เรื่องเด่น รวมเรื่องราวระลึกชาติ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 23 มกราคม 2018.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    silence.jpg


    เกร็ดประวัติบูรพาจารย์พระอริยะบุคคลสายวิปัสนากรรมฐาน(ขอยกอดีตชาติของแต่ละองค์หลวงปู่ หลวงตา ท่านมาเพียงบางองค์พอสังเขป) เพื่อให้ผู้ศรัทธาในพระศาสนามีกำลังใจในการทำความดีต่อไป

    พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) ระลึกชาติ..

    เกิดสมัยพุทธกาล : ขณะนั้นจิตมีปีติซาบซ่านเข้าถึงเอกัคคตาญาณ กายเบาจิตใจมีความสงบระงับ จิตเดินเข้าสู่ปฐมฌาน ทุติยฌาน และจตุตถฌานโดยลำดับ พักอยู่ในจตุตถฌาน นานพอควรแล้วถอยออกมาจนถึงปฐมฌานจึงหยุด

    ในลำดับนี้หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) ท่านว่าเกิดปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือรู้อดีตชาติ เกิดนิมิตภาพลูกสุนัขกินนมแม่

    หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) รู้ด้วยใจว่า ลูกสุนัขก็คือตัวท่านเองในอดีตชาติที่เกิดเป็นสุนัขนับชาติไม่ถ้วน สาเหตุมาจากลูกสุนัขมีความพอใจในอัตภาพของมัน จงส่งผลให้เกิดเป็นสุนัขจึงติดอยู่ในภพนี้หลายชาติ สร้างความสลดสังเวชให้กับท่านเป็นอย่างมาก

    จากนั้นหลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) ได้ค้นลงหาถึงต้นสายปลายเหตุพบว่า

    “ เราปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณ ” จากนั้นภาพในอดีตชาติสมัยพุทธกาล

    หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) เกิดเป็นเสนาบดีได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าศากยมุนี ขณะที่พระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนาถึงมหาสติปัฎฐานสูตร

    หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) ได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าว่า

    “ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นพระองค์เถิด”

    นับจากวาระจิตนั้น หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) ดำรงอยู่โพธิสัตว์ธรรม
    บำเพ็ญพระโพธิญาณมาหลายร้อยชาติ เมื่อได้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ทำให้หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) ระลึกถึงชาติภพต่างๆ มาพอสมควร เห็นความน่ากลัวของสังสารวัฏ


    และหากปรรถนาจะบรรลุพระนิพพานในชาตินี้ จะต้องละเสียจาก “พระโพธิญาณ”

    ก่อนที่หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) จะตั้งจิตถอนจาก “ โพธิญาณ ”

    ท่านได้เดินสมาธิเฝ้าย้อนรำลึกในอดีตชาติว่า ท่านเพิ่งจะเริ่มตั้งจิตปรารถนาต่อพุทธภูมิต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าศากยโคตมะ เท่านั้น เส้นทางบำเพ็ญเพียรเพียงแค่กึ่งพุทธกาล

    อีกทั้งในอดีตชาติที่ผ่านมา ท่านระลึกได้ถึงความยากลำบากของการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎ ท่านสลดสังเวชแม้ท่านจะบำเพ็ญบารมีเพียงใดยังเคยเกิดเป็นหมาขี้เรื้อนถึง ๕๐๐ ชาติ

    ทำให้หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) มองดูสรรพสัตว์ในสังสารวัฎที่ยังคงหลับไหล เขาเหล่านั้นยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นไร เมื่อสิ้นชีวิตลงไปแล้วต้องไปตามกรรม

    ครั้นหลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) จะละถอนจาก “ โพธิญาณ ” ก็ให้สงสารสัตว์เหล่านั้น

    แต่เมื่อมองดูท่ามกลางสรรพสัตว์ทั่วไตรภพ ยังมีขบวนพระมหาโพธิสัตว์มีจำนวนมาก ที่ได้พุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าในอดีตที่ผ่านมาแล้วว่าเป็น นิตยโพธิสัตว์ (พระโพธิสัตว์ที่จักได้รับการบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน)

    และยังมีพระโพธิสัตว์อีกจำนวนมาก ที่ยังไม่ได้รับการพยากรณ์ อยู่ในสังสารวัฎ ยังคงบำเพ็ญบารมีช่วยขนสรรพชีวิตให้พ้นทุกข์ต่อไป

    เมื่อพิจารณาดังนี้หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) จึงอธิษฐานจิต ละจากพระโพธิญาณ (จากหนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เขียนโดยหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี)

    ครั้งพุทธกกาลนั้น หลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) เกิดเสนาบดี และท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่มหาจันทร์ สิริจนฺโท) เกิดเป็นกษัตริย์ครองกุรุรัฐ(กรุงเดลฮี ในปัจจุบัน) หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย เกิดเป็นหลานชายของหลวงปู่มั่น (ภูริทัตโต) ได้ทำมหากุศลต่อเบื้องพระพักตร์ของพระบรมศาสดาองค์ปัจจุบัน

    หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ในครั้งพุทธกาล เคยเกิดเป็นศิษย์ของพระเทวทัต ชื่อ โกกาลิกะ ท่านได้ออกบวชจากศากยวงศ์
    และเนื่องจากเป็นภิกษุเพิ่งบวชใหม่ หลงเชื่อตามคำบอกพระเทวทัต


    สุดท้ายพระพุทธองค์ ได้มีพุทธโอวาทบอกให้กับพระอัครสาวกทั้งสองไปโปรดภิกษุหมู่นั้น กระทั่งได้กลับมายังสำนักของพระพุทธองค์เช่นเดิม

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าบ้านโคกมน จ.เลย เคยเกิดเป็นสามเณรน้อยลูกศิษย์ของพระมหากัสปะเถระเจ้า(ผู้เลิศทางธุดงควัตร)

    หลังจากพระพุทธองค์ปริพานแล้ว ได้เดินทางมากับพระมหากัสปะเถระ

    ได้อันเชิญพระอุรังคธาตุ(พระธาตุทรวงอกของพระพุทธเจ้า) มาสร้างเป็นสถูปเจดีย์ ปัจจุบันคือพระธาตุพนม จ.นครพนม

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ยังเกี่ยวข้องกับพระอนุรุทธะเถระเจ้า เคยเป็นครูเป็นอาจารย์กัน เป็นสหธรรมมิกกัน กลับไปกลับมา (ข้อมูลจากธรรมะของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม)

    ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม จ.สมุทรปาการ เคยเกิดเป็นพระเจ้าอโศกมหาราช หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เคยเกิดเป็นหลาน ท่านทั้งสองได้ทำสังคยานาครั้งที่ ๓ ร่วมกัน (ข้อมูลจากธรรมะหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ)

    หลวงปู่วิริยังค์ สิรินธโร วัดธรรมมงคล กทม. เคยเป็นสหธรรมมิกบวชเป็นพระภิกษุร่วมกับหลวงปู่มั่น(ภูริทัตโต) ได้กระทำสังคยานาครั้งที่ ๕ ร่วมกันกับหมู่พระเถระในสมัยนั้น เคยเป็นครูเป็นอาจารย์กันบ้าง กลับไปกลับมา

    และอีกหลายองค์ จะเห็นได้ว่ากรรมจะเป็นตัวพาไป ดังเช่นพ่อแม่ครูจารย์ทุกท่าน ซึ่งข้าพเจ้าขอยุติไว้แค่นี้ก่อน ขอโอวาทของพ่อแม่ครูจารย์ หลวงปู่ หลวงตา มาเล่าให้ทุกท่านฟังเผื่อ บางท่านยังไม่ทราบ หรือทราบแล้วก็ขออภัยมา ณ ที่นี้

    โอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต : คนไทย คนลาว หรือคนแถบสุวรรณภูมิคือคนครั้งพุทธกาล เป็นคนมาจากกรุงราชคฤช์/เมืองกบิลพัสด์ ส่วนพวกคนพม่า รามัญ เป็นคนมาจากเมืองโกศล เมืองสารวัตถี เมืองเวสาลี ศาสนาจะตั้งอยู่ได้เฉพาะดินแดนแถบนี้

    เพราะเป็นคนครั้งพุทธกาล อพยพหนีพวกเปอร์เซีย(ตะวันออกกลาง) ที่มาล่าอาณานิคมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพื่อขยายอาณาจักรอิสลาม

    ประเทศไทยจะมีกษัตริย์ปกครองดูแลอุปถัมภ์มาตลอด ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน และจะมีพระอริยะบุคคลตั้งแต่โสดาถึงบรรลุธรรมอันสูงสุด(อรหันต์)เกิดขึ้นเยอะ เพราะกษัตริย์อุปถัมภ์และทรงทศพิศราชธรรม คือประเทศไทย จะเป็นแดนดินที่พระศาสนาเกิดขึ้นมาตลอดในสมัยพระศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะแถบภาคเหนือของไทย มีจังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

    ส่วนพม่า รามัญ จะมีเศรษฐีอุปภัมถ์มาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล เช่น อณาถะบิณฑิกะเศรษฐี นางวิสาขา เป็นต้น พระอริยะบุคคลจะมีแต่น้อยกว่า เศรษฐีอุปถัมภ์ศาสนาจะคงอยู่ได้ไม่นาน ไม่เหมือนกษัตริย์อุปถัมภ์

    คนไทยกับพม่า จะรักกันก็รักไม่ลง จะเกลียดกันก็เกลียดไม่ลง ยังคงมีเมตตาสงสารกันอยู่ ทำสงครามรบกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล จนถึงปัจจุบัน ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ ที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องมาจากกรรมทั้งนั้น

    ข้าพเจ้าขอยกเกร็ดความรู้อีกอย่างหนึ่งมา โดยเฉพาะบูรพกษัตริย์ไทยทุกๆ พระองค์ สร้างบารมีเพื่อพระโพธิญาณ (ประวัติหลวงปู่มั่น จากหนังสือ "รำลึกวันวาน". หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ)

    ดังเช่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ล้นเกล้า รัชการที่ ๙ ของเราที่ทุกคนคงรู้และเห็นในพระกรณียกิจนานานับประการ


    ทรงพระปัญญาอันยอดเยี่ยมในการปกครองไพร่ฟ้าประชาชน อดีตชาติคือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านก็เคยเกิดเป็นลูกของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ มาหลายภพหลายชาติ (ธรรมะประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ)


    ส่วนในครั้งพุทธกาลนั้น ข้าพเจ้าขอยกมาเพียง ๑ พระองค์ คือพระเจ้าปเสนทิโกศล(พระเจ้าประสันชิต แห่งเมืองโกศล) ในปัจจุบัน ณ ชาติ คือ ล้นเกล้า รัชการที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า

    และอีกมากมายทั้งเป็นพระสงฆ์สาวกที่บารมีใกล้เต็มภูมิแล้ว(พระโพธิญาณ)
    ขอยกมาให้ทราบพอสังเขป ดังเช่น หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้, หลวงปู่ดู่ วัดสะแก,

    หลวปู่โต วัดระฆัง, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโพ, ครูบาศรีวิชัย, ครูบาขาวปี,

    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ, หลวงปู่ดี ฉันโน วัดภูเขาแก้ว ต.พิบูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี,

    ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ เขมิโย) วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม,

    สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ,

    หลวงปู่แก้ว สุทฺโธ, หลวงปู่พา วัดถ้ำตับเต่า เชียงใหม่ ฯลฯ

    และบุคคลที่กำลังสร้างบารมี ตามมโนปณิทานของแต่ละบุคคล

    ซึ่งสุดท้ายแล้วมีที่สุดคือพระนิพพาน เช่นเดียวกัน ขอให้ทุกท่านจงศรัทธาในพระรัตนตรัยและทำความดีต่อไป เพื่อความพ้นทุกข์ตามคำสอนของพระศาสดา

    เราถือว่าโชคดีที่สุดได้มนุษย์สมบัติ พบพระพุทธศาสนา และได้พบพระธรรมอันบริสุทธิ์ ได้พบได้เห็นทั้งพระอริยะบุคล ตั้งแต่โสดาบันถึงบรรลุธรรมอันสูงสุด(อรหันต์) ทั้งที่ยังทรงธาตุขันธ์อยู่ และเข้าสู่แดนอนุปาทิเสสันนิพพานไปแล้ว และร่วมทำบุญกับโพธิสัตว์ และพระอริยะบุคคลระดับต่างๆ ทั้งยังได้ทำกองการบุญกุศลนับว่าโชคดีเป็นที่สุด

    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นพระอริยะบุคคลในชาตินี้ หรือเข้านิพพานตามรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวกองค์อรหันต์

    ก็ขอให้ถือบุญกุศลไว้ในการเดินทางในวัฏสงสารต่อไป จนกว่าจะถึงพระนิพพาน

    สุดท้ายแล้ว ข้าพเจ้าขอบูชาธรรมของพระพุทธองค์ ธรรมของพ่อแม่ครูจารย์หลวงปู่ หลวงตา ทุกๆองค์ และขออนุโมทนาสาธุกับบุญกุศลที่ทุกๆท่านได้ทำ ได้สร้างให้เป็นปัจจัยหนุนนำใหมีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต จนกว่าจะถึงพระนิพพาน สาธุ สาธุ สาธุ

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่านครับ

    เพจธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    https://www.facebook.com/ThammaLuangpuMunPage

    รวมเรื่องราวระลึกชาติ

    การระลึกชาติของพระเทพสุทธาจารย์ หรือหลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน

    เกรียงไกร พิพัฒน์กิจไพศาล
    Published on Jul 2, 2015
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    คุณเชื่อหรือไม่!!! การระลึกชาติ ของ คุณน้อย ปรานี

    ดีเจแอน channel
    Published on Jan 3, 2018

    เจ้าชายน้อยภูฏานระลึกชาติ 824 ปี และ 10เรื่องชวนขนลุกเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด

    photo.jpg
    Gold Star Channel
    Published on Jan 31, 2017

    เป็นกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์ของภูฏานและอินเดีย เมื่อมีรายงานข่าวหลายแห่งระบุว่า เจ้าชายราชวงศ์ภูฏานพระองค์หนึ่ง ชันษา 3 ปี สามารถระลึกชาติได้ว่า ชาติก่อนทรงเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก เมื่อ 824 ปี ก่อน
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    การระลึกชาติของ ด.ช. ชนัย ชูมาลัยวงศ์ (กลับชาติมาเกิด)

    ชีวิตนี้น้อยนัก
    Published on Nov 27, 2015

    ใครที่ได้ชมรายการตีสิบ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อาจจะรู้สึกขนลุกซู่ไปตามๆ กัน เมื่อทางรายการนำเรื่องราวของ "ชนัย" หนุ่มใหญ่ที่สามารถระลึกชาติที่แล้วของตัวเองได้ว่าตัวเองคือ "ครูบัวไข" มานำเสนออีกครั้ง ทำให้คนอยากรู้เรื่องราวของครูบัวไขกันมากขึ้น วันนี้กระปุกจึงนำประเด็นฮอตนี้มาฝากกันค่ะ ชนัย ชูมาลัยวงษ์ เกิดเมื่อปี พ.ศ.2510 ที่จังหวัดพิจิตร ปัจจุบันอายุ 41 ปี ประกอบอาชีพเป็นช่างแอร์ โดยชนัยได้เคยเล่าเรื่องราวการระลึกชาติของเขาในหนังสือ และล่าสุดผ่านทางรายการโทรทัศน์ว่า เขาสามารถระลึกชาติได้ตั้งแต่มีอายุได้เพียง 3 ปี โดยชนัยบอกว่า ในชาติที่แล้วตัวเองเป็นครู มีชื่อว่า "บัวไข หล่อนาค" สอนอยู่ที่โรงเรียนท่าบ่อ อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร มีภรรยาชื่อ "สวน" และมีลูกทั้งหมด 5 คน เป็นหญิง 3 คน ชาย 2 คน และมีลูกฝาแฝดที่สนิทกันมาก ก่อนครูบัวไขจะเสียชีวิตในวัย 35 ปี เมื่อปี พ.ศ.2505 เนื่องจากถูกลอบยิงจากท้ายทอยทะลุหน้าผาก ขณะที่ตัวเองกำลังเดินทางไปสอนหนังสือที่โรงเรียน
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    เรื่องราวระลึกชาติของ ด.ญ.พิมพวดี ผลกรรมที่มีจริง!!!

    I'm Somsom
    Published on Aug 19, 2016
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    ประสบการณ์นั่งสมาธิระลึกชาติ

    DoYang
    Published on Jan 9, 2017

    เรื่องราวประสบการณ์นั่งสมาธิระลึกชาติ ของ ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม จากรายการคลับเซเว่น ที่ดำเนินรายการโดย ไตรภพ ลิมปพัทธ์ เป็นเรื่องราวของการทำสมาธิ ที่ให้ผลหลายๆอย่างในการพัฒนาชีวิต
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    คนระลึกชาติ : ดาราฮอลลีวูด กลับชาติมาเกิด

    แบ่งปัน ทุกเรื่องราว
    Published on Jul 30, 2016
    กลายเป็นปรากฏการณ์ชวนพิศวงที่หาคำอธิบายไม่ได้ เมื่อเด็กชายชาวอเมริกันวัย 5 ขวบ " ไรอัน แฮมมอส " บอกว่าตัวเองเป็นอดีตนักแสดงฮอลลีวูดกลับชาติมาเกิด แถมบอกรายละเอียดชีวิตชาติก่อนได้ตรงเป๊ะ ไม่ผิดเพี้ยน
     
  11. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    เป็นเรื่องอจินไตย แต่ก็ชอบศึกษาเหมือนกัน แนะนำเล่มนี้ด้วยเพราะอ่านแล้วน่าจะจริงสมัยเด็กไป
    เล่นอยู่ในสถานที่ที่กล่าวถึงน่ะ ข้ามภพข้ามชาติ.jpg
     
  12. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +1,095
    sa247.jpg
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    เพียง ๙ ขวบนั่งสมาธิไปเที่ยวสวรรค์ และระลึกชาติย้อนหลังไปถึง ๒ ชาติ ของเก่ามีมาเยอะ !

    photo.jpg
    สารธรรมนำใจ

    Published on Jan 29, 2018
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  15. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    สาธุค่ะ _/\_ อยากให้โพสตัวหนังสือเยอะๆ ค่ะ
    เพราะทำงานอยู่ ว่างๆ ก็เข้ามาอ่าน

    แต่ถ้าจะใช้หูฟัง ก็กว่าจะโดนไล่ออก 5555 อดฟังเลย T-T
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
    วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี
    คัดลอกจาก http://www.wfb-hq.org/specth2.htm
    *จะต้องให้รู้ด้วยตนเอง ธรรมะที่แท้จริงเหมือนรสของแอ๊ปเปิ้ล เรื่องรสของแอ๊ปเปิ้ล เราฟังดูเฉยๆ ก็ไม่รู้ จะไม่รู้ว่ามันหวานหรือมันเปรี้ยวอย่างไร? นอกจากเราลองชิมแอ๊ปเปิ้ลนั้นแล้ว นั่นแหละ... จึงจะรู้แจ้งว่า รสของมันเป็นอย่างไร? อร่อยไหม? ไม่ต้องไปถามใครอีกแล้ว ปัญหามันจบที่ตรงนั้นเอง
    ครั้งหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งมาถามปัญหาท่านอาจารย์ชา (หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี) เรื่องชาติหน้าภพหน้า เขาสงสัยว่า คนตายแล้วเกิดหรือไม่?

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ชาติหน้ามีจริงไหม?
    ท่านอาจารย์ชา : ถ้าบอกจะเชื่อไหมล่ะ?
    ผู้ถาม : เชื่อ
    ท่านอาจารย์ชา : ถ้าเชื่อ......คุณก็โง่
    ผู้ถาม : คนตายแล้วเกิดไหม?
    ท่านอาจารย์ชา : จะเชื่อไหมล่ะ? ถ้าเชื่อ......คุณโง่หรือฉลาด?
    แล้วท่านจึงสอนต่อไปว่า
    หลายคนมาถามอาตมาเรื่องนี้ อาตมาก็ถามเขาอย่างนี้เหมือนกันว่า ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม? ถ้าเชื่อคุณก็โง่ เพราะอะไร ก็เพราะมันไม่มีหลักฐาน-พยานอะไรที่จะหยิบมาให้ดูได้ ที่คุณเชื่อเพราะคุณเชื่อตามเขา คนเขาว่าอย่างไร คุณก็เชื่ออย่างนั้น คุณไม่รู้ชัดด้วยปัญญาของคุณเอง คุณก็โง่อยู่ร่ำไป ที่นี้ถ้าอาตมาตอบว่า คนตายแล้วเกิดหรือว่าชาติหน้ามี อันนี้คุณต้องถามต่อไปอีกว่า ถ้ามี พาผมไปดูหน่อยได้ไหม? เรื่องมันเป็นอย่างนี้ มันหาที่จบลงไม่ได้ เป็นเหตุให้ทะเลาะทุ่มเถียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด
    ที่นี้ ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม? อาตมาก็ถามว่า พรุ่งนี้มีไหม? ถ้ามีพาไปดูได้ไหม? อย่างนี้คุณก็พาไปดูไม่ได้ ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีอยู่ แต่ก็พาไปดูไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าวันนี้มี พรุ่งนี้ก็ต้องมี แต่สิ่งนี้เป็นของที่จะหยิบยกเอามาเป็น วัตถุตัวตนให้เห็นไม่ได้
    ความจริงแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ให้เราตามไปดูถึงขนาดนั้น ไม่ต้องสงสัยว่าชาติหน้ามีหรือไม่มี ไม่ต้องไปถามว่า คนตายแล้วจะเกิดหรือไม่เกิด อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราคือ เราจะต้องรู้จัก เรื่องราวของตัวเองในปัจจุบัน เราต้องรู้ว่า เรามีทุกข์ไหม? ถ้าทุกข์ มันทุกข์เพราะอะไร? นี้คือสิ่งที่เราจะต้องรู้ และเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราจะต้องรู้ด้วย
    พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราถือเอาปัจจุบันเป็นเหตุของทุกอย่าง เพราะว่าปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต คือถ้าวันนี้ผ่านไป วันพรุ่งนี้มันก็กลายมาเป็นวันนี้ นี่เรียกว่าอนาคตคือพรุ่งนี้ มันจะมีได้ก็เพราะวันนี้เป็นเหตุ ทีนี้อดีตก็เป็นไปจากปัจจุบัน หมายความว่า ถ้าวันนี้ผ่านไป มันก็กลายเป็นเมื่อวาน นี้เสียแล้ว นี่คือเหตุที่มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เราพิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน เท่านี้ก็พอแล้ว
    ถ้าปัจจุบันเราสร้างเหตุไว้ดี อนาคตมันก็จะดีด้วย อดีตคือวันนี้ที่ผ่านไป มันย่อมดีด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตคือชาติหน้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง
    คนหนึ่งพูดว่า : กลัวว่าชาติหน้าจะไม่ได้เกิด
    ท่านอาจารย์ชา : นั่นแหละยิ่งดี กลัวมันจะเกิดเสียด้วยซ้ำไป
    ในครั้งพุทธกาล สมัยที่พระพุทธเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ มีพราหมณ์คนหนึ่งมีความสงสัยว่า คนตายแล้วไปไหน? คนตายแล้วเกิดหรือไม่? ถ้าพระองค์ตอบได้ก็จะมาบวชด้วย แต่ถ้าตอบไม่ได้หรือไม่ตอบ แกก็จะไม่บวช แกว่าของแกอย่างนั้น พระพุทธเจ้าจึงตอบว่า มันเป็นเรื่องอะไรของฉันเล่า พราหมณ์จะบวชหรือไม่บวช นั่นเป็นเรื่องของพราหมณ์ ไม่ใช่เรื่องของฉัน พระองค์ตรัสว่า
    ถ้าตราบใดที่พราหมณ์ยังมีความเห็นว่า มีคนเกิดหรือมีคนตาย คนตายแล้วเกิดหรือคนตายแล้วไม่เกิด ถ้าพราหมณ์ยังมีความเห็นอยู่อย่างนี้ พราหมณ์ก็จะเป็นทุกข์ทรมานอยู่อีกหลายกัลป์ ทางที่ถูกนั้น พราหมณ์จะต้องถอนลูกศรออกเสียบัดนี้
    พระพุทธเจ้าท่านว่า ความจริงแล้วไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย พราหมณ์คนนั้นฟังไม่รู้เรื่อง และจนกว่าแกจะได้ เรียนรู้เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้เข้าใจถ่องแท้เสียแล้วนั่นแหละ จึงจะเข้าใจคำพูดของพระองค์ได้ นั่นจึงจะเรียกว่า การรู้เห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญา เป็นการเชื่อด้วยปัญญา
    พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ ไม่ได้สอนว่า ให้เชื่อว่าคนตายแล้วเกิดหรือไม่เกิด ชาติหน้ามีหรือไม่มี อย่างนั่นไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อ จะถือเอาเป็นประมาณไม่ได้ จะถือเอาเป็นหลักเกณฑ์ไม่ได้ ดังนั้น ที่คุณถามว่า ชาติหน้ามีไหมนั้น
    อาตมาจึงถามคุณว่า ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม? ถ้าเชื่อ โง่หรือฉลาด? อย่างนี้เข้าใจไหม? ให้เอาไปคิดดูเป็นการบ้านนะ.

    ............................... bar-red-lotus-small.jpg
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    เราคงเคยได้ยินเรื่องราวของการกลับชาติมาเกิดและการระลึกชาติได้มาหลายครั้งแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นก็ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ รวมถึง 10 เรื่องชวนขนลุก เกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด จากเว็บไซต์ listverse ต่อไปนี้ ที่นำเสนอเรื่องราวการกลับชาติมาเกิดในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งแม้จะยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่เราไม่อาจปฏิเสธถึงความเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน

    1. การระลึกชาติของคนไข้


    10_2.jpg

    นับเป็นเรื่องชวนขนลุกสำหรับ ดร.ไบรอัน เวสส์ ผู้เปิดเผยเรื่องราวของการระลึกชาติของคนไข้ชื่อ แคทเธอรีน ลงในหนังสือ "Many Lives, Many Masters" ของเขา โดย ดร.ไบรอัน เผยว่าระหว่างขั้นตอนการสะกดจิตระลึกชาติ แคทเธอรีนทำให้เขาต้องช็อกเมื่อเธอเอ่ยถึงพ่อและลูกชายของเขาว่า "พ่อของคุณอยู่ที่นี่แล้วพร้อมกับลูกชายของคุณ เด็กเล็ก ๆ คนนั้น พ่อบอกว่าคุณจะรู้จักเขา เพราะเขามีชื่อว่า เอฟรอม ลูกสาวของคุณได้รับชื่อมาจากปู่ พ่อของคุณเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจ ลูกชายของคุณก็มีปัญหาที่หัวใจเช่นกัน"

    และนั่นทำให้ ดร.ไบรอัน ถึงกับช็อกที่แคทเธอรีนรู้เรื่องราวในชีวิตส่วนตัวของเขา เธอกำลังพูดถึง อดัม ลูกชายของเขาที่จากโลกไปในวัย 23 ปี เนื่องจากความผิดปกติที่หัวใจ นอกจากนี้ เอลวิน พ่อของเขาก็มีชื่อเป็นภาษาฮีบรูว่า เอฟรอม ด้วย ขณะที่ เอมี่ ลูกสาวของเขาก็ได้รับชื่อมาจากปู่จริง ๆ


    2. ความทรงจำถึงแมว

    9_1.jpg

    ในปี 2535 จอห์น แมคคอนเนล ถูกยิง 6 นัดจนถึงแก่ความตาย โดยทิ้งทายาทไว้คือลูกสาวชื่อ ดอรีน จากนั้นในปี 2540 ดอรีนก็ให้กำเนิดลูกชายชื่อ วิลเลียม อย่างไรก็ตามเธอพบว่าลูกชายมีอาการลิ้นหัวใจพัลโมนารีตีบ และหัวใจห้องล่างขวาพิการ แต่ในที่สุดอาการของวิลเลียมก็ดีขึ้นหลังจากการผ่าตัดหลายครั้ง น่าแปลกที่อาการของวิลเลียมเกิดขึ้นในตำแหน่งที่จอห์นถูกยิงไม่มีผิด

    นอกจากนี้ ในวันหนึ่งขณะที่ดอรีนจะลงโทษวิลเลียม เขาก็บอกกับเธอว่า "ตอนที่ลูกยังเป็นเด็กและพ่อเป็นพ่อของลูก ลูกก็ทำนิสัยแย่ ๆ หลายครั้ง แต่พ่อไม่เคยตีลูกเลยนะ" แถมหลังจากนั้นวิลเลียมยังเคยถามดอรีนถึงแมวที่เธอเคยเลี้ยงตอนเป็นเด็กด้วย โดยวิลเลียมเรียกชื่อแมวตัวนั้นว่า บอส อันเป็นชื่อที่มีเพียงจอห์นเท่านั้นที่จะเรียกมัน อีกทั้งวิลเลียมยังสามารถระบุวันเกิดและวันตายของจอห์นได้อย่างถูกต้องด้วย


    3. บาดแผลของพี่ชาย

    8_1.jpg

    ในปี 2552 เควิน คริสเตนสัน เสียชีวิตด้วยวัย 2 ขวบ หลังขาที่หักตอนอายุ 18 เดือนทำให้เขาเริ่มมีการแพร่กระจายของเชื้อมะเร็ง เควินต้องรับเคมีบำบัดผ่านท่อที่คอ และยังต้องต่อสู้กับโรคร้ายหลายอย่าง รวมถึงเนื้องอกที่ตาซ้าย และปุ่มเนื้อที่หูด้านขวา

    เวลาผ่านไป 12 ปี แม่ของเควินได้แต่งงานใหม่และมีลูกชายอีกคนชื่อ แพทริก ซึ่งมีความคล้ายกับพี่ชายของเขาอย่างมาก แพทริกเกิดมาพร้อมปานที่ดูเหมือนรอยแผลเล็ก ๆ ที่คอ จุดเดียวกับท่อที่เควินเคยรับเคมีบำบัด นอกจากนี้แพทริกก็ยังมีก้อนบนศีรษะในตำแหน่งเดียวกับที่เควินมี และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีปัญหาที่ตาซ้ายเช่นกัน

    เมื่อแพทริกเริ่มเดินได้ เขาก็เดินกะโผลกกะเผลกทั้งที่ไม่มีปัญหาสุขภาพใด ๆ เด็กน้อยอ้างว่ามีความทรงจำเหมือนเคยผ่านการผ่าตัดมาก่อน และเมื่อถูกถามว่าผ่าที่ใด แพทริกก็ชี้ไปยังหูด้านขวา ตำแหน่งเดียวกับที่เควินมีปัญหา จากนั้นเมื่อเควินอายุ 4 ขวบ เขาก็เริ่มถามหาบ้านหลังเก่าทั้งที่ไม่เคยอาศัยอยู่ที่อื่นมาก่อน


    4. ทหารญี่ปุ่นที่ถูกเผาทั้งเป็น

    7_4.jpg

    เอียน สตีเวนสัน ศาสตราจารย์ด้านจิตเวชจากมหาวิทยาลัยของรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ ผู้ศึกษาเรื่องการระลึกชาติ ได้เข้ามาศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กสาวชาวพม่า ชื่อ มาวินทาร์ เธอเกิดเมื่อปี 2505 ในตอนที่เธอมีอายุ 3 ขวบเธออ้างว่าเคยมีชีวิตอยู่ในฐานะทหารญี่ปุ่น ผู้ถูกชาวพม่าจับมัดและเผาทั้งเป็น ซึ่งเอียนก็พบว่าในอดีตได้เคยมีเหตุการณ์ที่ชาวพม่าจับผู้ที่พลัดหลงจากกองทัพญี่ปุ่นมามัดและเผาทั้งเป็นเช่นกัน

    นอกจากนี้ มาวินทาร์ยังเผยให้เห็นบุคลิกที่ไม่เข้ากับวิถีชีวิตชาวพม่า เช่นชอบตัดผมสั้นและอยากแต่งตัวแบบเด็กผู้ชาย เธอไม่ทานเผ็ด แต่ชอบทานอาหารรสหวานและเนื้อหมู เธอยังมีพฤติกรรมชอบตบหน้าเพื่อนที่เล่นด้วยกัน คล้ายคลึงกับทหารญี่ปุ่นที่ชอบตบหน้าชาวพม่า ยิ่งไปกว่านั้น มาวินทาร์ยังต่อต้านศาสนาพุทธและบอกว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติด้วย

    ทั้งนี้มาวินทาร์เกิดมาพร้อมความบกพร่องอย่างรุนแรงที่ข้อมือทั้ง 2 ข้าง นิ้วของเธอก็มีพังผืดและมีปัญหาหลายอย่าง ขณะที่ข้อมือของเธอก็ยังมีร่องรอยเหมือนเคยถูกเชือกมัดและเผาไหม้ เหมือนชาวญี่ปุ่นที่ถูกเผาทั้งเป็นด้วย


    5. ความทรงจำถึงอาราม

    6_2.jpg

    ในหนังสือ "Your Past Lives And The Healing Process" ของจิตแพทย์ชื่อ เอเดรียน ฟินเกลสเตน ได้บอกเล่าเรื่องราวของ โรบิน ฮูลล์ เด็กชายที่มักจะพูดภาษาที่แม่ของเขาฟังไม่รู้เรื่อง ด้วยเหตุนี้แม่ของเขาจึงได้ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาเอเชียให้เข้ามาตรวจสอบ ก่อนจะพบว่าภาษาที่เด็กชายพูดเป็นภาษาถิ่นทางตอนเหนือของทิเบต

    เมื่อหลายปีที่ผ่านมาโรบินเคยบอกว่าเขาอยากจะไปเรียนในอาราม อันเป็นสถานที่ที่สอนภาษาดังกล่าวให้เขา ทั้งที่ในความจริงแล้วเด็กชายไม่ได้อยู่ในวัยเรียน และไม่เคยแม้แต่จะก้าวเท้าเข้าห้องเรียนด้วยซ้ำ จากการตรวจสอบเพิ่มเติม ผู้เชี่ยวชาญคนดังกล่าวยังได้เดินทางไปยังเทือกเขาคุนหลุน เพื่อค้นหาอารามตามที่โรบินเอ่ยอ้าง ซึ่งก็พบว่ามีสถานที่แห่งนั้นอยู่จริงตามคำพูดของเด็กชาย


    6. ผู้ที่รู้จักภาษาสวีเดนตั้งแต่เกิด

    5_8.jpg

    เอียน สตีเวนสัน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ได้มีการศึกษากรณีอัจฉริยภาพทางภาษาในหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงกรณีของผู้ที่สามารถพูดภาษาที่ต่างไปจากภาษาในถิ่นฐานของพวกเขาด้วย โดยเอียนได้ศึกษาถึงกรณีของหญิงอเมริกันวัย 37 ปี ที่เขาเรียกเธอว่า TE

    TE เกิดและเติบโตในเมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐฯ เป็นลูกสาวในครอบครัวอพยพที่พูดภาษาอังกฤษ โปแลนด์ ยิดดิช และรัสเซีย เธอเคยเรียนภาษาฝรั่งเศสจากที่โรงเรียน อย่างไรก็ตามเธอเป็นเพียงคนเดียวในครอบครัวที่สามารถพูดภาษาสวีเดนได้ทั้งที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน

    อย่างไรก็ตาม ภายใต้การสะกดจิตที่ต่างกัน 8 ครั้ง พบว่าจิตของเธอได้กลายมาเป็นชายชาวสวีเดนชื่อ เจนสัน จาโคบาย และขณะที่อยู่ในฐานะของเจนสัน TE ก็สามารถพูดโต้ตอบกับชาวสวีเดนเป็นภาษาสวีเดนได้อย่างคล่องแคล่ว แม้เป็นคำที่ไม่เคยพูดมาก่อนก็ตาม


    7. ลายมือที่กลับชาติมาเกิดใหม่

    4_7.jpg

    ในตอนที่ ทารันจิต ซิงห์ อายุ 6 ขวบ เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านอัลลูนา เมียนา ที่ประเทศอินเดีย อย่างไรก็ตามเด็กชายพยายามอ้างมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบว่าชื่อจริงของเขาคือ ซัทนัม ซิงห์ มาจากหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไปกว่า 60 กิโลเมตร เขาจำได้ว่าตัวเองเป็นนักเรียนชั้น ม.3 มีพ่อชื่อ จีต ซิงห์ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2535 เขาถูกรถชนขณะขี่จักรยานจนเสียชีวิต เด็กชายยังอ้างว่าหนังสือที่เขาถืออยู่ในวันนั้นชุ่มไปด้วยเลือด และมีเงิน 30 รูปีอยู่ในกระเป๋าตอนเกิดเหตุ

    เมื่อ รันจิต ซิงห์ พ่อของทารันจิตได้ฟังเรื่องที่ลูกชายเล่าจึงคิดจะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยพบว่าครูในเมืองข้างเคียงบอกว่าในอดีตเคยมีเด็กนักเรียนชื่อ ซัทนัม ซิงห์ เสียชีวิตในอุบัติเหตุจริง ๆ และเมื่อรันจิตเดินทางไปยังครอบครัวของซัทนัมก็ได้รับการยืนยันถึงรายละเอียดของหนังสือและเงินตามที่ลูกชายเอ่ยอ้าง และเมื่อเขาพาลูกชายมาพบกับครอบครัวของซัทนัม ก็พบว่าทารันจิตสามารถระบุตัวบุคคลที่อยู่ในรูปครอบครัวนี้ได้อย่างถูกต้อง

    นอกจากนี้เมื่อนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ทราบเรื่องลองนำตัวอย่างลายมือจากสมุดบันทึกของซัทนัมมาเปรียบเทียบกับลายมือของเด็กชายในปัจจุบัน ก็พบว่าแม้เด็กชายจะยังไม่คุ้นเคยกับการเขียน แต่เขาก็มีลายมือที่ใกล้เคียงกับซัทนัมมาก


    8. คนไข้ที่สังหารและแต่งงานกับลูกชายของตัวเอง

    3_12.jpg

    ดร.ไบรอัน เวสส์ อ้างว่าเขาเคยพบกับคนไข้ที่สามารถระลึกชาติได้ระหว่างการสะกดจิตระลึกชาติ ในหนังสือ "Messages from the Masters: Tapping into the Power of Love" ดร.ไบรอัน ได้เล่าเรื่องของคนไข้ชื่อ ไดแอน หัวหน้านางพยาบาลที่บอกเล่าถึงประสบการณ์ของนักบุกเบิกในอเมริกาเหนือ ช่วงต้นยุคความขัดแย้งระหว่างชนพื้นเมืองอเมริกัน เธอยังพูดถึงเรื่องราวขณะที่ตัวเองพาลูกไปซ่อนตัวในช่องลับเพื่อหนีจากนักล่า ระหว่างที่สามีออกไปข้างนอกบ้าน

    ไดแอนบรรยายว่าลูกชายที่อยู่ในวัยทารกของเธอมีปานรูปจันทร์เสี้ยวที่ไหล่ขวา อย่างไรก็ตามในขณะที่ซ่อนตัวอยู่เด็กน้อยเกิดร้องไห้ออกมา ด้วยความกลัวเธอจึงพยายามทำให้ลูกเงียบด้วยการปิดปากเขา ส่งผลให้ทารกน้อยขาดอากาศหายใจตาย

    ไม่กี่เดือนหลังจากที่ไดแอนเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเธอถูกดึงดูดเข้าหาผู้ป่วยโรคหอบหืดรายหนึ่ง ที่เขาเองก็รู้สึกคุ้นเคยกับเธอเช่นกัน และต่อมาไดแอนก็ต้องตกใจเมื่อได้สังเกตเห็นปานรูปจันทร์เสี้ยวอยู่บนไหล่ขวาของชายคนนี้ เวลาไปผ่านไปกระทั่งท้ายที่สุดเธอก็ได้แต่งงานกับเขา


    9. เด็กที่เกิดมาพร้อมรอยกระสุน

    2_22.jpg

    ในปี 2536 เอียน สตีเวนสัน ได้เคยตีพิมพ์รายงานฉบับหนึ่งในวารสารทางการแพทย์ ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับปานและข้อบกพร่องโดยกำเนิด ซึ่งดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงกับความทรงจำในชาติก่อน จากการวิจัยพบว่าความบกพร่องต่าง ๆ มักจะเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังเช่นกรณีของเด็กชายในตุรกีที่จดจำชีวิตของชายคนหนึ่งซึ่งถูกยิงตายได้

    บันทึกจากโรงพยาบาลชี้ว่า ชายคนดังกล่าวเสียชีวิตหลังถูกยิงที่กะโหลกศีรษะด้านขวาได้ 6 วัน ขณะที่เด็กชายคนนี้ก็เกิดมาพร้อมกับอาการใบหูเล็กแต่กำเนิด 1 ข้าง หูผิดรูป และใบหน้าด้านหนึ่งด้านใดเล็กกว่าปกติ ซึ่งอาการใบหูเล็กแต่กำเนิดจะเกิดกับทารกเพียง 1 ใน 6,000 คนเท่านั้น ขณะที่อาการใบหน้าเล็กข้างหนึ่งจะเกิดขึ้นกับทารก 1 ใน 3,500 คน


    10. การเปลี่ยนสภาพมาเป็นปาน

    1_47.jpg

    ในบางพื้นที่ของเอเชีย ชาวบ้านมีประเพณีทำสัญลักษณ์ไว้บนร่างกายของญาติที่เสียชีวิตไป โดยมักจะใช้เขม่าวาดเป็นสัญลักษณ์ไว้ โดยหวังว่าสัญลักษณ์ดังกล่าวจะนำวิญญาณของผู้ตายให้กลับมาเกิดใหม่ในครอบครัวอีกครั้ง ว่ากันว่าสัญลักษณ์ดังกล่าวได้กลายมาเป็นปาน เป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าวิญญาณนั้นได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว

    ในปี 2555 จิม ทัคเกอร์ จิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยแพทย์ของรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ และ เจอร์เกน เกล นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแทสเมเนีย ได้ตีพิมพ์รายงานลงวารสารทางการแพทย์ ระบุถึงการศึกษาครอบครัวหนึ่งที่มีเด็กเกิดมาพร้อมกับปาน และมีความเชื่อมโยงกับญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับ เด็กคนดังกล่าวคือ K.H. จากประเทศพม่า มีปานอยู่ที่แขนซ้าย จุดเดียวกับที่ตาของเขาถูกนำเขม่ามาป้ายไว้ตอนเสียชีวิต ตาของ K.H. เสียชีวิตได้เพียง 11 เดือนก่อนเขาเกิด จากนั้นเมื่อ K.H. มีอายุ 2 ขวบ เขาก็เรียกยายของเขาด้วยชื่อที่มีเพียงตาใช้เรียก ต่างจากคนอื่น ๆ ในครอบครัว นอกจากนี้แม่ของ K.H. ก็เคยฝันด้วยว่าพ่อของเธอมาเข้าฝันแล้วบอกว่าอยากจะมาอยู่ด้วย ดังนั้นเธอจึงคิดว่า K.H. คือพ่อที่กลับชาติมาเกิดจริง ๆ

    ภาพจาก listverse.com
    ขอบคุณที่มา :- https://hilight.kapook.com/view/117395
     

แชร์หน้านี้

Loading...