ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จสิทธิพระที่นั่งมหาบัลลังก์(ปรารถนาเป็นหนึ่งกุณฑธานเถระ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พระสยามเทวา
    เกี่ยวกับเรื่องพระสยามเทวาธิราชนั้น ได้กล่าวไปในตอนต้นว่าหลายๆคนมักฝันเห็นบุรุษใส่ชุดสีต่างๆกันไป ออกตัวว่าเป็น พระเสื้อเมืองบ้าง พระทรงเมืองบ้าง พระหลักเมืองบ้าง มาตามให้ไปบูชาพระสยามที่พ่ออาจารย์ บางคนก็ว่าท่านมาตามให้ไปตามหาพ่ออาจารย์ดังนี้ก็ตาม ท่านเรียกว่าครูตาม แต่ทุกๆคนนั้นก็มักจะต้องผิดหวังกลับไป

    ทั้งๆที่พระสยามซึ่งพ่ออาจารย์ท่านสร้างออกมานั้น รวมกับพยนต์คุณวิเศษตรีพักตร์ ล้วนแล้วแต่ได้ชื่อว่าเก่ง เฮี้ยนอย่างที่สุด ถึงแม้จะมีประสบการณ์ตั้งแต่หล่อหลอมออกมา แต่ในชั้นหลังนั้นพ่ออาจารย์ท่านก็ระงับไว้ด้วยให้เหตุผลว่ายังไม่ถึงเวลา ครูยังลงไม่ครบ ให้รออีกนิดแล้วบารมีของพระสยามหรือเทพในคณะของพระสยามจะรุ่งเรืองขึ้นอีกมาก

    ท่านพูดเป็นปริศนาธรรมไว้เช่นนี้ให้ขบคิดตั้งแต่สร้างและเสก อะไรคือรอเวลา รอทำไมแล้วรอแล้วจะอย่างไร ทำไมบารมีของเทพในคณะพระสยามถึงจะเพิ่มขึ้น....

    ...ซึ่งก็มาประจักษ์แจ้งแก่ใจเมื่อไม่นานมานี้ พ่ออาจารย์ท่านว่า สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐได้เสด็จกลับที่ของท่านแล้ว และที่สำคัญก็ได้เข้าร่วมกับคณะเทพพระสยามแล้วเช่นกัน

    จากที่พ่ออาจารย์ท่านพูดดังนี้ หากคิดตามเชื่อว่าทุกคนต้องรู้อยู่แก่ใจว่าสมเด็จพระบรมกษัตริย์พระองค์นั้นคือใคร แล้วทำไมพ่ออาจารย์ท่านต้องรอมาหลายปีเพื่อจะสำเร็จกายสิทธิ์ธาตุพระสยามเทวาธิราช ให้มีคุณวิเศษสูงสุด เชื่อว่าทุกคนคงชัดและกระจ่างแก่ใจแล้วในการรอเวลาของพ่ออาจารย์ท่าน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นไปตามกฏและกำหนดการณ์ไม่มีความบังเอิญใดๆทั้งสิ้น เมื่อองค์ประกอบครบจึงจะลงตัว อันคณะเทพพระสยามนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่ามีทั้งเทพและพรหม เป็นคณะของอดีตบูรพกษัตริย์ตลอดจนดวงจิตของขุนศึกทุกท่านตลอดจนบุคคลสำคัญต่างๆตั้งแต่ยุคปฐมก่อกำเนิดอาณาจักรย้อนกลับไปไกลกว่ายุคสุโขทัยที่ยังรักบ้านรักเมืองรักลูกหลานเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย ที่ยังรักยังห่วงแผ่นดินท่านสายเลือดของพวกท่าน

    เมื่อจะสร้างพระสยามนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงต้องคิดคำนวณและพิถีพิถันอย่างมาก เพราะท่านว่านี่คือเทพที่มีศักดิ์ใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในพระราชอาณาจักร นอกจากนี้ในรูปพระสยามของเราเพียงองค์เดียวนั้น หากใครตาดีจิตดีก็จะมองออกว่าประกอบไปด้วยเทพพรหมมากมาย เป็นคณะเทพพระสยามนั่นเอง ไม่ใช่รูปของเทพทั่วไปเพียงองค์สององค์ไม่ พ่ออาจารย์ท่านว่าของเช่นนี้สำคัญนะ เพราะว่าไหว้ทีก็ไปถึงกันทั่ว ขอพรองค์เดียวเหมือนขอพรคณะเทพนับร้อยพัน

    เกี่ยวกับเรื่องพระสยามนั้น ก็นับเป็นเหตุบังเอิญหรือกฤษดาภินิหารในองค์ท่านอย่างแท้จริงก็ไม่อาจทราบได้ แต่ว่าเมื่อตอนแรกสร้างนั้น ได้มีผู้ขอบูชาเครื่องมงคลและจำเพาะเจาะจงอยากให้พ่ออาจารย์ท่านแกะพระสยามเนื้อช่อฟ้าให้เค้า

    ซึ่งตอนนั้นก็ผ่านมาหลายปีแล้ว พ่ออาจารย์ท่านคิดว่าจะต้องมาแกะทำไมในเมื่อเราหล่อและเสกกายสิทธิไว้แล้ว ถึงจะยังไม่ได้อุดผงฝังอะไรก็ตามในสมัยนั้น ถึงบารมีจะยังไม่เต็มต้องรอเวลาเสกปิดแต่ก็มีบารมีมากพอล่มบ้านล่มเมืองแล้ว

    พ่ออาจารย์ท่านจึงนำเหรียญหล่อเปล่าๆที่ไม่ได้ฝังอะไรมาลงเหล็กครูจารนะเรียกเงินมาด้านหลังทุกองค์ ก่อนจะให้ส่งไปให้พี่คนนี้ร่วมทำบุญบูชาแค่องค์เปล่าๆแค่นั้น

    คนจะดวงดีทำอย่างไรก็ฉุดไม่อยู่ เพียงไม่นานพี่คนนี้ก็ติดต่อกลับมาว่าตนนั้นถูกหวยชุดรางวัลที่หนึ่งถึงสามใบ โดยเขาเล่าว่าเขาฝันเห็นเทวดาเต็มไปหมดแต่พอมองไปในใจก็เกิดนึกรู้ว่าเทวดาองค์นั้นคือใคร มองหน้าก็รู้ว่านั่นพระนเรศ พระเอกา พระปิยะ พระนารายณ์ และทุกพระองค์ก็ยิ้มให้กับเค้า เค้าว่ามันเป็นความรู้สึกเย็นขึ้นหัวจนขนหัวลุก เค้าจึงเชื่อในบารมีพระสยามที่ได้มาอย่างถึงที่สุด

    หลังจากได้โชคลาภใหญ่นั้นพี่คนนี้ก็ได้ซื้อทองคำหนักห้าบาทมาสองแท่งขอเมตตาพ่ออาจารย์อีกครั้ง ให้ท่านนำทองไปเทพระสยามขนาดบูชาให้เค้านำไปประดิษฐานที่บ้าน....

    ซึ่งเหตุการณ์นั้น พ่ออาจารย์ท่านก็เก็บพระสยามมาตลอด ด้วยท่านบอกว่าพระสยามชุดนี้นั้นโชคลาภหนักมาก และท่านปรารถนาจริงๆว่าอยากทำให้สำเร็จ อยากจะรอเวลาที่สำคัญที่จะเกิดเทพองค์สำคัญเพื่อให้บารมีพระสยามสมบูรณ์ที่สุด

    จากที่มีคนถามหามาเรื่อยๆ และญาติตลอดจนเพื่อนๆของเศรษฐีผู้โชคดีคนนั้นที่รู้ข่าวก็ปิดข่าวและติดต่อมาอยู่เนืองๆ ถามหาและรอเวลากันว่าเมื่อไหร่พ่ออาจารย์จะนำพระสยามออกมาให้ร่วมทำบุญ เพราะพวกเขาอยากได้กันจริงๆและกลัวใจว่าจะไม่ทันจึงต้องปิดต้องบังและถามกันมาเรื่อยๆ ประกอบกับที่บางคนเจอแรงครูท่านไปตาม ทั้งพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง จึงทำให้พระสยามนั้นเป็นเครื่องมงคลลับๆที่มีคนรอจองมากมายนับๆได้เกือบห้าสิบคน

    ด้วยองค์พระมีน้อย ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้จำกัดไว้ว่าจะต้องให้ใครหรือเป็นของผู้ใด ท่านว่าให้รอพร้อมๆกัน ใครมีบุญรับได้ก็เป็นของคนนั้น

    * สำหรับใครที่รอๆกันมาหลายปีก็ติดตามกันนะครับช่วงนี้ ถ้าเราใช่ เป็นของๆเราจริงๆเราก็จะได้ครอบครอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2017
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ใครจะฝากอะไรก็ PM กันไว้ได้เลย เดี๋ยววันนี้จะมาคุยกันเรื่องพยนต์คุณวิเศษและพรุ่งนี้เช้าจะลงพระสยามให้แบบละเอียดๆ ห้ามพลาด
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พยนต์คุณวิเศษตรีพักตร์

    ก็มาพูดกันก่อนสำหรับพยนต์คุณวิเศษตรีพักตร์หรือพยนต์ตรีเศียรก็เรียกนั้น พ่ออาจารย์ท่านไช้ไม้อาถรรพ์ตายพรายแกะขึ้นเป็นหุ่นพยนต์สามหน้า ซึ่งท่านทำเพื่อให้ใช้กับอิทธิมงคลพระสยามเทวาธิราชโดยเฉพาะ

    สำหรับหุ่นพยนต์นี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นพยนต์ที่เป็นดั่งอำนาจและตัวแทนของเทพยดาทั้งสาม คือพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และพระหลักเมือง ด้วยว่าเป็นพยนต์จึงสามรถบนบอกและใช้งานได้ ประกอบกับมีฤทธิ์มาก อันเป็นฤทธิ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากเทพทั้งสามที่พ่ออาจารย์ท่านอัญเชิญมาแผ่ญาณบารมีและประสิทธิพยนต์นี้เป็นการเฉพาะจนฟ้าร้องฟ้าลั่นมาแล้ว ด้วยพยนต์จิตเทพจึงเป็นอานุภาพที่ไม่มีวันหมดหรือเหือดแห้งดั่งพยนต์อาคมทั่วไป ท่านว่ายิ่งคนใช้อาราธนาอยู่ใต้ฟ้าเมืองไทยหรือมีสายเลือดชาติเชื้อไทยด้วยแล้วยิ่งแรงเป็นทวีคูณ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าพยนต์ทั้งสามนี้เป็นพยนต์ที่มีอานุภาพมาก และเทพทั้งสามที่เป็นจิตตั้งต้นของพยนต์ก็เป็นเทพที่คอยช่วยงานองค์พระสยามเทวาธิราชด้วยเช่นกัน ซึ่งเทพต่างๆมีหน้าที่ดังนี้
    - พระเสื้อเมือง มีหน้าที่คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ คุมกำลังไพร่พลแสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขปราศจากอริราชศัตรูมารุกรานไหว้หลักเมือง เสริมหลักชัยให้กับชีวิต
    - พระทรงเมือง มีหน้าที่รักษาการปกครองและกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี
    - พระหลักเมือง มีหน้าที่ทางการพิพากษา เป็นอำนาจของตุลาการ ปกปักรักษาศาลสถิตย์ยุติธรรมต่างๆ มีหน้าที่รับร้องทุกข์ให้ประชาชนที่โดนกลั่นแกล้ง ช่วยเหลือเรื่องไม่เป็นธรรม การรังแก และความอยุติธรรมทั้งหลาย ให้ประชาชนพ้นทุกข์

    พยนต์เทพที่รวมอำนาจของพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมืองนั้นก็คือพยนต์ที่จะคุ้มครองเราเป็นหลักชัยให้แก่ชีวิตเรา ดูแลทุกข์สุขเรา ให้ความเป็นธรรมปกป้องเราเพื่อชีวิตที่ดีงาม ร่มเย็นและเจริญสุข

    ซึ่งการสร้างพยนต์เทพตรีพักตร์นี้พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า เสกจนฟ้าร้องฟ้าผ่า จนครูท่านเข้านิมิตว่าพอ ว่าหยุดได้แล้ว นั่นแหละเราถึงพอ เพราะว่าเทพทั้งสามนั้นท่านตั้งใจช่วยคนกันจริงๆ และเมื่อเทพท่านเมตตาผูกพยนต์ให้ก็ย่อมดีกว่ามนุษย์ผูกเองเป็นร้อยพันหมื่นเท่า

    ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงเชิญเทพพยนต์ตรีพักตร์ประดิษฐานฝังไว้กับพระสยามเทวาธิราช ท่านว่าองค์นี้ใครได้ไปก็ครบเลย องค์เดียว แบบนี้ที่คนโบราณท่านเรียกครอบฟ้าคลุมเมือง


    * ก็ติดตามกันเรื่องของพระสยามเทวาธิราชในวันพรุ่งนี้ห้ามพลาด แล้วจะลงรายละเอียดของพยนต์คุณวิเศษให้ครบถ้วนอีกครั้งหนึ่ง


    Cgk_U_Sz_Ug_AAYS7v.jpg
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    เช้าวันนี้ก็เหมือนเวปจะเออเล่อไปเพิ่งจะเข้าได้ วันนี้ก็มาติดตามกันนะครับกับพระสยามเทวาธิราชทรงเมืองปกาศิต
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลคณะเทพพระสยามเทวาธิราชทรงเมืองปกาศิต(รุ่นฟ้าผ่า)

    "พระสยามเทวาธิราชนับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์มีพระราชดำริว่า ประเทศไทยมีเหตุการณ์ที่เกือบจะต้องเสียอิสรภาพมาหลายครั้ง แต่บังเอิญมีเหตุให้รอดพ้นภยันตรายมาได้เสมอ ชะรอยคงจะมีเทพยดาที่ศักดิ์สิทธิ์คอยอภิบาลรักษาอยู่ สมควรที่จะทำรูปเทพยดาองค์นั้นขึ้นสักการบูชา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐวรการปั้นรูปสมมติขึ้น แล้วหล่อด้วยทองคำแท่ง มีลักษณะแบบเทวรูป มีความสูง ๘ นิ้ว ทรงเครื่องอย่างเทพารักษ์ ทรงมงกุฎ ประทับยืน พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นในท่าจีบเสมอพระอุระ ประทับในเรือนแก้วทำด้วยไม้จันทน์ มีลักษณะแบบวิมานเก๋งจีน และถวายพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช โปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง"......


    เกี่ยวกับพระสยามนั้นก็เป็นที่น่าแปลกใจว่าเป็นเทพซึ่งมีชื่อใกล้เคียงกับท้าวสุยามเทวราชจอมภพแห่งสวรรย์ชั้นยามาจริงๆพ่ออาจารย์ท่านได้พูดถึงพระสยามเทวาธิราชนี้ไว้คร่าวๆ ว่าเป็นชื่อเรียกเทวดา แต่เป็นชื่อที่เรียกรวมแบบหมู่คณะ มิได้เจาะจงเฉพาะผู้ใด เอาว่าถ้าเราเรียกพระสยามเทวาธิราชนี่จะมากันหมด มากันเป็นหมู่ใหญ่เชียวล่ะ มีทั้งเทพ จอมเทพ และพรหมชั้นต่างๆรวมกันอยู่มากมาย


    พระสยามเทวานี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าโดยรวมส่วนใหญ่จะเป็นดวงพระวิญญาณอดีตบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าตั้งแต่ยุคบุกเบิกอาณาจักรย้อนไปถึงอารยธรรมโบราณนั่นทีเดียว ทั้งพระมหากษัตริย์เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่เค้ารักบ้านรักเมือง ห่วงบ้านห่วงเมือง คุ้มเกรงบ้านเมืองและประชาชนที่นับถือบูชา นอกจากนั้นคำว่าพระสยามเทวานี้ พ่ออาจารย์ท่านยังบอกว่าเป็นชื่อที่สำคัญมากนะ ส่วนใหญ่คนจะใกล้เกลือกินด่าง รู้จักชื่อท่าน แต่ไม่เคยไหว้หรือบนบอกท่านกันเสียเท่าไหร่ จริงๆแล้วท่านเป็นเทพที่มีคุณใหญ่หลวง มีอานุภาพมาก มีความรักและปรารถนาดีอย่างยิ่งกับลูกหลานเชื้อชาติไทย พ่ออาจารย์ท่านว่าพระสยามเทวาธิราชนี้คือกลุ่มคณะเทพพรหมที่มีอำนาจใหญ่สูงสุด เรืองอำนาจที่สุดของพระราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นเทพที่มาจากอำนาจ ความเชื่อ หรือลัทธิใด เมื่อมาอยู่ในประเทศไทยแล้วก็ล้วนแต่อยู่ในอำนาจของกลุ่มพระสยามนี้ทั้งสิ้น


    พ่ออาจารย์ท่านมีดำริจะสร้างพระสยามเทวาธิราชตามแบบอย่างเทวรูปที่สร้างไว้ในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่สี่ แต่ด้วยเหตุผลบางประการเกี่ยวเนื่องกับญาณวิถีและสิ่งเร้นลับต่างๆ พ่ออาจารย์ท่านว่า คณะเทพพรหมพระสยามนั้นได้บอกให้เราปั้นหุ่นเป็นแบบมือประทานพรกวักทรัพย์ จะได้ประทานพรเรื่องทรัพย์สมบัติ เรียกหา กวักให้มา ให้เข้ามา ให้บังเกิด ให้มั่งมีในวิถีชะตาของผู้กระทำสักการะเทวะบูชา ดังน้นพ่ออาจารย์ท่านจึงกระทำตามครูสั่งเช่นนั้น ก่อนจะใช้ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลต่างๆผสมด้วยแผ่นจารวิชายันต์เรียกทรัพย์และปรอทกายสิทธิ์ทั้งหลายทั้งปรอทดิน ปรอทป่า ปรอทดำ ปรอทหลวงปู่ละมัย หลอมหล่อออกมาเป็นรูปเทพยดาเจ้าทรงพระขรรค์เพชร พ่ออาจารย์ว่าโดยนัยน์แล้วหมายถึงการกระทำสำแดงพระราชอำนาจอันเป็นอาญาสิทธิ์เหนือสรรพีวิตทั้งปวงในพระราชอาณาจักรของพระสยามเทวาธิราช


    เมื่อท่านหล่อองค์พระสยามนั้น พ่ออาจารย์ท่านก็นำมาเสกเก็บไว้ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่าพระสยามนี้เป็นของสูง มีปรากฏการณ์ธรรมชาติตั้งแต่เมื่อครั้งหล่อหลอมแล้ว ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านพูดเกี่ยวกับพิธีตอนหล่อพระสยามว่า ได้ปรากฏมีสายอสุนีบาตฟาดลงมาใส่เบ้าตอนหลอมชนวนมวลสาร ดังนั้นพระสยามรุ่นนี้จึงได้ประจุอานุภาพของสายฟ้าไว้ เป็นอานุภาพที่รุนแรงของเทพเจ้า ที่จะใช้ทำลายหมู่มารไพรี ทั้งอุปัทวมงคล โภยภัย อันตราย โรคร้ายต่างๆ เครื่องขัดขวางหนทางอุปสรรคชีวิตทุกประการ เป็นอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นด้วยกาล ด้วยวาระที่พิเศษจริงๆ เมื่อท่านหล่อหลอมแล้วพ่ออาจารย์ท่านก็นำมาเสกเก็บไว้เนืองๆ เพราะท่านให้เหตุผลว่าคณะพระสยามนี้เป็นเทพคณะใหญ่ครอบคลุมสวรรค์ชั้นฟ้า มีตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกาไล่ขึ้นไปจนถึงมหาพรหม ดังนั้นเมื่อจะสร้างพระสยาม เทพทั้งหลายหรือคณะเทพพระสยามนี้ท่านจะลงมากันหมด ด้วยท่านถือว่าชื่อพระสยามนี้เป็นชื่อเป็นตำแหน่งของพวกท่าน ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านต้องค่อยๆทำและเชิญไปเรื่อยๆให้รูปเปรียบพระสยามนี้มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์สูงสุด โดยพ่ออาจารย์ท่านได้นำเหล็กกจารมาลงจารเรียกสูตรกลึงวิชานะเรียกเงินมาใส่ไว้ที่ด้านหลังองค์พระทุกองค์ ท่านว่าครูเขาสั่ง เขาว่ากวักเข้ามาแล้วก็ต้องเรียกเข้ามาด้วยจะได้ประเคนมาให้ถึงที่ ขอให้มีมานะขยันทำมาหากินอีกนิด มีความเห็นที่ถูกทางประพฤติตนในกรอบคุณธรรม ครูพระสยามท่านว่า "กูจะไม่ทิ้งมึง"


    หลังจากอธิษฐานจิตพระสยามจนมีผู้นำไปใช้พบกับกฤษดาภินิหารในองค์ท่านอย่างแท้จริง ได้รวยได้สำเร็จรับโชคลาภใหญ่ไปแล้วนั้น พ่ออาจารย์ท่านก็เก็บพระสยามมาตลอด ด้วยท่านบอกว่าพระสยามชุดนี้นั้นโชคลาภหนักมาก และท่านปรารถนาจริงๆว่าอยากทำให้สำเร็จ อยากจะรอเวลาที่สำคัญที่จะเกิดเทพองค์สำคัญเพื่อให้บารมีพระสยามสมบูรณ์ที่สุด


    ทั้งๆที่พระสยามซึ่งพ่ออาจารย์ท่านสร้างออกมานั้น ได้ชื่อว่าเก่ง เฮี้ยนอย่างที่สุด ถึงแม้จะมีประสบการณ์ตั้งแต่หล่อหลอมออกมา แต่ในชั้นหลังนั้นพ่ออาจารย์ท่านก็ระงับไว้ด้วยให้เหตุผลว่ายังไม่ถึงเวลา ครูยังลงไม่ครบ ให้รออีกนิดแล้วบารมีของพระสยามหรือเทพในคณะของพระสยามจะรุ่งเรืองขึ้นอีกมาก ท่านพูดเป็นปริศนาธรรมไว้เช่นนี้ให้ขบคิดตั้งแต่สร้างและเสก อะไรคือรอเวลา รอทำไมแล้วรอแล้วจะอย่างไร ทำไมบารมีของเทพในคณะพระสยามถึงจะเพิ่มขึ้น.......ซึ่งก็มาประจักษ์แจ้งแก่ใจเมื่อไม่นานมานี้ พ่ออาจารย์ท่านว่า สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐได้เสด็จกลับที่ของท่านแล้ว และที่สำคัญก็ได้เข้าร่วมกับคณะเทพพระสยามแล้วเช่นกัน จากที่พ่ออาจารย์ท่านพูดดังนี้ หากคิดตามเชื่อว่าทุกคนต้องรู้อยู่แก่ใจว่าสมเด็จพระบรมกษัตริย์พระองค์นั้นคือใคร แล้วทำไมพ่ออาจารย์ท่านต้องรอมาหลายปีเพื่อจะสำเร็จกายสิทธิ์ธาตุพระสยามเทวาธิราช ให้มีคุณวิเศษสูงสุด เชื่อว่าทุกคนคงชัดและกระจ่างแก่ใจแล้วในการรอเวลาของพ่ออาจารย์ท่าน


    พ่ออาจารย์ท่านว่าทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นไปตามกฏและกำหนดการณ์ไม่มีความบังเอิญใดๆทั้งสิ้น เมื่อองค์ประกอบครบจึงจะลงตัว อันคณะเทพพระสยามนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่ามีทั้งเทพและพรหม เป็นคณะของอดีตบูรพกษัตริย์ตลอดจนดวงจิตของขุนศึกทุกท่านตลอดจนบุคคลสำคัญต่างๆตั้งแต่ยุคปฐมก่อกำเนิดอาณาจักรย้อนกลับไปไกลกว่ายุคสุโขทัยที่ยังรักบ้านรักเมืองรักลูกหลานเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย ที่ยังรักยังห่วงแผ่นดินท่านสายเลือดของพวกท่าน ซึ่งพ่ออาจารย์ก็ได้ค่อยๆทำและเชิญไปจนครบจนสำเร็จเพื่อให้พระสยามนี้มีอานุภาพสูงสุด ท่านกล่าวว่าในรูปพระสยามของเราเพียงองค์เดียวนั้น หากใครตาดีจิตดีก็จะมองออกว่าประกอบไปด้วยเทพพรหมมากมายมาอารักขา เป็นคณะเทพพระสยามนั่นเอง ไม่ใช่รูปของเทพทั่วไปเพียงองค์สององค์ไม่ พ่ออาจารย์ท่านว่าของเช่นนี้สำคัญนะ เพราะว่าไหว้ทีก็ไปถึงกันทั่ว ขอพรองค์เดียวเหมือนขอพรคณะเทพนับร้อยพัน


    เมื่อควรแก่เวลา พ่ออารย์ท่านก็นำพระสยามเทวาธิราช หรือที่ท่านชอบเรียกของท่านว่าพระสยามเรียกเงินมาตามคุณวิชาที่ท่านลงเหล็กจารประสิทธิ์ไว้ก็ตามนำมาอุดผงอิทธิเจผสมผงในตระกูลเศรษฐีทั้งหลายนับร้อยสาย ทั้งที่ท่านทำขึ้นเองและของครูบาอาจารย์ท่านตั้งแต่สายในดงหรือสายปาฏิหาริย์ต่างๆ ท่านว่าผงและยาทั้งหลายที่เรานำมาเข้ากันอุดพระสยามนี้ เราพิจารณาอย่างดีแล้วว่ามีคุณภาพมาก แม้เพียงเศษผงหรือละอองผงก็ยังมีคุณทางเมตตามหานิยม ดีทางโชคลาภเรียกเงินทองอย่างถึงที่สุด ท่านว่าอยากจะทำให้เก่งด้านเดียวไปเลย เพราะองค์เทพพระสยามทั้งคณะนี้ก็อธิษฐานบอกกล่าวท่านได้ร้อยแปดพันประการอยู่แล้ว


    นอกจากนี้พ่ออาจารย์ท่านยังได้ฝังพยนต์คุณวิเศษตรีพักตร์หรือพยนต์ตรีเศียรไว้ที่ด้านหลังองค์พระสยามด้วย สำหรับหุ่นพยนต์นี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นพยนต์ที่เป็นดั่งอำนาจและตัวแทนของเทพยดาทั้งสาม คือพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และพระหลักเมือง ด้วยว่าเป็นพยนต์จึงสามรถบนบอกและใช้งานได้ ประกอบกับมีฤทธิ์มาก อันเป็นฤทธิ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากเทพทั้งสามที่พ่ออาจารย์ท่านอัญเชิญมาแผ่ญาณบารมีและประสิทธิพยนต์นี้เป็นการเฉพาะจนฟ้าร้องฟ้าลั่นมาแล้ว ด้วยพยนต์จิตเทพจึงเป็นอานุภาพที่ไม่มีวันหมดหรือเหือดแห้งดั่งพยนต์อาคมทั่วไป ท่านว่ายิ่งคนใช้อาราธนาอยู่ใต้ฟ้าเมืองไทยหรือมีสายเลือดชาติเชื้อไทยด้วยแล้วยิ่งแรงเป็นทวีคูณ
    พ่ออาจารย์ท่านว่าพยนต์ทั้งสามนี้เป็นพยนต์ที่มีอานุภาพมาก และเทพทั้งสามที่เป็นจิตตั้งต้นของพยนต์ก็เป็นเทพที่คอยช่วยงานองค์พระสยามเทวาธิราชด้วยเช่นกัน ซึ่งเทพทั้งสามก็มีหน้าที่ดังนี้
    - พระเสื้อเมือง มีหน้าที่คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ คุมกำลังไพร่พลแสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขปราศจากอริราชศัตรูมารุกรานไหว้หลักเมือง เสริมหลักชัยให้กับชีวิต
    - พระทรงเมือง มีหน้าที่รักษาการปกครองและกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี
    - พระหลักเมือง มีหน้าที่ทางการพิพากษา เป็นอำนาจของตุลาการ ปกปักรักษาศาลสถิตย์ยุติธรรมต่างๆ มีหน้าที่รับร้องทุกข์ให้ประชาชนที่โดนกลั่นแกล้ง ช่วยเหลือเรื่องไม่เป็นธรรม การรังแก และความอยุติธรรมทั้งหลาย ให้ประชาชนพ้นทุกข์
    พยนต์เทพที่รวมอำนาจของพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมืองนั้นก็คือพยนต์ที่จะคุ้มครองเราเป็นหลักชัยให้แก่ชีวิตเรา ดูแลทุกข์สุขเราความเป็นอยู่แก้ไขเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจเรา ให้ความเป็นธรรมปกป้องเราเพื่อชีวิตที่ดีงาม ร่มเย็นและเจริญสุข พ่ออาจารย์ท่านจึงเรียกว่าพยนต์คุณวิเศษ ซึ่งการสร้างพยนต์เทพตรีพักตร์นี้พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า เสกจนฟ้าร้องฟ้าผ่า จนครูท่านเข้านิมิตว่าพอ ว่าหยุดได้แล้ว นั่นแหละเราถึงพอ เพราะว่าเทพทั้งสามนั้นท่านตั้งใจช่วยคนกันจริงๆ และเมื่อเทพท่านเมตตาผูกพยนต์ให้ก็ย่อมดีกว่ามนุษย์ผูกเองเป็นร้อยพันหมื่นเท่า ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงเชิญเทพพยนต์ตรีพักตร์ประดิษฐานฝังไว้กับพระสยามเทวาธิราช ท่านว่าองค์นี้ใครได้ไปก็ครบเลย องค์เดียว แบบนี้ที่คนโบราณท่านเรียกครอบฟ้าคลุมเมือง
    สำหรับพยนต์คุณวิเศษตรีพักตร์นั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเราแกะเองเป็นหุ่นรูปคนสามหน้า จะหาความสวยงามประณีตวิจิตรใดๆนั้นย่อมไม่มี เพราะเราแกะให้เป็นหุ่นพยนต์ที่คอยรับใช้ผู้บูชาด้วยความซื่อสัตย์ไม่ใช่แกะให้เป็นเทวดาที่เราต้องตามไปรับใช้ท่าน ถึงจะมีจิตเทพเป็นต้นกำเนิดพลังแต่เขาก็เป็นหุ่นพยนต์ที่เทพผูกขึ้น ยิ่งมีแรงถึงสามแรงช่วยกันสร้างท่านว่ายิ่งหายห่วง จะขอจะบนอะไรก็บอกเขาดีๆ ใช้ดอกไม้เครื่องหอมสุคนธ์รสทั้งหลาย งดเว้นอาหารดิบหรือสิ่งมึนเมา เพราะจิตเขาเป็นเทพเขาไม่รับสิ่งเหล่านั้น หากขอสิ่งใดสำเร็จก็ให้บูชาแต่เพียงนั้น


    นอกจากนี้พ่ออาจารย์ท่านยังได้ฝังตะกรุดไกรลาสอธิบดีไว้อีกคำรบหนึ่งด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าหุบเขาไกรลาสของครูพระสยมนี้ แม้ไม่ได้เป็นแกนจักรวาลหรือหลักโลกแบบเขาพระสุเมรุของพระอินทร์ แต่ก็เป็นศูนย์รวมแห่งกำลังอำนาจที่ใช้ค้ำสมดุลย์แห่งกาลเวลาเกี่ยวเนื่องกับความเป็นไปของสรรพชีวิตไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ ยักษ์ เทวดาทั้งหลาย เป็นมิติเอกเทศที่ยากแก่การเข้าถึงและค้นพบ เป็นโลกของครูพระสยม อันตะกรุดไกรลาสอธิบดีนั้นเป็นตะกรุดที่ใช้ทางค้ำชะตาชีวิต ปรับสมดุลย์แห่งกาลเวลาในชีวิตตน พ่ออาจารย์ท่านว่าเราพูดอะไรมากไม่ได้มันผิดกฏ แต่คนที่คิดว่าตัวเองยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ได้ ยังไม่มี ต้องรอนั่นรอนี่ทั้งที่ตนก็สร้างบุญเปรียบกับน้ำที่เติมลงแก้วก็เรียกว่าล้นแก้วไปแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านชี้ได้แค่เพียงว่ามันเป็นสมดุลย์เรื่องกาลเวลาที่ไม่เสมอในระนาบเดียวกันซึ่งพวกเธอไม่มีทางเข้าใจ อันชะตาชีวิตสัตว์ทั้งหลายนับแสนล้านภพชาติ มันผ่านอะไรมามากเวรกรรมก็ตอบรับคืนสนองกันอยู่เนืองๆ ทำให้สมดุลย์แห่งกาลเวลานั้นคลาดเคลื่อนไป อันตะกรุดนี้ฉันเชิญครูพระสยมมาลงให้ทำวิชาเฉพาะของท่าน ฉันพูดได้แค่ทำไว้ปรับสมดุลย์เรื่องกาลเวลาในชีวิตตน ถ้ามีบุญหมั่นสร้างบุญ เอาว่าเจอดีและต้องได้ดี


    พ่ออาจารย์ท่านสร้างพระสยามเทวาธิราชนี้ขึ้นโดยนำมาอุดผงฝังพยนต์คุณวิเศษและตะกรุดแล้วมีให้บูชาทั้งหมด 8 องค์ และท่านหมั่นเพียรเสกเก็บค่อยๆทำไปจนมั่นใจว่าเปล่งอานุภาพครบเต็มพระบารมี ท่านจึงให้นำมาออกร่วมทำบุญบูชา จากที่มีคนถามหามาเรื่อยๆ และญาติตลอดจนเพื่อนๆของเศรษฐีผู้โชคดีคนนั้นที่รู้ข่าวก็ปิดข่าวและติดต่อมาอยู่เนืองๆ ถามหาและรอเวลากันว่าเมื่อไหร่พ่ออาจารย์จะนำพระสยามออกมาให้ร่วมทำบุญ เพราะพวกเขาอยากได้กันจริงๆและกลัวใจว่าจะไม่ทันจึงต้องปิดต้องบังและถามกันมาเรื่อยๆ ประกอบกับที่บางคนเจอแรงครูท่านไปตาม ทั้งพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง จึงทำให้พระสยามนั้นเป็นเครื่องมงคลลับๆที่มีคนรอจองมากมายนับ ด้วยองค์พระมีน้อย ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้จำกัดไว้ว่าจะต้องให้ใครหรือเป็นของผู้ใด ท่านว่าให้รอพร้อมๆกัน ใครมีบุญรับได้ก็เป็นของคนนั้น ถ้าเราใช่ เป็นของๆเราจริงๆเราก็จะได้ครอบครอง


    คาถาบูชา
    สยามะเทวาธิราชา เทวาติเทวามหิทธิกา เตปิตุมเหอนุรักขันตุ อาโรคะเยเนะสุเขนะจะ เอเตนะสัจจะวัชเชนะสุวัตถิโหตุสัพพะทา
    สยามะเทวานุภาเวนะ สยามะเทวะเตชะสา ทุกขะโรคะภะยาเวรา โสกาสัตตุจุปัททะวา อะเนกาอันตะรายาปิ วินัสสันตุอะเสสะโต ชะยะสิทธิธะนังลาภัง โสตถิภาคะยังสุขังพะลัง สิริอายุจะวัณโณจะ โภคังวุฑฒีจะยะสะวา สะตะวัสสาจะอายุจะ ชีวะสิทธีภะวันตุเม
    (พระสยามเทวาธิราชเป็นจอมเทวดา ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาทั้งหลายทรงมีมหิทธิฤทธิ์แกล้วกล้ายิ่ง ขอพระองค์จงอภิบาลรักษาข้าพเจ้าให้ปราศจากโรคาพาธ อุปาทวะอันตราย ความพินาศทั้งหลาย ขอให้ข้าพเจ้ามีความร่มเย็นเป็นสุขด้วยประการทั้งปวง ด้วยอำนาจสัจจะวาจาที่อ้างถึงพระสยามเทวาธิราชนี้ ขอจงประทานความสุขสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าด้วยประการทั้งปวง
    ด้วยอานุภาพพระสยามเทวาธิราชและเดชพระสยามเทวาธิราช ขอจงขจัดทุกข์ โรคภัย ความโศก ศัตรู อุปัทวะ และอันตรายมิใช่น้อย ให้พินาศไปโดยไม่เหลือ ขอชัยชนะความสำเร็จแห่งกิจการ ทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง ศรี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ความเจริญ และยศ ตลอดจนการมีอายุยืนหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ความสำเร็จแห่งกิจการงานในความเป็นอยู่จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ)


    * พ่ออาจารย์ท่านสร้างพระสยามเทวาธิราชทรงเมืองปกาศิตไว้ มีให้บูชาทั้งหมดแปดองค์ สำหรับผู้จะบูชาให้แจ้งเฉพาะทาง PM พร้อมกับชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด พ่ออาจารย์ท่านจะเจิมประสิทธิ์สิริมงคลและสวดเสกบอกกล่าวฝากดวงให้คณะเทพพระสยามอีกคำรบหนึ่ง รายได้สมทบทุนวิหารทานในวัดที่ขาดแคลนและทุรกันดารสืบไป


    ร่วมทำบุญบูชา มงคลคณะเทพพระสยามเทวาธิราชทรงเมืองปกาศิต(รุ่นฟ้าผ่า) บูชา 4,000 บาท


    65368067f.jpg DSC00429.jpg SAM_5459.jpg SAM_5463.jpg Cgk_U_Sz_Ug_AAYS7v.jpg 1403875688.jpg
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    วันนี้ใครจะฝากคำถามหรือเรียนปรึกษาอะไรก็ฝากเรื่องเอาไว้ทาง PM กันนะครับ จะคอยรับเรื่องให้;)
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พระสยามเทวาธิราช

    อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ก็จะมาคุยเรื่องพระสยามกันต่อ อาจเรียกได้ว่าเป็นความเชื่ออีกทางหนึ่งก็ได้ ที่กล่าวว่าพระสยามนั้นเป็นคณะหลายองค์ ลองอ่านคร่าวๆและพิจารณาเอา เพราะว่าเป็นบทความเก่าไม่ได้ครอบคลุม และพ่ออาจารย์ท่านก็แจ้งมาต่างกัน ที่จำนวนและคณะพระสยามนั้นมีมากกว่านี้อย่างแน่นอน

    พระสยามเทวาธิราชซึ่งสร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้น พระมหาโพธิธรรมาจารย์วงศ์ศากยะได้ เขียนเล่าไว้ว่า

    ชื่อ “พระสยามเทวาธิราช”นั้น เป็นตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ชื่อของใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ และผู้ดำรงตำแหน่งพระสยามเทวาธิราชนั้นเปลี่ยนแปลงได้ เปลื่ยนตัวบุคคลได้ตามความเหมาะสมแก่กาลสมัย ไม่เป็นการตายตัวว่าท่านผู้ใดได้ดำรงตำแหน่งนี้แล้วจะต้องอยู่กี่ปีหรือ ต้องอยู่ตลอดไป

    คำว่า “พระสยามเทวาธิราช” นั้นมีมานานแล้ว เป็นตำแหน่งที่พระมหาพรหมซึ่งมีหน้าที่ปกปักรักษาเมืองสยามตั้งขึ้น โดยมีการประชุมเทพ-พรหมที่เป็นฝ่ายรักษาบ้านเมืองและเห็นสมควรบัญญัติคำว่า “พระสยามเทวาธิราช” ขึ้น และทรงประทานหน้าที่นี้ให้แก่พระมหากษัตริย์ผู้ครองเมืองสยามทรงทำหน้าที่นี้ ผู้ดำรงตำแหน่งพระองค์แรกและเรียงกันลงมาตามลำดับคือ
    ๑ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
    ๒ พ่อขุนผาเมือง
    ๓ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    ๔ พระเอกาทศรถ
    ๕ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
    ๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเมตตามหาราช(ปิยมหาราช) พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาจากเบื้องบนเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๐ ครั้งแรกได้ทรงแต่งตั้งพระอนุชาและพระโอรสใ้ห้ช่วยงานการในตำแหน่งอีก ๑๓ พระองค์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ทรงเป็นองค์ที่ ๑๓ แต่ บัดนี้เนื่องจากเหตุการณ์ทางบ้านเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปจึงทรงลำดับใหม่ดังนี้
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕) ทรงเป็นองค์ประธาน ทรงมีผู้ช่วยอีก ๔ พระองค์คือ
    ๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๔)
    ๒ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
    ๓ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๖)
    ๔ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๗)(โดยอาจจะทรงมีการแต่งตั้งอีกในภายหน้า)

    การที่เบื้องบนได้ทรงแต่งตั้งให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕) ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสยามเทวาธิราชนี้ ได้ประชุมและตกลงกันโดยได้ทรงพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระองค์ที่เหมาะสมที่สุดในปัจจุบันนี้

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕) พระเมตตามหาราชพระองค์นี้ เมื่อยังเสด็จประทับอยู่ในโลกมนุษย์ ทรงมีพระเมตตากรุณาเป็นอย่างสูง เมื่อได้เสด็จสวรรคตแล้วได้ทรงใช้กรรมเล็กๆ น้อยๆ เพียงชั่วเวลาอันรวดเร็วก็ได้ขึ้นเป็นเทพ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ ผู้เขียน...หมายถึงท่านพระมหาโพธิธรรมาจารย์ วงศ์ศากยะเอง....ได้พบพระองค์ในฐานะเทพชั้น ๖ แต่จากนั้นไม่ถึง ๕ ปี ก็ได้ขึ้นเป็นพรหม และบัดนี้ทรงเป็นพระมหาพรหมแล้วทรงพระนามว่า “พระมหาพรหมปิยะวงศ์วิสุทธิราช” เสด็จประทับอยู่ ณ.พรหมโลก

    ผู้ช่วยพระองค์ที่ ๑ คือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๔)ขณะนี้เสด็จประทับอยู่บนเทวโลกชั้นดาวดึงส์ตอนต้น ตอนนี้ท่านพระมหาโพธิธรรมาจารย์วงศ์ศากยะได้ทราบจากนักสืบองค์ น้อยว่ากำลังบำเพ็ญสมาธิทางพระจิตอยู่ เพราะเมื่อยังเสด็จประทับอยู่ในมนุสสโลกนั้นต้องทรงพากเพียรเรียนทางบาลีและ อังกฤษ ฯลฯ จึงไม่มีเวลาพอที่จะตั้งพระทัยบำเพ็ญทางพระกรรมฐานได้ ครั้นเมื่อได้ทรงลาสิกขาบทแล้วก็ยิ่งต้องทรงมีธุรกิจทางปกครองบ้านเมืองมาก ยิ่งขึ้น ขณะนี้ถ้าเวลาใดพอมีเวลาว่างบ้างก็ทรงตั้งพระทัยที่จะแสวงหาความรู้ทางฌาน และญานเพื่อประโยชน์จะได้้ทรงช่วยพระศาสนาและบ้านเมือง

    ผู้ช่วยพระองค์ที่ ๒ (หรือพระสยามเทวาธิราชองค์ที่ ๓) คือกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระองค์นี้ทรงเข้มแข็งและเด็ดขาดและทรงมีหลายพระภาค เรื่องต่อสู้เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองแล้วรับรองได้ว่ามิได้เคยทรงย่อท้อต่อไพรีเลยแม้แต่ก้าวเดียว เรื่องรักชาติแล้วเป็นหนึ่งไม่มีสอง

    ผู้ช่วยพระองค์ที่ ๓ และที่ ๔ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระเมตตาต่อประชาชนเป็นอย่างมากแต่กาลเวลาที่ทรงครองราชย์สั้นไป ถึงกระนั้นเรื่องการเอาพระทัยใส่ต่อบ้านเมืองแล้วก็ทรงหนักแน่นอยู่เสมอแม้จนบัดนี้ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นเทพชั้นจาตุมหาราช ประทับอยู่ ณ สโมสรสุขเกษมบนเทวโลก

    * ขอพระสยามเทวาธิราชและบูรพกษัตริย์ไทยทรงคุ้มครองคนดีและบ้านเมืองนี้ด้วยเถิด


    bb01.gif
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่กฤตยชญ์ ET 7946 1329 5 TH

    พี่ทวีพงษ์ ET 7946 1330 4 TH

    พี่ภาคภูมิ ET 7946 1331 8 TH

    พี่ทรงพล ET 7946 1332 1 TH
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ส่งของนะครับแล้วเดี๋ยวสายๆมาตอบปัญหาพูดคุยกัน
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ธเนศพล ET 7946 7061 5 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ ET 7946 7062 4 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ ET 7946 7063 8 TH

    พี่นฐมน ET 7946 7064 1 TH

    พี่เสฏฐณัน ET 7946 7065 5 TH

    พี่วิชัย ET 7946 7066 9 TH

    พี่ศิระ ET 7946 7067 2 TH

    พี่ภิญโญ ET 7946 7068 6 TH
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ก็เป็นคำถามที่มีคนฝากถามมากันเยอะ เกี่ยวกับการทำพิธีเรียกคู่ เรียกคนรัก ผูกหุ่น ทำเสน่ห์ต่างๆ เดี๋ยวเอาไว้ตอบกันและยกมาพูดคุยวันพรุ่งนี้นะครับ ติดตามแล้วกัน;)
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยยามเช้า
    อรุณสวัสดิ์ครับ จากที่เกริ่นไว้เมื่อวานว่ามีหลายท่านถามมากันเยอะ เกี่ยวกับการทำพิธีเรียกคู่ เรียกคนรัก ผูกหุ่น ทำเสน่ห์ต่างๆ ทั้งที่ในอดีตพ่ออาจารย์ท่านเคยเมตตาทำให้ แล้วนำไปบอกต่อกันจนมีคนอยากทำมากขึ้น กับคนประเภทที่เชื่อว่าท่านต้องทำได้แน่ๆ ยังไงท่านก็ต้องทำได้ ต้องทำ ต้องช่วย

    เรื่องแบบนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันเคยทำมาก่อน สมัยก่อนมันเรียนมาเยอะ รู้ก็ต้องลองจนเชียวชาญ ก็ทำไปเรื่อย แต่ในปัจจุบันท่านว่าท่านไม่ได้ทำแล้ว เพราะมันเป็นบาปเป็นวิชาฝืนใจคนให้รักลุ่มหลงจนเป็นบ้าแบบเฉพาะเจาะจงมากเกินไป เพราะของฉันเวลาทำมันไม่ได้ใช้มือทำ มันแก้กันยาก ท่านจึงเลิกทำไปตั้งแต่ใฝ่กรรมฐานเรียนธรรมรู้ธรรม

    ทั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านเคยกล่าวไว้ ว่าการเรียกจิต เรียกคู่ ดึงจิตคนรักกลับ บางคนอยากให้ทำพิธีเรียกคู่บ้าง ผูกหุ่นไสยเวทย์ให้บ้าง เรียกคนรัก ฝังรูปฝังรอย สารพัดวิธีที่เขาจะไปศึกษากันมา สนใจอันไหนก็อยากให้เราทำแบบนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาเหล่านี้เอาจริงๆแล้วสมัยก่อนท่านต้องทำในที่สงัดออกวิเวกตามป่าเขา ซึ่งปัจจุบันนั้นมีปัจจัยหลายๆเหตุผลมาประกอบกันท่านจึงไม่ทำ

    วิชาเหล่านี้พ่ออาจารย์ท่านให้ข้อคิดว่า ถ้าคนรักกันอยู่อะไรมันก็ดี โลกก็สวยงาม แต่ถ้าคนไม่ได้รัก ไม่ใช่คู่กันแต่ต้องมาอยู่ด้วยกันก็เหมือนการขัดเขาโคขืนให้กลืนหญ้า จะเป็นบาปกรรมเป็นตราเวรต่อกันตราบสิ้นอายุขัย ถึงอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็ไม่มีความสุขอย่างแน่นอน เพราะความรักมันมีอะไรที่มากกว่าการใช้ชีวิตร่วมกันไปวันๆ

    แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็ไม่ได้ีโทษแต่เพียงอย่างเดียว วิชาเหล่านี้หากใช้เป็น ใช้ให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา ก็เป็นวิชาที่มีคุณมหันต์ สร้างสิ่งดีๆได้มหาศาล ซึ่งการทำวิชาเหล่านี้หากคนใช้เป็นจะเป็นการเสริมเสน่ห์ในตัวเองโดยตรง


    * ก็นำมาตอบกันคร่าวๆในวาระการพูดคุยรอบเช้าเพราะรบเร้ากันมาบ่อยๆ ยิ่งการผูกหุ่นทำเสน่ห์ฝังรปฝังรอยนี่ต้องยอมรับเลยว่ามีคนสนใจเยอะ ก็ไม่เข้าใจและคิดว่าน่าจะไปศึกษากันมาตามหนัง ละคร หนังสือต่างๆ ว่ามันช่วยเรียกรักอะไรแบบนี้ได้เลยตั้งใจ จงใจขอกันเข้ามา เกี่ยวกับเรื่องทำเสน่ห์นี้ เดี๋ยวจะนำมาพูดคุยกันต่อยาวๆอีกทีนะครับ


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วีระพัฒน์ ET 7946 7124 0 TH

    พี่สุรวุฒิ ET 7946 7125 3 TH

    พี่ทรงพล ET 7946 7126 7 TH
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พอดีกับมีคำถามใหม่เข้ามาและเกี่วเนื่องกับเรื่องที่พูดคุยกันอยู่เมื่อเช้า ก็จะขอยกไว้ตอบวันพรุ่งนี้เช้านะครับ อย่าลืมติดตามกันด้วย;)
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์ครับ

    จากที่มีคนสอบถามเกี่ยวกับวิชาผูกหุ่นเสน่ห์ หรือการทำยาแฝดและวิชาต่างๆกันเข้ามาเรื่อยๆนั้น ก็ได้อธิบายไปคร่าวๆแล้ว

    ทั้งนี้ก็มีกระแสหรือข้อความกลับมาอีกวาพ่ออาจารย์ท่านได้ทำวิชาจำพวกนี้ไว้บ้างมั๊ย ซึ่งทุกคนที่ขอก็ล้วนแต่รับปากว่าจะนำไปใช้ไปขอในทางที่ถูกที่ควร เพราะเขารู้ว่าของแบบนี้แค่พกก็เป็นเสน่ห์เมตตาแบบเด็ดขาดแล้ว

    ซึ่งจากที่ได้เรียนถามพ่ออาจารย์ท่าน ท่านว่ามีลงไว้บ้าง ท่านเรียกว่าเจ้าจันทร์พามานะ ทีนี้เจ้าจันทร์คือใคร ....เจ้าจันทร์พามานะคืออะไร บอกได้แต่เพียงว่าถ้ามาแนวนี้คือเฮี้ยนจริงๆ ใครไม่ชอบของแรงแบบมีตัวตน หรือขอได้เร็วทันใจก็มองข้ามไปได้ แต่ถ้าใครชอบ ถ้าอยากรู้อันนี้ก็ต้องติดตามกันดีๆ ห้ามพลาด ไม่เช่นนั้นจะถือว่าพลาดมาก.

    *แจ้งกิจกรรมไว้ด้วยนะครับ เดือนนี้จะมีให้เล่นเกมส์กันแจกลูกอมคุณวิเศษ ซึ่งลูกอมนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นลูกอมที่ทำให้ไว้ใช้อมกันจริงๆ เวลาจะพูดจะเจรจาอะไรกับใครก็ให้เอาใส่ปากไว้ใต้ลิ้น รายการนี้ติดตามเช่นกันเพราะท่านสร้างไว้ไม่มากผงคุณวิชาลงได้ไม่เยอะ

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    เจ้าจันทร์พามานะ มีหลายคนถามว่าคืออะไร แล้วบางคนก็ยิงคำถามว่าเป็นพรายหรือเปล่า อันนี้ก็ต้องติดตามกันนะครับ เดี่ยวจะอธิบายกัน แต่บอกไว้เลยว่าเป็นของแรง และเป็นของชั้นครู ของบรมครู ห้ามพลาด

    va_XE9_EMo_S8.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2017
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์นะครับ วันนี้ใครเสี่ยงโชคก็ขอให้ได้โชคก้อนใหญ่ๆ จะได้มีความสุขกันมากๆนะครับ


    มาพูดคุยกันต่อตามที่ถามกันเข้ามาในเรื่องของเจ้าจันทร์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเจ้าจันทร์นี้แต่เดิมท่านไม่ได้สร้างหรือทำขึ้นมาเอง หากแต่เป็นของตกทอดในผอบเงินเก่าของเจ้าปู่ชัยพรหม

    กล่าวง่ายๆก็คือเป็นสีผึ้งซึ่งครูท่านเรียกว่าเจ้าจันทร์ โดยพ่ออาจารย์ท่านเล่าให้ฟังว่า เจ้าจันทร์นั้นแต่ก่อนเคยมีชีวิตอยู่นี่แหละ เป็นเด็กสาวที่หน้าตาหมดจดเรียกได้ว่าเป็นสตรีที่มีพรสวรรค์ทางรูปกายอย่างดี มีชาติตระกูลสูง ซึ่งหลายๆคนคงไม่คิดและตัวของเจ้าจันทร์เองก็คงไม่คิดว่าข้อดีของตัวเองนั้นจะทำร้ายตัวเองลงได้ เพราะว่าการที่เกิดมารูปสวย รวยทรัพย์ มีชาติตระกูลดีนั้นสมัยนี้เรียกได้ว่ามันครบ ชีวิตมันไม่ขาดไม่ต้องทำอะไรนั่นเอง

    ด้วยเหตุที่ชาติตระกูลสูง พ่ออาจารย์ท่านใช้คำว่าสูงถึงสูงมากเพราะมีเชื้อเจ้าทางฝั่งนั้น ท่านก็เลยเรียกว่าเจ้าจันทร์ ก็เป็นธรรมดาของเด็กสาวที่จะเกิดความรักและผูกพันธ์กับบุรุษเพศ เจ้าจันทร์ท่านก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน แต่ชาติตระกูลนี่เองที่ทำให้ความปรารถนาของทั้งคู่ไม่เกิดผลสำเร็จ ท่านว่าอย่าเอาตรรกของคนรุ่นเราไปคิดแทนคนโบราณเพราะมันต่างกันมากความรักสมัยก่อนนั้นท่านว่าจะต่างกับสมัยนี้มาก สมัยนี้หลายคนอกหักแต่ก็ไม่ตาย ไม่กี่วันก็มีใหม่ได้ บางคนก็ลืมง่าย เปลี่ยนคู่บ่อย แต่งงานแล้วหย่าแล้ว แต่งงานอีกแล้วก็หย่าอีก ซึ่งปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น แต่ในยุคที่สังคมยังปิดกั้น การติดต่อสื่อสารยังทำได้ยาก และสังคมมีขนบประเพณีที่เข้มข้นความรักในรูปแบบเจ้ากับไพร่ที่ฐานะการเงินและสังคมต่างกันมากจึงไม่มีทางเป็นไปได้เลย

    พ่ออาจารย์ท่านว่าสุดท้ายเจ้าจันทร์ท่านก็ใจสลายตรอมใจและตายลงในที่สุด ซึ่งต่อมาเจ้าปู่ชัยพรหมท่านก็เล็งเห็นประโยชน์และคุณใหญ่ประกอบกับฤทธิ์และอำนาจของเจ้าจันทร์ท่านจึงสงเคราะห์ดวงวิญญาณนำมาทำโดยวิธีการทางพระเวทย์ด้วยอาถรรพ์แห่งองคาพยพเปลี่ยนเป็นสีผึ้งแล้วเก็บไว้กับตัว ดุจตำนานสมเด็จโตสงเคราะห์วิญญาณย่านาคและเจาะปั้นเหน่งไว้ติดตัวท่าน

    ผอบนั้นก็ได้รับสืบทอดมาถึงพ่ออาจารย์ ซึ่งท่านรู้ดีว่าเจ้าจันทร์นั้นแรงฤทธิ์และชอบเติมเต็มความปรารถนาที่ไม่มีวันเต็มของผู้อื่น เรื่องใดที่สำเร็จได้ยาก เรื่องใดที่ไกลเกินเอื้อม ยิ่งเรื่องความรักข้ามชาติตระกูลเรื่องดอกฟ้ากับหมาวัดหรือความรักกับผู้มีฐานะสูงและเหนือกว่าตนเหล่านี้ เจ้าจันทร์ท่านชอบช่วยนัก พ่ออาจารย์ท่านว่ากับเจ้าจันทร์นี้หากถามว่าเป็นพรายมั๊ย ที่จริงก็ต้องยอมรับในกระบวนการว่าเป็นพรายนั่นแหละ แต่ทว่าฉันจะให้นั่งยันนอนยันก็ต้องบอกเหมือนเดิม คือพูดคำว่าพรายได้ไม่เต็มปาก ยิ่งพรายของเจ้าปู่ท่านที่จะธรรมดาสามัญนั้นเป็นไม่มี

    พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันเคยไปกราบหลวงพ่อของฉัน คือหลวงปู่ขาว กับหลวงพ่อฤาษี โดยพกผอบนี่ไปด้วย ซึ่งฉันเชื่ออย่างที่สุดว่าตาในของพวกท่านนั้นกระจ่างแจ้งกว่าของฉันแน่นอน และก็เหมือนพวกท่านรับรู้การมาของเจ้าจันทร์

    หลวงปู่ขาวท่านจ้องมองมาข้างๆตัวฉันซึ่งเป็นที่ว่างเปล่าไม่มีใครนั่งอยู่พร้อมกับพูดว่า เจริญพรท่านเทพธิดา วันนี้วันดีมีเทพธิดาแต่งตัวสวยงามมาเยี่ยม
    ในขณะที่หลวงพ่อฤาษีท่านก็พูดขึ้นมาว่า อ้าวๆ พาใครมาด้วย เป็นเทพธิดามีศักดิ์ใหญ่มากนะ ท่านแนะนำตัวกับฉันด้วยว่าชื่อเจ้าจันทร์


    ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงพูดอยู่ว่า เพราะเรารู้แก่ใจ ว่าท่านเป็นเทพในสวรรค์ชั้นฟ้าแน่นอน และพระอริยเจ้าถึงสององค์ก็ยอมรับ ดังนั้นเราจึงเรียกว่าเจ้าจันทร์เป็นครูเทพของเรา และก็ลำบากใจไม่สะดวกใจจริงๆที่จะให้ไปลดชั้นเทพธิดามาเป็นผีพราย ท่านว่าเรานั่งยันนอนยันไปเลยว่าไม่ใช่ผีหรือพรายแน่นอน อันนี้เชื่อมั่นมากในเจ้าปู่ชัยพรหมเพราะท่านทำอะไรย่อมมีวาระและหลักการของท่านที่ในยุคสมัยนี้จะหาใครมาทำได้ เก่งกล้าดุจท่านนั้นย่อมไม่มี

    เจ้าจันทร์นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเขาเก่ง มักจะช่วยตามคน ตามของ และช่วยให้คนอธิษฐานกับผอบสีผึ้งเจ้าจันทร์สมความปรารถนา เราเรียกท่านติดปากว่าเจ้าจันทร์พามานะ เพราะว่าแต่ก่อนไม่ว่าใครจะขอหรืออธิษฐานอะไรท่านก็หามาได้พามาได้ทุกเรื่อง ทั้งตามคน ตามของ ตามหนี้ ที่ไม่น่าจะเป็นก็เป็นไป ขนาดว่าไปชอบลูกสาวกำนันที่อยู่ท้ายบ้านแล้วเขาไม่แลไม่เคยพูดดีด้วย มาอธิษฐานบอกเจ้าจันทร์ คืนนั้นสาวเจ้าแล่นมาหาถึงบ้านถึงเรือน เราก็เลยเรียกท่านว่าเจ้าจันทร์พามานะเพราะท่านมีคุณวิเศษทางดลจิตดลใจมนุษย์และชอบเห็นมนุษย์สมความปรารถนา


    * เช้านี้ก็พูดคุยกันคร่าวๆเกี่ยวกับเรื่องเจ้าจันทร์กันนะครับ แล้วมาติดตามกันต่อ บอกได้แค่ว่าท่านเฮี้ยนและมีตัวตนที่แรงมาก มีความเมตตาการุณย์อย่างมาก กับผู้ที่มีความรัก มีความหวัง มีจุดหมาย ไม่ว่าจะเรื่องความรัก เสี่ยงโชค หรือการงานการศึกษาการใช้ชีวิต พ่ออาจารย์ท่านว่าเจ้าจันทร์ท่านพามาหาได้ทุกอย่าง สำหรับคนที่ไม่พร้อม และมีฝันที่ไปไม่ถึง เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ด้วยกฏสังคมทั้งหลายเหมือนสมัยท่านมีชีวิตอยู่ ท่านจะชอบช่วยเหลือมาก


    va_XE9_EMo_S8.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2017
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยยามเย็น
    เกี่ยวกับเรื่องของเจ้าจันทร์นั้น ก็เคลียร์ใจกันไปแล้วทุกท่านว่าไม่ใช่พรายอย่างแน่นอน แต่เป็นแม่ครูที่เป็นเทพยดาซึ่งมีใจเอื้ออารีย์

    ทั้งนี้ก็ยังมีคำถามกันเข้ามาว่าเจ้าจันทร์ หรือที่พ่ออาจารย์ท่านบูชาเป็นแม่ครูนั้น ท่านช่วยเฉพาะเรื่องความรักรึเปล่า ก็พอดีจะได้ต่อจากที่พูดคุยกันค้างไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าเลย ว่าเจ้าจันทร์นั้นเอาจริงๆแล้วนับว่าเก่งและช่วยได้หลายเรื่องทีเดียว

    จากที่พ่ออาจารย์ท่านเอาขี้ผึ้งเจ้าจันทร์ในผอบเงินมาแบ่งใส่ไว้ในตะกรุดให้คนที่ใช้อาราธนาสัมผัสบารมีของเจ้าจันทร์กันได้ง่ายๆนั้น ตะกรุดนี้ก็เป็นตะกรุดสำคัญทีเดียวเพราะพ่ออาจารย์ท่านต้องลงรูปนามและชักยันต์กำกับมากมาย ท่านว่าเจ้าจันทร์เป็นเทพธิดาสาวสวย ท่านจึงลงจารเชิญและเสกให้เจ้าจันทร์นั้นมาแฝงอยู่ในรูป ในตะกรุด ซ้ำยังอัดมวลสารมากมายโดยเฉพาะสีผึ้งเจ้าจันทร์ในผอบเงินสำคัญของท่านแบบเนื้อๆเน้นๆ...

    สำหรับตะกรุดที่มีญาณบารมีของเจ้าจันทร์อยู่นี้ก็เช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านว่า "ดีทางอธิษฐานใจอย่างมาก เพราะเราลองมาแล้ว" จึงได้สอบถามท่านว่าลองอย่างไร ท่านก็เล่าให้ฟังว่าจำได้หรือเปล่า ตอนนั้นที่ผมเข้าไปปรึกษาท่าน เนื่องจากมีพี่ท่านนึงฝากถามเรื่องขายที่ดินและขอบูชาเครื่องมงคลเป็นการเฉพาะ ซึ่งที่ดินนี้ก็ปล่อยเอาไว้นานแล้วแต่ขายไม่ได้เสียที ท่านก็นำตะกรุดให้บูชาไป ซึ่งเป็นตะกรุดชุดนี้นั่นเอง เป็นตะกรุดที่มีขี้ผึ้งเจ้าจันทร์ในผอบเงิน ตะกรุดที่มีญาณบารมีเจ้าจันทร์

    ซึ่งเมื่อคนใช้เขานำไปอธิษฐานใจก็ติดต่อกลับมาว่าขายได้แล้วอย่างฉับพลันทันใดพร้อมมาขอร่วมบุญ
    เป็นประธานสร้างพระธาตุเจดีย์ตอนนั้นจนแล้วเสร็จ พ่ออาจารย์ท่านว่าตอนนั้นที่ท่านต้องยืมบารมีของเจ้าจันทร์ เพราะว่าเห็นเขาเดือดร้อนต้องการใช้เงินด่วนจริงๆและดูจากชะตาอายุต่างๆแล้วก็มีลักษณะนิสัยที่ดีจึงอยากช่วย ติดแต่ที่ดินตรงนั้นมูลค่ามันสูงมาก ท่านจึงได้แต่ให้เขาไปพึ่งบารมีของเจ้าจันทร์หรือแม่ครูนั่นเอง ผมจำกรณีนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะว่าตอนนั้นเราก็อึ้งเหมือนกัน ยังแอบคิดประชดในใจว่าทำบุญไม่กี่พันแต่ต้องการความสำเร็จที่เป็นเงินถึงเก้าหลัก เพราะที่ดินที่มีปัญหานั้นทั้งหมด 8 ไร่ ไร่ละ 28 ล้าน เป็นเงิน 224 ล้าน แต่ก็สำเร็จได้จริงๆดังนั้นบารมีแม่ครูหรือเจ้าจันทร์ผมก็ขอตอบและให้ใช้วิจารณญาณกันเอาเอง ว่าครอบคลุมหรือเปล่า คำว่าเจ้าจันทร์พามานะของพ่ออาจารย์นั้น ท่านพาอะไรมาได้บ้าง จำเป็นหรือที่จะต้องเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆเสมอไป

    นอกจากนี้ในตะกรุดท่านยังลงวิชาสำคัญซึ่งเอาไว้ใช้ลงหุ่นเสน่ห์ หุ่นเรียกรักของท่านเอาไว้ด้วย ท่านเรียกว่าวิชาคู่สมพงษ์ วิชานี้ใช้มัดใจให้คนรักคนเมตตาเรา ถึงขนาดที่ว่าคนบาดหมางขัดข้องหมองใจยังอธิษฐานให้กลับมารักกันได้ วิชานี้สำคัญมากเพราะเกี่ยวข้องกับธาตุและความสมพงษ์ต่างๆในชีวิต ท่านว่าปกติคนที่ไม่ประสบความสำเร็จทุกสิ่งคือคนที่ไม่มีบุญไม่คู่ควรกับสิ่งนั้นๆ แต่วิชานี้เป็นการแก้เคล็ดให้ธาตุสมพงษ์ ให้เรากับสิ่งที่หมายปองไม่ว่าจะมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ทรัพย์สิน ศฤงคาร วาสนาทั้งหลาย ให้เป็นคู่สมพงษ์กับเรา.....อันนี้อยากรู้ลายละเอียดก็ต้องติดตามไปด้วยกัน วันนี้จะเกริ่นแต่เพียงคร่าวๆ

    * ล่าสุดมีคนแจ้งประสบการณ์เกี่ยวกับพระสยามมาว่าท่านมาตามให้ไปหาเลข กว่าจะหาได้ไม่ใช่ง่ายแล้วก็ถูกจริงๆ ก็จะเล่าไว้สั้นๆเพราะถือว่าเป็นวาสนาและเป็นโชคของคนที่ได้รับ


    SAM_5468.jpg SAM_5467.jpg
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดลืมตาอ้าปากเรียกรักกวักคน(เจ้าจันทร์พามานะ)

    " ปฐมบทแห่งตำนาน ที่พ่ออาจารย์ท่านดำริจัดสร้างเพื่อให้มีไว้เชื่อมต่อและสัมผัสกับภูมิพระเวทย์ วิชาของบูรพาจารย์ "

    เจ้าจันทร์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเจ้าจันทร์นี้แต่เดิมท่านไม่ได้สร้างหรือทำขึ้นมาเอง หากแต่เป็นของตกทอดในผอบเงินเก่าของเจ้าปู่ชัยพรหมกล่าวง่ายๆก็คือเป็นสีผึ้งซึ่งครูท่านเรียกว่าเจ้าจันทร์ โดยพ่ออาจารย์ท่านเล่าให้ฟังว่า เจ้าจันทร์นั้นแต่ก่อนเคยมีชีวิตอยู่นี่แหละ เป็นเด็กสาวที่หน้าตาหมดจดเรียกได้ว่าเป็นสตรีที่มีพรสวรรค์ทางรูปกายอย่างดี มีชาติตระกูลสูง ซึ่งหลายๆคนคงไม่คิดและตัวของเจ้าจันทร์เองก็คงไม่คิดว่าข้อดีของตัวเองนั้นจะทำร้ายตัวเองลงได้ เพราะว่าการที่เกิดมารูปสวย รวยทรัพย์ มีชาติตระกูลดีนั้นสมัยนี้เรียกได้ว่ามันครบ ชีวิตมันไม่ขาดไม่ต้องทำอะไรนั่นเอง ด้วยเหตุที่ชาติตระกูลสูง พ่ออาจารย์ท่านใช้คำว่าสูงถึงสูงมากเพราะมีเชื้อเจ้าทางฝั่งนั้น ท่านก็เลยเรียกว่าเจ้าจันทร์ ก็เป็นธรรมดาของเด็กสาวที่จะเกิดความรักและผูกพันธ์กับบุรุษเพศ เจ้าจันทร์ท่านก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน แต่ชาติตระกูลนี่เองที่ทำให้ความปรารถนาของทั้งคู่ไม่เกิดผลสำเร็จ ท่านว่าอย่าเอาตรรกของคนรุ่นเราไปคิดแทนคนโบราณเพราะมันต่างกันมากความรักสมัยก่อนนั้นท่านว่าจะต่างกับสมัยนี้มาก สมัยนี้หลายคนอกหักแต่ก็ไม่ตาย ไม่กี่วันก็มีใหม่ได้ บางคนก็ลืมง่าย เปลี่ยนคู่บ่อย แต่งงานแล้วหย่าแล้ว แต่งงานอีกแล้วก็หย่าอีก ซึ่งปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น แต่ในยุคที่สังคมยังปิดกั้น การติดต่อสื่อสารยังทำได้ยาก และสังคมมีขนบประเพณีที่เข้มข้นความรักในรูปแบบเจ้ากับไพร่ที่ฐานะการเงินและสังคมต่างกันมากจึงไม่มีทางเป็นไปได้เลย พ่ออาจารย์ท่านว่าสุดท้ายเจ้าจันทร์ท่านก็ใจสลายตรอมใจและตายลงในที่สุด ซึ่งต่อมาเจ้าปู่ชัยพรหมท่านก็เล็งเห็นประโยชน์และคุณใหญ่ประกอบกับฤทธิ์และอำนาจของเจ้าจันทร์ท่านจึงสงเคราะห์ดวงวิญญาณนำมาทำโดยวิธีการทางพระเวทย์ด้วยอาถรรพ์แห่งองคาพยพเปลี่ยนเป็นสีผึ้งแล้วเก็บไว้กับตัว ดุจตำนานสมเด็จโตสงเคราะห์วิญญาณย่านาคและเจาะปั้นเหน่งไว้ติดตัวท่าน


    ผอบนั้นก็ได้รับสืบทอดมาถึงพ่ออาจารย์ ซึ่งท่านรู้ดีว่าเจ้าจันทร์นั้นแรงฤทธิ์และชอบเติมเต็มความปรารถนาที่ไม่มีวันเต็มของผู้อื่น เรื่องใดที่สำเร็จได้ยาก เรื่องใดที่ไกลเกินเอื้อม ยิ่งเรื่องความรักข้ามชาติตระกูลเรื่องดอกฟ้ากับหมาวัดหรือความรักกับผู้มีฐานะสูงและเหนือกว่าตนเหล่านี้ เจ้าจันทร์ท่านชอบช่วยนัก พ่ออาจารย์ท่านว่ากับเจ้าจันทร์นี้หากถามว่าเป็นพรายมั๊ย ที่จริงก็ต้องยอมรับในกระบวนการว่าเป็นพรายนั่นแหละ แต่ทว่าฉันจะให้นั่งยันนอนยันก็ต้องบอกเหมือนเดิม คือพูดคำว่าพรายได้ไม่เต็มปาก ยิ่งพรายของเจ้าปู่ท่านที่จะธรรมดาสามัญนั้นเป็นไม่มี พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันเคยไปกราบหลวงพ่อของฉัน คือหลวงปู่ขาว กับหลวงพ่อฤาษี โดยพกผอบนี่ไปด้วย ซึ่งฉันเชื่ออย่างที่สุดว่าตาในของพวกท่านนั้นกระจ่างแจ้งกว่าของฉันแน่นอน และก็เหมือนพวกท่านรับรู้การมาของเจ้าจันทร์
    หลวงปู่ขาวท่านจ้องมองมาข้างๆตัวฉันซึ่งเป็นที่ว่างเปล่าไม่มีใครนั่งอยู่พร้อมกับพูดว่า เจริญพรท่านเทพธิดา วันนี้วันดีมีเทพธิดาแต่งตัวสวยงามมาเยี่ยม
    ในขณะที่หลวงพ่อฤาษีท่านก็พูดขึ้นมาว่า อ้าวๆ พาใครมาด้วย เป็นเทพธิดามีศักดิ์ใหญ่มากนะ ท่านแนะนำตัวกับฉันด้วยว่าชื่อเจ้าจันทร์


    ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงพูดอยู่ว่า เพราะเรารู้แก่ใจ ว่าท่านเป็นเทพในสวรรค์ชั้นฟ้าแน่นอน และพระอริยเจ้าถึงสององค์ก็ยอมรับ ดังนั้นเราจึงเรียกว่าเจ้าจันทร์เป็นครูเทพของเรา และก็ลำบากใจไม่สะดวกใจจริงๆที่จะให้ไปลดชั้นเทพธิดามาเป็นผีพราย ท่านว่าเรานั่งยันนอนยันไปเลยว่าไม่ใช่ผีหรือพรายแน่นอน อันนี้เชื่อมั่นมากในเจ้าปู่ชัยพรหมเพราะท่านทำอะไรย่อมมีวาระและหลักการของท่านที่ในยุคสมัยนี้จะหาใครมาทำได้ เก่งกล้าดุจท่านนั้นย่อมไม่มี เจ้าจันทร์นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเขาเก่ง มักจะช่วยตามคน ตามของ และช่วยให้คนอธิษฐานกับผอบสีผึ้งเจ้าจันทร์สมความปรารถนา เราเรียกท่านติดปากว่าเจ้าจันทร์พามานะ เพราะว่าแต่ก่อนไม่ว่าใครจะขอหรืออธิษฐานอะไรท่านก็หามาได้พามาได้ทุกเรื่อง ทั้งตามคน ตามของ ตามหนี้ ที่ไม่น่าจะเป็นก็เป็นไป ขนาดว่าไปชอบลูกสาวกำนันที่อยู่ท้ายบ้านแล้วเขาไม่แลไม่เคยพูดดีด้วย มาอธิษฐานบอกเจ้าจันทร์ คืนนั้นสาวเจ้าแล่นมาหาถึงบ้านถึงเรือน เราก็เลยเรียกท่านว่าเจ้าจันทร์พามานะเพราะท่านมีคุณวิเศษทางดลจิตดลใจมนุษย์และชอบเห็นมนุษย์สมความปรารถนา ท่านมีความเมตตาการุณย์อย่างมาก กับผู้ที่มีความรัก มีความหวัง มีจุดหมาย ไม่ว่าจะเรื่องความรัก เสี่ยงโชค หรือการงานการศึกษาการใช้ชีวิต พ่ออาจารย์ท่านว่าเจ้าจันทร์ท่านพามาหาได้ทุกอย่าง สำหรับคนที่ไม่พร้อม และมีฝันที่ไปไม่ถึง เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ด้วยกฏสังคมทั้งหลายเหมือนสมัยท่านมีชีวิตอยู่ ท่านจะชอบช่วยเหลือมาก


    จากที่พ่ออาจารย์ท่านเอาขี้ผึ้งเจ้าจันทร์ในผอบเงินมาแบ่งใส่ไว้ในตะกรุดให้คนที่ใช้อาราธนาสัมผัสบารมีของเจ้าจันทร์กันได้ง่ายๆนั้น ตะกรุดนี้ก็เป็นตะกรุดสำคัญทีเดียวเพราะพ่ออาจารย์ท่านต้องลงรูปนามและชักยันต์กำกับมากมาย ท่านว่าเจ้าจันทร์เป็นเทพธิดาสาวสวย ท่านจึงลงจารเชิญและเสกให้เจ้าจันทร์นั้นมาแฝงอยู่ในรูป ในตะกรุด ซ้ำยังอัดมวลสารมากมายโดยเฉพาะสีผึ้งเจ้าจันทร์ในผอบเงินสำคัญของท่านแบบเนื้อๆเน้นๆ...ท่านว่าเจ้าจันทร์ท่านจะได้ตรึงรูปตรึงนามอยู่กับคนใช้ไม่ไปไหน ตะกรุดนี้จะเป็นตะกรุดสำคัญที่เป็นดั่งมรดกพระเวทย์ของครูฉัน เมื่อทำแล้วท่านจึงทำให้ดีที่สุด


    นอกจากนี้ในตะกรุดท่านยังลงวิชาสำคัญซึ่งเอาไว้ใช้ลงหุ่นเสน่ห์ หุ่นเรียกรักของท่านเอาไว้ด้วย ท่านเรียกว่าวิชาคู่สมพงษ์ วิชานี้ใช้มัดใจให้คนรักคนเมตตาเรา ถึงขนาดที่ว่าคนบาดหมางขัดข้องหมองใจยังอธิษฐานให้กลับมารักกันได้ วิชานี้สำคัญมากเพราะเกี่ยวข้องกับธาตุและความสมพงษ์ต่างๆในชีวิต ท่านว่าปกติคนที่ไม่ประสบความสำเร็จทุกสิ่งคือคนที่ไม่มีบุญ ไม่คู่ควรกับสิ่งนั้นๆ แต่วิชานี้เป็นการแก้เคล็ดให้ธาตุสมพงษ์ ให้เรากับสิ่งที่หมายปองไม่ว่าจะมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ทรัพย์สิน ศฤงคาร วาสนาทั้งหลาย ให้เป็นคู่สมพงษ์กับเรา ท่านว่าฉันกล่าวอย่างง่ายเลยนะ พกติดตัวก็เป็นเสน่ห์เป็นมหานิยม อยากให้ใครรักใครชอบอธิษฐานชื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิดเขาทำได้จะมีแต่รักกันไม่มีคนกล้าเกลียด แต่หากมันยากจนเกินไปท่านว่าเอาแค่นึกถึงหน้าเขาให้ได้ก็พอ ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของสายวิชาทำเสน่ห์ที่พ่ออาจารย์ท่านเลิกทำไปแล้ว หากแต่ยังมีแผ่นจารที่ท่านลงวิชาเอาไว้อยู่ในอดีต ท่านว่าไหนๆก็ทำก็เสกมาแล้วท่านจึงนำมาม้วนรวมกัน อันวิชานี้หากคนใช้เป็นนำไปใช้ไปขอในทางที่ถูกที่ควรไม่ฝักใฝ่ทางกามคุณเกินไปก็จะเกิดผลดีแก่ตนและชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะของแบบนี้แค่พกก็เป็นเสน่ห์เมตตาแบบเด็ดขาดแล้ว วิชาเหล่านี้หากใช้เป็น ใช้ให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา ก็เป็นวิชาที่มีคุณมหันต์ สร้างสิ่งดีๆได้มหาศาล ซึ่งการทำวิชาเหล่านี้หากคนใช้เป็นจะเป็นการเสริมเสน่ห์ในตัวเองโดยตรง


    พ่ออาจารย์ท่านได้นำแผ่นจารหุ่นเรียกรักคู่สมพงษ์ของเก่าของท่าน มาม้วนรวมกับแผ่นยันต์แม่ครูเจ้าจันทร์พามานะ แล้วก็ทำการอุดผงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมายไว้ด้านใน ท่านว่าเน้นที่สุดคือผงไม้กาหลงรัง พ่ออาจารย์ท่านว่าไม้กาหลงรังนี่เป็นของวิเศษนะเธอรู้มั๊ย ครูบาอาจารย์ท่านมักจะหามาใช้กัน ซึ่งการจะตามหานั้นก้อยู่ที่วาสนาอีกด้วย บางคนหาทั้งชีวิตเขาก็ไม่เจอ เพราะไม้กาหลงรังของจริงมีอานุภาพมาก บางท่านว่าแค่หลงมาตายตัวเดียวก็ถือว่าใช้ได้แล้ว แต่ที่ชั้นเจอนี่ต้องเรียกว่านกกามันตายไม่รู้กี่ตัว แถมเป็นกาหลงพันสวาทด้วย เรียกว่าตายซ้ำตายซากหรือตายตอมซากก็ได้ ต้นไม้เช่นนี้ท่านว่ามีอาถรรพ์ของรุกเทวียิ่งนัก มีอานุภาพทำให้หลงจนตาย เราพูดได้เท่านี้ มากกว่านี้ไปคิดเอาเอง ซ้ำด้วยอำนาจแห่งรุกขเทวีก็ยังบันดาลลาภสักการะต่างๆให้ผู้ครอบครองอีกด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันใส่ทั้งผงไม้กาหลง ผงดงสวาท ผงดินใต้ต้นกาตอมซาก ท่านว่าใช้ทุกส่วนที่เป็นอาถรรพ์ของไม้กาหลงรังนี้จะไม่แรงและเด็ดขาดได้อย่างไร


    เมื่อบรรจุผงแล้วท่านจึงนำสีผึ้งเจ้าจันทร์มาอุดปิดปากตะกรุด โดยพ่ออาจารย์ท่านได้ใช้ชนวนสีผึ้งล้วนๆไม่ได้ผสมสิ่งใด ท่านว่าให้เจ้าจันทร์เค้าไปสร้างบารมีร่วมกับคนที่มีทุกข์ เค้าจะได้มีบารมีมากๆ เรื่องความแรงท่านว่าไม่ต้องเอาอะไรเลยลำพังขี้ผึ้งเจ้าจันทร์นี่ก็แรงเอาเรื่องแล้ว เมื่อบรรจุขี้ผึ้งแล้วพ่ออาจารย์ท่านยังได้นำพลอยเสกทั้งบุษราคัมและเพชรน้ำค้างของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก มาฝังไว้ที่ปลายตะกรุดหัวท้ายอีกด้วย พลอยเสกที่ฝังชุดนี้เป็นของสำคัญมากเพราะท่านเคยนำไปให้หลวงปู่ดู่แห่งวัดสะแกอธิษฐานจิตให้ถึงไตรมาส และองค์หลวงปู่ดู่นี้ยังกล่าวถึงอานุภาพของพลอยเสกชุดนี้ว่า ทำให้ดีแล้ว เป็นสมบัติจักรพรรด์ทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เปรียบกับดวงแก้วจักรพรรด์เป็นเครื่องมงคลสุดที่จะอธิษฐานตามความปรารถนาสารพัดนึกของผู้บูชา ซ้ำบุษราคัมยังเป็นตัวแทนของความรักความร่ำรวยอีกด้วย ซ้ำหลวงปู่ดู่เองก็เคยพูดไว้ว่าบุษราคัมชุดนี้มีอานุภาพเช่นสมบัติจักรพรรด์ พ่ออาจารย์ว่าก็ถือว่าฝังเอาเคล็ดไว้ต่อไปจะได้ชื่อว่ามีสมบัติจักรพรรด์ติดตัวกัน ดึงดูดลาภสักการะบริวารน้อยใหญ่เข้ามาสู่ตนโดยง่าย ซ้ำอานุภาพของพลอยเสกที่หลวงปู่ดู่เสกนั้นย่อมมีมากกว่าเพชรพลอยธรรมดาอย่างแท้จริง มีความเชื่อว่าบุษราคัมนั้นช่วยทางด้านกำลังใจและการตัดสินใจและช่วยให้มองโลกในแง่ดี เป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์ ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ช่วยในเรื่อง การไหลเวียนของโลหิตบรรเทาอาการอักเสบของโรคทางเดินปัสสาวะ ปอด หวัด ช่วยเสริมพลังความคิดสร้างสรรค์


    พ่ออาจารย์ท่านว่าการที่นำพลอยเสกของหลวงปู่ดู่ทั้งบุษราคัมและเพชรน้ำค้างมาติดนั้น เปรียบกับการฝังอาถรรพ์จักรพรรด์ลงในตะกรุด ให้เจ้าจันทร์นั้นท่านมีอำนาจของแก้วจักรพรรด์อยู่ในตัวท่าน จะได้ดลบันดาลและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆที่ผู้ขออาราธนาได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ตามความต้องการ


    จะบูชาเจ้าจันทร์อย่างไรให้ได้ลาภผล ให้มีอานิสงค์มาก

    - พ่ออาจารย์ท่านว่าการบูชานั้นแบ่งออกเป็นสองอย่างทั้งอามิสบูชากับปฏิบัติบูชา ซึ่งการบูชานั้นก็ไม่ได้ยากเลย โดยการปฏิบัติบูชานั้นก็เป็นอุบายธรรมให้เราขวนขวายระลึกดี ทำความดีนั่นเอง ด้วยการหมั่นทำบุญ อุทิศบุญให้กับเค้า ง่ายๆแค่สวดมนต์แผ่เมตตา ทำจิตให้เป็นสมาธิเป็นกุศลชั่วครู่ชั่วคราวหนึ่งแล้วแผ่ออกไปเท่านี้ก็เป็นบุญแล้ว
    - อีกประการหนึ่งในกรณีขของสิ่งของทั้งหลายที่นำมาบูชา อันนี้ต้องรู้ว่าตะกรุดนี้เป็นของสำคัญเพราะมีพลังของเทพธิดาอยู่ด้วยกันถึงสองท่าน นั่นคือเจ้าจันทร์กับเจ้าแม่กาหลงรัง พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ถวายน้ำหอมท่านกับแป้งฝุ่น ถ้าเป็นหญิงสาวจะใช้แป้งพับแป้งผัดหน้าอะไรก็ได้ ในส่วนของแป้งนี้เมื่อถวายเสร็จแล้วก็ให้ขออนุญาติกับท่านเวลาจะออกไปใหนก็ให้เอามาใช้ทาหน้าทาตัว จะเสี่ยงโชคทำงานก็โรยมือถูมือสักเล็กน้อย พ่ออาจารย์ท่านว่าถวายท่านเรื่อยๆเถอะ ลำพังแป้งที่ถวายนี่ก็เป็นของดี เพราะเดี๋ยวท่านจะจัดการให้มันดีเอง


    คาถาบูชา
    เอหิจิตตัง มหาจิตตัง เจ้าจันทร์เทวีมามะ มานิมามา
    อธิษฐานสิ่งใดก็ตามให้นึกภาพสิ่งที่ปรารถนา ยกตะกรุดจบหัวเสร็จแล้วพูดกับตะกรุดว่าเจ้าจันทร์พามานะ(พาอะไรมาก็นึกเอา) เมื่ออธิษฐานแล้วก็ให้พุดกับตะกรุดบอกเจ้าจันทร์ว่าขอรับไว้นะ และได้รับแล้วนะ ท่านว่าเป้นเคล็ดในการอธิษฐานใจให้ได้ผลดี


    * ตะกรุดลืมตาอ้าปากเรียกรักกวักคน(เจ้าจันทร์พามานะ)นี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าก็ใช้ได้จริงตามชื่อตะกรุดนั่นแหละ ท่านสร้างไว้ทั้งหมดหกดอก ตามที่แผ่นจารเก่าวิชาหุ่นเรียกรักคู่สมพงษ์มีอยู่ เปิดให้สั่งจองเฉพาะทาง PM ท่านว่ารายการนี้ฉันจะเจิมเป็นสิริมงคลให้เพราะว่าไม่ต้องเสกไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว ของบูรพาจารย์ท่านแรงอยู่แล้วทำมาดีแล้วบอกกล่าวด้วยตัวเองกันได้เต็มที่เลย รายได้ร่วมสมทบทุนช่วยเหลือวัดทุรกันดารในถิ่นอุทกภัย ได้รับความลำบากจากภัยน้ำท่วม


    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดลืมตาอ้าปากเรียกรักกวักคน(เจ้าจันทร์พามานะ) บูชา 4,000 บาท


    456_145-1.jpg SAM_5468.jpg SAM_5467.jpg SAM_5469.jpg SAM_5472.jpg SAM_5475.jpg va_XE9_EMo_S8.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,096
    ค่าพลัง:
    +16,623

    พระปิดตา
    พอดีมีคนถามเกี่ยวกับเรื่องพระปิดตาเข้ามาให้อธิบายหน่อย ก็เลยหาประวัติมาลงให้อ่านกันเลย เพราะว่าเป็นพระที่มีหลายลักษณะ ก็ลองศึกษากันนะครับ ใช่ว่าพระปิดตาจะดีแต่เหนียวเก็บเงินไม่อยู่ตามความเชื่อผิดๆของหลายคน บางคนได้ยินคำว่าปิดก็เถียงคอแข็งแล้ว ว่ามีคำว่าปิดเอาเข้ามาจะดีกับชีวิตหรอเช่นนี้

    พระปิดตา พุทธคุณ นิยามคำว่าพระปิดตา

    พระปิดตาความจริงไม่มี แต่นิยมเรียกกันมานานจนชินปาก พระปิดตา ลักษณะขององค์พระท่านเป็นการยกพระหัตถ์ ปิดพระพักตร์ มิใช่ยกพระหัตถ์ปิดพระเนตร(ตา) แต่ปิดรวม ตา หู จมูก ปาก และดวงหน้าซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของกาย ส่วนใจเป็นนามก็ปิดโดยสมมุติ นับเป็นอาการสำรวมอายตนะ ๖ ประการ

    ชนิดของพระปิดตาแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด
    ๑. พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งยองความหมายเดิมคือพระโพธิสัตว์เจ้าในพระครรภ์ เรียกว่าพระมหาอุด หรือเป็นพระปิดทวารทั้งเก้าเต็มภาค ไม่มีคำเรียกอย่างอื่น
    ๒. พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งขัดสมาธิยกหัตถ์ปิดทวารทั้งเก้า ความหมายเดิมคือพระเจ้าเข้านิโรธ ควรใช้ศัพท์เรียกว่า “ภควัม”ไม่มีคำว่าพระนำหน้าและไม่มีคำบดีหรือปติตามหลัง จะเรียกภควันต์ก็ไม่ได้ เพราะคำศัพท์หมายถึงพระอิศวรหรือนามแห่งพระพุทธเจ้า ภควัม ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานหมายความถึงพระปิดทวารทั้งเก้าปิดตาคว่ำพระพักตร์ จนมีคำพังเพยว่า”หน้าคว่ำเป็นภควัมเจียวนะ”หมายถึงสาวแสนงอน มองไปหลายตลบ ก็ไม่พบพระปิดตาหน้าคว่ำคำราชบัณฑิตหมายถึง ผู้แปลบาลีท่านจะเป็นนักพระเครื่องด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ
    ๓. พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่น เป็นพระเมตตามหานิยมและลาภผล เรียกว่า “พระควัมปติ”พระปิดตาทั้ง๓ชนิดมีทั้งฝ่ายบู้ ฝ่ายบุ๋น ความหมายมิได้คล้ายคลึงกันเลย ยังมีบุคลบางท่านเข้าใจผิดคิดว่าเป็นประเภทเดียวกัน จำต้องสังคายนาให้เห็นชัดสักครั้ง เพราะมิผู้นิยม"พระปิดตา"กันมาก

    ๑. ๑ พระปิดตามหาอุดโดยสมบูรณ์นั่งยอง หรือพระเจ้าในครรภ์ สร้างโดยรูปแบบบุคคลาธิษฐานของการปิดทวารทั้งเก้า โดยจินตนาการรูปลักษณะของทารกในครรภ์ ซึ่งมีการปิดทวารโดยอัตโนมัติดังนี้
    ๑.๑.๑ ดวงตาทั้งสองต้องไม่มองสรรพสิ่งใดๆ(ปิด ๒ ทวาร)
    ๑.๑.๒ หูทั้งสองไม่รับฟังสรรพสำเนียงใดๆ(ปิด ๒ ทวาร)
    ๑.๑.๓ รูจมูกทั้งสองไม่ทำการหายใจ(ปิด ๒ ทวาร)
    ๑.๑.๔ ไม่เอ่ยปากเจรจากับผู้ใด(ปิด ๑ ทวาร)
    ๑.๑.๕ ทวารหนักเบาไม่ทำการถ่าย(ปิด ๒ ทวาร)

    ประวัติพระปิดตารวมทั้งสิ้นเป็นการปิดทวารทั้งเก้าทวารด้วยกัน ไม่เกี่ยวกับการอายตมะเท่าที่ค้นพบนิยมสร้างด้วยเนื้อตะกั่วเถื่อน เช่นพระของหลวงพ่อดำ วัดกุฎิ ปราจีนบุรี สร้างเป็นลักษณะก้อนกลม มีเท้าทังสองข้างโผล่ให้เห็นเพียงเล็กน้อย ดูคล้ายมิใช่องค์พระ นั่นแหละพระเจ้าในครรภ์ อายุยังน้อยประมาน ๓ เดือนเท่านั้น"พระปิดตา ปักเป้า" แสดงให้เห็นว่าสถิตอยู่ในครรภ์ พระปิดตากุมารในครรภ์ อาจารย์เจ๊ก พระปิดตาหลวงพ่อปาน วัดบางกระสอบ อาจารย์หลวงพ่อเชย พระปิดตาคุมโปง วัดท่าพระ เนื้อชินปรอท เนื้อผงคลุกรักพบบนเพดานพระอุโบสถวัดพระแก้ววังหลวง สร้างขึ้นที่วัดพระแก้ววังหน้า เนื้อดินผสมผงพบในกรุวัดราชนัดดา และอาจมีที่อื่นอีกพระเครื่องปิดตาในรูปแบบนี้ จะเรียกว่า ภควัม พระควัมปติ ไม่เป็นการถูกต้อง เรียกได้เพียงพระมหาอุดหรือพระปิดทวารทั้งเก้าเท่านั้น จึงจะตรงกับความหมาย"พระปิดตา"

    การสร้างพระปิดตากุมารในครรภ์ของพระอาจารย์เจ็ก ฐิตธมฺโม มีส่วนประกอบขององค์พระ ดังนี้
    ๑. รกหนา หมายถึง ส่วนที่เป็นฐานพระ นิยมขมวดเป็นรูปวงกลม หรือ แผ่นกลม วางไว้ใต้ก้น หรือ ใต้พระบาททั้งสองขององค์พระ
    ๒. รกบาง ไม่ปรากฏสัญลักษณ์ในรูปองค์พระ เนื่องจากเป็นส่วนที่บางใสอย่างอากาศธาตุที่ห่อหุ้มอยู่รอบองค์พระ จึงไม่จำเป็นต้องใช้สัญลักษณ์
    ๓. น้ำทัง หมายถึง ส่วนที่เป็นขมวดมวยอยู่บนพระเศียรขององค์พระ
    ๔. ลำไส้ หรือ สายสะดือ หมายถึง ส่วนที่เป็นเส้นที่ลากผ่านกลางหลังขององค์พระ จากด้านซ้ายไปด้านขวา หรือ จากด้านขวาไปด้านซ้าย หรือ เส้นที่ลากต่อจากขมวดมวยบนพระเศียรลงไปทางด้านหน้าจดกับสะดือ เพราะฉะนั้นสายสะดือกับขมวดมวยน้ำทังจึงเป็นส่วนที่ต่อเนื่องกัน
    พระคาถาประจำองค์พระ" คาถาพระปิดตา "
    อุมังคะลามหาสัมพุทธานัง ชะละมาลาติมาระภะเว พระคาถานี้ใช้บูชาพระเจ้าในครรภ์แล

    ๒.๑ พระปิดตานั่งขัดสมาธิ หรือพระเจ้าเข้านิโรธสมบัติ ผิดลักษณะจากทารกในครรภ์ ตามเหตุผลแล้วการเข้านิโรธ ไม่เป็นการปิดทวารอะไร อย่างน้อยยังมีอัสสาสะปัสสาสะ คือลมหายใจเข้า-ออก ยกเว้นเพียงไม่กล่าวคำพูดและไม่ฉันอาหารเท่านั้น อาจดื่มน้ำ เพราะความต้องการของร่างกาย มิเท่านั้น ยังมีการถ่ายหนักถ่ายเบาจากสิ่งที่ตกค้างหลง เหลือภายในร่างกายตามระบบการขับถ่ายและก็มิใช่นั่งเป็นตัวตอ ทั้ง ๗ วัน ๗คืน ก็ แปลรูปเป็นเนสัชชิกังไปในอิริยาบถสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน ล้วนเป็นการปฏิบัติสมาธิทั้งสิ้น การทำสมาธิแบบวิปัสสนาญาณ(มิใช่ฌาน)ล้วนตื่นเบิกบาน รู้ตัวทั่วพร้อม ประกอบด้วยสัมมาสมาธิ คือสมาธิลืมตาหรือสมาธิพุทธ ตามองเห็นเป็นรูป ตัวเป็นนาม ไปหลับตาแล้วจะรู้อะไร ส่วนสมาธิหลับตานั้นมิใช่สมาธิพุทธ เป็นมิฉาสมาธิ หรือสมาธิสากล ไม่เลือกลัทธิเป็นพวกไสยศาสตร์ ไสยะแปลว่านอนหรือหลับพุทธะแปลว่าตื่น การที่ พระพุทธโฆษาจารย์แห่งลังกาทรงนิพันธ์คัมภีร์วิสุทธิมรรค ว่าด้วยการปฏิบัติพระกรรมฐาน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง ๔๐ แบบ ล้วนนอกลัทธิพุทธทั้งสิ้น เพราะอะไรก็เพราะว่ากรรมวิธีนี้เกิดมาก่อนพุทธ และพระพุทธองค์ได้ทรงศึกษากรรมวิธีนี้จากพระอาจารย์สองท่านคืออุทกดาบถ รามบุตร อาฬารดาบส รามโคตร์ ซึ่งทั้งสองท่านมิใช่พุทธแต่เป็นโยคีศึกษาแบบนั่งหลับไปจนถึงอรูปฌานก็ไม่เห็นทางหลุดพ้น จัดเป็นเพียงสมถะมีสมาธิแต่ไม่ถึงขั้นปัญญา มีฤทธิ์สามารถแสดงออกได้ เพ่งกสิณก็ได้ เหาะเหินเดินฟ้ายังได้ เช่น คันธารีฤๅษีและพระเทวทัตซึ่งสำเร็จสมาบัติ ๘ คือรูปฌาม ๔ อรูปฌาม ๔ จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาเลื่อมใสของพระเจ้าอชาติศัตรูพระเทวทัตเหาะได้และแปลงกายเป็น พญานคาราชก็ได้ แต่ขั้นโสดาบันยังไม่ได้คือไปสร้างตัวยืด ไม่ทำตัวหลุด แต่ก็เป็น อุปการะในการทำเสโตสมาธิหรือกระทำวิปัสสนาไม่ต่ำช้าอะไร

    เมืองไทยเราพอเห็น ใครนั่งหลับตาหรือแสดงฤทธิ์ได้เล็กน้อย ก็ยกย่องเป็นพระอรหันต์เมื่อพระพุทธองค์ ปลีกตัวออกจากอาจารย์ทั้งสองท่านแล้ว ก็ทรงค้นหาทางดับทุกข์จนบรรลุพระอนุตร สัมมาสัมโพธิญาณจากนั้นพระองค์ท่านก็เสด็จออกไปยืนทอดพระเนตรสู่เบื้องบรูพาทิศ หรือทิศตะวันออก ลืมพระเนตรทั้งสองไม่กระพริบตลอด ๗ ทิวาราตี ไม่กลัวแดดเกรงตะวัน ปางนี้เรียกว่าปางถวายพระเนตร ท่านได้สอนไว้แล้วทำตัวอย่างให้ดูท่านผู้ใดยังสงสัยเรื่องสมาธิพุทธลืมตา ว่างๆย่องไปดูพระท่านเดินหลับตาหรือลืมตา เมื่อเดินลืมตานั่งก็ลืมตายืนก็ลืมตา นอนก็ลืมตาได้ เพราะอยู่ในอิริยาบถสี่หลับตานั้นเป็นวิธีของฤๅษี บรรลุฌาน ๘ ลืมตาเป็นวิธีของพุทธบรรลุญาณ ๑๖ แยกญาณกับฌามให้ออก พระเจ้าเข้านิโรธสมบัติส่วนใหญ่เป็นพระอรหันตาเจ้าเรียนรู้สมาธิพุทธตามคำสอนของพระบรมครู ท่านถือสายกลางอย่าไปคิดว่าเคร่งครัดแบบอัตกิลมถานุโยคะ ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตนเอง นั่งนานเมื่อยท่านก็ลุกยืนนานท่านเมื่อยท่านก็ออกเดินจงกลม เดินเมื่อยนักท่านก็นอนตะแคงแบบสีหไสยาสน์ตะแคงขวา เป็นการนอนแบบมีสติในการพิจารณาธรรม

    ถ้านอนตะแคงซ้ายเรียกว่ากามโภคี ใช้ไม่ได้การเข้านิโรธสมาบัติเป็นเพียงการเพิ่มตบะธรรม สำคัญที่สติ ตาก็ดูหูก็ฟัง ไม่ลืมตาแล้วจะไปพิจารณามหาภูตรูป คือธาตุทั้งสี่วัตถุแท่งทึบ โปร่งใสได้อย่างไรเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณรวมเป็นจิตตัวรู้และเป็นนาม จะรู้ตัวทั่วพร้อมได้อย่างไร เพียงแต่ว่าสิ่งที่ผ่านมากระทบอารมณ์จะพิจารณาในธรรมหมวดใด จะเป็นพระไตรลักษณ์ ทุกข์ อนิจจัง อนัตตา หรือพิจารณาในมหาสติปัถฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม เช่นกายก็สักแต่ว่าเป็นกายไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา ท่านจะใช้ธรรมสองหมวดยกขึ้นพิจารณา ที่กล่าวว่าวิญญาณ คือธาตุรู้เช่น จักขุวิญญาณ (ตา), โสตะวิญญาณ (หู), ฆานะวิญญาณ (จมูก), ชิวหาวิญญาณ (ลิ้น), มันจะไปรู้อะไรมันเป็นเพียงเจตะสิกจิต (จิตตังเจตะสิกกัง) ตาทำหน้าที่เพียงจับภาพแล้วส่งผ่านไปยังสัญญาจะบอกได้ว่ารูปอะไรภาพอะไร จะกล่าวเพียงว่าเห็นเป็นรูปตัว รู้เป็นนาม ได้ยินเสียงเป็นรูปรู้เป็นนามมันออกจะยากอยู่สักหน่อย

    เช่นนี้การเข้านิโรธสมาบัติก็ไม่ใช่การปิดทวารแน่(พระปิดตา) ในเมื่อพระคณาจารย์มีความประสงค์จะสร้างพระมหาอุด บางท่านก็แนะแนวกับช่าง บางท่านก็มิได้สนใจสุดแต่ช่างจะจัดการให้ จึงออกมาหลายรูปแบบตามความรู้ของช่าง จึงอย่าไปยึดติดในรูปเพราะพระมหาอุดหลายชนิดไม่มีการปิดตาเช่น พระพิจิตรหัวดง พระท่ากระดาน พระร่วงสนิมแดง พระหูยานลพบุรี พระท่ามะปราง ฯลฯ เป็นต้น

    ยังมีความเชื่อกันผิดๆว่าใครมีพระปิดตาแล้วจะขัดลาภขัดผล เช่นนี้ลองดูได้ ใครมีพระปิดตาวัดทองสุวรรณารามของหลวงพ่อทัพ และพระปิดตาวัดหนังของหลวงปู่เอี่ยม ไม่ต้องมีมากแค่อย่างละ 20องค์พอขอให้เป็นของแท้ ลาภผลจะไหลมาเทมาเรียกว่ารับเละแน่นอน ประเภทมีกูไว้ไม่จนเช่นกัน

    พระปิดตาแบบพระเจ้าเข้านิโรธปรมาจารย์ผู้ปลุกเสกมีเจตนาให้เป็นพระมหาอุด จะไปเรียกพระควัมปติไม่ได้ เรียก ภควัม พออนุโลม เรียกพระปิดตาก็ได้ เพียงระบุวัดด้วยรูปแบบแห่งบุคคลาธิษฐานอธิบายแล้ว มิใช่ปิดทวารทั้งเก้าส่วนมากค้นพบสร้างด้วยเนื้อเมฆสิทธิ์ เช่น พระปิดตาวัดอนงคาราม ของหลวงพ่อทับ เนื้อเมฆพัด ปิดตาวัดห้วยจระเข้ ของหลวงพ่อนาค พระปิดตาวัดพะเนียงแตก ของหลวงพ่อทา พระปิดตาหลุมดิน ของหลวงพ่อปล้อง มากมายจำไม่หวาดไม่ไหว พระปิดตาที่สร้างมีทั้งเนื้อสัมฤทธิ์เงิน สัมฤทธิ์ทอง

    ๓.พระปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่นเป็นองค์สมมุติ ของพระอรหันตาเจ้า แต่จะเป็นองค์ใดคงต้องพิจารณากันต่อไป มีความผิดแผกแตกต่างกับ พระปิดตาชนิดที่1 และพระปิดตาชนิดที่2 ทั้งรูปและนาม พระปิดตาสองแบบแรกรูปลักษณ์ไปคนละอย่าง อิทธิคุณออกไปด้านป้องกันคุ้มครอง ทั้งมิได้เป็นองค์แทนของผู้ใด ส่วนแบบที่3 ที่จะกล่าวถึงนี้ อิทธิคุณเน้นหนักไปในทางนิ่มนวล เมตตามหานิยม เสน่ห์ ลาภผล แคล้วคลาด การจัดสร้างเนื้อหาก็แตกต่างกัน ไม่นิยมใช้สัมฤทธิ์เงิน สัมฤทธิ์ทอง เมฆพัด เมฆสิทธิ์ ที่สร้างขึ้นส่วนมากประกอบด้วย เนื้อผงตัวยาคลุกรัก คือผงมหาราชหรือผงอิทธิเจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นผงวิเศษ ประเภทเมตตามหานิยมที่แกะด้วยไม้โพธิ์ กาฝากรักซ้อน บรรจุด้วยพระธาตุสิวลีห่อด้วยกระดาษสาลงพระยันต์ อุดด้วยขี้สูดดินราบ(ชันโรงใต้ดิน) ถ้าแกะด้วยรากชิงหายผี นำไปแช่น้ำมันจันทน์ เสกจนพระลุกขึ้นนั่ง พุทธคุณพระปิดตา เอาน้ำมันทาตัวล่องหนแล ที่แกะด้วยงาช้างและกระดูกสัตว์ก็พอมีอยู่ แต่ไม่เป็นการถูกต้องเทพสิงจะไม่สถิตในกระดูกสัตว์เดรัจฉานได้เพียงพลังจิตของผู้ปลุกเสกเท่านั้น ที่สร้างด้วยเนื้อโลหะส่วนมากเป็นพวกชินตะกั่ว ความมุ่งหมายของการสร้าง เป็นไปได้ทั้ง บุคคลาธิษฐาน และธรรมาธิษฐาน นิยมเรียกกันว่า “พระควัมปติ”

    พระควัมปติ หมายถึงพระอรหันต์รูปใดในตำนานพุทธสาวกกล่าวว่า ท่านคือพระควัมปติเป็นพระสาวกรุ่นแรกๆ ของพระพุทธองค์ ก่อนอุปสมบทดำรงฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีมีทรัพย์ ระดับเดียวกันกับ ยสมานพ(อ่านยะสะ) เป็นเพื่อนเกลอรักใคร่ชอบพอกันมาก ครั้งเกิดธรรมาพิสมัย จึงพร้อมใจกันอุปสมบทในสำนักของพระบรมศาสดา ภายหลังต่อมาได้บรรลุอรหันต์ทั้งสองรูปท่านพระควัมปติทรงเป็นเอตะทัคคะ 1 ในพระอรหันต์ผู้ทรงเอตะทัคคะ 80รูปในด้านอินทรีย์สังวร ท่านบรรลุซึ่งเตวิชโชหรือวิชชาสาม เชี่ยวชาญในอิทธิวิธี เชียวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน เคยใช้ฤทธิ์ห้ามกระแสน้ำในลำน้ำสรภู ซึ่งไหลเชี่ยวให้หยุดไหลได้ อาการที่สำรวมทั้งภายนอกภายในโดยเคร่งครัดสม่ำเสมอนี้ ทำให้เทพยดาแลมนุษย์พากันเคารพสรรเสริญ ต่อมาได้พากันสร้างรูปของท่านเพื่อสักการบูชาลักษณะการยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์จัดเป็นธรรมาธิษฐาน มิใช่บุคคลธิษฐาน เพราะการสำรวมอายะตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่จำเป็นต้องปิดหน้า"พระปิดตา" แต่เป็นการแสดงความหมายให้ทราบเท่านั้น

    ตำนานพระปิดตา อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า "พระปิดตา"ชนิดนี้คือพระมหากัจจายน์เถระเจ้า ปางอธิษฐานเนรมิตกาย ความเดิมมีว่าท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าท่านนี้ เป็นเอตะทัคคะในการขยายความย่อให้พิสดาร และเป็นผู้วางหลักสูตรพระบาลีมูลกัจจายน์ คือการสอนพระบาลีไวยากรณ์ในสมัยก่อน เกิดในวรรณะพราหม์ในสกุลกาญจนโคตร ประกอบผิวพรรณวรรณะ อาการแห่งลีลารวมทั้งวรกายละม้ายคล้ายองค์พระบรมศาสดาเจ้า หากดำเนินมาแต่ไกล ผู้คนมักจะจำผิดพากันคิดว่าพระพุทธองค์เสด็จและแม้แต่เทพยดาก็พากันหลงผิด ลีลาสง่างามยิ่งนัก เป็นที่เสน่หานิยมชมชอบของเทพยดาแลมนุษย์ชายหญิงทั้งหลาย และพากันถวายฉายาว่า “ควัมปติ” แปลว่าผู้มีวรกายแลละม้ายคล้ายพระศาสดา (ได้ค้นศัพท์ในพจนานุกรมแล้วไม่มีปรากฏ) ในกาลครั้งหนึ่งโสไรยเศรษฐีบุตร พ่อค้าวานิช ได้คุมกองคาราวานไปค้ายังเมืองไกล บังเอิญประจวบเหมาะได้พบเจอกับท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าก็คิดรำพึงอยู่ภายในไจว่า ภรรยาเรานะนับว่ามีความงามเป็นเลิศ ยังมิอาจเทียบเท่ากับสมณะท่านนี้ หากเราได้ภรรยาเช่นนี้จะปลื้มใจสักเพียงใด พอความนึกคิด สะดุดหยุดลง โสไรยเศรษฐีบุตรพลันกลับกายร่างเป็นเพศหญิงในทันทีทันใด บังเกิดความละอายยิ่งนัก หลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบประผู้คน ทั้งไม่ยอมหลับไปยังสถานที่อยู่เดิม ทอดทิ้งบุตรภรรยาและบิดามารดาให้รอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ สุดท้ายหมดเนื้อหมดตัว ไปได้สามีแลได้บุตร๒ คน รวมกับบุตรที่มีอยู่เดิม ๒ คน เป็น ๔ คน ยิ่งฟุ้งซ่านใหญ่กาลเวลาผ่านมาหลายปี จนกระทั้งอยู่มาวันหนึ่งนางก็ได้เห็นท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้า ออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ นางจรึงจัดภัตตาหารพร้อมด้วยขันใส่ข้าวสุก ไปคอยดักใส่บาตร และกราบทูลความเป็นไปให้ทราบ อ้อนวอนให้ท่านพระมหากัจจายนะเจ้าจงโปรดช่วยเหลือ ท่านมหากัจจายนะเถระเจ้าจรึงนัดพบหลังจากเสร็จจากการบิณฑบาตและกระทำภัตตกิจเรียบร้อยแล้ว ท่านกล่าวว่านึกไม่ถึงและไม่มีเจตนาแต่ประการใดเพียงแต่มีข้อแม้ว่าหากท่านช่วยอธิษฐานกลับเพศให้ได้ดังเดิมแล้ว โสไรยเศรษฐีบุตร ต้องอุปสมบทเป้นพระภิกษุในพระบวรพุทธศาสนาโสไรยเศรษฐีบุตรจึงตกลงรับคำ และกลับเพศให้สมปรารถนาท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าทรงเป็นอุปัชฌาย์อุปสมบทให้โดยเรียบร้อย ภายหลังต่อมาพระโสไรย ได้บรรลุอรหัตตผล

    ท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าจึงทรงรำพึงว่า อันความสวยความจนทำให้เทพยดาแลผู้คนพากันใหลหลงเป็นของมีโทษ เรียกว่ากามวิตก เป็นหนทางแห่งการมัวหมองเราควรจะแปรเปลี่ยนสรีระเสียใหม่ให้สิ้นซึ่งความสง่างาม รำพรึงดังนั้นแล้วท่านก็ทรุดองค์ลงนั่งคู่บรรลังก์ยกหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์ อธิษฐานเนรมิตวรกาย ให้มีรูปร่างอ้วนเตี้ยม้อต้อมีอุทรอันพลุ้ยสิ้นซึ่งความสง่างามลักษณะเช่นนี้เรียกว่า บุคคลาอธิษฐาน มิใช่ธรรมาอธิฐาน ท่านผู้อ่านจะยึดในธรรมาธิษฐานหรือบุคคลธิษฐาน หรือจะเชื่อเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งก็สุดแต่ใจเถิด ล้วนเป็นของประเสริฐทั้งสิ้น ปรัศนีนี้มักนำปัญหาค้านแย้งมาให้ขบคิด ปัญญาจะได้แตกฉานพระอรหันต์ตามที่กล่าว นี้เป็นคนละองค์ ปรากฏในตำนานพุทธสาวก แลทรงเอตะทัคคะไปคนละแนว ถ้าหากเป็นองค์เดียวกันปัญหาจะไม่ยุ่งยาก แต่อย่างไรก็ตาม ท่านพระควัมปติ เป็นพระนามตรงและเรียกกันมาแต่โบราณกาลแล้ง สำหรับการแนะแนวถ้าเรานึกบุคคลาธิษฐาน ท่านก็คือ พระมหากัจจายนะเถระเจ้าถ้าเราคิดไปในแง่ธรรมาธิฐาน ท่านก็คือ พระควัมปติคิดไปได้สองแง่สองมุม หรือสองนัยะอย่าไปคิดฟุ้งสร้านติดยึดในรูปนาม นามะ รูปังทุกข์นามารูป์อนิจจ์ นามารูปังอนัตตา

    สรุปคำว่าพระปิดตา ชนิดของพระปิดตาแบ่งออกเป็น 3ลักษณะ
    1.พระปิดตามหาอุด โดยสมบูรณ์เรียกว่าพระปิดทวารทั้งเก้า นั่งยองหรือพระเจ้าในครรภ์ พระปิดตากุมารในครรภ์
    2.พระปิดตานั่งขัดสมาธิยกหัตถ์ปิดทวารทั้งเก้า ความหมายเดิมคือพระเจ้าเข้านิโรธ ควรใช้ศัพท์เรียกว่า “ภควัม” ปิดตานั่งขัดสมาธิ หรือพระเจ้าเข้านิโรธสมบัติ ผิดลักษณะจากทารกในครรภ์ ตามเหตุผลแล้วการเข้านิโรธ ไม่เป็นการปิดทวารอะไร
    3.พระปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่น เป็นพระเมตตามหานิยมและลาภผล เรียกว่า “พระควัมปติ”
    พระปิดตา ถึงจะแบ่งตามลักษณะที่กล่าวมาแต่ พุทธคุณในองค์พระ(พระปิดตา)อาจจะไม่เป็นแบบที่กล่าวมาเสมอไปอยู่ที่พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างจะบรรจุพุทธคุณอธิษฐานจิตให้พระปิดตามีพุทธคุณตามที่ท่านต้องการ

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...