(ตามจิตไร้สำนึก)

    กลายเป็นฉาก ห้องเรียน จักรยานพังๆเก่าๆ การจัดเตียงนอน และการไปเรียนหนังสือและเดินกลับบ้านตอนประถม(มีผู้ชายที่เคยจีบ mamboo ตอนมหาลัยเข้ามาด้วย เหอๆๆ ^^ มาจีบในฝันอีกแระ ><)

    ตามมาด้วย ฉาก การแข่งรถ ขับรถอย่างเร็ว .. หนี UFO

    UFO ลำสีขาวๆ เป็น 3 เหลี่ยม.. mamboo รู้ล่ะ เลยจ้องนานๆว่า นี่เครื่องบินของอเมริกาที่ทำใหม่ หรือ UFO จริงๆเนี่ย ><

    พอจ้องๆอยู่ ก็เหมือนมีคนบอกว่า รีบหนีๆๆ เขาตามเราอยู่นะ O_O!! เขาจะยิงเรา..

    แล้ว mamboo กับเสียงนั้น(มีแต่เสียง) ก็ขับรถเก๋งอย่างเท่ห์ หนีไปเลย มีรถอีกคันก็หนีตามๆกันมาด้วย อิอิ ^^

    ตอนหลังเนี่ย มันเริ่มมั่ว เพราะสติเริ่มไม่มี

    ถ้ามีสติอยู่ตลอด มันจะไม่เปลี่ยนฉาก มันจะอยู่ฉากเดิม(เพราะเคยเป็นมาแล้ว)

    แล้วแอบเซ็ง .. ตอนที่ ทำให้หนังสือที่หล่นกระจัดกระจายกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่มันทำได้แค่ เล่มเดียว

    ทั้งๆที่เรารู้ว่า นี่คือความฝัน แต่กลับทำได้แค่เล่มเดียว..

    จะเหาะ จะอะไร ก็ยังยากอยู่ ><

    มันจะทำได้แค่ .. เวลามีสติและมีสมาธิจริงๆเท่านั้น.. แล้วบอกตัวเองว่า "นี่คือความฝันนะ ต้องทำได้สิ่ >< ทุกอย่างเป็นไปได้ในโลกแห่งความฝัน" แล้วมันก็จะเป็นไปได้

    แต่ถ้า เราจะทำให้มันเป็นไปได้เฉยๆ โดยที่ไม่ตั้งสติเลย มันจะไม่ค่อยเป็นให้อ่ะ ><

    กล่าวมาทั้งหมดนี่ มีการ หลับๆ-ตื่นๆ อยู่ 4-5 ครั้ง แต่ตื่นมา หลับตาอีก มันก็กลับไปฉากเดิม อิอิ ^^

    และนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้จำความฝันได้ยาวขนาดนี้ เพราะคนเรามักจะจำความฝันได้ตอนที่ใกล้ๆจะตื่น เพราะสมองส่วนที่ทำหน้าที่ในการจดจำและการทำงานของอวัยวะบางส่วน มันเริ่มจะกลับมาทำงานร่วมกับจิตแล้ว นั่นเอง อิอิ ^^
     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การที่เรารู้ว่าตัวเองกำลังฝัน ต้องเรียกว่าเป็นการมีสติ

    การฝันส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการที่เรามีความคิดในสิ่งเหล่านั้นมาก่อน ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนก็แล้วแต่

    เวลาที่เรานั่งกรรมฐานจนจิตนิ่งเป็นสมาธิ บางท่านบางคนก็จะเกิดนิมิต หรือ เห็นในเรื่องราวหลายๆอย่าง เหตุเพราะ สิ่งที่เราเคยคิดไว้ในช่วงเวลาของชีวิตตั้งแต่จำความได้มาจนถึงปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้จะถูกฝังลงในจิตใต้สำนึก ต่อเมื่อจิตเกิดความนิ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะผุดขึ้นมาเป็นปกติ การฝันก็เป็นเช่นเดียวกันนี้

    ในขณะที่เราหลับ ช่วงแรกที่หลับส่วนมากจิตจะมีการพักผ่อน และต่อจากนั้นจิตก็จะเกิดความนิ่ง สิ่งที่ฝังอยู่ใต้จิตสำนึกก็จะผุดขึ้นมา นี่คือที่มาของความฝันครับ

    แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือไปกว่านั้น คือ มีสิ่งที่นำพาเราออกไปนอกกาย เราก็จะเหมือนกำลังฝันอยู่ แต่สิ่งที่เห็นในความฝันจะเกิดขึ้นจริง และเราก็จะตกใจว่าเราฝันเห็นมาก่อนที่จะเกิดขึ้น แต่อาการเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เป็นด้วยกรรมที่เคยสร้างมากับสิ่งที่จะนำพาเราไปรู้ ไปเห็น แต่อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณเป็นเพราะการนั่งกรรมฐานจริงๆครับ นั้นเป็นเพราะพลังงานของจิตที่เรียกว่าสติครับ และยังมีพลังงานของจิตอีกชนิดหนึ่งด้วยครับที่ยังไม่ได้พูดถึงครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  17. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ธรรมดาของการฝันนั้น เป็นเวลาครึ่งหลับครึ่งตื่น ถ้าหลับสนิทจะไม่ฝัน

    และที่รู้สึกตัวในฝันนั้นเพราะเกิดจากการ เจริญสติ(โดยเฉพาะสติตัวรู้)

    พอหลับไม่สนิท สติตัวที่ยังตื่นอยู่จึงไปรู้เรื่องราวในฝันนั้นๆได้เป็นอย่างดี

    และมักปรากฏว่าความฝันนั้นมักเป็นเรื่องจริงและอัศจรรย์ใจ (ฝันในสมาธิ)
     
  18. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    ผมชอบฝันครับ สนุกดีบางทีจะฝันในที่ๆเราไม่เคยไป ฝันว่าทำกิจกรรมเสียวๆ ตื่นเต้นสนุกๆ เป็นการชดเชยชีวิตที่ไม่เคยมีประสพการณ์แบบนั้น ฝันบางอย่างเรารู้ว่าเราฝันแต่เราบังคับตัวเองให้ตื่น แต่ที่จริงยังนอนในฝัน อยู่อันนี้น่ากลัวมากสำหรับผม ผมเรียกมันว่าฝันซ้อนฝัน ผมเคยฝันซ้อนฝันหลายชั้นมากๆ กว่าจะตื่นมาได้จริงๆ เหนื่อยเลย ตอนแรกนึกว่าเป็นผีอำ พอเราหลุดแล้วตื่นขึ้นมา ดันกลายเป็นว่าเรายังไม่ตื่นเพียงแค่ฝัน แล้วเราก็พยามทำให้ตัวเองตื่น ก็ตื่นขึ้นในความฝันอีก วนลูปอย่างนี้เกือบร้อยครั้งได้มั้ง กลัวมากๆเลยตอนนั้น กลัวว่าจะไม่ได้ตื่นจริงๆ
     
  19. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ฝันซ้อนฝันสัก 10 ซ้อน ก็อัศจรรย์ใจแล้ว แต่นี่เกือบร้อยครั้ง ถือว่าเป็นสถิติ ได้เลยนะครับ
    ความมหัศจรรย์ในโลกนี้ประเมินไม่ได้เลยจริงๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้
     
  20. นามิกา

    นามิกา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +52
    เคยฝันว่า มีพระรูปหนึ่งมาที่บ้านแบกกรดมาคล้ายพระธุดงค์ ดิฉันเข้าไปถามท่านว่า ท่านมาทำอะไรที่นี่ ท่านตอบว่า ท่านมาเยี่ยมดูว่า ลูกหลานเป็นอย่างไรกันบ้าง สบายดีใหม ตอนนั้นรู้ตัวว่าตัวเองกำลังฝันและทุกคนในบ้านก็หลับอยู่ จึงตอบท่านไปว่า ทุกคนอยู่กันสบายดี ไม่มีอะไรค่ะ แล้วท่านไปหายไป อยู่มาไม่นานก็ไปเห็นรูปเจ้าอาวาสวัดไกล้บ้านองค์ก่อนสมัยแม่ยังเด็ก(เห็นที่บ้านญาติผู้ใหญ่ตอนไปรดน้ำดำหัว)เห็นว่ามีหน้าตาคล้ายในฝันมาก(จึงถามว่าใคร) ท่านไม่ได้เป็นญาติกับดิฉัน แต่ตอนที่ท่านยังมีชีวิต ครอบครัวของดิฉันจะสนิทกับท่านมาก(ตอนนั้นดิฉันยังไม่เกิด) เพราะตาของดิฉันเป็นสามล้อส่งท่านเวลารับนิมนต์ ตอนเย็นๆก็มักไปพุดคุยกับท่านที่วัดบ่อยๆ ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเป็นเรื่องจริงหรืออุปทาน มันเหลือเชื่อเกินไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...