ร่างกายนี้เหมือนอุจจาระในถุงผ้าแพร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 29 เมษายน 2020.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,289
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    KrubaJaopetreVachiramano.jpg
    ร่างกายนี้เหมือนอุจจาระในถุงผ้าแพร
    “… เรามองแต่แค่คอขึ้นไปจนหัว หัวจรดศรีษะเท่านั้น มองแค่เรือนร่าง มองแต่รูปร่าง มองแต่ทรวดทรงองเอว มันมองแค่นั้นมันหยาบเกินไป มันต้องมองมองให้เห็นภายใน มันเหมือนกับผ้าแพรที่ใส่อุจจาระ ถุงผ้าแพรที่ใส่อุจจาระ ใครจะเอาไปกอด ใครจะเอาไปจับ จับมันก็มีความเหม็นติดมานั่นแหละ ผ้าแพรที่ใส่อุจจาระที่เรียกว่าขี้เนี่ย ถ้ามองไม่ออกไปเย็บผ้าแพรมาผืนหนึ่ง เอาขี้ใส่ลงไปในผ้าแพร แล้วก็มัดถุงให้ดี มันเหม็นไหมล่ะ เอาน้ำหอมไปฉีดดับกลิ่นซักหน่อย พอหลายๆ วันมันก็ยิ่งเหม็นมาก คืออายุยิ่งมากมันก็ยิ่งมีกลิ่นออกมา กลิ่นคนแก่ ไอ้กลิ่นคนหนุ่มคนสาวมันก็กลิ่นหนึ่ง กลิ่นขี้ใหม่ ไม่มีอะไรหรอกมันกลิ่นขี้ใหม่ มันก็ยังว่ากลิ่นมันก็ยังดูดี มันเหมือนอาหารมีกลิ่นมันไม่เหม็นมาก พอมันค้างคืนเท่านั้นเป็นยังไง มันแก่ขึ้น พอค้างสองคืนสามคืนสี่คืน หนึ่งอาทิตย์เป็นยังไง โอ้โห ออกมามันดำ แข็งอีกต่างหาก แล้วกลิ่นมันก็แรงกว่ากลิ่นขี้วันแรก พูดให้ฟัง แล้วอยู่ในผ้าแพรมันเป็นอย่างไรล่ะ มันแข็งกระด้างมันไม่นิ่มเหมือนกลิ่นขี้ใหม่คือกลิ่นหนุ่มกลิ่นสาว จับแล้วมันก็นุ่ม มันก็นิ่มเพราะอะไรล่ะ มันกินวันนี้มันถ่ายวันนี้ มันก็ยังอุ่นๆ อยู่ คนหนุ่มคนสาวจึงเลือดร้อนมันอุ่นแบบนี้

    พอนั่งเปรียบอุจจาระกับถุงผ้าแพรที่ใส่แล้ว โอ้มันปลงไปหมด มันเห็นไปหมด ที่เทศน์ไม่ใช่หยาบนะ มันคือความจริง เทศน์ให้เห็นความจริง กิเลสภายในมันจะได้รู้ ว่ากิเลสมันหยาบก็ต้องใช้ธรรมหยาบเข้าไปแก้กัน พอพิจารณาไปเรื่อยๆ มันจะสวยยังไง ผ้าแพรมันก็เริ่มมีความสกปรก อุจจาระมันเริ่มซึมแทรกออกมาตามรูซอกผ้าที่ทอ แล้วมันก็เกิดเกราะกรังขึ้นมา มันก็เหมือนกับคนที่มีอายุมาก มันก็มีรอยย่น รอยเหี่ยว รอยตกกระต่างๆ นานา อะไรทั้งหมดมันก็คืออุจจาระมันทะลักออกมา

    นี่แหละพวกเราทุกคนที่นั่งอยู่นี่ก็ส้วมซึมเดินได้ ส้วมซึมนั่งอยู่ ถังขี้ทั้งนั้นแหละ มันไม่มีอะไรแหละ ไม่ว่าหญิง ไม่ว่าชาย มันก็ถังขี้ ถังส้วมทั้งนั้น เดินไปขี้ก็เดินไป นั่งก็ขี้นั่ง นอนขี้ก็นอน ยืนขี้ก็ยืน มันถุงขี้ทั้งนั่นน่ะทุกคน มันจะไปยึดอะไร ให้น้อมเข้ามาที่จิตนั่นล่ะ เอาจิตมาพิจารณาร่างกายของตัวเราเองนั่นแหละ ไม่ต้องไปพิจารณาร่างกายของบุคคลอื่น มองดูตัวเราทั้งวันทั้งคืน ยืน เดิน นอน นั่ง ไม่จากไป มองเห็นตามความเป็นจริง เพราะเราหลง เรามายึดก็เพราะไอ้ร่างกาย เรามาเกิดก็เพราะไอ้ร่างกายนี่แหละ ในใจมันก็รู้ว่าเรายังละกายนี้ไม่ได้ เรายังลุ่มหลงกายนี้

    กามราคะเป็นของร้อนนัก ไม่มีอะไรมันก็เกิด มีอะไรมันก็เกิด มีสิ่งกระทบก็เกิด ไม่มีสิ่งกระทบก็เกิด เพราะกามราคะยังไม่หมดไปจากหัวใจของเรา เมื่อกามยังไม่หมดความขุ่นข้อง ความโกรธก็ยังไม่หมด ความโกรธกับกามมันอยู่คู่กัน ละความโกรธได้ กามก็เบาบาง ละกามราคะได้ ความโกรธก็เบาบาง ดูเหมือนความโกรธจะไม่มีเลยด้วยซ้ำไป เพราะความโกรธกับกามมันเป็นของใกล้กันมาก ละอย่างหนึ่งอีกอันหนึ่งก็หมดกำลัง ละอีกอันหนึ่งอีกอันนึงก็หมดกำลัง ไอ้สองอันที่มีกำลังได้เพราะโมหะ โมหะคือความหลงว่าตอนนี้มีกามก็ไม่รู้ตัวว่ามีกาม หรือรู้ตัวว่ามีกามแต่ไม่รู้วิธีกำจัดกาม มีความโกรธอยู่แต่ไม่รู้ตัวว่าเราโกรธว่าเราขัดเคือง หรือรู้ก็ทำเป็นไม่รู้ก็มี หรือมีความโกรธอยู่แต่ไม่มีปัญญาดับความโกรธก็เรียกว่าโมหะ โมหะแปลว่าหลงไม่รู้จริง หลงไม่รู้สิ่งนี้โกรธอยู่ หลงไม่รู้ว่าจะดับโกรธยังไง โมหะจึงเป็นของละเอียดมองเห็นได้ยาก เป็นของอยู่ภายในลึกๆ รวมอยู่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเรานั่นแหละ เราทั้งตัวเราก็เป็นโมหะหมด ยังไม่รู้ทั้งนั้น ...”

    ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อเพชร วชิรมโน
    เทศน์อบรมคณะศิษย์ ณ ศาลาโรงครัวเก่า (13/7/62)
     

แชร์หน้านี้

Loading...