ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ทวีพงษ์ EV 0221 4940 6 TH

    พี่ชนัฏทิชา EV 0221 4941 0 TH

    พี่บุญชนะ EV 0221 4942 3 TH

    พี่นฤชา EV 0221 4943 7 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ EV 0221 4944 5 TH

    พี่สุรวุฒิ EV 0221 4945 4 TH

    พี่วีระยุทธ EV 0221 4946 8 TH
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พระอินทร์เนื้อธาตุจักรพรรดิ

    ต่อจากเมื่อวานนะครับ วันนี้ก็จะมาพูดในส่วนของเหรียญหล่อที่แยกออกจากเครื่องมงคลของท่าน ซึ่งเป็นเหรียญนำฤกษ์ที่พ่ออาจารย์ใช้ธาตุกายสิทธิ์หล่อเข้ากับตะกรุดมหาจักรพรรดิทุกสูตรของท่านล้วนๆ ด้วยวิชาลงตะกรุดจักรพรรดิ์นั้นมีหลายสูตรหลายพระยันต์ ท่านจึงรวบยอดมาจบที่องค์นี้ทั้งหมดเลยเน้นๆว่ายอดของจักรพรรดิ์ทุกสูตรห้อยองค์เดียวจบไม่ต้องตามหาอะไรใช้อีกในสายจักรพรรดิ์ท่านว่าเนื้อพระนั้นใช้แทนตะกรุดจักรพรรดิ์ได้เลยอุปเท่ห์เดียวกันทั้งหมด

    ที่สำคัญคือหล่อนำฤกษ์เนื้อพิเศษฝังตะกรุดพิเศษโดยพ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าเนื้อธาตุจักรพรรดิ์ ไฉนนำฤกษ์ถึงพิเศษ เพราะด้วยชนวนปกติของรุ่นนี้ก็อลังการแล้วทั้งตะกั่วอวนตีนแห ยันต์นะปถมัง ยันต์ต่างๆ เมือรวมกับกายสิทธิ์ธาตุและตะกรุดมหาจักรทุกสูตรท่านจึงเรียกว่าธาตุจักพรรดิ์*ทำไมต้องตะกรุดจักรพรรดิ์ สำคัญอย่างไรเมื่อใช้วิชามหาจักรพรรดิ์สร้างพระอินทร์
    (พ่ออาจารย์ท่านว่าฤทธิ์ของมหาจักรพรรดิ์แห่งเทวโลก หรือที่รู้กันดีในชื่อเทวราชอินทราจะยิ่งประสิทธิและสมบูรณ์ยิ่ง มากกว่าในขั้นกว่าการสร้างรูปท่านและเชิญเสกประสิทธิ์แบบธรรมดาอย่างเทียบไม่ติด เหมือนเชิญพระอินทร์เจ้าแวดล้อมด้วยสมบัติมหาจักรพรรดิ์ถ้วนทุกประการอาราธนาไปด้วยทีเดียว มีอำนาจใช้ธาตุจักรพรรดิ์หนุนชะตา เปลี่ยนวิถีชีวิตคนได้ด้วยอาญาสิทธิ์ของพระอินทร์)

    ...ติดตามกันให้ดีต่อจากนี้ไป ใครที่ถามหาพระจิ๋วๆสวยๆองค์เล็ก ถามหาตะกรุดจักรพรรดิ์ ที่ผิดหวัง ที่บ่นหนัก อยากได้บารมีพระมหาจักรพรรดิ์ใช้รุ่นนี้เลย บอกได้คำเดียวว่ารุ่นนี้สวยคลาสสิคมาก ทั้งมีน้อยออกให้บูชาได้เพียงหนเดียว แถมพิเศษสุดๆนั่นคือพระอินทร์นี้ทรงช้างไอยราพรตหรือเอราวัณ ท่านว่าชุดนี้เราหล่อด้วยโลหะคนละแบบกับตอนทำฝังด้วยเป็นการเทนำฤกษ์ แม้ตอนปลุกเสกก็เชิญท่านลงเต็มกำลัง สำคัญที่สุดคือช้างไอยราพรตลงมาเต็มภาคเสียงตึงตัง.... จะดีหรือมีนัยยะสำคัญอะไรพรุ่งนี้ต้องติดตามกันให้ดี วันนี้ผมจะลงเรื่องพระอินทร์คร่าวๆก่อนโดยยกเอาบทความที่เคยออกให้บูชาองค์พระอินทร์ไปก่อนหน้านั้นมาลงไว้

    แต่เดิมนั้นเคยมีการขอร้องส่วนตัวเข้ามาหลายครั้ง ให้พ่ออาจารย์ท่านสร้างองค์อมรินทร์หรือพระอินทร์ให้บูชา ในกรณีที่ผู้ประสงค์ขอบูชาอยากได้ไว้เป็นของดีประจำตัวของตน ถึงกระนั้นก็ได้รับการปฏิเสธจากท่านมาโดยตลอด โดยท่านให้เหตุผลว่ายังไม่ได้ขอไม่ได้คุยจะไปสร้างรูปท่านได้อย่างไร

    พ่ออาจารย์ท่านรู้ดีว่า การสร้างพระอินทร์นั้น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ในคติความเชื่อทางฝ่ายพุทธ พระอินทร์คือประมุขแห่งเทวสภา ซึ่งเป็นศูนย์รวมของสวรรค์ในทุกๆ ชั้นและยังเป็นราชาเเห่งทวยเทพในพิภพดาวดึงษ์ ซึ่งมีความรื่นรมณ์สูงสุด

    พ่ออาจารย์ท่านได้รับเทวบัญชาต่อเนื่องให้สร้างรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ...ด้วยเหตุว่าสรรพสัตว์นั้นดำรงค์อยู่ในท่ามกลาง เบื้องบนนั้นมีจอมเขาพระสิเนุราชมีพระอินทร์ประทับเป็นประธานแห่งเทวสภาในฉกามาพจรภูมิ เบื้องล่างนั้นก็มีพระแม่ธรณีศรีวสุนธราสถิตย์ปกครองอยู่ ครูท่านจึงประสงค์จะให้สัตว์ที่ตกถึงทุกข์มีพลังศักสิทธิ์เกื้อหนุนดูแลไม่ว่าจะเหนือฟ้าหรือใต้พิภพก็ตาม พ่ออาจารย์ท่านจึงได้นำตะกั่วอวนตีนแหที่ท่านลงยันต์นำมาแช่น้ำมนต์เก็บไว้มาทำพิธีหลอมหล่อพร้อมทั้งจารแผ่นยันต์บังคับนะปถมัง 14 นะและพระยันต์ 108 ใส่ลงไปด้วย พร้อมกับอักขระหัวใจพระอินทร์

    - เหรียญหล่อพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ พระอินทร์นั้นเป็นประธานเทวสภาและเป็นตำแหน่งของราชาแห่งทวยเทพทั้งมวล ปกครองทั้งสวรรค์ คุมทัพเทพเจ้าทุกวิมานในอากาศ เป็นตัวแทนของจอมเทพในสวรรค์ทั้งหกชั้น ในส่วนของช้างเอราวัณเทพบุตรนั้นท่านเป็นเทพบุตรสายนาคาซึ่งมีบารมีมาก มีฤทธิ์มาก ด้วยว่าได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังธรรมอยู่เสมอ เมื่อพระอินทร์จอมเทพประสงค์จะเสด็จที่แห่งใด เอราวัณเทพบุตรก็จะนิรมิตรรูปกายของตนเป็นพญาช้างสามสิบสามเศียร เมื่อพระอินทร์เสด็จขึ้นประทับแล้ว เทพยดาที่เหลืออีก 32 องค์อันเป็นสหชาติและมีบุญบารมีเสมอกันกับพระอินทร์ก็จะเสด็จประทับขึ้นพร้อมกัน พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเสกยากนักเป็นเหรียญที่มีเทวานุภาพมาก มันยากและมากกว่ารูปที่เห็น เพราะโดยพิธีแล้วท่านต้องเชิญเทพบดีทั้ง 33 ลงมาสถิตย์พร้อมกันที่ช้างเอราวัณนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระวรุณ พระประชาบดี สุริยเทพ จุลรถ มหารถ อเนกวัณณ และพระองค์อื่นๆโดยพร้อมกัน ไม่ใช่ว่านึกจะทำก็ทำเสียเฉยๆ จึงเป็นตราสัญลักษณ์พิเศษที่มีอำนาจมากเมื่อเสกอย่างถูกต้องแล้วท่านว่าเวลาไปที่แห่งหนไหนก็สั่นสะเทือนไปทุกภพภูมิ ด้วยอานุภาพของเทพยดาทั้ง 33 พระองค์อันเป็นจอมเทพบดีแห่งดาวดึงส์ และช้างเอราวัณนี้ เมื่อจะมีความสำคัญบอกกล่าวอย่างไร มีกิจธุระอย่างไรให้ระลึกถึงองค์พระอินทร์อันเป็นประธานเพียงองค์เดียวให้มั่นคงกระทำสัตย์อธิษฐานไป พ่ออาจารย์ท่านว่าความนั้นย่อมตกและทราบทั่วถึงกันทั้งดาวดึงส์นอกจากพระอินทร์แล้วจอมเทพอีกทั้ง 32 พระองค์ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเราด้วยไม่รวมเหล่าเทพบริพารทั้งดาวดึงส์สวรรค์ท่านว่าเพียงแต่อธิษฐานเอาก็พอ ไม่จำเป็นอย่าไปบนอะไรท่านมากเพราะท่านมีใจจะช่วยกันอยู่แล้ว พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า ในพิภพดาวดึงส์นั้นเทพยดาโปรดที่จะสร้างบารมีร่วมกันกับมนุษย์ท่านจึงเชิญตัวนายมาเสียให้ครบในคราเดียวเพราะเมื่อนายมา บริษัทแวดล้อมทั้งหลายก็ย่อมจะมาด้วย และเขามีหน้าที่สำคัญเป็นสัญญาใจที่จะช่วยเหลือมนุษย์อยากเห็นมนุษย์ได้ดีและกลับขึ้นไปรวมอยู่กับเขาในท้ายที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นโอกาสดีนะ ดีที่จะได้อยู่กับพระอินทร์ อยู่ในสายตาของท่าน ทำให้ท่านพอใจ อีกนัยน์หนึ่งตายไปไม่ต้องกลัวตกนรกเลย หากเธอยังเป็นคนดีรู้จักประกอบการกุศลอยู่บ้าง ก็พระอินทร์นั่นแหละจะเป็นพยานในการสร้างกุศลของเธอเตรียมวิมานในดาวดึงส์ไว้รอเธอ สำคัญถึงปานนั้น

    ... นี่จึงเป็นทั้งเหรียญสำคัญและตำนานของเทพดาวดึงส์อย่างแท้จริง เพียงเนื้อธาตุจักรพรรดิ์ลำพังก็มีอานุภาพมากแล้ว ใครชอบของพิเศษพรุ่งนี้ติดตามกันนะครับ


    s002.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2018
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลโกญจนาทไอยราวัต(จอมสรวงอินทรามหาจักรพรรดิ)

    ด้วยคติความนิยมที่เชื่อมั่นแต่โบราณกาลและให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งหลายๆคนคงจะรู้จักและคุ้นชินกันอยู่แล้วกับนามพระอินทร์

    "พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ใด...ในคราแรกเริ่มเดิมทีอุบัติขึ้นเป็นสิ่งแรกที่มีเจตภูต
    พระผู้เป็นเจ้าองค์ใดซึ่งพิทักษ์เทพเจ้าทั้งหลายด้วยอานุภาพแห่งพระองค์

    พระผู้เป็นเจ้าองค์ใดซึ่งโลกทั้งสองต้องตระหนักด้วยเดชานุภาพ และศักดานุภาพของพระองค์
    พระผู้เป็นเจ้าองค์นั้นแล มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย...คือ พระอินทร์

    ...พระผู้เป็นเจ้าองค์ใดบังคับโลกที่สั่นสะท้านให้นิ่งได้
    ทำความมั่งคงให้แก่ขุนเขาที่หวั่นไหว พระผู้เป็นเจ้าองค์ใดสร้างสวรรค์ขึ้น
    พระผู้เป็นเจ้าองค์นั้นแล มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย...คือ พระอินทร์"

    พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างเครื่องมงคลเหรียญหล่อพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณขึ้นมาและใช้ฝังวัตถุมงคลของท่าน หากแต่เหรียญชุดนำฤกษ์อันมีความสำคัญยิ่งยวดท่านกลับเก็บรักษาไว้ เหรียญสำคัญนี้พิเศษอย่างไรทำไมจึงไม่ออกให้บูชาเมื่อนานมาแล้ว ทั้งนี้ก็เพราะนอกจากการเชิญและเสกด้วยกำลังของพระอินทร์แล้ว ในเหรียญนำฤกษNนี้ท่านยังทำวิชาเชิญกำลังของช้างเอราวัณมาประสิทธิ์.. ปลุกเสก เล่นฤทธิ์ ตั้งอาการ อบรมบ่มเพาะจนปรากฏเสียงช้างร้องโกญจนาทก้องดังดุจมีชีวิตเป็นสัญญาณมงคลตลอดเวลา

    ความสำคัญของผู้ที่ได้บูชาช้างเอราวัณอันมีอานุภาพเต็มนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเขาเป็นสัตว์มงคลที่ทรงกำลังที่สุด มีหน้าที่ดูแลโลก ดูแลทุกข์สุขของมนุษย์ร่วมกับพระอินทร์ เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ยิ่งใหญ่ คอยดูดน้ำจากโลกขึ้นไปให้พระอินทร์บันดาลเป็นฝนตกลงมาจึงถือคติว่าเขาดูดความเจริญรุ่งเรืองและสวัสดิมงคลเข้าหา ให้พร้อมเสมอที่จะโปรยปรายดั่งละอองฝนตกต้องตัวเรา พ่ออาจารย์ท่านว่าที่จริงแล้วช้างเอราวัณนั้นเป็นเอกทางโชคลาภและโภคสมบัติทุกชนิด

    ....หลายคนเฝ้าถามหามงคลสักการะพิเศษ ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านว่าพระอินทร์ชุดนี้เราเน้นขับพลังงานของช้างเอราวัณให้เด่นเป็นที่สุด อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าช้างมงคลนี้ขออะไรได้อย่างนั้นในสายศิษย์ของเทพบุตรเอราวัณจะรู้กันดี ว่านอกจากจะมีฤทธิ์แรงกล้าแล้ว ยังขอได้ทุกอย่าง หากเดือดร้อนขาดที่พึ่งแม้รางวัลที่หนึ่งท่านก็ให้ด้วยความเมตตา หรือจะบนบานศาลกล่าวสิ่งใดก็สำเร็จทันตาเห็น แต่สิ่งที่ผู้บูชาต้องพึงสังวรณ์ไว้ก็คืออย่าปากพล่อย ขออะไรเล่นๆ ขอเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ขอส่งๆจนลืมหรือบนบานสำเร็จแล้วแก้ไม่ได้ เพราะนั่นจะเป็นปัจจัยนำความพินาศมาสู่ตนเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ระลึกไว้เสมอว่านี่คือจอมกษัตริย์ของเหล่าเทวดา มีอำนาจมากที่สุด ที่ผ่านมาท่านว่าเหรียญนี้มีค่าดุจแก้วสารพัดนึก ดุจของวิเศษเทวโลก แต่เมื่อมีคุณอนันต์ย่อมมีโทษมหันต์เช่นกัน ด้วยมนุษย์นั้นหลงลืมคุณของเทวดาท่านเคยให้บูชาออกไปก็เห็นได้ถึงสันดานนิสัยที่ได้ดีแล้วลืมตัว ท่านจึงเก็บเอาไว้เรื่อยมา จนเห็นว่าโลกตอนนี้เดือดร้อนและอยู่ยากขึ้น ด้วยการช่วยเหลือและแก้วิกฤติให้กับชนผู้ศรัทธาเป็นหน้าที่ของเทวราช เป็นความรับผิดชอบของพระอินทร์เจ้ากับช้างเอราวัณอยู่แล้ว ท่านจึงขอเมตตาจอมเทพออกโปรดมนุษย์

    พระอินทร์เป็นมหาเทพที่ยิ่งใหญ่เหนือชีวิตของมนุษย์และสรรพสัตว์ มีหน้าที่ปกป้องดูแลโลกให้พ้นจากสิ่งเลวร้ายต่างๆ เป็นผู้นำเหล่าเทพเจ้าไปกำจัดอสูรร้ายในหลายคราว เมื่อโลกหรือประชาเดือดร้อนขึ้นมาคราใด นั่นหมายถึงมีเหตุร้ายได้เกิดขึ้น เมื่อนั้นพระอินทร์ก็จะออกจากสวรรค์ แปลงกายเป็นสัตว์ที่มีร่างกายกำยำ แข็งแกร่ง เพื่อลงมาปราบยุคเข็ญ...หลายๆครั้งที่คนเดือดร้อนตามวาระการกระทำและผลกรรมของตัวเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าจึงจำเป็นที่ต้องใช้สัตว์และเทพเจ้าอันมีอานุภาพใหญ่ดูดดึงสวัสดิมงคล พิทักษ์รักษา ทั้งขับออกซึ่งอวมงคลทั้งหลาย ผู้ที่บูชาช้างเอราวัณในปกครองของพระอินทร์นี้ จะมีอำนาจมาก เป็นที่เกรงกลัวของเหล่าอวิชชา ภูติผี คุณไสยต่างๆบรรดามีทั้งสิบสองชาติ สิบสองภาษา ทั้งยังเป็นเหตุที่มาแห่งความเจริญก้าวหน้า ความสำเร็จ ท่านว่าความปรารถนาอันสูงส่งและอำนาจที่สุกงอมรอบุคคลผู้นั้นอยู่ ขอเพียงอาราธนาท่านด้วยใจชีวิตจะเจริญเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดในหน้าที่การงาน โอกาสในกิจการที่แสวงหาและการกระทำทั้งหลายจะไม่สูญเปล่า พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้หลายคนทำอะไรไปก็เสียแรงเปล่า แต่หนนี้ท่านว่าเอาเถอะ รับรองว่าไม่มีสูญแน่นอน "ทุกการกระทำจะได้รับผลตอบแทนที่ควรค่าแก่ความพยายาม ปู่พระอินทร์ท่านบอกเราแบบนี้"

    เหรียญนำฤกษ์นี้ พ่ออาจารย์ใช้ธาตุกายสิทธิ์หล่อเข้ากับตะกรุดมหาจักรพรรดิทุกสูตรของท่านล้วนๆ ด้วยวิชาลงตะกรุดจักรพรรดิ์นั้นมีหลายสูตรหลายพระยันต์ ท่านจึงรวบยอดมาจบที่องค์นี้ทั้งหมดเลยเน้นๆว่ายอดของจักรพรรดิ์ทุกสูตรห้อยองค์เดียวจบไม่ต้องตามหาอะไรใช้อีกในสายจักรพรรดิ์ท่านว่าเนื้อพระนั้นใช้แทนตะกรุดจักรพรรดิ์ได้เลยอุปเท่ห์เดียวกันทั้งหมด
    "อนึ่งถ้ากุลบุตรผู้ใดจะใคร่ปรารถนาลาภยศ ให้ลงมหายันต์นี้ใส่แผ่นหินก็ได้ แผ่นทองคำ แผ่นทองแดง แผ่นเงิน หรือแผ่นตะกั่วก็ได้ เอาแช่น้ำบูชาไว้ ยิ่งแช่ในขันสัมฤทธิ์ยิ่งดีนัก เอาน้ำนั้นกินบ้าง ใส่ศีรษะบ้าง ลูบหน้าบ้าง บำบัดโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายและทั้งอายุก็ยืนยาว บังเกิดลาภยศตามแต่จะพึงปรารถนา อธิษฐานเอาเถิดจะสำเร็จตามความปรารถนาทุกประการ

    ถ้าจะให้มีตบะเดชะให้เอาพระยันต์นี้ลงทำเป็นตะกรุดผูกเอวไว้ ให้รูดตะกรุดไว้ข้างหน้า ใครเห็นใครกลัว ใครเห็นใครรักแล ถ้าจะเล่นการพนันให้รูดตะกรุดนี้ไว้ข้างหน้า อธิษฐานว่าจะเอาเท่าไรพึงเอาเท่านั้นเถิด พึงตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์ ได้ดังความปรารถนา ไม่แพ้แก่การพนันแล

    อนึ่งถ้าจะให้คนมาเกี่ยวข้าวในนาของเรา หรือจะทำการค้าขายให้ขายสินค้าได้คล่อง ๆ ให้เอามหายันต์นี้ลงใส่ผ้าขาว ทำเป็นธงปักไว้ ลมพัดไปทางไหน ผู้คนหลั่งไหลมาทางทิศนั้นแล หรือจะทำเป็นตะกรุดแช่น้ำมนต์ เอาน้ำมนต์ประพรมสินค้าก็ได้ ซื้อง่ายขายคล่อง แลถึงแม้ว่าผีเข้าอยู่ ให้เอาน้ำมนต์นี้ประพรม ผีก็หนีออกไปสิ้น

    ถ้าจะประจัญด้วยข้าศึก ให้ลงพระมหายันต์นี้ทำเป็นธงใส่ในผืนผ้าขาว แล้วอธิษฐานยกธงโบกขึ้นไปทางทิศไหน ข้าศึกแตกหนีไปทางนั้น ธงนี้เอาบูชาไว้กับบ้านเรือนใด กันเสนียดจัญไร กันฟ้าและกันไฟก็ได้แล

    ถ้าจะกันโจรผู้ร้ายมิให้ทำอันตรายแก่เราได้ ให้เอากรวดและทรายมา เอาน้ำมนต์ที่แช่ตะกรุดนั้นประพรมกรวดทรายเข้า แล้วเอากรวดทรายนั้นหว่านล้อมให้รอบบริเวณบ้านเรา อธิษฐานขอบารมีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จงมาช่วยคุ้มครองป้องกันอันตราย บรรดาคนที่คิดร้ายต่อเราเข้ามาเหยียบถูกกรวดถูกทรายที่เราหว่านโปรยไว้ จะต้องบังเกิดมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานาแล อุปเท่ห์มหายันต์นี้มีมากมายเหลือจะคณานับ ใช้ได้ทุกประการ"

    ที่สำคัญคือหล่อนำฤกษ์เนื้อพิเศษนี้ท่านยังฝังตะกรุดพิเศษนั่นคือกำลังช้างตกมันไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าช้างตกมันคือช้างที่ดุมาก มีกำลังมากที่สุดในช่วงชีวิตของช้างเชือกนั้น ดุมาก ท่านถือคติว่ายิ่งดุมากยิ่งให้คุณมาก ยิ่งมีฤทธิ์มากยิ่งสำเร็จมาก ท่านจึงใช้ตะกรุดนี้ขับกำลังของช้างเอราวัณให้ช่วยเหลือชนผู้ศรัทธาได้มากที่สุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เช่นนี้ท่านจึงว่าเหรียญหล่อนี้จึงสำคัญนัก ..เพราะขออะไรก็ประสิทธิ์ดีทุกเรื่อง

    เหรียญชุดพิเศษนี้พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าเนื้อธาตุจักรพรรดิ์ ไฉนนำฤกษ์ถึงพิเศษ เพราะด้วยชนวนปกติของรุ่นนี้ก็อลังการแล้วทั้งตะกั่วอวนตีนแห ยันต์นะปถมัง ยันต์ต่างๆ เมือรวมกับกายสิทธิ์ธาตุและตะกรุดมหาจักรทุกสูตรท่านจึงเรียกว่าธาตุจักพรรดิ์ *ทำไมต้องตะกรุดจักรพรรดิ์ สำคัญอย่างไรเมื่อใช้วิชามหาจักรพรรดิ์สร้างพระอินทร์(พ่ออาจารย์ท่านว่าฤทธิ์ของมหาจักรพรรดิ์แห่งเทวโลก หรือที่รู้กันดีในชื่อเทวราชอินทราจะยิ่งประสิทธิและสมบูรณ์ยิ่ง มากกว่าในขั้นกว่า มากกว่าการสร้างรูปท่านและเชิญเสกประสิทธิ์แบบธรรมดาอย่างเทียบไม่ติด เหมือนเชิญพระอินทร์เจ้าแวดล้อมด้วยสมบัติมหาจักรพรรดิ์ถ้วนทุกประการอาราธนาไปด้วยทีเดียว มีอำนาจใช้ธาตุจักรพรรดิ์หนุนชะตา เปลี่ยนวิถีชีวิตคนได้ด้วยอาญาสิทธิ์ของพระอินทร์)

    โดยบูราณาจารย์ท่านสรรเสริญคุณวิเศษของยันต์ที่สำคัญนี้ไว้ว่าสามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้ เป็นโภคทรัพย์ เจริญรุ่งเรือง บรรเทาทุกข์โทษ ฯลฯ ซึ่งถ้าพิจารณาในเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิ์ที่กล่าวว่าจะมีสมบัติ ๗ ประการ หรือรัตน ๗ ประการ คือ ๑. จักรแก้ว ๒.ช้างแก้ว ๓.ม้าแก้ว ๔.มณีแก้ว ๕.นางแก้ว ๖.ขุนคลังแก้ว และ ๗.ขุนพลแก้ว แล้วจะเห็นได้ว่าคุณวิเศษที่บุราณาจารย์ท่านพรรณาเอาไว้เรื่องยันต์กับสมบัติจักรพรรดิ์นั้นสอดคล้องกัน

    ใครที่ถามหาพระจิ๋วๆสวยๆองค์เล็ก ถามหาตะกรุดจักรพรรดิ์ ที่ผิดหวัง ที่บ่นหนัก อยากได้บารมีพระมหาจักรพรรดิ์ใช้รุ่นนี้เลย บอกได้คำเดียวว่ารุ่นนี้สวยคลาสสิคมาก ทั้งมีน้อยออกให้บูชาได้เพียงหนเดียว แถมพิเศษสุดๆนั่นคือพระอินทร์นี้ทรงช้างไอยราพรตหรือเอราวัณ ท่านว่าชุดนี้เราหล่อด้วยโลหะคนละแบบกับตอนทำฝังด้วยเป็นการเทนำฤกษ์ แม้ตอนปลุกเสกก็เชิญท่านลงเต็มกำลัง สำคัญที่สุดคือช้างไอยราพรตลงมาเต็มภาคเสียงตึงตัง....กระทำโกญจนาทประกาศสวัสดิมงคลยิ่งใหญ่ ด้วยเขาฮึกเหิมในพละกำลังตามเล่ห์กลอำนาจของตะกรุดที่ฝังอยู่ดลให้เป็นไป พ่ออาจารย์ท่านว่าเหรียญนี้จะแรงมาก และมีกำลังมาก แรงไม่ตก แรงตลอด ด้วยความฮึกเหิมของสัตว์เทพที่มีอำนาจมากแลมีหน้าที่พิเศษนี้

    แต่เดิมนั้นเคยมีการขอร้องส่วนตัวเข้ามาหลายครั้ง ให้พ่ออาจารย์ท่านสร้างองค์อมรินทร์หรือพระอินทร์ให้บูชา ในกรณีที่ผู้ประสงค์ขอบูชาอยากได้ไว้เป็นของดีประจำตัวของตน ถึงกระนั้นก็ได้รับการปฏิเสธจากท่านมาโดยตลอด โดยท่านให้เหตุผลว่ายังไม่ได้ขอไม่ได้คุยจะไปสร้างรูปท่านได้อย่างไร

    พ่ออาจารย์ท่านรู้ดีว่า การสร้างพระอินทร์นั้น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ในคติความเชื่อทางฝ่ายพุทธ พระอินทร์คือประมุขแห่งเทวสภา ซึ่งเป็นศูนย์รวมของสวรรค์ในทุกๆ ชั้นและยังเป็นราชาเเห่งทวยเทพในพิภพดาวดึงษ์ ซึ่งมีความรื่นรมณ์สูงสุด

    พ่ออาจารย์ท่านได้รับเทวบัญชาต่อเนื่องให้สร้างรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ...ด้วยเหตุว่าสรรพสัตว์นั้นดำรงค์อยู่ในท่ามกลาง เบื้องบนนั้นมีจอมเขาพระสิเนุราชมีพระอินทร์ประทับเป็นประธานแห่งเทวสภาในฉกามาพจรภูมิ เบื้องล่างนั้นก็มีพระแม่ธรณีศรีวสุนธราสถิตย์ปกครองอยู่ ครูท่านจึงประสงค์จะให้สัตว์ที่ตกถึงทุกข์มีพลังศักสิทธิ์เกื้อหนุนดูแลไม่ว่าจะเหนือฟ้าหรือใต้พิภพก็ตาม พ่ออาจารย์ท่านจึงได้นำตะกั่วอวนตีนแหที่ท่านลงยันต์นำมาแช่น้ำมนต์เก็บไว้มาทำพิธีหลอมหล่อพร้อมทั้งจารแผ่นยันต์บังคับนะปถมัง 14 นะและพระยันต์ 108 ใส่ลงไปด้วย พร้อมกับอักขระหัวใจพระอินทร์

    - เหรียญหล่อพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ พระอินทร์นั้นเป็นประธานเทวสภาและเป็นตำแหน่งของราชาแห่งทวยเทพทั้งมวล ปกครองทั้งสวรรค์ คุมทัพเทพเจ้าทุกวิมานในอากาศ เป็นตัวแทนของจอมเทพในสวรรค์ทั้งหกชั้น ในส่วนของช้างเอราวัณเทพบุตรนั้นท่านเป็นเทพบุตรสายนาคาซึ่งมีบารมีมาก มีฤทธิ์มาก ด้วยว่าได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังธรรมอยู่เสมอ เมื่อพระอินทร์จอมเทพประสงค์จะเสด็จที่แห่งใด เอราวัณเทพบุตรก็จะนิรมิตรรูปกายของตนเป็นพญาช้างสามสิบสามเศียร เมื่อพระอินทร์เสด็จขึ้นประทับแล้ว เทพยดาที่เหลืออีก 32 องค์อันเป็นสหชาติและมีบุญบารมีเสมอกันกับพระอินทร์ก็จะเสด็จประทับขึ้นพร้อมกัน พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเสกยากนักเป็นเหรียญที่มีเทวานุภาพมาก มันยากและมากกว่ารูปที่เห็น เพราะโดยพิธีแล้วท่านต้องเชิญเทพบดีทั้ง 33 ลงมาสถิตย์พร้อมกันที่ช้างเอราวัณนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระวรุณ พระประชาบดี สุริยเทพ จุลรถ มหารถ อเนกวัณณ และพระองค์อื่นๆโดยพร้อมกัน ไม่ใช่ว่านึกจะทำก็ทำเสียเฉยๆ จึงเป็นตราสัญลักษณ์พิเศษที่มีอำนาจมากเมื่อเสกอย่างถูกต้องแล้วท่านว่าเวลาไปที่แห่งหนไหนก็สั่นสะเทือนไปทุกภพภูมิ ด้วยอานุภาพของเทพยดาทั้ง 33 พระองค์อันเป็นจอมเทพบดีแห่งดาวดึงส์ และช้างเอราวัณนี้ เมื่อจะมีความสำคัญบอกกล่าวอย่างไร มีกิจธุระอย่างไรให้ระลึกถึงองค์พระอินทร์อันเป็นประธานเพียงองค์เดียวให้มั่นคงกระทำสัตย์อธิษฐานไป พ่ออาจารย์ท่านว่าความนั้นย่อมตกและทราบทั่วถึงกันทั้งดาวดึงส์นอกจากพระอินทร์แล้วจอมเทพอีกทั้ง 32 พระองค์ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเราด้วยไม่รวมเหล่าเทพบริพารทั้งดาวดึงส์สวรรค์ท่านว่าเพียงแต่อธิษฐานเอาก็พอ ไม่จำเป็นอย่าไปบนอะไรท่านมากเพราะท่านมีใจจะช่วยกันอยู่แล้ว พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า ในพิภพดาวดึงส์นั้นเทพยดาโปรดที่จะสร้างบารมีร่วมกันกับมนุษย์ท่านจึงเชิญตัวนายมาเสียให้ครบในคราเดียวเพราะเมื่อนายมา บริษัทแวดล้อมทั้งหลายก็ย่อมจะมาด้วย และเขามีหน้าที่สำคัญเป็นสัญญาใจที่จะช่วยเหลือมนุษย์อยากเห็นมนุษย์ได้ดีและกลับขึ้นไปรวมอยู่กับเขาในท้ายที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นโอกาสดีนะ ดีที่จะได้อยู่กับพระอินทร์ อยู่ในสายตาของท่าน ทำให้ท่านพอใจ อีกนัยน์หนึ่งตายไปไม่ต้องกลัวตกนรกเลย หากเธอยังเป็นคนดีรู้จักประกอบการกุศลอยู่บ้าง ก็พระอินทร์นั่นแหละจะเป็นพยานในการสร้างกุศลของเธอเตรียมวิมานในดาวดึงส์ไว้รอเธอ สำคัญถึงปานนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเหรียญนี้ทำได้ไม่เยอะเพราะธาตุจักรพรรดิมีน้อย ให้สังเกตุเอาเองว่าเหรียญนั้นจะสวยงามแบบธาตุโบราณ เนื้อในองค์พระจะเป็นผลึกเป็นเกล็ดแก้วต่างจากเนื้อตะกั่วหรือเงินยวงทั้งหลาย ท่านว่าเป็นของพิเศษ เกิดในวาระพิเศษ และผสมด้วยธาตุพิเศษ ท่านอนุญาติให้นำออกมาให้บูชากันให้ใช้ได้ทั่วถึงโดยย้ำว่าพระหนึ่งองค์นั้นดุแลได้หนึ่งชีวิต *แต่หากต้องการอาราธนาบารมีช้างเอราวัณให้ดีกับตนเองตลอดชีวิต ดีทันตาเห็น และทรงอานุภาพสูงสุด ท่านว่าให้เอาหนึ่งองค์บูชาไว้กับตัว อีกองค์หนึ่งอาราธนาท่านมารักษาบ้านหรือพระพุทธรูปที่เรากราบไหว้บูชาโดยวางท่านไว้ที่พระพุทธรูปนั้นพร้อมทั้งเขียนวันเดือนปีเกิดเวลาตกฟาก ฝากใส่ทับไว้ใต้ฐานพระพุทธรูป

    * เหรียญหล่อนี้ให้บูชาเพียงหนเดียว มีขนาดกะทัดรัดสวยงามเหมาะแก่การห้อยคอ ท่านว่าให้ไว้เป้นขวัญและสิริมงคลชีวิต ให้ตกต้องสืบต่อไปในลูกหลานที่ศรัทธาสายปู่พระอินทร์จริงๆ เคยทำบารมีร่วมกับท่านก้มาเอาท่านไป

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลโกญจนาทไอยราวัต(จอมสรวงอินทรามหาจักรพรรดิ) บูชา 800 บาท

    tt599ac597523a6.jpg
    33809769_2202304406722635_5475774988172656640_n.jpg 33845214_2202304390055970_8137065019742355456_n.jpg
    33922416_2202302080056201_676154652709879808_n.jpg
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พระอินทร์กระแสแรงมาก เดี๋ยวคนใช้จะรู้เองว่าช้างเอราวัณแรงจริงๆไม่ผิดหวัง ;)
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้ติดตามพูดคุยกันนะครับ...ติดตามๆ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อาหารที่คนป่วยโรคไตทานได้

    เป็นโรคไต กินเนย, ขนมปัง, ชา, กาแฟ ได้ไหม ? เชื่อว่า คงจะมีทั้งคนที่ตอบว่า “ได้” และตอบว่า “ไม่ได้” แต่คำตอบจะเป็นอย่างไหน และเพราะอะไร

    อาหารหลายอย่าง ที่ตอนนี้เราอาจกำลังเข้าใจผิด คิดว่าเป็นอาหารต้องห้าม สำหรับคนที่เป็นโรคไต และได้ยินคำถามเหล่านี้มาเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะจากคนที่เจอตามที่ฟอกไต


    1. เนย (Butter)

    เชื่อไหมว่าจริง ๆ แล้ว เนยมีฟอสฟอรัสต่ำหืมมม.. หลายคนอาจจะ งง ว่าจริงหรอ ที่รู้มา มันกินไม่ได้นี่นา ?คุณหมอ คุณพยาบาล หรือตำราหลาย ๆ เล่มก็บอกว่ากินไม่ได้ เพราะฟอสฟอรัสสูง


    ..แต่ความจริงก็คือ “เนย” ทำมาจากไขมันนม ไม่ใช่ทำจากนม อย่างที่หลายคนเข้าใจ ความแตกต่างก็คือ ส่วนไขมันจากนม จะมีฟอสฟอรัสที่ต่ำกว่าส่วน ชีส อันนี้ทำมาจากนม ฟอสฟอรัสก็เลยสูงกว่านั่นเอง (เนยที่พูดกันว่าฟอสฟอรัสสูง ที่จริงแล้ว ต้องพูดว่า เนยแข็ง )

    โดยเนยที่นิยมใช้กันจะมีสองตัว คือ
    1. เนยเค็ม ตัวนี้เป็นเนยทาขนมปัง และใช้ทำขนม ทำเบเกอรี่มากที่สุด แต่ไม่แนะนำให้คนที่เป็นโรคไตทานเพราะเนยนี้จะมีการใส่เกลือลงไปด้วย เลยออกมาเป็นเนยเค็ม โซเดียมจะสูงไปด้วย
    2. เนยจืด ตัวนี้เป็นตัวที่แนะนำค่ะ แต่ว่าจะต้องเลือกยี่ห้อ และดูไปถึงส่วนประกอบด้วย เพราะบางทีจะมีบางยี่ห้อที่ผสมนมลงไป ผสมน้ำมัน ผสมน้ำ หรือมีการแต่งเติมด้วยสารต่าง ๆ ทำให้ฟอสฟอรัสยังสูงอยู่
    แต่ถ้าเป็นเนยสดแท้ แบบ 100% จึงฟอสฟอรัสต่ำนั่นเอง**เนยจืด 100 กรัม มีฟอสฟอรัส 24 mg. (ถ้าฟอสฟอรัสต่ำ ค่าจะไม่เกิน 50 mg.)

    2. น้ำเต้าหู้ (Soy Milk)

    จริง ๆ แล้วอยากจะบอกว่าน้ำเต้าหู้ ผู้ป่วยโรคไตสามารถดื่มได้ เพราะถึงแม้จะทำจากถั่วเหลือง
    ซึ่งดูแล้วฟอสฟอรัสน่าจะสูงใช่ไหม

    ความเข้าใจผิดนี้ ขออธิบายง่าย ๆ เลยก็คือ ส่วนของถั่วเหลืองที่ฟอสฟอรัสสูงนั้นอยู่ตรงเปลือกแข็ง ๆ เพราะงั้นถ้าเรากินถั่วเหลืองทั้งเมล็ดแบบนี้ฟอสฟอรัสสูงแน่นอน

    แต่ในกระบวนการทำน้ำเต้าหู้ ได้มีการเอากากทิ้ง เหลือแต่ส่วนที่เป็นน้ำ แถมยังเอาไปเจือจางต่ออีกด้วยดังนั้น ฟอสฟอรัสจึงเหลืออยู่น้อยมากค่ะ ตามปริมาณที่คู่มือควบคุมปริมาณฟอสฟรัสในอาหารแนะนำไว้คือ น้ำเต้าหู้ 240 ml. จะมีฟอสฟอรัสอยู่เพียง 40 mg. เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำ

    แต่คำแนะนำเพิ่มเติม คือ ต้องเป็นน้ำเต้าหู้ที่ทำสด และเป็นน้ำเต้าหู้แท้ ๆ ที่ไม่ผสมนมอื่นเพราะนมอื่นที่ล่ะที่จะทำให้ฟอสฟอรัสสูงได้

    **น้ำเต้าหู้ 240 ml. มีฟอสฟอรัส 40 mg. (ถ้าฟอสฟอรัสต่ำ ค่าจะไม่เกิน 50 mg.)

    3.แป้งสาลี (Wheat Flour)

    แป้งสาลี มีอยู่ 3 ชนิด แบ่งออกเป็น แป้งขนมปัง แป้งสาลีเอนกประสงค์ และแป้งเค้ก โดยแบ่งตามปริมาณโปรตีน ซึ่งแป้งที่แนะนำจะเป็น แป้งสาลีเอนกประสงค์ และแป้งเค้ก เพราะมีโปรตีนไม่สูงมาก รวมถึงฟอสฟอรัสจะต่ำด้วย

    เวลาที่เราได้ยินมาว่า ห้ามกินอาหารที่ใช้แป้งสาลี จริง ๆ แล้วต้องดูด้วยว่า ขนมนั้นใช้แป้งสาลีชนิดไหน และถ้าเรากินในปริมาณน้อย แน่นอนว่าย่อมไม่ส่งผลอะไรกับเราแน่นอน ซึ่งในกระบวนการทำแป้งสาลีนั้น จะใช้เป็นตัวเมล็ดข้าวสีขาว เอาจมูกข้าวออกแล้ว (แป้งสาลีเลยมีสีขาว) ฟอสฟอรัสและสารอาหารเลยน้อยกว่าพวกแป้งโฮลวีท ที่ใช้ข้าวสาลีเต็มเมล็ดมาโม่ (สีเลยจะออกมาเหลืองน้ำตาล)

    โดยแป้งขนมปังจะผ่านการโม่แค่รอบเดียว เป็นการโม่แบบหยาบสุด สารอาหารต่าง ๆ เลยยังมีเยอะ ส่วนแป้งสาลีเอนกประสงค์ก็ผ่าน 2 รอบ และแป้งเค้กผ่าน 3 รอบ เลยสังเกตได้ว่า แป้งเค้กจะมีเนื้อที่ละเอียดสุดและเบาที่สุดด้วย

    เพราะฉะนั้น แป้งสาลี เลยทานได้ แต่แนะนำว่า ถ้าจะเอามาทำเบเกอรี่ ต้องดูที่ส่วนผสมอื่น ๆ ประกอบด้วยนะ อย่างไข่แดง ผงฟู และสารเติมแต่งอื่น ๆ ที่จะต้องควบคุมปริมาณด้วย ไม่งั้นฟอสฟอรัสก็จะยังคงสูงอยู่ดี เราเลยได้ยินกันมาตลอดว่า ห้ามกินพวกเบเกอรี่ เพราะเบเกอรี่ที่ขายทั่ว ๆ ไป เขาไม่ได้ควบคุมฟอสฟอรัสให้ผู้ป่วย เนื่องจากคนปกติกินฟอสฟอรัสได้ เพราะไตยังขับออกไปได้นั่นเองค่ะ

    **แป้งสาลีเอนกประสงค์ มีปริมาณฟอสฟอรัสขึ้นกับชนิดของพันธุ์ข้าวสาลีของแต่ละประเทศ โดยเฉลี่ยแล้ว แป้ง 1 กรัม จะมีฟอสฟอรัสประมาณ 1 กรัม เลยเน้นไปที่การจำกัดจำนวนชิ้นของขนมที่เรากิน ถ้ากินน้อย ฟอสฟอรัสก็จะต่ำ

    4. ชาและกาแฟ (Coffee and Tea)

    สำหรับชาและกาแฟ มีจุดร่วมก็คือ ผู้ป่วยสามารถทานได้ แต่ต้องเป็นแบบที่ไม่ใส่นม ไม่ 3 in 1
    และไม่ใช่แบบชงใส่ขวดสำเร็จรูป

    จะบอกว่า กาแฟ ที่เป็นกาแฟดำ หรือโอเลี้ยง สามารถทานได้ ส่วนชา ก็ควรเป็นชาที่ใส่น้ำร้อนแล้วเป็นถุงแช่ เพราะ 2 อย่างนี้จริง ๆ ฟอสฟอรัสต่ำ เพียงแต่ที่เราบอกกันว่าสูงเพราะมีการใส่นม และสารปรุงแต่ง

    ส่วนใหญ่ที่เราเคยได้ยินกันก็คือ ห้ามกินเลย เพื่อความปลอดภัยที่สุด ..แต่ถ้าใครชอบกิน ก็กินตามที่แนะนำนี้ได้นะ ยกเว้นผู้ที่ปัญหาฟอสฟอรัสในเลือดสูงมาก ๆ อันนี้ก็ควรลดไปก่อนน๊าา

    **ผงกาแฟ 2 g. มีฟอสฟอรัส 6 mg.

    5. ซอสถั่วเหลือง (Soy Sauase)

    เครื่องปรุงที่แนะนำมากที่สุด สำหรับผู้ป่วยโรคไตเลย เพราะนอกจากจะให้ความเค็มเทียบเท่าน้ำปลาหรือซีอิ๊วขาวแล้ว ยังมีปริมาณโซเดียม ที่ต่ำกว่าน้ำปลาครึ่งนึงเลย มีผู้ป่วยหลายคนคิดว่า
    ซอสถั่วเหลือง ก็มาจากถั่วสิ กินได้หรอ วันนี้บอกเลยว่ากินได้แน่นอน โดยมื้อนึงจะแนะนำให้ปรุงสัก 2-3 ช้อนชา

    6. ขนมปัง (Bread)

    ตัวนี้น่าจะเป็นของโปรดของหลาย ๆ คนเลย ขนมปังที่แนะนำจะเป็นขนมปังแผ่นสีขาว วันนึงกินได้ 1-2 แผ่น และแนะนำให้ทาเป็นพวกแยมผลไม้ตามชอบเลยแต่กลุ่มขนมปังมีไส้และโฮลวีท จะมีฟอสฟอรัสสูง ไม่แนะนำนะ

    เพราะฉะนั้น มื้อไหนเบื่อข้าว ก็หันมากินเป็นนมปังแผ่นสีขาวแทนได้ ในทางกระบวนการทำขนมปังที่เรียนมา รวมถึงนักกำหนดอาหารในโรงพยาบาลเองเป็นคนคอนเฟิร์มมา 100% ว่าผู้ป่วยโรคไตกินขนมปังขาวได้ ^^

    **ขนมปังแผ่น สีขาว 1 แผ่น มีฟอสฟอรัส 25 mg. (ถ้าฟอสฟอรัสต่ำ ค่าจะไม่เกิน 50 mg.)

    food.jpg
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ฐิตกาญจน์ EV 0223 4463 0 TH

    พี่แมน EV 0223 4464 3 TH

    พี่ศิระ EV 0223 4465 7 TH

    พี่ธีธัช EV 0223 4466 5 TH

    พี่คณพศ EV 0223 4467 4 TH

    พี่ธีรพจน์ EV 0223 4468 8 TH

    พี่ธเนศพล EV 0223 4469 1 TH

    พี่วิระพัฒน์ EV 0223 4470 5 TH

    พี่วิชัย EV 0223 4472 8 TH

    พี่ทวีพงษ์ EV 0223 4473 1 TH
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ฝากคำถาม PM ไว้นะครับ ;)
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    การสำเร็จปรอท

    ..จากตำนาน สู่การกล่าวขาน ธรรมเนียมของพระอภิญญา

    วิชาปรอท เป็นหนึ่งในวิชามหัศจรรย์ที่คนโบราณพยายามคิดค้นและพยายามทำให้สำเร็จ แต่มีน้อยคนนักที่จะสำเร็จปรอทขึ้นมาได้ ปรอทตามธรรมชาติเป็นโลหะธาตุเหลว และแม้ว่าจะเป็นโลหะเหลวที่ยังไม่ได้หุง แต่ก็มีอำนาจในตัว เช่นมีอำนาจด้านการกันไข้ป่า และโรคภัยต่างๆ และหากนำมาฆ่าพิษปรอท และหุงขึ้นรูปจนสำเร็จปรอทออกมาแล้วก็ยิ่งมีอานุภาพมากขึ้นทั้งคงกระพันชาตรี มีตบะอำนาจ เมตตามหานิยม กันโรคภัยไข้เจ็บและทำให้อายุวัฒนะยืนยาวอีกด้วย คนที่มีปรอทวิเศษ ท่านว่ารางกายจะเบาเหมือนประหนึ่งว่าจะลอยได้ แต่หากสำเร็จขั้นสูงสุดก็จะสามารถเหิรฟ้านภากาศไปไหนต่อไหนได้ตามใจชอบ จะไปฟ้าป่าหิมพานต์ก็ยังได้

    สมัยที่หลวงพ่อโอภาสีอยู่วัดบวรนิเวศน์ เคยสร้างข่าวครึกโครมตื่นตระหนก ด้วยหลังจากหุงปรอทและสำเร็จปรอท ท่านก็ปีนเจดีย์ไปถึงยอดแล้วกระโดดลงมาตัวปลิว ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใดกระโดดลงมาเสร็จก็เดินเข้ากุฏิหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่ท่านไปปักกลดที่วัดศรีประวัติ จ.นนทบุรีท่านก็ปีนเจดีย์แล้วกระโดดลงมาอีกเช่นกันไม่ได้รับอันตรายใดๆทั้งๆที่เจดีย์สูงใหญ่ถ้าคนธรรมดาแข้งขาหักหรืออาจเสียชีวิตลงได้

    เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีหลวงพ่อโอภาสีท่านแรกที่ทำ เพราะย้อนไปในสมัยราวรัชกาลที่ ๔ ก็มีขรัวตาแสง แห่งวัดมณีชลขันธ์ เมืองลพบุรี ผู้เป็นบูรพาจารย์ของสมเด็จโต พรหมรังสี ซึ่งกล่าวกันว่า สมเด็จโตฯ ร่ำเรียนวิชาย่นระยะจากขรัวตาแสงจาก ข้อมูลจากหนังสือ สมุดสมเด็จ พ.ศ.๒๕๕๑ อนุสรณ์ ๒๐๐ ปี แห่งชาตกาลสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตารามโดย พระครูกัลยาณานุกูล (พระมหาเฮง อิฏฺธาจาโร) หน้า ๑๘๒ บันทึกไว้ว่า

    “คราว หนึ่งมีผู้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปในงานพิธีมงคลโกนจุก ที่จังหวัดอ่างทอง ท่านได้เริ่มออกเดินทางก่อนกำหนดเวลาเพียง ๓ ชั่วโมง มีคนสงสัยกันว่าท่านจะไปทันเวลากำหนดได้อย่างไร ถึงกับได้สอบถามไปยังเจ้าภาพในภายหลังต่อมา ก็ได้รับคำตอบว่าท่านไปทันเวลาตามที่กำหนดในฎีกาไม่คลาดเคลื่อน ว่าวิชานี้ท่านได้ศึกษามาจากพระอาจารย์แสง ที่จังหวัดลพบุรี”

    โดยท่านขรัวตาแสงผู้นี้ก็ได้อภิญญาสำเร็จปรอทสร้างเจดีย์กลางเมืองคนเดียวอีกด้วย ซึ่งพอถึงยอดก็กระโดดลงมาแล้วเดินหายลับไป


    มาถึงยุคไล่เลี่ยกันกับหลวงพ่อโอภาสีก็ยังมีหลวงพ่อเชย แห่งเขาปากแรด จ.ชลบุรี ครูบาอาจารย์ของเซียนสูง “พรหมเชยธีระ” อีกท่านหนึ่ง ที่ท่านเล่นปรอทและสำเร็จปรอทเช่นกัน และมีพฤติกรรมเช่นเดียวกันกับหลวงพ่อโอภาสี คือท่านปีนไปบนต้นตาลแล้วตะโกนว่ากูจะเหาะแล้วโว้ยๆจากนั้นก็กระโดดลงมาปรากฏว่าท่านตกลงมาบนพื้นไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด เดินตัวปลิวให้คนที่เฝ้ามองตื่นเต้นและงง

    เรื่องการกระโดดลงมาจากที่สูงดูเหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้สำเร็จปรอท สำเร็จอภิญญา เพราะแต่ละท่านที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ล้วนสำเร็จปรอททั้งสิ้น ทิ้งไว้แต่ความอัศจรรย์ใจของคนปุถุชน เพราะท่านเหล่านั้นล้วนเป็นบุคคลอจินไตย


    * อะไรคือปรอทสำเร็จ และวัตถุธาตุนี้มีฤทธิ์มากมายเพียงใด เหตุใดจึงเป็นยอดปรารถนา ติดตามพูดคุยกันนะคัรบ

    image.jpg
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แมลงภู่คำในบารมีพระเจ้าบุเรงนอง

    เมื่อกล่าวถึงปรอทวิเศษกันไปแล้วก็จะเข้าสู่เรื่องแมลงภู่ต่อไป เรียกว่าของสองอย่างนี้ขาดกันไม่ได้เลย ก่อนที่จะไปพูดถึงการปล่อยของหรือทำวิชา

    แมลงภู่คำเป็นเครื่องรางของทางล้านนาได้รับมาจากทางพม่า เครื่องรางนี้ตามประวัติเคยพบอยู่บนเสลี่ยงพระเจ้าบุเรงนองด้วยเป็นเครื่องรางที่เขาใช้กันตั้งแต่ระดับกษัตริย์จนถังสามัญชนธรรมดา การสร้างเครื่องรางนี้ต้องหาไม้ดุมล้อเกวียนโบราณที่ทำจากไม้ประดู่แดง

    พญาแมลงภู่คำ ทางวิชาสายพม่านับถือมากว่า เป็นสัตว์คู่บารมีของ บายินนอง หรือบุเรงนองเป็นเจ้า บัลลังก์ที่บุเรงนองนั่งว่าราชการทั้งสองข้างจะแกะสลัก รูปพญาแมลงภู่คำ เฝ้าระวังรักษาอยู่ เป็นบัลลังค์ที่ พ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่อง สร้างและบรรจุพญาแมลงภู่คำ 8 คู่ หากบุเรงนอง จะไปรบที่ใดจะนั่งบัญชาการ ณ บัลลังก์นี้ จนชนะทั่วทั้งสิบทิศ จึงถือได้ว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ที่ช่วยบุเรงนองรักษาเมืองพม่าไว้ ทางพม่ามีตำนานบันทึกเรื่องราว เกี่ยวกับพญาแมลงภู่คำอย่างละเอียดว่า เป็นแมลงมงคลศักดิ์สิทธิ์ ได้รับรัศมีทิพย์โอภาส แห่งพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ในครั้งที่ตรัสรู้บรรลุธรรมวิเศษแล้ว พญาแมลงภู่คำพากันบินไปยังป่าหิมพานต์ นำเอาดอกกาสลองทิพย์มารองรัตนบัลลังก์ ถวายเป็นพุทธบูชา พระพุทธองค์จึงได้ตรัสเปล่งพุทธวาจาประสิทธิ์พร แก่พญาแมลงภู่นั้นว่า “เป็นสัตว์ที่ประเสริฐกว่าแมลงมีปีกทั้งหลาย”

    พญาแมลงภู่คำนี้ นับเป็นเอกทางโชคลาภ เมตตา ส่งเสริมดวงชะตาให้มั่งคั่ง ทั้งทรัพย์สิน ยศศักดิ์ เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้คนทั้งหลาย อีกทั้งยังป้องกันคุณไสยมนต์ดำ และที่สำคัญอีกอย่างคือ หากแม้นว่าผู้หนึ่งผู้ใดคิดร้ายต่อผู้บูชา พญาแมลงภู่คำ จะไปทำร้ายบุคคลนั้น ให้ได้รับความเจ็บปวดและหลาบจำ ถ้าปรารถนาสิ่งใด จงอธิษฐานบอกกล่าวเอาเอง จะสมประสงค์ดังที่หวัง

    การสร้างเครื่องรางนี้ต้องหาไม้ดุมล้อเกวียนโบราณที่ทำจากไม้ประดู่แดงเก่าตามตำรา มาทำเท่านั้น "ทำไมต้องใช้ไม้ดุมล้อเกวียน" "เป็นความเชื่อโบราณที่ว่า ไม้ดุมล้อเกวียนใช้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ผู้บูชาจะได้เจริญก้าวหน้าตลอดไป"

    คนทำต้องมีเชื้อเจ้าด้วย ด้านในอุดด้วยปรอท เขย่าดังกิ๊กๆ พุทธคุณมีมากหลายอย่างเลย เมตตามหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม เมตตาค้าขาย ดีด้านโภคทรัพย์ด้วย มีพลังด้านคุ้มครอง กันภูตผีปีศาจได้ กันคุณไสยได้ เดินทางก็คุ้มครองให้ปลอดภัยได้ มีรังสีหลายสีมากสลับหมุนเวียนกันไป

    ปกติแมลงภู่ตอมดอกไม้ดอกใดพวกแมลงต่างรวมทั้งผึ้งต้องหลบหนีไปเลย เพราะเขาเป็นใหญ่กว่าหมู่ภมรทั้งหลาย แมลงภู่คำสามารถเจาะแก่นไม้แข็งๆได้อย่างสบาย ครูบาอาจารย์จึงเอาเป็นเคล็ดว่าต่อให้หญิงใจแข็งสักเท่าไรก็มิอาจต้านทานแมลงภู่คำนี้ได้ จัดว่าเป็นเครื่องรางที่มีดีครบทุกอย่างจริงๆ สามารถเตือนภัยให้เจ้าของได้ด้วย อาจสั่นหรือปรากฏลางสังหรณ์บอกก่อนล่วงหน้า โชคลาภก็มีครบใช้ได้เลย

    วัตถุมงคลของทางล้านนา ไทใหญ่ จนไปถึงทางเชียงตุง เค้าเรียกว่า "แมลงภู่คำ" เรื่องตำรานี้ให้ฟังคร่าวๆดังนี้
    1.คนแกะต้องเป็นเชื้อเจ้าเท่านั้น
    2.แกะได้เฉพาะวันที่กำหนดและในฤกษ์ที่กำหนดเท่านั้น
    3.ในการปลุกเสกก็ต้องตามสุตรที่โบราณจารย์กำหนดให้ครบทุกที่คือ
    -ปลุกเสกหอเจ้าเมือง
    -ปลุกเสกป่าช้าบ้าน
    -ปลุกเสกป่าช้าพระสงฆ์
    -ปลุกเสกทางสี่แพ่ง(สี่แยก)
    -ปลุกเสกท่าน้ำที่มีคนขึ้นลงเยอะๆ
    -ปลุกเสกกลางงานปอย(งานอบรมสมโภชน์)
    -ปลุกเสกกลางตลาด
    -ปลุกเสกที่พระธาตุเจดีย์
    -ปลุกเสกในวิหาร
    และปิดท้ายด้วย ปลุกเสกในพระอุโบสถ......

    และมีการกำหนดบทที่ต้องสวดในการปลุกเสกครั้งสุดท้ายด้วยก็คือ สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ 3,000 จบ สัมพุทเธอีก 1,000 จบ...จึงเสร็จตามตำรา

    คุณวิเศษของแมลงภู่คำตามตำรานั้นดีเฉกเช่นเดียวกับเบี้ยแก้เพราะด้านในบรรจุปรอท และปรอทนั้นเป็นปรอทดักจากป่า แต่คุณวิเศษที่เพิ่มเติมมานั้นก็คือทางด้านมหาเสน่ห์ เพราะด้านในตัวบรรจุใบมะเขือบ้าซึ่งเชื่อว่าให้คุณทางมหาเสน่ห์ ทางล้านนาโบราณไปถึงทางเชียงตุงเรื่องยาเสน่ห์นั้นต้องมีใบมะเขือบ้าเป็นส่วนผสมที่ขาดไม่ได้

    ....แต่เรื่องความรุ่งเรืองโชคลาภนั้นเค้ามีเคล็ดลับ แมลงภู่คำนั้นเป็นเครื่องรางที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทุกชนชั้นซึ่งบางข้อมูลบอกไว้ว่ามีการค้นพบในกูบหลังช้างของพระเจ้าบุเรงนองเลยทีเดียว...

    ข้อมูลได้บ่งบอกไว้ว่าเชียงตุง บางบ้านเมื่อแรกสร้างเทเสาเค้าจะเอาแมลงภู่คำฝังบนหัวเสาทั้ง 4 ทิศเพื่อป้องกันภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็นเปรียบดั่งกับมีพยนต์คอยดูแลรักษาบ้านและคนในบ้านให้ปลอดภัย อีกอย่างหนึ่งก็คือปรอทจะให้คุณทางด้านป้องกันไข้ป่าด้วย หากเขย่าดูก็จะเหมือนเบี้ยแก้จะมีเสียงขลุกๆอยู่ด้านใน.....

    ได้ของดีไว้บูชา และ ข้อดีอีกอย่างก็คือไม่มีข้อห้ามใดๆทั้งสิ้นในการบูชาแมลงภู่คำ แมลงภู่นั้นมักตอมของหวานของหอม และถ้าแมลงภู่บินไปตอมดอกไหนหมู่ผึ้งหรือแมลงต่างๆต้องหนี ซึ่งถือว่าเป็นใหญ่ และแมลงภู่สามารถเจาะแก่นไม้ที่แข็งๆได้ฉันใดอานุภาพของแมลงภู่คำเรื่องการเจาะเข้าไปอยู่ในอกในใจของผู้ที่เราปราถนานั้นย่อมง่ายดายไม่มีอะไรต่อต้านได้แม้นว่าจะใจแข็งแค่ไหนก็ตาม และที่สุดยอดคือในตัวจะมีปรอทป่าอยู่ซึ่งนอกจากใช้เรื่องเมตตามหาเสน่ห์แล้วเรื่องป้องกันตัวจากสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็นยังยอดเยี่ยมอีกต่างหากครับ

    คาถาแมลงภู่คำ

    ........โอมพระยาแมลงภู่คำ งามเหลือล้นปอตา ในโลก๋าโลกใต้ เงินคำได้ไหลนอง ตั้งข้าวของกูปองเหลือล้น ฮื้อปากั๋นค้นขนมามนุษาโลกหล้า จูมปู ปากั๋นหุ๋ม ไฝ่รักเล็งดูต๋นตั๋วกูพระยาแมลงภู่คำ

    ........กั๊นกูสวาดมนต์กำใด ไผ๋อยู่ไหนก็บ่ได้ฮื้อก๋ายเกิดเป็น หง้าวไบ้มาก้มหัวขาบไหว้นบยำกู

    ........โอมพระยาแมลงภู่คำ บินสะสู่อยู่บนเวหน คนทั้งหลายต่างร่ำลือต๋นกูแต้เนอ ต่างปากั๋นพร่ำเพ้อไฝ่หากู ทั้งหมู่เจ้าพระยาไพร่ฟ้า ทั้งเสนากล้าอำมาต ทั้งหมู่ประชาราษฎร์ชาวเมือง ต่างนันเนืองแซ่ซ้อน รักขิ่งข้อนหากู ปากั๋นมาจมจูอยู่ใกล้ มาเป็นข้าใช้ต๋นกู ติดกูพระยาแมลงภู่คำ แต้เนอ มาเนอ เออรักอมสวาหุมติ๊ด

    ....ตัวคาถาบทนี้มีความหมายดีมาก กล่าวคือ เป็นบทที่ให้แมลงภู่คำได้ชักนำทรัพย์สินเงินทอง ของมีค่า ของที่ต้องการปราถนามาหาตัวเรา และทำให้มนุษย์ทั้งหลายรักและเอ็นดูเรา.......เมื่อเราได้กล่าวบทคาถานี้เมื่อใด ใครจะอยู่ที่ไหนก็ตามต้องมานอบน้อมต่อตัวเราผู้บูชาแมลงภู่คำนี้.....คนทั้งหลายต่างอวดอ้างร่ำลือในชื่อเสียงของตัวเรา ต่างหลงไหลใฝ่ถึงตัวเราไม่ขาด ทั้งเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ ทั้งเสนาอำมาตผู้เป็นใหญ่ ทั้งชนาชนทั้งหลายต่างสรรเสริญตัวเรา ต่างต้องการมาอยู่ใกล้ชิดเราเสมอ อยากมารับใช้เรา

    ผู้ใดมีแมลงภู่คำไว้บูชาแล้วให้ตั้งแยกบูชาออกมาจากหิ้งพระ หรือนำบูชาติดตัวไปในที่ต่างๆโดยมีฝอยวิธีการใช้พระยาแมลงภู่คำดังนี้

    1.หากสร้างบ้านใหม่ให้เอาแมลงภู่ห่อผ้าขาวผ้าแดงขึ้นวางบนยอกหัวเสาในทิศทั้งสี่ และบูชาด้วยดอกไม้ขาว บอกกล่าวพระยาแมลงภู่ว่า”วันนี้ได้สร้างบ้านใหม่ขอยกเอาพระยาแมลงภู่ขึ้นเป็นอารักษ์บ้าน สิ่งใดที่จะเป็นภัยแก่ครอบครัวทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ขอพระยาแมลงภู่คำได้ป้องกันด้วยและสิ่งใดที่ดีที่เป็นมงคลของจงนำพามาสู่บ้านเรือนนี้ด้วยเทอญ” แล้วให้หมั่นสวดบูชาถวายดอกไม้ขาว ทุกๆวันขึ้น 15 ค่ำ นั้นเทอญจักมีแต่ความจำเริญวุฒิทุกประการแล

    2.หากว่าจะไปค้าไปขายเดินท่าเดินทางต่างถิ่นต่างแดน ให้บูชาพระยาแมลงภู่ด้วยของหอม(เช่นน้ำอบน้ำปรุง)ให้ สวดคาถา 7 รอบ แล้วอธิษฐานว่า “ข้าฯไปไหนขอพระยาแมลงภู่คำตัวกล้านี้ ไปด้วย ไปช่วยค้าไปช่วยขาย ไปค้าได้เงินเดินทางก็ให้ได้ทองนะพ่อนะ” ว่า 3 จบ แล้วออกเดินทางเถิด จัดมีแต่คนนำโชคลาภมาให้เป็นที่รักของคนทั้งหลายแล

    3.หากมีร้านค้าให้ตั้งพานบูชาเอาแมลงภู่คำใส่ลงไว้ ให้บูชาด้วยดอกไม้ขาว และถวายน้ำผึ้งแท้ สัก 1 แก้วเล็กๆวางบนพาน แล้วให้ว่าคาถาบูชา วันละ 9 จบเวลาเปิดร้าน แล้วว่า “วันนี้ข้าฯขอเลี้ยงพระยาแมลงภู่คำตัวกล้า อันสถิตอยู่ที่นี้ด้วยน้ำผึ้งอันหอมหวาน เมื่อพ่ออิ่มแล้วก็ช่วยข้าฯให้มั่งมี พาเอาเงินเอาทองมาสู่ตัวข้าฯด้วยเทอญ”แล้วจึงเอาแมลงภู่ลงแช่น้ำ สวดคาถาบูชา 1 จบแล้วเอาน้ำนั้นประพรมของที่ขายนั้นเทอญ จักขายสิ่งใดก็ขายดี (ควรเปลี่ยนน้ำผึ้งทุกวัน)

    4.หากจักเดินทางเข้าป่าให้สาธยายพระมนต์ 3 จบแล้วเขย่าแมลงภู่คำ แล้วบอกว่า “ไข้ป่าอย่ามี ผีอย่าใกล้ตัวข้าฯ สวาหะ สวาหายยะ” เดินทางไปเถิดภัยไม่มีไข้ป่าก็ไม่เป็นแล

    5.หากจักให้เป็นมหาเสน่ห์แก่หญิงหรือชายใด ให้ใส่ชื่อผู้นั้นลงไปเมื่อสวดคาถา ในท่อนท้ายคือ ....ให้.....อี/ไอ้(ชื่อเขา)....มาเป็นข้าใช้ต๋นกู ติดกูพระยาแมลงภู่คำ แต้เนอ มาเนอ เออ.....อี/ไอ้(ชื่อเขา).....รัก กู อมสวาหุมติ๊ดๆ.....แล้วเข้าไปหาเถิดท่านไม่เมตตารักไคร่อยู่ไม่ได้เลยแล.

    6.หากจักให้พระยาแมลงภู่รักษาอารักษ์ในอาณาเขตใดให้เอาพระยาแมลงภู่ลงใส่ในขันน้ำแล้วสวดคาถาบูชา 3 จบ แล้วว่า “น้ำนี้ตกบนแผ่นดินใดขอพ่อเจ้าพระแมลงภู่คำผู้เป็นใหญ่จงรักษาอาณาเขตแดนนั้นเทอญ สัตว์ร้ายอย่าเข้าได้ คนร้ายอย่าเข้าได้ ภัยร้ายมนต์ดำท่านทำมาอย่าเข้าได้ กันเน่อพ่อกัน ต่อยตีแตกพ่ายทุกประการนะพ่อนะ สัพพะชัยยะ นะกันนะ สวาหะเถ๊ก” แล้วเอาน้ำมนต์นั้นพรมให้ทั่วบริเวณที่ต้องการให้พระยาแมลงภู่รักษา จะอยู่เย็นเป็นสุขยิ่งแล ภัยใดๆมิสามารถกล้ำกลายได้เลย

    7.หากอยากให้เป็นมหาอำนาจ ให้สวดคาถาบูชา 7 จบ แล้วให้หลับตามโนภาพว่ามีพระยาแมลงภู่คำบินขนาบข้างทั้งสอง แล้ว ฮำเสียง ” ฮึงๆๆ” เหมือนเสียงแมลงบิน สัก 3 ครั้ง (จะมีอาการขนพองสยองเกล้า) แล้วอธิษฐานว่า “ข้าไปไหนขอพระยาแมลงภู่คำไปด้วย ขอพ่อมาเป็นเดชเดชะแก่ข้าฯนี้ด้วยเทอญ” จึงไปเถิด จักจำเริญด้วยเดชเดชะ มีฤทธี ท้าวพระยาเมตตารักใคร่ ผู้คนร่ำลือสรรเสริญเรานักแล

    8.หากจักให้เป็นมหานิยมแก่ฝูงชนาชนทั้งหลาย ให้พกพระยาแมลงภู่นี้ติดตัว แล้วให้สวดคาถาบูชา 3 จบ แล้วให้เป่าลงที่มือทั้งสอง แล้วเอาลูบหน้า 3 ครั้งเถิด(ลูบขึ้นเท่านั้น)จักเกิดเป็นราศีแก่ผู้บูชานั้นแล (ได้ลองมาแล้วเข้าไปอยู่ในคนหมู่มากเราจะเด่นกว่าคนอื่นเสมอ ดีมากๆและยังเป็นที่รักแก่ผู้ใหญ่ด้วย)

    9.หากโดนลมเพลมพัดให้เอาพระยาแมลงภู่ลงใส่ขันน้ำ อาราธนาบุชาครุบาอาจารย์และพระยาแมลงภู่คำได้ทำน้ำนี้เป็นน้ำมนต์เอารดเอาอาบเอากินเถิดจักหายได้แล

    ....การใช้อย่างอื่นตามแต่ปัญญาของท่านผู้ครอบครองเอาเถิดใช้ได้พันช่องวิเศษนักแล.....


    * ติดตามเรื่องแมลงภู่กันดีๆนะครับ ของแรงแบบมีตัวมีตน ซ้ำยังเป็นเครื่องมงคล เครื่องค้ำชั้นสูง ...ห้ามพลาดจริงๆ

    1504796530_Gall_d8caa669566bce194bed42fc79efa427.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2018
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ที่โvนกันไว้ส่งให้วันจันทร์นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2018
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ฝากคำถามpm. เข้ามานะครับ
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้ติดตาม....ห้ามพลาดกันนะ ;)
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    โลหะฟ้าฟื้น

    ต่อเนื่องจากวิชาแมลงภู่คำเมื่อวาน ก็มีคนซักและสอบถามกันมามากจริงๆ แต่คงตอบได้คำเดียวว่าของพ่ออาจารย์ท่านนั้นเป้นเอกลักษณ์แบบของท่านไม่เหมือนที่อื่น ซ้ำนอกจากปรอทวิเศษ ไม้มะเขือบ้า ท่านยังกำหนดอะไรหลายๆอย่างทำการฝังไว้ในแมลงภู่ด้วย วันนี้ก็จะมาพูดถึงของสำคัญอีกอย่างหนึ่งก่อนที่จะไปคุยถึงวิชาการทำของปล่อยของโดยใช้แมลงภู่นี้

    เหล็กสำคัญนี้ท่านเรียกว่าโลหะฟ้าฟื้น ซึ่งเกิดจากการที่ท่านรวบรวมโลหะตามตำรามหาศาสตราคมมาหลอมไว้เป้นแท่งชนวน ประกอบด้วย

    ๑. เหล็กยอดเจดีย์มหาธาตุ - เหล็กที่เป็นโครงสร้างของยอดเจดีย์องค์ใหญ่ที่มีพระธาตุบรรจุอยู่

    ๒. เหล็กของยอดปราสาท(วัง) - เหล็กที่ยอดประตูที่ทำเป็นทรงปราสาทยอดแหลม อย่างประตูวิเศษไชย

    ๓. เหล็กขนัน – อันนี้เกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์ ประมาณว่าใช้ปราบผีตายโหงมาแล้ว (แถมตายทั้งกลมอีก) ขนัน คือ ต้นไม้อย่างหนึ่งคล้ายกับต้นขนุน ชื่ออย่างนั้น อนึ่งการทำเมื่อทารกตายในท้องเขาใส่ในหม้อทำเลขยันต์ปิดปากหม้อด้วย เพื่อจะกันมิให้หลอก

    ๔. ตะปูตอกฝาโลงศพ – เป็นตะปูที่ตอกโลงผีนั่นเอง

    ๕. พวกอาวุธที่ชำรุดจากการทำศึก – อันนี้ในสมัยโบราณถือว่าเป็นของที่ขลังมากๆ

    ๖. เหล็กปฏัก – เหล็กปฏัก คือสิ่งที่ใช้แทงคอวัว ควายสมัยก่อน เหล็กชนิดนี้หาได้ง่าย ไปตามบ้านนอก เป็นเหล็กที่ตอกอยู่ที่ปลายไม้รวกที่ตันใช้ตะไบถูให้แหลม สำหรับแทงวัวที่มันดื้อไม่ทำตามคำสั่ง

    ๗. สลักประตู – อันนี้เข้าใจว่ามีคุณด้านการเชื้อเชิญ เป็นเหล็กลิ่มหรือกลอน ที่ทำให้หัวไว้เป็นปุ่ม เมื่อตอกลงไปแล้ว จะถอนยากมาก ช่างบางคนตอกเหล็กชนิดนี้ลงไปจนจมหัว เมื่อจะถอนต้องแซะเนื้อไม้เพื่อให้คีมคีบได้สะดวกจึงจะถอนขึ้น ซึ่งทำให้เนื้อไม้ตรงนั้นมีตำหนิ ไม่สวย

    ๘. เหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด –เบญจพรรณ ตามรูปศัพท์ก็คือ แดง ดำ เขียว (คราม) เหลือง ขาว เหล็กที่อยู่ในลักษณะห้าสีชนิดนี้เป็นเหล็กชนิดใด คาดว่ามีมี 5 อย่าง ทองคำ ดีบุก เงิน ทองแดง และตะกั่ว

    ๙. เหล็กไหล – ผู้ที่จะได้เหล็กชนิดนี้จะต้องแก่ไสยศาสตร์ เล่นแร่แปรธาติหรือผีมาเข้าฝัน อย่างที่เรียกกันว่าผีบอก จากนั้นจึงไปนั่งบริกรรมเอาเทียนชัยไปจุดลนเข้าที่สถานที่ผีบอก เหล็กจะย้อยหรือไหลออกมา นังเลงเล่นพระหากันให้วุ่นไป เขาว่าอยู่ยงคงกระพัน

    ๑๐. เหล็กหล่อบ่อพระแสง – เหล็กจากที่นี่ใช้ทำอาวุธให้พระมหากษัตริย์เท่านั้น คือ เหล็กหล่อที่เอามาจากบ่อพระแสง จ.อุตรดิถต์

    ๑๑. เหล็กน้ำพี้ – เป็นเหล็กขึ้นชื่อของชาวไทยเลย

    ๑๒. ทองคำ สัมฤทธิ์ นาก จากเมืองอาเจะห์ อินโดนีเซีย

    ๑๓. เงินแท้ เหล็กกล้า ทองแดง – เป็นวัสดุหลักที่ใช้ทำดาบ

    ๑๔. ยาผง – อันนี้เหมือนตัวประสานให้โลหะเข้ากัน ส่วนใหญ่เป็น ผงถ่าน+ผงกำมะถัน+ผงตะไบเหล็ก

    ซึ่งสมัยนี้หาได้ยากยิ่งนักในการแสวงหาโลหะตำราดาบฟ้าฟื้นนี้ ของเหล่านี้ต่างกันเพียงรูปร่างเท่านั้นเพราะพ่ออาจารย์ท่านยังไม่ได้นำมาตีเป็นดาบ ด้วยพิจารณาว่าโลหะเหล่านี้เปราะมาก นำมาตีดาบก็ไม่สามารถใช้การได้จริง เหมือนสมัยขุนแผนที่ใช้เป็นดาบคู่บารมี ไม่ได้เอาไว้สู้รบจริงๆ ท่านเกรงว่าถ้ามีคนอุตริเอาไปฟันอะไรด้วยความเปราะจะพาลให้แตกหักเสีย

    ดังนั้นท่านจึงเก็บแท่งโลหะนี้ไว้เรียกว่าโลหะฟ้าฟื้นด้วยสายฟ้าฟาดตรงตามตำรา ท่านว่าแค่เอาไว้เป็นชนวนพกพาก็ขลังแล้ว

    ว่ากันว่าโลหะหรือดาบฟ้าฟื้นนี้ผู้ใดมีไว้ครอบครอง จะประเสริฐทุกประการ ปราบปรามศัตรูและภูติผีปิศาจได้ทุกชนิด แม้เข้าผจญสงครามก็ได้ชัยชนะต่อข้าศึก ใช้สะกดคนเป็นมหาจังงังอย่างแท้จริง ติดตัวไว้สารพัดคงกะพันชาตรีจากอาวุธทั้งปวง เรียกได้ว่าเป็นมีดมหาปราบ

    อนึ่งตํารามีดมหาศาสตราคมนี้เป็นของจริง ผู้ที่จะสร้างต้องเป็นสาธุชนคนดี จึงจะมีความเจริญ ถ้าเป็นมิจฉาชนคนชั่วแล้วก็ไม่จักเกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น โบราญจารย์ผู้เป็นเจ้าของตํารานี้ได้สาปแช่งไว้อย่างรุนแรงถ้าผู้มีมีดนี้ทําชั่ว


    * โลหะฟ้าฟื้นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีอานุภาพมากใช้ล้างอาถรรพ์และทำสิ่งต่างๆได้อีกหลายประการ....จะสำคัญอย่างไรทำไมมาเกี่ยวข้องกับแมลงภู่คำและปรอทสำเร็จต้องติดตามกันให้ดี

    26880656_1.jpg
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พูดคุยวันหยุด

    ตอนนี้..ก็มีคำถามเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเครื่องรางแมลงภู่ อาจจะเป็นเพราะของเก่าๆแท้ๆที่ถึงยุคจริงมีราคาค่อนข้างสูง เคยมีการซื้อหากันถึงหลักแสนหลักล้านแล้วของที่ออกมาเยอะทั้งทางไทใหญ่ ล้านนาหรือที่ต่างๆดูแปลกตาทำให้คนไม่กล้าเช่าหา

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านทำแมลงภู่นี้ แน่นอนว่าท่านก็ถือคติเดิมของท่าน นั่นคือเดินตามรอยครูแต่ไม่ทับรอยครูเช่นกัน ดังนั้นรูปแบบแมลงภู่ของท่านจึงเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยท่านเน้นที่ความอาถรรพ์ เนื้อหามวลสาร และพลังงานเป็นที่สุด ...อันนี้เอาไว้ติดตามชมกันดีๆจะเห็นว่าแมลงภู่ของท่านต่างจากทุกสำนักทั้งของเก่าและใหม่มากจริงๆ

    พ่ออาจารย์ท่านทำแมลงภู่ตัวครูขึ้นมาแปดตัว ทั้งนี้ก็ได้บารมีครูบาอาจารย์และมวลสารเก่าเก็บจำนวนมาก ไม่ว่าจะไม้มะเขือบ้าที่บดผสมผงวิเศษในสูตรการผูกพยนต์ ปลุกชีวิตให้จุติหุ่นกายสิทธิ์ที่เป็นมากกว่าทนสิทธิ์ใดๆ

    รวมถึงเศษแมลงภู่ตัวครูสมัยพระเจ้าสิบทิศบุเรงนองที่สืบทอดมาจากอาจารย์ของท่านที่พม่าซึ่งทำจากไม้ดุมล้อเกวียนอันมีอาถรรพ์ผลักดันให้คนใช้เจริญก้าวหน้าได้ตลอดไป เป็นอาถรรพ์ของการหมุน การเคลื่อนไปข้างหน้าแบบไม่หยุดนิ่ง

    ไม่ว่าจะโลหะฟ้าฟื้น ไม่ว่าจะปรอทสำเร็จที่ท่านเคยหุงจนสำเร็จขั้นสูงสุด ท่านว่าตอนเรียนนั้นทำกับฤาษีครูของท่าน ครูฤาษีท่านกระโดดลงมาจากยอดตาลให้เราดู กระโดดเหยียบตามกิ่งไม้ต่าง
    ๆดั่งตัวท่านเบาเหมือนขนนกตกลงมาก็ไม่เป็นอะไร ปรอทสำเร็จที่ทรงคุณวิชาขั้นสูงสุดนี้ต่างกับปรอทสำเร็จระดับล่างทั่วไปถึงกับมีระบุไว้แต่โบราณว่าผู้ใดทำได้สำเร็จแลมีไว้ดุจได้ครอบครองพระขรรค์เพชรแห่งองค์สมเด็จพระอมรินทราธิราช มีอานุภาพมากดุจเดียวกัน พ่ออาจารย์ท่านได้นำปรอทสำเร็จเม็ดครูหรือดวงแก้วจักรพรรดิ์นั้นมาหล่อหลอมหุงกวนกับธาตุกายสิทธิ์เพื่อบรรจุเป็นแหล่งพลังงานให้แมลงภู่คำโดยเฉพาะเจาะจง ทั้งการลงสูตรการทำวิชาท่านว่าแม้ตะกรุดขนาดข้อนิ้วที่ฝังแมลงภู่ไว้ ท่านยังลงอักขระเกินร้อยตัว อักขระแต่ละตัวใช้ความชำนาญเขียนเล็กยิ่งกว่ารูเข็ม...ถ้าอยากเห็นให้ติดตามกันให้ดีแมลงภู่นี้ท่านทำไปโดยความอุตสาหะจริงๆ

    แมลงภู่นี้สำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นสัตว์คู่บารมีพระเจ้าสิบทิศ ทำไมถึงเป็นเครื่องรางเอกของพระเจ้าบุเรงนอง ...และเมื่อพ่ออาจารย์ท่านทำ ท่านยังกล่าวว่ากว่าจะสำเร็จแมลงภู่คำนี้ได้ใช้เวลาใช่ย่อยเลย เพราะต้องอาราธนาเสด็จพระใหญ่ตลอดจนพุทธวงศ์ทั้งปวง เชิญมาประทับเปล่งพุทธรัศมีอาบแมลงภู่คำทีละองค์จนครบนับโกฏินับอสงไขยไม่ได้ ดังนั้นการสำเร็จแมลงภู่คำตนครูนี้จึงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สำเร็จด้วยพุทธรัศมีอย่างแท้จริง

    วิชาแมลงภู่คำนี้ นับเป็นเอกทางโชคลาภ เมตตา ส่งเสริมดวงชะตาให้มั่งคั่ง ทั้งทรัพย์สิน ยศศักดิ์ เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้คนทั้งหลาย อีกทั้งยังป้องกันคุณไสยมนต์ดำ หากแม้นว่าผู้หนึ่งผู้ใดคิดร้ายต่อผู้บูชาพญาแมลงภู่คำ เขาจะไปทำร้ายบุคคลนั้นให้ได้รับความเจ็บปวดและหลาบจำ กล่าวกันว่าตั้งแต่สมัยพระเจ้าบุเรงนองพระองค์ก็ทรงใช้วิชาแมลงภู่นี้สยบอริราชศัตรูทั้งหลาย ปราบพยศหัวเมืองต่างๆด้วยการปล่อยของ ด้วยวิชาแมลงภู่นี้ส่วนหนึ่งเช่นกัน นอกจากนั้นถ้าปรารถนาสิ่งใดจงอธิษฐานบอกกล่าวเอาเองจะสมประสงค์ดังที่หวัง

    แม้จะเล่นทางมหาเสน่ห์ก็ร้ายลึก ด้วยปกติแมลงภู่ตอมดอกไม้ดอกใดพวกแมลงต่างรวมทั้งผึ้งต้องหลบหนีไปเลยเพราะเขาเป็นใหญ่กว่าหมู่ภมรทั้งหลาย ทั้งแมลงภู่คำสามารถเจาะแก่นไม้แข็งๆได้อย่างสบาย ครูบาอาจารย์จึงเอาเป็นเคล็ดว่าต่อให้หญิงใจแข็งสักเท่าไรก็มิอาจต้านทานแมลงภู่คำนี้ได้เขาเจาะให้เราได้ทั้งหมด ยิ่งใจแข็งยิ่งง่าย จัดว่าเป็นเครื่องรางที่มีดีครบทุกอย่างจริงๆ สามารถเตือนภัยให้เจ้าของได้ด้วย อาจสั่นหรือปรากฏลางสังหรณ์บอกก่อนล่วงหน้า โชคลาภก็มีครบใช้ได้เลย ท่านว่าไม่แปลกใจทำไมบุเรงนองถึงเป็นพระเจ้าสิบทิศ การที่คนธรรมดาขึ้นเป็นกษัตริย์ แลแผ่เดชานุภาพเป็นพระเจ้าชนะสิบทิศได้นั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย ต่อไปลองใช้ดูก็จะรู้ว่าชนะสิบทิศแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร

    พ่ออาจารย์ท่านว่าแมลงภู่นี้ทำไว้แปดตัว แต่มันเหลือไม่ถึง เพราะเคยให้คนเอาไปใช้สองตัว

    - คนหนึ่งเอาไปเจาะหัวใจหญิงใจแข็งเกินวิสัยแม้บูชาขุนแผนหรือสิ่งใดก็เอาชนะใจไม่ได้ให้โอนอ่อน สุดท้ายเรียบร้อยวิชาแมลงภู่แต่งงานอยู่กินกันมีความสุข ทั้งยังอาราธนาไปไหนมาไหนด้วยตลอดเขาว่าเคยเอาวางไว้หน้ารถ วันนั้นรถชนแล้วพลิกคว่ำหลายตลบสภาพพังยับเยินแต่ตัวเองไม่มีแม้รอยแดงหรือความเจ็บปวดใดๆ น่าอัศจรรย์ใจก็แค่เพียงแมลงภู่หน้ารถเขาเข้ามาอยู่ในกระเป๋าเสื้อได้อย่างไรก็ไม่ทราบ และความเป็นอยู่ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆทุกวันนี้แมลงภู่กายสิทธิ์กลายเป็นมงคลคุ้มชีวิตไปแล้ว

    - อีกคนหนึ่งบ่นแต่ว่าตนถูกรังแกถูกกระทำย่ำยีจึงอาราธนาแมลงภู่ให้ไปกระทำเอาคืนเขาร้ายแรงถึงแก่ความตายสิ้นวงศ์ตระกูลเรียกว่าย่อยยับทีเดียว ท่านว่าแมลงภู่นั้นไม่ใช่วิชาปล่อยของทำร้ายใครแบบเดรัจฉานวิชา หากแต่เขาทำกลับคืนไปด้วยผลกรรมแห่งการปองร้ายโต้ตอบไปร้อยเท่าพันเท่าเพียงเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะไปทำร้ายใครก็ได้ ใครมาดี ทำดีกับเราจะไปทำร้ายเขาก็ไม่ได้ พ่ออาจารย์ท่านว่ากรณีนี้แมลงภู่คำเขาก็ไม่อยู่เพราะใจคนใช้กำเริบไม่ปกติ ด้วยเอาไปเพียงหมายปองทำร้ายกันกลับไปกลับมา เขาก็กลับมาหาเราเพราะเขาไปมาได้เองด้วยเป็นกายสิทธิ์ ทางฝ่ายนั้นก็ร้องแต่จะขอบูชาตนใหม่เพราะของเก่าอยู่ดีๆก็อันตรธานหายไป ขนาดบูชาไว้ในครอบแก้วก็ยังไม่สามารถกักขังของกายสิทธิ์ได้ เช่นนี้แมลงภู่ตนนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงเก็บไว้ใช้เองเป็นมงคลคู่กายของท่าน


    ที่ผ่านมาท่านค่อนข้างหวงแมลงภู่นี้มาก จึงไม่ค่อยมีใครได้เห็นหรือรู้ ว่ายอดแห่งสัตว์ที่ประเสริฐสูงสุดในวงศ์แมลงมีปีกทั้งหมดท่านได้ทำเอาไว้ จนเวลานี้ ปัจจุบันนี้ท่านว่ามันเรียกได้ว่าสมควรแก่กาลยิ่งแล้ว เพราะคนเริ่มพ่ายแพ้ สิ้นรูป หมดท่า หมดสิ้นหนทางการใช้ชีวิต อับจนในสติปัญญา วงจรทุกอย่างหยุดนิ่ง ชะลอ ไม่หมุนไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ด้วยบารมีของพญาแมลงภู่คำนี้ที่เป็นเครื่องรางสะดวกแก่การบูชาพกพา ท่านว่าจะได้ใช้กัน ขอเพียงไม่อาฆาตพยาบาทใครเพียงแค่บูชาไว้ปกติ แม้มีภัยเขาก็เตือน แม้มีผู้ปองร้ายเขาก็ตอบสนองให้ ท่านว่าอยู่นิ่งๆไม่ต้องไปสาปไปแช่งหรืออธิษฐานปล่อยเขาไปทำร้ายใครทำได้เท่านี้ก็พอ ใช้กันให้ดี ใช้หากิน หาความรัก หาจตุปัจจัยทั้งสี่และก็ทำบุญสร้างบารมีต่อยอดไปเรื่อยๆ ...เอาไปใช้กันนะแล้วจะรู้ว่าชีวิตแบบพระเจ้าชนะสิบทิศนั้นเป็นอย่างไร

    *** พญาแมลงภู่คำนี้ ติดตามกันให้ดีๆ บอกเลยว่ามีเสน่ห์มากเพราะเป็นงานที่ท่านทำเองทีละตัวทำกับมือของท่าน รวมแล้วจึงสวยสมบูรณ์แบบตามเอกลักษณ์ของท่าน ..ห้ามพลาด


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2018
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ถามมากันเยอะจริงๆ วันพรุ่งนี้ติดตามกันนะครับ;)
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จฟ้าฟื้นพญาแมลงภู่คำ (พยนต์พิฆาตครองพิภพพระเจ้าชนะสิบทิศ)

    เกี่ยวกับเครื่องรางแมลงภู่ ด้วยเป็นเพราะของเก่าๆแท้ๆที่ถึงยุคจริงมีราคาค่อนข้างสูง เคยมีการซื้อหากันถึงหลักแสนหลักล้านแล้วของที่ออกมาภายหลังก็เยอะทั้งทางไทใหญ่ ล้านนาหรือที่ต่างๆดูแปลกตาทำให้คนไม่กล้าเช่าหา

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านทำแมลงภู่นี้ แน่นอนว่าท่านก็ถือคติเดิมของท่าน นั่นคือเดินตามรอยครูแต่ไม่ทับรอยครูเช่นกัน ดังนั้นรูปแบบแมลงภู่ของท่านจึงเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยท่านเน้นที่ความอาถรรพ์ เนื้อหามวลสาร และพลังงานเป็นที่สุด ....จะเห็นว่าแมลงภู่ของท่านต่างจากทุกสำนักทั้งของเก่าและใหม่มากจริงๆ ทั้งนี้ก็ด้วยท่านปั้นขึ้นมาเองทีละตัวโดยใช้ชนวนมวลสารสำคัญตามเคล็ดในการสร้างแมลงภู่ทุกอย่าง หากแต่เปลี่ยนจากงานแกะสลักมาเป็นงานปั้นเท่านั้น

    พ่ออาจารย์ท่านทำแมลงภู่ตัวครูขึ้นมาแปดตัว โดยอาศัยบารมีครูบาอาจารย์และมวลสารเก่าเก็บจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นไม้มะเขือบ้าอันเป็นส่วนผสมหลักในยาเสน่ห์ที่บดผสมผงวิเศษในสูตรการผูกพยนต์ ปลุกชีวิตให้จุติหุ่นกายสิทธิ์ที่เป็นมากกว่าทนสิทธิ์ใดๆ (วิชาการทำกายสิทธิ์นี้เอง พ่ออาจารย์ท่านว่าสำคัญนักและทำยากที่สุด ด้วยว่าของสิ่งต่างๆที่เคยสำเร็จขึ้นมานั้น จะเป็นกายสิทธิ์ได้ก็ต้องอาศัยอำนาจของเทพยดาเข้าอุ้มชู จะกี่องค์ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ไม่ได้สำเร็จขึ้นเป็นกายสิทธิ์ด้วยตัวเอง ดังนั้นเมื่อนำไปใช้งานถึงแม้จะเป็นกายสิทธิ์เช่นกัน แต่หากเทวดาองค์ใดองค์หนึ่งที่อภิบาลอยู่ไม่เห็นด้วยก็จะพาลให้ใช้งานได้ไม่เต็มคุณภาพไป ต่างจากการสำเร็จเป็นกายสิทธิ์ด้วยตนเองอย่างสิ้นเชิงเพราะเค้าไม่ต้องพึ่งอำนาจผู้ใด พ่ออาจารย์ท่านว่าแบบนี้จึงจะแรง ช่วยได้หมดทุกเรื่องไม่ว่าจะผิดหรือถูกขอเพียงคนใช้ได้ดีก็พอ)

    ด้วยเพราะเป็นการทำวิชาแมลงภู่ ทั้งนี้จึงขาดเสียไม่ได้เลยกับมวลสารเก่าตั้งต้น นั่นคือเศษแมลงภู่ตัวครูสมัยพระเจ้าสิบทิศบุเรงนองที่สืบทอดมาจากอาจารย์ของท่านที่พม่าซึ่งทำจากไม้ดุมล้อเกวียนอันมีอาถรรพ์ผลักดันให้คนใช้เจริญก้าวหน้าได้ตลอดไป เป็นอาถรรพ์ของการหมุน การเคลื่อนไปข้างหน้าแบบไม่หยุดนิ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าจะทำแมลงภู่ให้คนใช้ก็ต้องใช้เศษแมลงภู่ของเก่าสมัยพระเจ้าสิบทิศที่บรมครูพูพูอ่องผู้วิเศษทำไว้นี่แหละบรรจุเข้าไป ทีนี้ก็จะเข้าตามตำราที่ว่าแมลงภู่ควรสร้างจากไม้ดุมล้อเกวียน เพราะเราก็ใช้ไม้นั้นเป็นมวลสารเช่นกันหากแต่ทำในเอกลักษณ์ของเรา(น่าคิดว่าทำไมพ่ออาจารย์ท่านจึงไม่หาไม้ดุมล้อเกวียนมาแกะให้หมดเรื่องเสียทีเดียวเลย ดูน่าจะง่ายกว่ามากทำไมต้องมานั่งปั้นบรรจุอะไรมากมาย ท่านว่าถ้าจะให้แกะก็ทำได้ แต่ที่ทำแบบนี้ก็เพราะทำตามความเหมาะสมของพลังงาน เพราะเราตั้งใจจะทำแมลงภู่ตัวครูจริงๆ)

    ท่านตั้งใจทำแมลงภู่นี้ให้เป็นจิตวิญญาณกายสิทธิ์สูงสุดจริงๆจะเห็นได้ว่าท่านบรรจุโลหะฟ้าฟื้นไว้ภายในตัวแมลงภู่ด้วย โลหะฟ้าฟื้นประกอบด้วยเหล็กอาถรรพ์ต่างๆดังนี้
    - เหล็กยอดเจดีย์มหาธาตุ เหล็กที่เป็นโครงสร้างของยอดเจดีย์องค์ใหญ่ที่มีพระธาตุบรรจุอยู่
    - เหล็กของยอดปราสาท(วัง) เหล็กที่ยอดประตูที่ทำเป็นทรงปราสาทยอดแหลม อย่างประตูวิเศษไชย
    - เหล็กขนัน อันนี้เกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์ ประมาณว่าใช้ปราบผีตายโหงมาแล้ว (แถมตายทั้งกลมอีก) ขนัน คือ ต้นไม้อย่างหนึ่งคล้ายกับต้นขนุน ชื่ออย่างนั้น อนึ่งการทำเมื่อทารกตายในท้องเขาใส่ในหม้อทำเลขยันต์ปิดปากหม้อด้วย เพื่อจะกันมิให้หลอก
    - ตะปูตอกฝาโลงศพ เป็นตะปูที่ตอกโลงผีนั่นเอง
    - พวกอาวุธที่ชำรุดจากการทำศึก อันนี้ในสมัยโบราณถือว่าเป็นของที่ขลังมากๆ
    - เหล็กปฏัก เหล็กปฏัก คือสิ่งที่ใช้แทงคอวัว ควายสมัยก่อน เหล็กชนิดนี้หาได้ง่าย ไปตามบ้านนอก เป็นเหล็กที่ตอกอยู่ที่ปลายไม้รวกที่ตันใช้ตะไบถูให้แหลม สำหรับแทงวัวที่มันดื้อไม่ทำตามคำสั่ง
    - สลักประตู อันนี้เข้าใจว่ามีคุณด้านการเชื้อเชิญ เป็นเหล็กลิ่มหรือกลอน ที่ทำให้หัวไว้เป็นปุ่ม เมื่อตอกลงไปแล้ว จะถอนยากมาก ช่างบางคนตอกเหล็กชนิดนี้ลงไปจนจมหัว เมื่อจะถอนต้องแซะเนื้อไม้เพื่อให้คีมคีบได้สะดวกจึงจะถอนขึ้น ซึ่งทำให้เนื้อไม้ตรงนั้นมีตำหนิ ไม่สวย
    - เหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เบญจพรรณ ตามรูปศัพท์ก็คือ แดง ดำ เขียว (คราม) เหลือง ขาว เหล็กที่อยู่ในลักษณะห้าสีชนิดนี้เป็นเหล็กชนิดใด คาดว่ามีมี 5 อย่าง ทองคำ ดีบุก เงิน ทองแดง และตะกั่ว
    - เหล็กไหล ผู้ที่จะได้เหล็กชนิดนี้จะต้องแก่ไสยศาสตร์ เล่นแร่แปรธาติหรือผีมาเข้าฝัน อย่างที่เรียกกันว่าผีบอก จากนั้นจึงไปนั่งบริกรรมเอาเทียนชัยไปจุดลนเข้าที่สถานที่ผีบอก เหล็กจะย้อยหรือไหลออกมา
    - เหล็กหล่อบ่อพระแสง เหล็กจากที่นี่ใช้ทำอาวุธให้พระมหากษัตริย์เท่านั้น คือ เหล็กหล่อที่เอามาจากบ่อพระแสง จ.อุตรดิถต์
    - เหล็กน้ำพี้ เป็นเหล็กทำศาสตราวุธที่ขึ้นชื่อของชาวไทย
    - ทองคำ สัมฤทธิ์ นาก จากเมืองอาเจะห์ อินโดนีเซีย
    - เงินแท้ เหล็กกล้า ทองแดง เป็นวัสดุหลักที่ใช้ทำดาบ
    - ยาผง อันนี้เหมือนตัวประสานให้โลหะเข้ากัน ส่วนใหญ่เป็น ผงถ่าน+ผงกำมะถัน+ผงตะไบเหล็ก
    พ่ออาจารย์ท่านว่าคำว่าฟ้าฟื้นนั้นเป็นความหมายมงคล ฟื้นคือการคืนกลับมามีชีวิต เปลี่ยนแปลงสภาพ สถานะ จากที่เหี่ยวเฉาตายแล้วให้ฟื้นขึ้นมาได้ด้วยการเติมเต็มจิตวิญญาณผู้บูชา แต่ที่สำคัญที่สุดจริงๆก็คือโลหะฟ้าฟื้นนี้ท่านตั้งใจจะให้เป็นอาถรรพ์ เป็นจุดรวมพลังงานชีวิตของแมลงภู่และกระจายพลังงานให้สม่ำเสมอไม่มีเสื่อมถอย ดุจในอดีตที่ขุนแผนตีดาบฟ้าฟื้นเพื่อให้เป็นดาบอาถรรพ์ใช้เป็นที่สิงสถิตย์ของภูติผีแลโหงพรายจำนานมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าต่างกันคือโลหะฟ้าฟื้นนี้จะเรียกว่าเราใช้เป็นรังของกายสิทธิ์แมลงภู่คำก็ย่อมได้ไม่ใช่ภูติหรือผี


    ไม่ว่าจะปรอทสำเร็จที่ท่านเคยหุงจนสำเร็จขั้นสูงสุด ท่านว่าตอนเรียนนั้นทำกับฤาษีครูของท่าน ครูฤาษีท่านกระโดดลงมาจากยอดตาลให้เราดู กระโดดเหยียบตามกิ่งไม้ต่างๆดั่งตัวท่านเบาเหมือนขนนกตกลงมาก็ไม่เป็นอะไร ปรอทสำเร็จที่ทรงคุณวิชาขั้นสูงสุดนี้ต่างกับปรอทสำเร็จระดับล่างทั่วไปถึงกับมีระบุไว้แต่โบราณว่าผู้ใดทำได้สำเร็จแลมีไว้ดุจได้ครอบครองพระขรรค์เพชรแห่งองค์สมเด็จพระอมรินทราธิราช มีอานุภาพมากดุจเดียวกัน พ่ออาจารย์ท่านได้นำปรอทสำเร็จเม็ดครูหรือดวงแก้วจักรพรรดิ์นั้นมาหล่อหลอมหุงกวนกับธาตุกายสิทธิ์เพื่อบรรจุเป็นแหล่งพลังงานให้แมลงภู่คำโดยเฉพาะเจาะจง

    ทั้งการลงสูตรการทำวิชาท่านว่าแม้ตะกรุดขนาดข้อนิ้วที่ฝังแมลงภู่ไว้ ท่านยังลงอักขระเกินร้อยตัว อักขระแต่ละตัวใช้ความชำนาญเขียนเล็กยิ่งกว่ารูเข็ม...ซึ่งตะกรุดนี้ท่านได้ลงวิชาต่างๆที่ควรจะมีของสายแมลงภู่เสริมกำกับอาถรรพ์ไว้ ต้องยอมรับว่าแมลงภู่นี้ท่านทำไปโดยความอุตสาหะจริงๆ

    แมลงภู่นี้สำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นสัตว์คู่บารมีพระเจ้าสิบทิศ ทำไมถึงเป็นเครื่องรางเอกของพระเจ้าบุเรงนอง ด้วยการปลุกเสกนั้นท่านว่าต้องทำให้ครบตามตำรากล่าวคือ
    - ปลุกเสกหอเจ้าเมือง
    - ปลุกเสกป่าช้าบ้าน
    - ปลุกเสกป่าช้าพระสงฆ์
    - ปลุกเสกทางสี่แพ่ง(สี่แยก)
    - ปลุกเสกท่าน้ำที่มีคนขึ้นลงเยอะๆ
    - ปลุกเสกกลางงานปอย(งานอบรมสมโภชน์)
    - ปลุกเสกกลางตลาด
    - ปลุกเสกที่พระธาตุเจดีย์
    - ปลุกเสกในวิหาร
    - ปิดท้ายด้วย ปลุกเสกในพระอุโบสถ

    โดยมีการกำหนดบทที่ต้องสวดในการปลุกเสกครั้งสุดท้ายด้วยก็คือ สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ 3,000 จบ สัมพุทเธอีก 1,000 จบ...จึงเสร็จตามตำรา...และเมื่อพ่ออาจารย์ท่านทำ ท่านยังกล่าวว่ากว่าจะสำเร็จแมลงภู่คำนี้ได้ใช้เวลาใช่ย่อยเลย เพราะท่านถือคติที่ว่าแมลงภู่นี้คือสัตว์ปีกที่ได้อาบพุทธรัศมีของพระพุทธเจ้ามาแต่เดิม เมื่อท่านจะทำแมลงภู่คำตนครูของท่าน จึงจำเป็นที่จะต้องขอบารมีพระ ต้องอาราธนาเสด็จพระใหญ่ตลอดจนพุทธวงศ์ทั้งปวง เชิญมาประทับเปล่งพุทธรัศมีอาบแมลงภู่คำทีละองค์จนครบนับโกฏินับอสงไขยไม่ได้ ดังนั้นการสำเร็จแมลงภู่คำตนครูนี้จึงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สำเร็จด้วยพุทธรัศมีอย่างแท้จริง


    วิชาแมลงภู่คำนี้ นับเป็นเอกทางโชคลาภ เมตตา ส่งเสริมดวงชะตาให้มั่งคั่ง ทั้งทรัพย์สิน ยศศักดิ์ เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้คนทั้งหลาย อีกทั้งยังป้องกันคุณไสยมนต์ดำ หากแม้นว่าผู้หนึ่งผู้ใดคิดร้ายต่อผู้บูชาพญาแมลงภู่คำ เขาจะไปทำร้ายบุคคลนั้นให้ได้รับความเจ็บปวดและหลาบจำ กล่าวกันว่าตั้งแต่สมัยพระเจ้าบุเรงนองพระองค์ก็ทรงใช้วิชาแมลงภู่นี้สยบอริราชศัตรูทั้งหลาย ปราบพยศหัวเมืองต่างๆด้วยการปล่อยของซึ่งวิชาแมลงภู่นี้ก็เป็นวิชาเอกของพระเจ้าสิบทิศส่วนหนึ่งเช่นกัน ถ้าใช้เป็นท่านว่าวิชานี้ฆ่าคนได้เป็นจำนวนมาก ทำลายคนได้เป็นกองทัพ *ท่านให้เอาไว้พกรักษาตัวคุ้มกายเท่านั้นไม่ได้ใช้ให้ฆ่าหรือทำลายใคร นอกจากนั้นถ้าปรารถนาสิ่งใดจงอธิษฐานบอกกล่าวเอาเองจะสมประสงค์ดังที่หวัง

    แม้จะเล่นทางมหาเสน่ห์ก็ร้ายลึก ด้วยปกติแมลงภู่ตอมดอกไม้ดอกใดพวกแมลงต่างรวมทั้งผึ้งต่างต้องหลบหนีไปเลยเพราะเขาเป็นใหญ่กว่าหมู่ภมรทั้งหลาย(พ่ออาจารย์ท่านว่าดุจเราคนใช้หมายปองสิ่งใด หมายปองดอกไม้ดอกใด จะไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง เข้ามาแย่งชิงกับเรา ด้วยทุกวันนี้ไม่ว่าความปรารถนาสิ่งใดๆก็ตามล้วนแต่ต้องแข่งขันแย่งชิงกันทั้งนั้น แม้เพียงเรื่องเล็กน้อยจึงยากที่ความปรารถนาใดๆจะสำเร็จ ท่านว่าเนื้อมีชิ้นเดียว สุนัขหิวทั้งฝูงมันจะอิ่มท้องกันได้อย่างไร) ทั้งแมลงภู่คำยังสามารถเจาะแก่นไม้แข็งๆได้อย่างสบาย ครูบาอาจารย์จึงถือเอาเป็นเคล็ดว่าต่อให้หญิงใจแข็งสักเท่าไรก็มิอาจต้านทานแมลงภู่คำนี้ได้เขาเจาะให้เราได้ทั้งหมด ยิ่งใจแข็งยิ่งง่าย จัดว่าเป็นเครื่องรางที่มีดีครบทุกอย่างจริงๆ สามารถเตือนภัยให้เจ้าของได้ด้วย อาจสั่นหรือปรากฏลางสังหรณ์บอกก่อนล่วงหน้าเมื่อภัยมา โชคลาภก็มีครบใช้ได้เลย ท่านว่าไม่แปลกใจทำไมบุเรงนองถึงเป็นพระเจ้าสิบทิศ การที่คนธรรมดาขึ้นเป็นกษัตริย์ แลแผ่เดชานุภาพเป็นพระเจ้าชนะสิบทิศได้นั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย ต่อไปลองใช้ดูก็จะรู้ว่าชนะสิบทิศแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร

    พ่ออาจารย์ท่านว่าแมลงภู่นี้ทำไว้แปดตัว แต่มันเหลือไม่ถึง เพราะเคยให้คนเอาไปใช้สองตัว
    - คนหนึ่งเอาไปเจาะหัวใจหญิงใจแข็งเกินวิสัยแม้บูชาขุนแผนหรือสิ่งใดก็เอาชนะใจไม่ได้ให้โอนอ่อน สุดท้ายเรียบร้อยวิชาแมลงภู่แต่งงานอยู่กินกันมีความสุข ทั้งยังอาราธนาไปไหนมาไหนด้วยตลอดเขาว่าเคยเอาวางไว้หน้ารถ วันนั้นรถชนแล้วพลิกคว่ำหลายตลบสภาพพังยับเยินแต่ตัวเองไม่มีแม้รอยแดงหรือความเจ็บปวดใดๆ น่าอัศจรรย์ใจก็แค่เพียงแมลงภู่หน้ารถเขาเข้ามาอยู่ในกระเป๋าเสื้อได้อย่างไรก็ไม่ทราบ และความเป็นอยู่ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆทุกวันนี้แมลงภู่กายสิทธิ์กลายเป็นมงคลคุ้มชีวิตไปแล้ว

    - อีกคนหนึ่งบ่นแต่ว่าตนถูกรังแกถูกกระทำย่ำยีจึงอาราธนาแมลงภู่ให้ไปกระทำเอาคืนเขาร้ายแรงถึงแก่ความตายสิ้นวงศ์ตระกูลเรียกว่าย่อยยับทีเดียว ท่านว่าแมลงภู่นั้นไม่ใช่วิชาปล่อยของทำร้ายใครแบบเดรัจฉานวิชา หากแต่เขาทำกลับคืนไปด้วยผลกรรมแห่งการปองร้ายโต้ตอบไปร้อยเท่าพันเท่าเพียงเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะไปทำร้ายใครก็ได้ ใครมาดี ทำดีกับเราจะไปทำร้ายเขาก็ไม่ได้ พ่ออาจารย์ท่านว่ากรณีนี้แมลงภู่คำเขาก็ไม่อยู่เพราะใจคนใช้กำเริบไม่ปกติ ด้วยเอาไปเพียงหมายปองทำร้ายกันกลับไปกลับมา เขาก็กลับมาหาเราเพราะเขาไปมาได้เองด้วยเป็นกายสิทธิ์ ทางฝ่ายนั้นก็ร้องแต่จะขอบูชาตนใหม่เพราะของเก่าอยู่ดีๆก็อันตรธานหายไป ขนาดบูชาไว้ในครอบแก้วก็ยังไม่สามารถกักขังของกายสิทธิ์ได้ เช่นนี้แมลงภู่ตนนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงเก็บไว้ใช้เองเป็นมงคลคู่กายของท่าน


    ที่ผ่านมาท่านค่อนข้างหวงแมลงภู่นี้มาก จึงไม่ค่อยมีใครได้เห็นหรือรู้ ว่ายอดแห่งสัตว์ที่ประเสริฐสูงสุดในวงศ์แมลงมีปีกทั้งหมดท่านได้ทำเอาไว้ จนเวลานี้ ปัจจุบันนี้ท่านว่ามันเรียกได้ว่าสมควรแก่กาลยิ่งแล้ว เพราะคนเริ่มพ่ายแพ้ สิ้นรูป หมดท่า หมดสิ้นหนทางการใช้ชีวิต อับจนในสติปัญญา วงจรทุกอย่างหยุดนิ่ง ชะลอ ไม่หมุนไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ด้วยบารมีของพญาแมลงภู่คำนี้ที่เป็นเครื่องรางสะดวกแก่การบูชาพกพา ท่านว่าคนเขาจะได้ใช้กัน ขอเพียงไม่อาฆาตพยาบาทใครเพียงแค่บูชาเอาไว้ปกติ แม้มีภัยเขาก็เตือน แม้มีผู้ปองร้ายเขาก็ตอบสนองให้ ท่านว่าอยู่นิ่งๆไม่ต้องไปสาปไปแช่งหรืออธิษฐานปล่อยเขาไปทำร้ายใครทำได้เท่านี้ก็พอ ใช้กันให้ดี ใช้หากิน หาความรัก หาจตุปัจจัยทั้งสี่และก็ทำบุญสร้างบารมีต่อยอดไปเรื่อยๆ ...เอาไปใช้กันนะแล้วจะรู้ว่าชีวิตแบบพระเจ้าชนะสิบทิศนั้นเป็นอย่างไร

    *** พญาแมลงภู่คำนี้ บอกเลยว่ามีเสน่ห์มากเพราะเป็นงานที่ท่านทำเองทีละตัวทำกับมือของท่าน ปั้นไปเรียกสูตรผูกรูปนามฝังอาถรรพ์ลงคาถาไปทีละอย่าง รวมแล้วจึงสวยสมบูรณ์แบบตามเอกลักษณ์ของท่าน ท่านว่าเสกทีไรกระจัดกระจายทุกที ในนิมิตเห็นเขาบินได้ก็ปรากฏว่ากระจายไปตกที่จุดตามนิมิตบอกทุกครั้ง

    วิธีบูชา
    - หากสร้างบ้านใหม่ให้เอาแมลงภู่ห่อผ้าขาวผ้าแดงขึ้นวางบนยอกหัวเสาในทิศทั้งสี่ และบูชาด้วยดอกไม้ขาว บอกกล่าวพระยาแมลงภู่ว่า”วันนี้ได้สร้างบ้านใหม่ขอยกเอาพระยาแมลงภู่ขึ้นเป็นอารักษ์บ้าน สิ่งใดที่จะเป็นภัยแก่ครอบครัวทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ขอพระยาแมลงภู่คำได้ป้องกันด้วยและสิ่งใดที่ดีที่เป็นมงคลของจงนำพามาสู่บ้านเรือนนี้ด้วยเทอญ” แล้วให้หมั่นสวดบูชาถวายดอกไม้ขาว ทุกๆวันขึ้น 15 ค่ำ นั้นเทอญจักมีแต่ความจำเริญวุฒิทุกประการแล

    - หากว่าจะไปค้าไปขายเดินท่าเดินทางต่างถิ่นต่างแดน ให้บูชาพระยาแมลงภู่ด้วยของหอม(เช่นน้ำอบน้ำปรุง)ให้ สวดคาถา 7 รอบ แล้วอธิษฐานว่า “ข้าฯไปไหนขอพระยาแมลงภู่คำตัวกล้านี้ ไปด้วย ไปช่วยค้าไปช่วยขาย ไปค้าได้เงินเดินทางก็ให้ได้ทองนะพ่อนะ” ว่า 3 จบ แล้วออกเดินทางเถิด จัดมีแต่คนนำโชคลาภมาให้เป็นที่รักของคนทั้งหลายแล

    - หากมีร้านค้าให้ตั้งพานบูชาเอาแมลงภู่คำใส่ลงไว้ ให้บูชาด้วยดอกไม้ขาว และถวายน้ำผึ้งแท้ สัก 1 แก้วเล็กๆวางบนพาน แล้วให้ว่าคาถาบูชา วันละ 9 จบเวลาเปิดร้าน แล้วว่า “วันนี้ข้าฯขอเลี้ยงพระยาแมลงภู่คำตัวกล้า อันสถิตอยู่ที่นี้ด้วยน้ำผึ้งอันหอมหวาน เมื่อพ่ออิ่มแล้วก็ช่วยข้าฯให้มั่งมี พาเอาเงินเอาทองมาสู่ตัวข้าฯด้วยเทอญ”แล้วจึงเอาแมลงภู่ลงแช่น้ำ สวดคาถาบูชา 1 จบแล้วเอาน้ำนั้นประพรมของที่ขายนั้นเทอญ จักขายสิ่งใดก็ขายดี (ควรเปลี่ยนน้ำผึ้งทุกวัน)

    - หากจักเดินทางเข้าป่าให้สาธยายพระมนต์ 3 จบแล้วเขย่าแมลงภู่คำ แล้วบอกว่า “ไข้ป่าอย่ามี ผีอย่าใกล้ตัวข้าฯ สวาหะ สวาหายยะ” เดินทางไปเถิดภัยไม่มีไข้ป่าก็ไม่เป็นแล

    - หากจักให้เป็นมหาเสน่ห์แก่หญิงหรือชายใด ให้ใส่ชื่อผู้นั้นลงไปเมื่อสวดคาถา ในท่อนท้ายคือ ....ให้.....อี/ไอ้(ชื่อเขา)....มาเป็นข้าใช้ต๋นกู ติดกูพระยาแมลงภู่คำ แต้เนอ มาเนอ เออ.....อี/ไอ้(ชื่อเขา).....รัก กู อมสวาหุมติ๊ดๆ.....แล้วเข้าไปหาเถิดท่านไม่เมตตารักไคร่อยู่ไม่ได้เลยแล.

    - หากจักให้พระยาแมลงภู่รักษาอารักษ์ในอาณาเขตใดให้เอาพระยาแมลงภู่ลงใส่ในขันน้ำแล้วสวดคาถาบูชา 3 จบ แล้วว่า “น้ำนี้ตกบนแผ่นดินใดขอพ่อเจ้าพระแมลงภู่คำผู้เป็นใหญ่จงรักษาอาณาเขตแดนนั้นเทอญ สัตว์ร้ายอย่าเข้าได้ คนร้ายอย่าเข้าได้ ภัยร้ายมนต์ดำท่านทำมาอย่าเข้าได้ กันเน่อพ่อกัน ต่อยตีแตกพ่ายทุกประการนะพ่อนะ สัพพะชัยยะ นะกันนะ สวาหะเถ๊ก” แล้วเอาน้ำมนต์นั้นพรมให้ทั่วบริเวณที่ต้องการให้พระยาแมลงภู่รักษา จะอยู่เย็นเป็นสุขยิ่งแล ภัยใดๆมิสามารถกล้ำกลายได้เลย

    - หากอยากให้เป็นมหาอำนาจ ให้สวดคาถาบูชา 7 จบ แล้วให้หลับตามโนภาพว่ามีพระยาแมลงภู่คำบินขนาบข้างทั้งสอง แล้ว ฮำเสียง ” ฮึงๆๆ” เหมือนเสียงแมลงบิน สัก 3 ครั้ง (จะมีอาการขนพองสยองเกล้า) แล้วอธิษฐานว่า “ข้าไปไหนขอพระยาแมลงภู่คำไปด้วย ขอพ่อมาเป็นเดชเดชะแก่ข้าฯนี้ด้วยเทอญ” จึงไปเถิด จักจำเริญด้วยเดชเดชะ มีฤทธี ท้าวพระยาเมตตารักใคร่ ผู้คนร่ำลือสรรเสริญเรานักแล

    - หากจักให้เป็นมหานิยมแก่ฝูงชนาชนทั้งหลาย ให้พกพระยาแมลงภู่นี้ติดตัว แล้วให้สวดคาถาบูชา 3 จบ แล้วให้เป่าลงที่มือทั้งสอง แล้วเอาลูบหน้า 3 ครั้งเถิด(ลูบขึ้นเท่านั้น)จักเกิดเป็นราศีแก่ผู้บูชานั้นแล (ได้ลองมาแล้วเข้าไปอยู่ในคนหมู่มากเราจะเด่นกว่าคนอื่นเสมอ ดีมากๆและยังเป็นที่รักแก่ผู้ใหญ่ด้วย)

    - หากโดนลมเพลมพัดให้เอาพระยาแมลงภู่ลงใส่ขันน้ำ อาราธนาบุชาครุบาอาจารย์และพระยาแมลงภู่คำได้ทำน้ำนี้เป็นน้ำมนต์เอารดเอาอาบเอากินเถิดจักหายได้แล


    * การใช้อย่างอื่นตามแต่ปัญญาของท่านผู้ครอบครองพิจารณาเอาเถิดใช้ได้พันช่องถ้วนทุกประการวิเศษนักแล


    คาถาแมลงภู่คำ
    โอมพระยาแมลงภู่คำ งามเหลือล้นปอตา ในโลก๋าโลกใต้ เงินคำได้ไหลนอง ตั้งข้าวของกูปองเหลือล้น ฮื้อปากั๋นค้นขนมามนุษาโลกหล้า จูมปู ปากั๋นหุ๋ม ไฝ่รักเล็งดูต๋นตั๋วกูพระยาแมลงภู่คำ กั๊นกูสวาดมนต์กำใด ไผ๋อยู่ไหนก็บ่ได้ฮื้อก๋ายเกิดเป็น หง้าวไบ้มาก้มหัวขาบไหว้นบยำกู
    โอมพระยาแมลงภู่คำ บินสะสู่อยู่บนเวหน คนทั้งหลายต่างร่ำลือต๋นกูแต้เนอ ต่างปากั๋นพร่ำเพ้อไฝ่หากู ทั้งหมู่เจ้าพระยาไพร่ฟ้า ทั้งเสนากล้าอำมาต ทั้งหมู่ประชาราษฎร์ชาวเมือง ต่างนันเนืองแซ่ซ้อน รักขิ่งข้อนหากู ปากั๋นมาจมจูอยู่ใกล้ มาเป็นข้าใช้ต๋นกู ติดกูพระยาแมลงภู่คำ แต้เนอ มาเนอ เออรักอมสวาหุมติ๊ด

    ตัวคาถาบทนี้มีความหมายกล่าวคือ เป็นบทที่ให้แมลงภู่คำได้ชักนำทรัพย์สินเงินทอง ของมีค่า ของที่ต้องการปราถนามาหาตัวเรา และทำให้มนุษย์ทั้งหลายรักและเอ็นดูเรา เมื่อเราได้กล่าวบทคาถานี้เมื่อใด ใครจะอยู่ที่ไหนก็ตามต้องมานอบน้อมต่อตัวเราผู้บูชาแมลงภู่คำนี้.....คนทั้งหลายต่างอวดอ้างร่ำลือในชื่อเสียงของตัวเรา ต่างหลงไหลใฝ่ถึงตัวเราไม่ขาด ทั้งเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ ทั้งเสนาอำมาตผู้เป็นใหญ่ ทั้งชนาชนทั้งหลายต่างสรรเสริญตัวเรา ต่างต้องการมาอยู่ใกล้ชิดเราเสมอ อยากมารับใช้เรา


    * พ่ออาจารย์ท่านสร้างพญาแมลงภู่คำไว้ทั้งหมดแปดตน แต่ให้บูชาเพียงหกเท่านั้น โดยผู้บูชาให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้ด้วยท่านจะเจิมและบอกกล่าวพญาแมลงภู่คำให้อีกคำรบหนึ่ง(ถ้ามีความปรารถนาใดอยากฝากให้กำชับเป็นพิเศษ อยากให้เขาทำให้เร่งด่วนก็กำกับมาด้วย) รายได้จากการบูชาร่วมสมทบทุนโลงศพคนไร้ญาติ ศพที่ไม่มีคนรับผิดชอบดูแลต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จฟ้าฟื้นพญาแมลงภู่คำ (พยนต์พิฆาตครองพิภพพระเจ้าชนะสิบทิศ) บูชา 4,000 บาท

    34121358_2204389323180810_6254507113612050432_n.jpg 34121931_2204389153180827_6932691456196870144_n.jpg 34124295_2204389289847480_4492263284531003392_n.jpg
    34258967_2204388853180857_1068624641049755648_n.jpg
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    วันนี้จัดส่งของให้รอบบ่ายนะครับ
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นฤชา EV 0223 5811 2 TH

    พี่แมน EV 0223 5812 6 TH

    พี่วิชัย EV 0223 5813 0 TH

    พี่ปภัสสร EV 0223 5814 3 TH

    พี่ภพพิสิษฐ์ EV 0223 5815 7 TH

    พี่อัครพงศ์ EV 0223 5816 5 TH
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ช่วงนี้มีประสบการณ์แพะเข้ามามาก หลายๆคนต่างกันออกไปทั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆ หรือเรื่องใหญ่ๆเรื่องโรคเวรโรคกรรม มีตั้งแต่ได้ไปก็ฝันเห็นแพะพุ่งชนจนวิญญาณออกจากร่าง บางคนก็เอาไปรักษโรคกระดูกทับเส้น โรคข้อต่อโรคกระดูกต่างๆ เขาว่าหายกันแต่ก็ไม่รู้ว่าไปใช้หรืออธิษฐานกันยังไง ก็เลยนำมาบอกต่อ ทั้งนี้บางคนชัดเจนบ้าง บางคนก็บอกว่ายังไม่ชัดเจนต้องรอดูกันอีกนิด แต่ก็เริ่มรู้สึกหรือมีอะไรให้เห็นบ้างแล้ว ก็เล่ากันเข้ามาเรื่อยๆอะไรที่ยังไม่ชัดเจนก็ต้องดูกันต่อไปในระยะยาวเพราะเคราะห์กรรมคนเราไม่เท่ากัน ...เดี๋ยวพรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2018

แชร์หน้านี้

Loading...