ลป.บุญหัวเขา ลพ แช่มดอนยายหอม ลป .เริ่ม จุกกะเฌอลป.อินทร์กลางคลองสี่

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1701357793078.jpg
    FB_IMG_1701358872619.jpg
    พระครูนิพัทธ์ธรรมาภรณ์ นามเดิม พันธ์ นามสกุล บุญยอด นามฉายา สุมโน นามโยมบิดา นายดี บุญยอด นามโยมมารดา นางกลม บุญยอด ชาติกาล เกิดวันศุกร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีชวด ตรงวันที่ 9 เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2467 ณ บ้านนาแปะ-บ้านห่อง หมู่ที่ 9 บ้านเลขที่ 14 ตำบลตาโกน อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ
    การศึกษาเบื้องต้น
    เมื่อปฐมวัยอายุถึงเกณฑ์การเข้าโรงเรียนประถมศึกษาก็ไม่ได้เข้าเรียนเหมือนเด็กทั่วไป เนื่องจากสถานการศึกษาของรัฐยังจัดการให้ไม่ทั่วถึง การคมนาคมก็ไม่สะดวก สถานการศึกษายังอยู่ไกลกันดารมาก คนในรุ่นนั้นสมัยนั้นจะไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้าโรงเรียนระดับประถมศึกษา แม้ว่าจะมีอายุเข้าเกณฑ์เรียนหนังสือในระดับประถมศึกษา นอกจากพ่อแม่ผู้ปกครองจะนำเด็กเหล่านั้นไปฝากตัวไว้กับอาจารย์ตามวัดต่าง ๆ จึงจะมีโอกาสเรียนหนังสือ คนรุ่นนี้จึงปรากฏว่า บางคนอ่านหนังสือไม่ออกเป็นส่วนใหญ่ ที่อ่านได้เขียนได้เพราะไปเรียนหนังสือที่วัดเป็นส่วนมาก จึงปรากฏว่า คนรุ่นนี้ในบ้านนอกอ่านหนังสือไม่ออก หลวงพ่อก็เช่นเดียวกันไม่ได้เข้าโรงเรียน ในระหว่างนั้นก็อยู่ช่วยบิดามารดาทำนาอยู่หลายปี หลังจากนั้นบิดาได้นำไปฝากเข้าเรียนอักษรสมัยที่วัดใกล้เคียงบ้านจนสามารถเรียนรู้อักษรสมัยวิธีมีการเล่าเรียนกันอยู่ในชนบทในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี ยามว่างยามสิ้นทำนาก็ได้เข้าวัดอยู่บ่อย
    ตำบลเสียว อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้บ้านหลวงพ่อ ได้ศึกษาอักษรไทย พร้อมทั้งอักษรขอมเป็นวลาหลายปี ได้เป็นศิษย์พระอธิการบุญมา เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม ทำวัตรสวดมนต์รับใช้พระอาจารย์มาโดยตลอด
    การบรรพชา
    ในปีพุทธศักราช 2483 อายุนับได้ 16 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 10 ตุลาคม 2483 มีเจ้าอธิการบุญมา เป็นพระอุปัชฌาย์ วัดบ้านสามขาเจ้าคณะตำบล ตำบลเสียว อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ บรรพชา ณ วัดบ้านสามขา ตำบลเสียว อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษนี้เอง บรรพชาเป็นสามเณรแล้วได้อยู่วัดบ้านสามขา ศึกษาพระปริยัติธรรม ศึกษาภาษาไทยและภาษาขอม ซึ่งในสมัยก่อนนั้นการเทศน์มหาชาติทุกวัดจะมีการเทศน์โดยภาษาขอมเป็นส่วนมาก จะห
    าหนังสือที่เป็นภาษาไทยเหมือนปัจจุบันนี้ได้ยาก หลวงพ่อจึงได้ศึกษาอยู่ที่วัดนี้มาจนถึงกาลอุปสมบทร่วมเวลา 4 ปี

    อุปสมบท
    ในปีพุทธศักราช 2487 อายุหลวงพ่อ
    ครบ 20 ปีพอดี ได้อุปสมบทต่อจากการ
    เป็นสามเณรโดยมิได้สิขาลาเพศเป็น
    ฆราวาสแต่ประการใด ได้อุปสมบทเป็น
    พระภิกษ ณ พัทธสีมา วัดบ้านตาโกน
    ตำบลตาโกน อำเภออุทุมพรพิสัย
    จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อ วันอาทิตย์ ขึ้น 14
    ค่ำ เดือน 7 ปีวอก ตรงกับวันที่ 4 เดือน
    มิถุนายน พุทธศักราช 2487 โดยมีเจ้า
    อธิการบุญมา วัดบ้านสามขา เจ้าคณะ
    ตำบลเสียว อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัด
    ศรีสะเกษ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหา
    สิงห์ ฉายา
    วัดศรีสวาสดิ์
    (ปลาซิว) วัดบ้านตาโกน ตำบลตาโกน
    อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ
    เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และมีพระครู
    พุทธิธรรม ฉายา เขม?กโร วัดโนนลาน
    ตำบลเป๊าะ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัด
    ศรีสะเกษ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้
    รับนามฉายาในทางพุทธศาสนาว่า " สุม
    โน " อุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัด
    สามขา ตำบลเสียว อำเภออุทุมพรพิสัย
    จังหวัดศรีสะเกษ โดยศึกษาพระปริยัติ
    ธรรมเป็นเวลา
    ปีต่อจากนั้นก็
    ได้ย้ายจากวัดสามขาไปอยู่ ณ วัด
    ม่วงสามสิบ ตำบลม่วงสามสิบ อำเภอ
    ม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานีเพื่อ
    ศึกษาพระปริยัติธรรมและบาลีเป็นเวลา
    5 ปี
    ในระยะนี้หลวงพ่อได้ทราบข่าวว่าที่ใดมี
    สำนักเทศน์ดัง ๆ จะพยายามไปศึกษา
    ในสถานที่ต่าง ๆ เช่น จังหวัดขอนแก่น
    เคยเดินทางไปแถวปักใต้เพื่อหาที่
    ปฏิบัติ จนในช่วงพรรษาที 11 หลังออก
    พรรษาแล้ว หลวงพ่อได้เดินทางมา
    เยี่ยมญาติที่หนองสะเอิ้ง ตำบลสาย
    ลำโพง อำเภอท่าตะโก จังหวัดนคร
    สวรรค์ ได้พักอยู่ที่นันกับญาติ ๆ บรรดา
    ญาติโยมทางบ้านเขาล้อทราบข่าวนี้จึง
    ปรึกษาหาลือกันนิมนต์หลวงพ่อมาอยู่ที่
    วัดเขาล้อ เพราะที่วัดเจ้าอาวาสว่างพอดี
    หลวงพ่อจึงรับนิมนต์ตามศรัทธาของญ
    าติโยมบ้านเขาล้อ นับแต่พรรษาที่ 12
    หลวงพ่อจึงได้อยู่จำพรรษาที่วัดเขาล้อ
    โดยรับภารธุระด้านการศึกษา การ
    ปกครอง การเผยแผ่ การก่อสร้างปฏิสั
    งขรณ์ ปรับปรุงมาโดยตลอดจนถึง
    ปัจจุบันนี้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อพันวัดเขาล้อท่าตะโกนครสวรรค์ 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231130_223626.jpg IMG_20231130_223707.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2023
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    หลวงพ่อคง จตฺตมโล.jpg
    หลวงพ่อคง จตฺตมโล ท่านมีนามเดิมว่า คง นามสกุล บุญเอก ท่านถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2456 ซึ่งตรงกับวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู ณ หมู่บ้าน โนนพุดซา ตำบลกระชอน อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
    โยมบิดาของท่านมีนามว่า ดี โยมมารดามีนามว่า แจ้ง นามสกุล บุญเอก ซึ่งมีอาชีพกสิกรรมทำนาทำไร่ ท่านถือกำเนิดเกิดมาเป็นทายาทคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน จนถึงปัจจุบันนี้ ก็มีแต่พวกน้อง ๆ ที่เป็นหญิง ซึ่งมีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนั้นถึงแก่กรรมไปตามกาลเวลา
    ในการการศึกษา ในปฐมวัยหลวงพ่อเคยเป็นเด็กวัดหัดเรียนเขียนอ่านอักษรธรรม อักษรขอมและอักษรไทยในระยะเวลา 2 ปี แต่จำต้องมาช่วยบิดามารดาในการประกอบอาชีพกสิกรรมทำไร่ไถนา
    ต่อมาเมื่ออายุครบกำหนด 20 ปี จึงได้มีการเข้าวัดไปเป็นนาค แล้วได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยติธรรมอยู่เป็นเวลา 3 พรรษา และได้ขออนุญาติจากโยมบิดามารดา เพื่อเดินทางลงมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ แต่ท่านก็ไม่ได้รับอนุญาติจากโยมบิดามารดา ท่านจึงไม่มีโอกาสเดินทางลงมาศึกษาเล่าเรียนดังที่ตั้งใจไว้
    ดังนั้นท่านจงลาสิขาจากเพศบรรพชิตออกไปดำรงวิถีชีวิตอยู่ในเพศฆราวาสวิสัย ซึ่งในที่สุดท่านก็ได้แต่งานมีครอบครัวไป โดยตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ท่านมีบุญธิดารวมทั้งหมด 7 คน แต่ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ 1 คน จึงยังคงเหลือบุตรธิดาที่มีชีวิตอยู่ต่อมาเพียง 6 คนเท่านั้น ซึ่งทุกคนต่างก็ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นหลักปักฐานไปหมดทุกคนแล้ว
    ต่อมาในช่วงเวลาที่หลวงพ่อคง ท่านยังอยู่ในเพศฆราวาส ในปี พ.ศ. 2504 นั้น ก็ได้มีพระคุณเจ้า หลวงพ่อพระมหาธนิต ปญญาปสุโต ปธ.9 นักวิปัสสนาจารย์ชื่อดังได้เดินธุดงค์มาและ ได้เข้าจำพรรษาสอนวิปัสสนาแก่ญาติโยม อุบาสกอุบาสิกาและพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่อยู่วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชสีมา ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อคงยังเป็นอุบาสก คง อยู่นั้นเอง ท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้น้อมกายใจ เข้าไปรับการปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อมหาธนิตอย่างเคร่ง ครัดอยู่เป็นเวลา ถึง 7 ปี
    เมื่อมีศรัทธาแก่กล้า อุบาสกคง บุญเอก จึงได้ตัดสินใจสละเหย้าเรือน ออกไปมอบกายถวายตนเข้ารับการอุสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาอีกหน ณ พัทธสีมา วัดบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 12 เพื่อพฤษภาคม พ.ศ. 2511 โดยมีพระเดชพระคุณท่านคุณ พระปทุมญาณมุนี วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัด นครราชสีมา เป็นพระอุปชฌาย์ ซึ่งเป็นผู้ทำการอุปสมบทให้
    ต่อมาหลังจากออกพรรษแล้ว ตกมาถึง ปี พ.ศ. 2516 หลวงพ่อได้ดำรงปฏิปทาเป็นพระป่าออกสัญจรธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรอยู่ เรื่อยมาจนถึงลุถึงซึ่งดินแดนถิ่นป่าใหญ่ มวลหมู่พฤกษาร่มรื่นน่าอภิรมย์ ซึ่งเป็นสถานที่ถูกกกับจริยาวัตรสำหรบนักปฏิบัติธรรมในการเจริญภาวนากรรมฐาน หลวงพ่อคงท่านได้เข้าอาศัยอยู่ถ้ำพระอรหันต์ ตามนิมิต ได้ทำการเจริญจิตภาวนา แล้วก็เลยอยู่จำพรรษา ณ สถานที่วิเวกแห่งนั้น ในพรรษที่ 6
    และแล้วหลวงพ่อคงท่านก็ได้ยึดสถานวิเวกแห่งนั้นในการปฏิบัติธรรมอยู่จำพรรษา เรื่อยมาจนถึงกาลเวลามรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2536 ณ โรงพยาบาลศิริราช อายุรวมกัน ได้ 80 ปี 9 เดือน 3 วัน 26 พรรษา
    ซึ่งสถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่อที่หลวงพ่อคง ธุดงค์มาพบตามนิมิตนั้น มันเป็นสถานที่มีสมญานาม ตามที่พุทธศาสนกชนทั้งหลายได้รู้จักกันแล้วในปัจจุบันว่า เขาสมโภชน์ ซึ่งเป็นธรรมสถานแห่งการปฏิบัติธรรมนามอุโฆษ สำหรับพุทธ ศาสนิกชน คนทั่วประเทศได้หลั่งไหลกันมาชุมนุมปฏิบัติธรรมชื่นชมพุทธบารมี พระเจ้าเปิดโลกกับอย่างคับคั่งในปัจจุบันนี้
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1617

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญแปดเหลี่ยมหลวงพ่อคงวัดเขาสมโภชน์ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231201_201648.jpg IMG_20231201_201611.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    รูปหล่อหลวงพ่อสมพรวัดถ้ำเนินพระปรางค์อำเภอชุมแสงจังหวัดนครสวรรค์
    รุ่นปาฏิหาริย์๑
    ลองหาอ่านประวัติ วัดและหลวงพ่อตามโลกออนไลน์ครับ
    ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231201_203523.jpg IMG_20231201_203556.jpg IMG_20231201_203452.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1701498506442.jpg
    พระกริ่งนเรศวรเมืองหาง รุ่นพิเศษ ปี ๒๕๓๕
    ที่ระลึกครบรอบ ๔๐๐ ปีวันสวรรคต พระกริ่งรุ่นนี้ออกที่วัดไชยสถาน สารภี แต่มาปลุกเสกที่สถูปพระนเรศวรเมืองงายครับ
    พิธีมหาพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ ณ พระสถูปเจดีย์พระนเรศวรมหาราชานุสรณ์ เมืองงาย วันที่ 3 พฤษภาคม 2535
    รายนามคณาจารย์ชื่อดัง ปลุกเสกจำนวนมาก ดังนี้
    ครูบาน้อย วัดบ้านปง
    ครูบาอินสม วัดทุ่งน้อย
    ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี
    หลวงปู่สิม พุทธจาโร วัดถ้ำผาปล่อง
    หลวงพ่อสสุมโณดาบส สำนักอาศรมเวฬุวัน เชียงราย
    ครูบาผัด วัดศรีดอนมูล
    หลวงพ่อครูบา อูธัมมะวังสะ วัดห้วยใส้ (ไทใหญ่) เมืองหาง ประเทศพม่า
    หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล
    อีกทั้งยังมีคณาจารย์ชื่อดังอีกบางส่วนทำพิธีประจุลงอักขระ และปลุกเสกแผ่นโลหะ
    อาทิ ครูบาน้อย วัดบ้านปง
    ครูบาอินสม วัดทุ่งน้อย
    หลวงปู่คำตัน วัดสันทรายหลวง
    หลวงปู่สิม พุทธจาโร
    หลวงพ่อดาบส สุมโณ
    หลวงพ่อครูบาชัยวงศ์ วัดนาหวายไทยใหญ่
    ครูบาแสงหล้า วัดพระธาตุสายเมือง พม่า
    อาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญวิเวก
    ครูบาเทือง วัดบ้านเด่น
    พิธีใหญ่ พิธีดี วาระดี หาไม่ง่ายครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพอย่างสูงครับ
    พระกริ่งนเรศวรเมืองห่างให้บูชา 1200 บาทครับ
    IMG_20231202_133725.jpg IMG_20231202_133837.jpg IMG_20231202_133910.jpg IMG_20231202_133704.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้ จัดส่ง
    1701506405794.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    thongr.jpg
    https://palungjit.org/threads/หลวงปู่ทองดำ-วัดท่าทอง-อุตรดิตถ์-เถระ-๕-แผ่นดิน-ลูกบุญธรรมของหลวงพ่อ%E
    0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99.285526/page-6


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลวงปู่ทองดำวัดท่าทองผงแป้งเสกหลังติดจีวรยันต์ประจำตัวหลวงปู่สำเร็จสมปรารถนา ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231204_002956.jpg IMG_20231204_002935.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้จัดส่ง
    1701680351097.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1265350279.jpg

    ประวัติหลวงปู่ผล พอสังเขปครับ
    พระครูอาทรพิทยคุณ ชื่อเดิมของท่านคือ ผล นามสกุล แสงโสภา บิดาเป็นคน อยุธยา มารดาเป็นคนจังหวัดนครปฐม อาชีพทำนา มีพี่น้อง 8 คน ท่านเป็นคนสุดท้อง
    ท่านเกิดปีขาล วันเสาร์ ขึ้น 24 ค่ำ เดือน12 พ.ศ. 2433
    ท่านอุปสมบท พันธเสมา วัดเทียนดัด
    โดยมีพระอาจารย์แสง วัดนางสาว เป็นพระอุปปัชฌาย์
    พระอธิการคง วัดนางสาว เป็นพระกรรมวาจารย์
    พระปลัดใจ วัดเชิงเลน เป็นพระอนุสาวจารย์
    ต่อมาได้ไปศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดมหาธาตุ โดยอาศัยพำนักอยู่ที่วัดระฆังโฆษิตาราม ธนบุรี เมื่อสอบได้
    นักธรรมชั้นตรีแล้วก็ได้มาเป็นครูสอนปริยัตธรรมที่วัดเทียนดัด และ วัดต่างๆหลายวัด เพราะสมัยนั้นหาครูผู้รู้ยากมาก ท่านได้ไปๆมาๆที่วัดระฆังเสมอ เพราะท่านต้องการเรียนวิชาต่างๆ โดยเฉพาะการเรียนวิปัสสนากรรมฐานท่านก็สนใจเป็นอย่างดี นอกจากนั้นท่านเป็นพระที่ชอบไขว่เรียนรู้วิชาต่างๆไม่ว่าจะเป็น คาถาอาคม และวิชาไสย์เวทต่างๆ
    และที่สำคัญท่านเป็นพระสหายธรรมกับ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม อีกด้วยครับ
    สมัยที่ท่านยังหนุ่มๆ ท่านไปมาหาสู่กับหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมเพื่อสนทนาธรรม และแลกเปลี่ยนวิชาต่างๆ โดย หลวงพ่อเงิน บางทีท่านได้ไป เรียนชาเพิ่มเติมจากอาจารย์ใด ก็มักชวนหลวงพ่อผล วัดเทียนดัดไปด้วยเสมอ โดยท่านทั้ง 2 รูปนี้สนิทกันมากครับ
    หลวงพ่อผล ก่อนที่ท่านจะบวชก็ได้ศึกษาวิชาขอม และ วิชาต่างๆ จากโยมพ่อ และอาจารย์ ทำให้ท่านเป็นพระที่มี อาคม ก่อนที่ท่านจะบวชเสียอีก เมื่อสมัยที่ท่านยังหนุ่มๆ ได้มีลูกศิษย์ มาขอขึ้นครูให้ท่านสัก
    ซึ่ง ก็มีประสบการณ์ทางด้าน ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก มานักต่อนัก ทำให้หน่วยราชการ มาขอให้ท่านหยุดสัก เพราะสมัยนั้น พวกโจรเสือ เยอะมาก ท่านก็เลยหยุดสัก นับแต่นั้นมา (หลวงปู่ท่านได้นำเข็มสักโยนลงไปในบ่อเลี้ยงเต่าใกล้ริมน้ำหน้าวัด แต่หลังท่านมรณะแล้ว ได้มีชาวบ้านไปงมหากันหลายครั้งแต่ก็ไม่พบเข็มสักของหลวงปู่เลย เป็นที่น่าแปลก)
    ปาฏิหาริย์บารมีหลวงปู่
    บอกเสือโจรให้กลับใจ
    ในสมัยนั้นพวกเสือโจรเยอะมาก ได้มีกลุ่มเสือโจรระแวกบางกระทึก และวัดเทียนดัด ได้รวมกลุ่มกันเพื่อที่จะเข้าปล้น บ้านคหบดี แถววัดเทียนดัด แต่ยังไม่ทันปล้น ก็เกิดฝนตกหนัก พวกโจรกลุ่มนั้นได้เข้ามาหลบฝนในวัดเทียนดัด ขณะนั้นเอง พวกโจรกำลังประชุมเรื่องแผนปล้น หลวงพ่อผลก็เดินมาได้ยินพอดี จึงได้ขอร้องบอกให้พวกโจรกลุ่มนั้นให้เลิกปล้นกลับตัวเป็นคนดีซะเถอะ เพราะจะทำให้เขาเดือดร้อนมันเป็นบาปกรรม และให้ล้มเลิกความตั้งใจเสีย และหลวงพ่อก็ได้สอนธรรมให้กับพวกโจรกลุ่มนั้น จนพวกโจรกลุ่มนั้นได้กลับใจ ส่วนใครที่ไม่ฟังที่หลวงปู่สอน ส่วนมากติดคุกหมด
    ปราบจรเข้ หน้าวัด
    สมัยก่อนนั้นที่หลวงปู่ผลมาจำพรรษาที่วัดใหม่ๆ หน้าน้ำวัดเทียนได้เป็นท่าน้ำลึก จึงมักมีจรเข้ มาอาศัยอยู่เป็นประจำ จนทำให้ชาวบ้านกลัวและเดือดร้อน พวกชาวบ้านจึงไปขอให้หลวงพ่อผลช่วย หลวงปู่ผลจึงถามชาวบ้านว่า เคยเห็นตัวจรเข้ไหม ชาวบ้านบอกเคยเห็นครับ มันมีขนาดตัวใหญ่มาก พวกผมกลัวมันจะขวางเรือทำให้เรือคว่ำ ไม่ช้า มันก็กัดกินชาวบ้านแน่ๆ หลวงพ่อผลจึงบอกว่า มันก็อยู่ของมันที่ท่าน้ำนี้ แต่ก็ไมได้ทำอะไรใครไม่ใช่เหรอ ชาวบ้านก็บอกว่า ถึงยังงั้นยังไงพวกผมก็กลัว ขอให้หลวงพ่อผล ช่วยด้วยเถอะครับ หลวงพ่อผลจึงรับปาก
    หลังจากชาวบ้านกลับไปหมดแล้ว หลวงพ่อก็ได้เดินไปที่ท่าน้ำ ของวัดและก็ได้ร่ายคาถาอาคมที่ได้เรียนมา ประมาณ5นาที จรเข้ก็ตวักน้ำโผล่หัวขึ้นมา น้ำกระจาย หลวงพ่อผลเลยได้แผ่เมตตาจิตให้มัน และบอกกับมันว่า(นับแต่นี้ต่อไป ขออย่าได้ไปปรากฏตัวให้ใครเห็นเพราะเขากลัวกัน ถ้าจะอาศัยอยู่หน้าวัด อยู่ได้ปรากฏตัวให้ใครเห็นอีก เพราะเขากลัว ทำให้เดือดร้อนจะเป็นบาป หากหิวก็ ให้โผล่หัวมา และจะให้พระเณรที่พบเห็น หาอาหารมาให้กิน ) ซึ่งก็น่าแปลกใจ เวลาจรเข้หิวก็มักจะโผล่หัวมา ให้พระเณรเห็นและ พระเณรก็จะหาอาหาร เท่าที่หาได้มาให้มันกินอยู่เสมอ
    ประสบการณ์ ทางด้านวัตถุมงคล ก็มีให้เห็นจนเป็นที่ศรัทธาของชาวเทียนดัดและคนในระแวกนั้น มีทั้งคนที่ถือคลิสและพุทธต่างกับนับถือหลวงพ่อเป็นที่พึ่งเสมอ เพราะคนแถวนั้น เป็นคริสก็เยอะ แต่ก็ศรัทธาหลวงพ่อไม่ต่างจากชาวพุทธเลย เพราะท่านเป็นผู้เปี่ยมเมตตา และเมื่อใดมีคนมาขอบูชาวัตถุมงคลท่าน ท่านก็จะสอนธรรมมะเสริมให้อีก
    ท่านบอกว่า วัตถุมงคลของท่านสร้างเพื่อ
    1.ทำให้คนเข้าวัด พระจะได้มีโอกาศสั่งสอน
    2.แขวนพระแล้วจะได้มีจิตละลึกไม่ได้ทำความชั่ว
    3.เพื่อคุ้มภัย (ถ้าเชื่อว่าคุ้มได้เพราะมั่นใจ)
    4.จะได้นำปัจจัยมาพัฒนาวัดให้เจริญๆ
    หลวงปู่ผลท่านมรณะภาพโดยอาการอันสงบ เมื่อเวลา4.00 (ตี4) วันพฤหัสบดี ที่ 14 มกราคม 2532 อายุ94 ปี ณ โรงพยาบาลบางไผ่
    ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ อนุสรณ์ 101 ปี หลวงพ่อผล วัดเทียนดัด
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลวงปู่ผลวัดเทียนดัดให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231204_211603.jpg IMG_20231204_211626.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2023
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1701704741940.jpg
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๕๑ วันพฤหัสบดี ตรงกับวันวิสาขบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปี วอก ที่ตำบล ม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี โยมบิดา ชื่อ นายวิง พรหมวงษ์ โยมมารดา ชื่อ นางฟัก พรหมวงษ์ มีพี่น้องรวมกัน ๗ คน เป็นชาย ๒ คน เป็นหญิง ๕ คน หลวงปู่ใบ เป็นบุตรคนที่ ๕ ในตระกูลพรหมวงษ์ เรียนหนังสือที่วัดตึกราชา
    บรรพชาเป็นสามเณร
    พออายุได้ ๑๐ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร อยู่ที่วัดตึกราชาอยู่ ๖ พรรษา พออายุได้ ๑๕ ปีได้ลาสิกขาจากสามเณรไปช่วยบิดาทำนา
    การอุปสมบทครั้งแรก
    พออายุได้ ๒๑ ปี ได้อุปสมบทที่วัดตึกราชา โดยมี พระครูเกศีวิกรม (หลวงพ่อพูล) เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรีเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อไป๋ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์แก้วนพคุณ เป็นกรรมการวาจาจารย์ หลวงพ่อช่วงเจ้าอาวาสวัดตึกราชา เป็นอนุสาวนาจารย์ ขณะที่อุปสมบทได้ศึกษาปริยัติธรรม และสอบได้นักธรรมชั้นตรี และนักธรรมชั้นโท กับได้เป็นครูปริยัติธรรมให้แก่พระภิษุสามเณร ในนักธรรมศึกษาชั้นตรี และชั้นโทด้วย
    ได้ไปศึกษาพระธรรมวินัย กับหลวงปู่ฉาย สุวรรณสโร ณ วัดป่าธรรมโสภณ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นเวลา ๑ ปี
    ขณะอยู่ที่วัดตึกราชาได้ไปศึกษาวิชาหมอดูจากหลวงปู่สุดอยู่ 3 ปี หลวงปู่สุดนี้เป็นพระสงฆ์ที่มาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสังฆราชาวาส
    เมื่อหลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม อุปสมบทอยู่ได้ 5 พรรษาก็ต้องลาสิกขาออกมาช่วยบิดามารดาทำนา แต่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอุปสมบทอีก โดยได้ไปทำการลาสิกขากับพระครูเกศีวิกรม เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี หลวงปู่พูดกับพระครูว่า “เมื่อผมมีความร่ำรวยผมจะใช้ตำราหมอดูนี้ช่วยเหลือประชาชน โดยไม่คิดเงินทอง” ในระหว่างที่มาช่วยบิดาทำนา ก็ได้รับประโยชน์มากอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นการทำนา หรือพืชไร่
    ชีวิตพ่อค้า
    ในระหว่างนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นเข้ามาอยู่ในประเทศไทยจำนวนมาก และเป็นช่วงที่เศรษฐกิจ บางอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลง หลวงปู่ใบได้ใช้เวลาว่างในระหว่างการหยุดทำนา เป็นพ่อค้าซื้อน้ำตาลจากห้วยกรด จำนวน ๖๐๐ ถึง ๗๐๐ ไห ราคาไหละ ๑ บาท บรรทุกเรือนำไปขายทางเทศเหนือ เช่นที่ คลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ขายราคาไหละ หกสลึง หรือ เจ็ดสลึง ขายหมดแล้วเมื่อขาล่องก็ซื้อกล้วยไข่ประมาณ ๓,๐๐๐ หวี มีขี้ไต้ น้ำมันยาง บางครั้ง ก็ซื้อเรือล่องลงมาขายด้วย ปีหนึ๋ง ๆ ขายได้ประมาณ ๔ เที่ยว
    เมื่อมีเงินมากพอก็สามารถซื้อนาได้ ๓๗ ไร่ และปลูกเรือนขึ้นใหม่อีก ๒หลัง มีเรือไว้ใช้ ๓ ลำ หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม พูดเสมอ ๆ ว่าทำอะไร ๆ ได้มักได้ผล เกิดจากความมหัศจรรย์
    เมื่อทางบ้านมีหลักฐานมั่นคงแล้ว หลวงปู่ใบ คิดอุปสมบทอีกจึงบอกความประสงค์กับบิดา แต่บิดาไม่ยอมให้อุปสมบท โดยบิดาพูดว่า เจ้าเป็นคนสร้างฐานะให้พ่อแม่ต้องการให้หลวงปู่ใบเป็นผู้รักษาทรัพย์สมบัตินั้นต่อไป และต้องการให้หลวงปู่มีภรรยาเป็นหลักฐาน ต่อมาได้ทำการมงคลสมรสกับ นางสาวสังวาลย์ อายุ ๒๔ ปี ขณะนั้นหลวงปู่อายุ ๒๙ ปี มีบุตรหญิงหนึ่งคนชื่อ คุณมานะ ( พรหมวงษ์ )ต่อมาแม่สังวาลย์ พรหมวงษ์ ได้ถึงแก่ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ได้ ๓๑ ปี ขณะนั้นหลวงปู่อายุได้ ๓๖ ปี
    ปลูกกระท่อมอยู่เพื่อความสงบ
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม (ขณะนั้นยังเป็นฆราวาสอยู่)ได้ปลูกกระท่อมอยู่ที่หางคลอง ขณะนั้นแม่สังวาลย์ พรหมวงษ์ ยังมีชีวิตแต่การที่ไปอยู่ที่นั่น เพื่อผลแห่งการปฏิบัติธรรม เพื่อความสงบของท่าน และเพื่อสะดวกกับบรรดาลูกศิษย์ และผู้ที่มีความประสงค์จะมาพบท่าน
    ทำบุญต่ออายุ
    เมื่อหลวงตามีอายู ๘๐ ปี (ยังเป็นฆราวาสอยู่) ได้มีการทำบุญต่ออายุ โดยมีมหาประมวลเจ้าคณะอำเภอเมือง เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ พร้อมด้วยคณะลูกหลาน
    การอุปสมบทครั้งที่ ๒
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้อุปสมบทที่วัดพิกุลทอง ตำบลพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๓๓ ขณะที่มีอายุ ๘๓ ปี
    โดยมีพระธรรมมุนี (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระครูสุจิตตานุรักษ์ (หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระครูโพธาภิวัฒน์(หลวงพ่อกลอ วัดโพธิ์ลังกา) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม เมื่อได้อุปสมบทแล้วได้มาจำพรรษาอยู่ ณ วัดตึกราชา ขณะนี้ร่างกายของหลวงปู่ใบชราลงมากแล้วแต่ยังช่วยผู้มีความทุกข์ ความเดือดร้อน ได้บ้างพอสมควร
    หลวงตาอาพาธ
    ต่อมาหลวงปู่ใบมีอาการอาพาธหลายครั้ง บางครั้งต้องเข้าโรงพยาบาล ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๓๘ หลวงปู่ มีอาการอาพาธมากกว่าทุกครั้ง สาเหตุมาจากความชรา ช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ ต้องมีคนคอยพยาบาลช่วยเหลือ แต่หลวงปู่ใบมีสติดีตลอด และก็มีผู้มาเยี่ยมและผู้มาขอให้ช่วยเหลือมิได้ขาด โดยหลวงปู่ใบก็มิได้ปฏิเสธ พยายามช่วยเหลือทุกรายไป
    หลวงปู่ใบ ละสังขาร
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้ละสังขารวันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เวลา ๐๘.๔๗ น. การละสังขารของหลวงปู่ใบครั้งนี้นำความอาลัยเศร้าโศกมาสู่บรรดาศิษย์ และผู้ที่เคารพรักใคร่หลวงปู่เป็นอย่างมาก
    บำเพ็ญประโยชน์
    ในระหว่างที่หลวงปูใบมีชีวิต ได้บำเพ็ญประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนา คือ
    ๑. จัดผ้าป่าสามัคคี ช่วยสร้างสะพานข้ามแม่น้ำในวัดบางพึ่ง และศาลาข้างสะพาน จ.ลพบุรี พ.ส. ๒๕๒๘ จำนวนเงิน ๑,๐๑๒,๔๒๙.๐๐ บาท
    ๒.เป็นประธาน สร้างสะพานข้ามแม่น้ำลพบุรี หน้าวัดตึกราชา ปี พ.ศ. ๒๕๓๙
    ๓.ที่วัดตึกราชา ได้บูรณะซ่อมแซมและก่อสร้างหลายสิ่งหลายอย่างเช่น ซ่อมแซมอุโบสถหลังเก่า และก่อสร้างเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ ทำถนนภายในวัด และรั้ว
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้สร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ไว้ในวัดตึกราชา ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดลสิงห์บุรี สูง ๙ วา ๖ ศอก ๓ คืบ ที่ฐานประเจดีย์หล่อรูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาสวัดตึกราชา จำนวน ๖ องค์ ไว้โดยรอบฐานพระเจดียนั้นหลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้พูดว่าต้องใช้กระเเสจิตตรวจอยู่หนึ่งพรรษา เมื่อเข้ามาในกระเเสจิตดูว่าเป็นพระที่ไม่จับต้องเงินทองทั้งสิ้น เช่นเดียวกับ หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม หลวงปู่ใบก็ไม่จับต้องเงินทอง ผู้ใดจะทำบุญกับหลวงปู่ใบ หลวงปู่ใบจะใช้บาตรรับ หรือใครจะทำบุญหลวงปู่ก็ให้ใส่ลงในบาตร
    หลวงปู่ทั้ง ๖ องค์ ที่อยู่รอบฐานเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ คือ
    ๑. หลวงปู่ทวด เฒ่า
    ๒.หลวงปู่ทวด สุข
    ๓.หลวงปู่ทวด คำ
    ๔.หลวงปู่ทวด น้อย
    ๕.หลวงปู่ทวด ช้าง
    ๖.หลวงปู่ทวด บุญ
    หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม เป็นประธานในการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุที่ยอดเจดีย์ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๓๗ ก่อนบรรจุพระสารีริกธาตุ มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และมีผู้มาร่วมส่งน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุ เป็นจำนวนมาก
    เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุนี้สิ้นค่าก่อสร้างไป ๑,๑๘๓,๔๑๘.- บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นสามพันสี่ร้อยสิบแปดบาทถ้วน) เป็นเงินที่ได้รับบริจาคจากศรัทธาของบรรดาศิษย์ และผู้ที่เลื่อมใสในหลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม โดยมิได้ประกาศเชิญชวนหรือแจกซองแต่อย่างใด
    เหรียญรุ่น๑ (ฆราวาส) เหรียญรุ่น๒ (พระภิกษุ)
    ขนาดเหรียญฆราวาส เล็กกว่าเหรียญตอนบวชเป็นพระภิกษุ
    วัตถุมงคลพระเครื่อง พระบูชา รูปหล่อ เหมือนหลวงปู่ใบ และยังมีพระเครื่อง ชนิดผงและชนิดเหรียญด้วย จากการร้องขอของลูกหลาน บรรดาศิษย์ยานุศิษย์ และผู้คนที่เคารพรักศรัทธาในตัวท่าน เพื่อเก็บไว้กราบไหว้บูชาตลอดไป
    ขอขอบพระคุณ
    อาจารย์หนุน ทำนอง
    ร้านเมืองพรหม ๒/๓ ถ.ประชาวิถี อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี โทร ๐๓๖๔๔๑๕๑๙
    จากหนังสือที่ระลึก งานประชุมเพลิง หลวงตาใบ ฐิตธมฺโม วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ณ วัดตึกราชา ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี
    คณะผู้จัดทำหนังสือประวัติหลวงตาใบ ฐิตธมฺโม
    คุณสมเกียรติ เหลืองดิลก
    อ.ดำรงค์ ปิ่นทอง
    อ.หนุน ทำนอง
    อ.นิด
    อ.หน่อง
    คุณสำราญ ทรงเดชะ
    เฮียเลิศ
    เฮียสุข
    เฮียหม่าน
    เพจ ตาใบ พรหมวงศ์
    ที่ให้ความอนุเคราะห์ข้อมูลในการเผยเเพร่ มาณ.ที่นี้ด้วยครับ
    1701704809193.jpg

    จากหนังสือที่ระลึก งานประชุมเพลิง หลวงตาใบ ฐิตธมฺโม วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ณ วัดตึกราชา ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี
    ข้อความบันทึกส่วนหนึ่งของอาจารย์หนุน ทำนอง เขียนถึงหลวงปู่ใบ พรหมวงษ์
    ข้าพเจ้าได้รู้จักหลวงปู่ใบ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๗ เมื่อครั้งอยู่ที่กระท่อมหางคลอง และได้ไป-มาเยี่ยมหลวงปู่ใบตลอดมา และบางครั้งมาพบท่านก็ด้วยปัญหาทางครอบครัว เมื่อพบหลวงปู่ใบ ท่านได้ให้การแนะนำให้ปฏิบัติแล้วได้ผลดี
    เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘ ข้าพเจ้าปลูกต้นตะไคร้หอมไว้รับประทาน แต่ตะไคร้หอมได้เจริญงอกงาม ลำต้นสูงมีช่อ เรียกว่าตะไคร้ออกดอก ข้าพเจ้าเก็บตะไคร้ไว้บูชา ข้าพเจ้าจึงได้นำเรื่องปลูกตะไคร้หอมแล้วออกดอกไปเล่าให้หลวงปู่ฟัง (ขณะนั้นหลวงปู่ใบ ยังเป็นคฤหัสถ์ อยู่ที่กระท่อมหางคลอง) หลวงปู่ใบได้ส่งกระแสจิต ไปที่บ้านข้าพเจ้า ไปตรวจดูตะไคร้ออกดอก แล้วหลวงปู่ใบพูดกับข้าพเจ้าว่า ที่ดอกตะไคร้มี ๓ สี ตอนบนเป็นสีขาว ตอนกลางเป็นสีเหลือง ตอนล่างเป็นสีเขียว แล้วหลวงปู่ใบ พูดต่อไปว่าข้าฯจะตรวจต่อไปอีก เทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตะไคร้ พูดกับหลวงปู่ว่า ให้ดูแค่นี้ยังไม่พออีกหรือ และเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ถามหลวงปู่ว่า เคยเห็นที่ไหนมาบ้าง
    หลวงปู่ใบพูดว่า ตะไคร้มีดอก ถ้าเอามาทำพระใครมีไว้จะไม่อดอยาก ต่อมา ข้าพจ้าได้นำตะไคร้มีดอกไปให้หลวงปู่ใบที่กระท่อม จำนวน ๒ ต้น หลวงปู่ใบผสมทำพระแบบพระสิวลีเมื่อครั้งอยู่ที่บ้าน
    ตะไคร้หอมกอนี้ออกดอกปีละครั้ง ในระหว่างเข้าพรรษาถึงออกพรรษา คือ พ.ศ.๒๕๒๘,พ.ศ.๒๕๒๙, พ.ศ.๒๕๓๐ เป็นเวลา ๓ ปี ติดต่อกัน
    เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ข้าพเจ้าไปเยี่ยมหลวงปู่ที่วัดตึกราชา(ช่วงนี้หลวงปู่บวชแล้ว เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๓๓ ) เมื่อไปถึงหลวงปู่พูดว่า กำลังนึกอยากได้ต้นตะไคร้มาทำพระ(พระเครื่อง) เพราะมีคาถาอยู่บทหนึ่งที่ใช้ปลุกเสกได้เฉพาะพระที่มีต้นตะไคร้ออกดอกผสมอยู่ด้วยเท่านั้น และคาถานี้เป็นคาถาที่ตกทอดกันมา ๒ ชั่วอาจารย์แล้ว
    วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๓ ข้าพเจ้าได้นำตะไคร้ออกดอกไปถวายหลวงปู่ จำนวน ๓ ต้น พร้อมด้วยช่อดอกแต่ละต้นสูง ๓ เมตรเศษ หลวงปู่ได้เอาต้นตะไคร้ผูกไว้กับต้นเทียนเข้าพรรษาซึ่งตั้งอยู่ที่หัวนอนของท่าน ท่านพูดว่าจะทำพระ(พระเครื่อง) จำนวน ๒ ต้น อีกต้นหนึ่งจะเก็บไว้ให้เขาดูกัน และหลวงปู่พูดต่อไปว่า เริ่มเสกผงไว้บ้างแล้ว และกำลังเสกผงหลายอย่างเป็นส่วนผสม
    ความดีของหลวงปู่ใบ เมื่อครั้งยังเป็นคฤหัสถ์ อยู่กระท่อมหางคลอง หลวงพ่อแพ เขมังกโร วัดพิกุลทอง เคยไปหาหลวงปู่ที่กระท่อม หลวงปู่ได้ปูเสื่อต้อนรับหลวงพ่อแพ หลวงพ่อแพพูดกับหลวงปู่ใบว่า เป็นผู้มีศีลนั่งด้วยกันได้ ต่างกันที่คนละสีเท่านั้นและยังได้บอกกับหลวงปู่ใบ ให้เก็บเครื่องบูชาไว้อย่าเอาไปทิ้ง เช่น ดอกบัวหรือธูปเทียนที่ใช้แล้ว หลวงพ่อแพ ท่านจะเอาไปผสมทำพระ(พระเครื่อง)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่น 2 หลวงตาใบให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231204_225712.jpg IMG_20231204_225741.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2023
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘ ข้าพเจ้าปลูกต้นตะไคร้หอมไว้รับประทาน แต่ตะไคร้หอมได้เจริญงอกงาม ลำต้นสูงมีช่อ เรียกว่าตะไคร้ออกดอก ข้าพเจ้าเก็บตะไคร้ไว้บูชา ข้าพเจ้าจึงได้นำเรื่องปลูกตะไคร้หอมแล้วออกดอกไปเล่าให้หลวงปู่ฟัง (ขณะนั้นหลวงปู่ใบ ยังเป็นคฤหัสถ์ อยู่ที่กระท่อมหางคลอง) หลวงปู่ใบได้ส่งกระแสจิต ไปที่บ้านข้าพเจ้า ไปตรวจดูตะไคร้ออกดอก แล้วหลวงปู่ใบพูดกับข้าพเจ้าว่า ที่ดอกตะไคร้มี ๓ สี ตอนบนเป็นสีขาว ตอนกลางเป็นสีเหลือง ตอนล่างเป็นสีเขียว แล้วหลวงปู่ใบ พูดต่อไปว่าข้าฯจะตรวจต่อไปอีก เทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตะไคร้ พูดกับหลวงปู่ว่า ให้ดูแค่นี้ยังไม่พออีกหรือ และเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ถามหลวงปู่ว่า เคยเห็นที่ไหนมาบ้าง

    หลวงปู่ใบพูดว่า ตะไคร้มีดอก ถ้าเอามาทำพระใครมีไว้จะไม่อดอยาก ต่อมา ข้าพจ้าได้นำตะไคร้มีดอกไปให้หลวงปู่ใบที่กระท่อม จำนวน ๒ ต้น หลวงปู่ใบผสมทำพระแบบพระสิวลีเมื่อครั้งอยู่ที่บ้าน

    ตะไคร้หอมกอนี้ออกดอกปีละครั้ง ในระหว่างเข้าพรรษาถึงออกพรรษา คือ พ.ศ.๒๕๒๘,พ.ศ.๒๕๒๙, พ.ศ.๒๕๓๐ เป็นเวลา ๓ ปี ติดต่อกัน

    พระสมเด็จผงดอกตะไคร้หลังยันต์นะหน้าทอง หลวงตาใบให้บูชา 600 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231204_225809.jpg IMG_20231204_225833.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2023
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1701706917565.jpg
    ประวัติหลวงพ่อโชติ คุณสัมปันโน (พระเทพสุทธาจารย์) วัดวชิราลงกรณ์ ท่านเป็นพระสายกรรมฐาน ลูกศิษย์ของหลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ และหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ท่านระลึกชาติได้ครับ เรื่องของหลวงพ่อโชตินี้เป็นเรื่องฮือฮามากในยุคนั้น แม้แต่พระชั้นผู้ใหญ่ระดับสมเด็จพระสังฆราชยังทรงมีพระบัญชาให้เข้าไปเล่าถวายเลย และบันทึกเรื่องไว้ ....ท่านเกิด(พ.ศ.2451) มาจากท้องแม่วันแรกก็ระลึกได้ชัดเจนเลยว่าตนเองเป็นอดีตพี่ชายของแม่ของตนเองในชาติปัจจุบันก่อนหน้านั้นตนเองถูกฆ่าตายจิตเป็นห่วงน้องสาวจึงมาหาน้องสาวที่บ้านซึ่งขณะนั้นน้องสาวยังเริ่มตั้งครรภ์อ่อนๆ รู่สึกคล้ายถูกดูดเข้าในท้องน้องสาวทันทีเดี๋ยวนั้น ตอนที่เป็นทารกน้อยๆรู้สึกอึดอัดมากอยากจะพูดบอกความจริงแต่พูดไม่ได้เพราะยังแบเบาะอยู่มาก พอเริ่มได้ขวบกว่าหรือสองขวบเริ่มพูดได้ก็บอกแม่เลยว่าเป็นใคร ปรากฎว่าถูกตีแทบแย่ เพราะคติคนโบราณจะกลัวคนระลึกชาติได้ ถ้ารู้ว่าเด็กคนไหนระลึกชาติได้ จะบังคับทุบตีห้ามพูดอีก จนนานๆเข้าเด็กก็ค่อยๆลืมไป รู้สึกคล้ายเป็นความฝันไป แต่หลวงพ่อโชติไม่ลืมจนกระทั่งเติบโต และพูดเหตุการณ์ชาติที่แล้วและพิสูจน์หลักฐานทุกอย่างได้สมบูรณ์ทุกประการ เรื่องนี้มักจะเป็นเรื่องเล่าในหมู่ผู้ปฏิบัติเสมอ (มรณภาพ พ.ศ.2517)

    สืบหาพระเครื่องดี
    พระเทพสุทธาจารย์ (หลวงปู่โชติ คุณสมฺปนฺโน)
    January 5, 2017 Ampol Jane ระลึกชาติ, หลวงปู่โชติ
    ผมได้ยินและได้ฟังอุโฆษแห่งชื่อเสียงหลวงปู่โชติ คุณสมฺปนฺโน แห่งวัดวชิราลงกรณวราราม และวัดถ้ำไตรรัตน์มานานแล้ว เป็นแต่ว่าไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสบุญบารมีของท่านด้วยตนเองมาก่อน เนื่องจากว่าในเวลารุ่งโรจน์แห่งชีวิตของท่านนั้นผมยังนึกไม่ออกว่าผมมัวไปอยู่ไปทำอะไรอยู่ข้างไหน
    เช่นเดียวกับหลวงปู่แหวน, หลวงปู่ฝั้น, หลวงปู่ขาว, หลวงปู่ตื้อ, หลวงปู่ดูลย์, ครูบาพรหมจักร, พระอาจารย์วัน, พระอาจารย์จวน และอีกหลายๆองค์ ผมก็ไม่ได้สัมผัสกราบไหว้ คงเพียงสดับกิตติศัพท์แห่งคุณงามความดีของพวกท่านอยู่อีกฟากโลกเท่านั้น
    จะบอกว่าบุญน้อยก็เบาบางไป ไม่ตรงนัก ต้องใช้คำว่าผมยังโง่อยู่จึงใกล้เคียงความจริง
    เพราะฉะนั้นเรื่องราวของหลวงปู่โชติที่ผมจะได้นำมาขยายต่อไปนี้ จึงเกิดขึ้นจากกการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง จะรับรองแข็งขันว่าทุกเรื่องตรงความจริงที่สุดก็ไม่ถนัดนัก อาจมีคลาดเคลื่อนอยู่บ้างเป็นธรรมดา ด้วยเหตุว่าทุกเรื่องล้วนแต่เกิดขึ้นจากการบันทึกตามปากผู้เล่า แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามย่อมต้องมีมูลเค้าอันแน่แท้สอดแทรกอยู่เหมือนกัน ผู้อ่านเมื่ออ่านแล้วขอให้พิจารณากันไป จะปักใจเชื่อได้แค่ไหนก็สุดแท้แต่ความเหมาะควร
    ผมได้รู้สึกว่าใกล้ชิดเรื่องราวของหลวงปู่โชติเข้าบ้างก็ตอนที่ได้กราบหลวงตาจิรศักดิ์ ฐิตธมฺโม ที่วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ เมื่อปีกลาย หลวงตาจิรศักดิ์เป็นหลานของหลวงปู่โชติมาหลายปีและได้เมตตากรุณาแก่ผมตามสมควร ได้เล่าเรื่องหลวงปู่โชติให้ฟังนิดหน่อย และได้เมตตาส่งข่าวคราวของท่านเองให้ผมอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง แม้คราวที่ท่านออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือโดยเดินทะลุเข้าเมืองแม่ฮ่องสอน ท่านก็ส่งข่าวของท่านให้ผมทราบทางจดหมายโดยตลอด ผมยังสำนึกในเมตตากรุณาของท่านอยู่เสมอไม่ลืม
    นึกไว้ในใจทุกขณะที่ระลึกได้ว่าจะได้กราบท่านอีกครั้งหนึ่งที่ไหนสักแห่ง และในอนาคตข้างหน้า ท่านก็จะได้เป็นที่พึ่งแก่ผมยามแก่เฒ่าอีกองค์หนึ่ง
    ถ้าหลวงตาได้อ่านได้ทราบนัยแห่งหัวใจผมแล้ว ผมหวังในเมตตากรุณาของหลวงตาจงมีแก่ผมตลอดไปเหมือนเดิม
    หลวงตาจิรศักดิ์ได้กรุณาล่าเรื่องหลวงปู่โชติในส่วนที่เป็นการระลึกชาติของหลวงปู่โชติ และได้มอบหนังสือที่หลวงปู่โชติเขียนถึงการระลึกชาติแก่ผมฉบับหนึ่ง ซึ่งผมได้นำลงตีพิมพ์ไปแล้วในภาคประวัติของหลวงปู่ดลย์ อตุโล โดยจบสิ้นสมบูรณ์ ผู้อ่านสามารถย้อนไปค้นอ่านได้
    เรื่องการระลึกชาติของหลวงปู่โชตินั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเด่นที่สุดในชีวิตของท่าน ซึ่งท่านได้เขียนเองเล่าเองทั้งหมดด้วยเต็มปากและใจ ผมเคยเอาพระเครื่ององค์หนึ่งให้เพื่อนดู เขาถามว่าพระของใคร เมื่อบอกว่าของหลวงปู่โชติ ปากช่อง เขาก็ร้องอ๋อ…องค์ที่ระลึกชาติได้ นั่นย่อมโชว์ให้เห็นว่าเรื่องระลึกชาติของท่านเป็นที่รู้จักแพร่หลายจริง ๆ
    ยังมีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งรู้จักกันแพร่หลายไม่แพ้การระลึกชาติ คือเรื่องห้ามพายุให้สงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่ทราบแน่ชัด แต่เล่ากันว่าขณะที่ท่านกำลังอบรมสั่งสอนภิกษุสามเณรในวัดหนึ่ง โดยอบรมอยู่บนศาลาใหญ่ ขณะนั้นเกิดลมพายุพัดตรงมา หักโค่นทำลายต้นไม้และสิ่งปลูกสร้างล้มระเนระนาดเป็นทางมา ท่านก็หยุดการอบรมพระเณรไว้อึดใจหนึ่ง ชี้นิ้วสวนทางไปยังพายุลูกนั้น ปรากฏว่าลมจัดจ้านหยุดนิ่งลงทันที
    การห้ามพายุให้หยุดนี้เท่าที่ทราบปรากฏว่ามีเกิดขึ้น 2 ครั้ง ครั้งที่สองเกิดขึ้นตอนที่ท่านเริ่มลงมือสร้างศาลาวัดวชิราลงกรณวรารามใหม่ ๆ มีลมพายุรุนแรง เช่นเดียวกัน ท่านก็ได้ชี้นิ้วไปที่พายุลูกนั้นเหมือนเคย ผลปรากฏว่าพายุสงบนิ่งลงทันที สงบอยู่นานนับ 10 นาทีเห็นจะได้ แต่อย่างไรไม่ทราบท่านก็หยุดชี้นิ้วลง ทำให้พายุก่อตัวขึ้นอีก และสามารถพัดทำลายศาลาโรงครัวที่เพิ่งสร้างเสร็จไหม่ๆพินาศไป
    เรื่องห้ามพายุนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนทั้งหลายรู้จักกันดี
    ปาฏิหาริย์อย่างนี้หากได้เห็นกับตนเองสักครั้งคงเป็นวาสนาไม่น้อย แม้ว่าวาสนาของผมจะมีไม่ถึงพระเณรหรือบุคคลอื่นใดที่อยู่ในเหตุการณ์ห้ามพายุของหลวง
    ปู่โชติก็ตาม แต่ว่าผมก็เห็นคล้ายๆ กับเรื่องนี้ครั้งหนึ่งตอนนั้นไปกราบสนทนากับ ดร.ปรีชา พิณทอง บนยอดตึกของบ้านท่าน ได้เกิดพายุรุนแรงพัดเอาทุกอย่างปลิวกระเจิง พายุนั้นไม่ถึงกับทำลายอาคารบ้านเรือนหรือต้นไม้ แต่สามารถหอบเอาเสื่อน้ำมันปูพื้นทั้งผืนม้วนลอยขึ้น ผมเห็นคุณพ่อปรีชาทำปากขมุบขมิบ หน้าตาเคร่งเครียด แล้วโบกมือทำนองไล่ลมพายุ 3 ครั้ง พายุก็สงบ
    ผมรับว่าแปลกใจ ไม่รู้ว่าเป็นไปได้อย่างไร
    คุณพ่อปรีชาอธิบายทีหลังว่า เรื่องเวทมนตร์กลคาถาเป็นของมีจริง ถ้าผมสนใจทางนี้ หรือขัดข้องครูบาอาจารย์เมื่อไหร่ให้ไปหาท่านก็จะได้รับความเมตตากรุณาสอนให้
    คุณพ่อปรีชา ได้รับเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ในอดีตเคยเป็นภิกษุ เป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่งในเมืองอุบลฯ ปัจจุบันดำรงเพศคฤหัสถ์ ประกอบอาชีพทางด้านเขียนและค้นคว้าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสมบัติบรรพบุรุษอีสาน ภรรยาของท่านเคยบอกว่า ท่านมีความเป็นอยู่ทุกวันนี้เหมือนเก่า คือเหมือนสมัยเป็นพระไม่ได้ดูเหมือนฆราวาสแต่อย่างใด
    ผมไม่ทราบว่าการห้ามพายุของหลวงปู่โชติจะเป็นด้วยเวทมนตร์หรือพลังจิต เพราะว่าเหลือวิสัยจะวิจารณ์ได้ แต่สิ่งเดียวที่ทำได้คือเชื่อในปาฏิหาริย์นี้อย่างไม่มีข้อสงสัย
    หลวงปู่โชติมีนามเดิมว่าโชติ เมืองไทย เกิดปีวอก พ.ศ. 2451 ที่ตำบลนาบัว (บ้านกระทม) อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เป็นศิษย์องค์สำคัญของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล และเป็นศิษย์ของพระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากัมมัฏฐานคือพระอาจารย์เสาร์ กันตลีโล ท่านเป็นพระที่มีอภินิหารมาก เรื่องทางนี้ของท่านจึงมีอยู่มากมาย แต่จะยกมาเล่าเป็นบางเรื่องพอเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่ศรัทธา
    มีผู้เล่าว่าครั้งหนึ่งหลวงปู่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำธุระบางอย่างที่วัดบวรนิเวศวิหาร ท่านกับเจ้าคุณโอภาสธรรมญาณ จะขึ้นรถเมล์ไปบางเขน โดยรอรถเมล์อยู่แถวๆสะพานควาย ขณะนั้นมีรถเมล์ที่สามารถจะไปยังจุดหมายที่ท่านต้องการได้มาจอดลง รถว่าง แต่ท่านไม่ขึ้น ท่านบอกกับเจ้าคุณโอภาสฯว่า คอยคันอื่นเถอะ ครั้นรถเมล์คันอื่นมาถึงท่านก็ขึ้น
    ต่อมารถเมล์คันที่ท่านขึ้นก็แล่นผ่านรถเมล์คันแรกที่ท่านไม่ยอมขึ้นซึ่งก็ได้เกิดอุบัติเหตุชนเสาไฟฟ้างอก่องอขิงอยู่บนฟุตบาธข้างทาง
    หลวงปู่มองดูรถเมล์คันที่เกิดอุบัติเหตุแล้วก็เฉยๆไม่ว่าอะไร
    ทหารผ่านศีกเชียงตุงชื่อ “พาง” บ้านอยู่ถนนเทศบาล 2 เมืองสุรินทร์ เป็นผู้หนึ่งที่ประสบเหตุพิลึก ท่านเล่าว่าครั้งหนึ่งหลวงปู่มีธุระออกจากวัดไป แต่แล้วกลับนึกได้ว่าลืมอะไรอย่างหนึ่ง ท่านจึงเรียกสุนัขข้างทางซึ่งจรจัดอยู่แถวนั้นมาตัวหนึ่งเขียนหนังสือแจ้งข้อความแห่งธุระที่ลืมผูกติดกับคอสุนัขแล้วเอามือตบหลังสุนัขบอกให้นำหนังสือนี้ไปให้พระที่วัดของท่าน
    พระที่วัดก็ทราบความในหนังสือนั้นหลังจากสุนัขแจ้นเข้าไปถึง
    อีกเรื่องหนึ่งซึ่งแปลกมาก คือครั้งหนึ่งหลวงปู่ซึ่งเวลานั้นยังพำนักอยู่เมืองสุรินทร์ ได้บอกว่ามีธุระไปโคราช แต่ขณะที่ทุกคนได้ยินเสียงรถไฟขบวนที่ท่านจะต้องอาศัยเดินทางเข้าโคราชเปิดหวูดอยู่ที่สถานี หลวงปู่ก็ยังนั่งรับแขกเป็นปกติ ครั้นเมื่อทุกคนกราบลาท่านออกมาแล้วก็สวนทางกับลูกศิษย์อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งแจ้งข่าวว่าเพิ่งไปส่งท่านขึ้นรถไฟไปโคราช
    คำนวณเวลาแล้วเป็นไปไม่ได้เลย ที่ใครจะสามารถนั่งอยู่ที่แห่งหนึ่ง ในขณะที่รถไฟเข้าเทียบสถานี แล้วสามารถไปขึ้นรถไฟทัน
    เรื่องที่เกี่ยวกับรถไฟผมเคยเล่าไปบ้างแล้วในภาคประวัติของหลวงปู่ดุลย์ ซึ่งจะพอทบทวนย่อ ๆๆ ได้อีกว่าระหว่างที่ลูกศิษย์ไปรับท่านที่ถ้ำใครไตรรัตน์เพื่อไปส่งท่านขึ้นรถไฟไปสุรินทร์นั้น ไม่มีทางเลยที่จะขึ้นรถไฟที่ปากช่องทัน แต่หลวงปู่ก็ยืนยันให้ไปส่งท่านที่สถานีปากช่อง และปรากฏว่าไปทันจริง ๆ เพราะรถไฟเสียเวลา ทำให้ท่านกลับสุรินทร์ได้พอดี
    แม้ว่าหลวงปู่โชติจะไม่ใช่พระให้หวย แต่เรื่องให้หวยของท่านก็เป็นที่ฮือฮา ขณะหนึ่งท่านกำลังกวาดลานวัดท่านพูดลอย ๆ ว่า หวยงวดนี้จะออก 33 พระเณรที่อยู่ใกล้ ๆ ท่านต่างได้ยินถนัด และได้บอกเลข 33 ให้กับชาวบ้านญาติโยมทั้งหลายไปว่าหลวงปู่ให้เลขเด็ดตัวนี้
    ปรากฏว่าหวยออก 33 จริง ๆ รวยกันไปทั้งหมู่บ้าน
    มีคนมากมายพยายามจะไปกราบขอเลขเด็ดจากท่านอีก แต่ไม่สำเร็จ ท่านไม่ปริปากอีกเลย
    หลวงปู่โชติได้ชื่อว่าเป็นพระที่เด่นเรื่องโชคลาภอีกองค์หนึ่ง ซึ่งคุณไพฑูรย์ เกื้อสกุล ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องไปส่งหลวงปู่ขึ้นรถไฟที่สถานีปากช่องได้บอกว่า พอกลับจากส่งท่านก็แวะซื้อล็อตเตอรี่ 9 ใบ ทั้งๆที่ไม่เคยซื้อมาก่อน และก็ถูกเลขท้ายทั้ง 9 ใบอย่างน่าอัศจรรย์
    มีผู้เล่าเรื่องแขวนพระเครื่องของท่านแล้วเกิดโชคลาภอยู่เหมือนกัน เรื่องนี้มีปรากฏอยู่ในหนังสืออาณาจักรพระเครื่อง ฉบบที่ 20 ปี 2517 ซึ่งคุณ “คนโรงเหล้า” ได้เขียนมาลงตีพิมพ์โดยเล่าว่าเขาได้เห็นรูปถ่ายหน้าตรงของหลวงปู่โชติซึ่งตีพิมพ์ในหนังสืออาณาจักรพระเครื่องฉบับเดือนมิถุนายน พิจารณาเห็นตัวเลขปรากฏอยู่ที่ไรผมเป็นเลข 63 ชี้ให้เพื่อนดูก็ดูกันไม่ออก คงมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เห็นว่าเป็นตัวเลขดังกล่าว ผลก็คือเขาถูกล็อตเตอรี่งวดนั้น (10 มิ.ย. 2517) พอได้เงินก็บึ่งรถไปยังวัดวชิราลงกรณ์วรารามวรวิหาร และได้บูชาเหรียญโสฬสระลึกชาติของหลวงปู่มาคนละหลายเหรียญ ในราคาเหรียญละ 29 บาท
    เมื่อได้เหรียญมาแล้วได้นำเหรียญนั้นไปให้อาจารย์ทางพรหมศาสตร์ที่พวกเขาเคารพนับถือตรวจดู อาจารย์ท่านนั้นออกปากว่า
    “ในบรรดาเหรียญใหม่ๆในยุคนี้ มีเหรียญหลวงพ่อโชติองค์เดียวเท่านั้นที่มีอิทธิฤทธิ์ในชั้นสมเด็จโต พระอาจารย์ที่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์บังคับธาตุทั้ง 4 คือดิน น้ำ ลม ไฟ ได้นั้น เท่าที่ทราบก็มีหลวงพ่อทวด และหลวงพ่อโชติก็บังคับลมพายุให้หยุดนิ่งได้ และเขี่ยก้อนหินให้เบาเป็นสำลีได้ ส่วนที่ชี้ไฟซึ่งกำลังลุกไหม้ให้ดับได้นั้นยังไม่เคยเห็น พระอาจารย์ที่สามารถบังคับธาตุทั้ง 4 อย่างใดอย่างหนึ่งได้แล้ว การบังคับของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา”
    คุณคนโรงเหล้าได้ชี้แจงมาอย่างนี้ และยังมีจดหมายอีกฉบับหนึ่งเขียนถึงบรรณาธิการหนังสืออาณาจักรพระเครื่อง ความว่า
    15 มิ.ย. 17
    656/15 ซ.วิมลสรกิจ ถ.จรัลสนิทวงศ์ ธนบุรี
    เรียน บก.หนังสืออาณาจักร พระเครื่อง
    ผมได้อ่านหนังสืออาณาจักรพระเครื่องฉบับที่ออกต้นเดือนมิถุนายนแล้ว ผมสนใจเรื่องของหลวงพ่อโชติเพราะทำให้ผมถูกล็อตเตอรี่ได้เงินมาหลายพันบาท (ถูกเลขท้ายสามตัว 4 ใบ ผมซื้อ 10 ใบ) จึงได้เล่าเรื่องตามความเป็นจริงมาเพื่อขอให้คุณช่วยพิจารณาลงในหนังสืออาณาจักรพระเครื่องด้วย
    ลูกชายผมแขวนเหรียญที่มีชื่อว่า “ระลึกชาติ” สุนัขตัวใหญ่ได้เข้ามากัดน่อง กางเกงทะลุแต่ไม่เข้าผมแปลกใจจริง ๆ
    ผมขอให้กิจการของท่านเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป
    สวัสดี
    สนธิ
    เกี่ยวกับเรื่องเขี่ยก้อนหินแล้วเบาเหมือนสำลีนั้นได้เกิดขึ้นขณะที่ท่านกำลังทำความสะอาดถ้ำและรื้อก้อนหินแตกๆหักๆ ปรากฏว่ามีก้อนหินใหญ่กลิ้งตกลงมาทับท่าน พระลูกวัดได้ยินเสียงสนั่นหวั่นไหวก็กรูกันเข้ามาดูและท่านได้บอกว่า ท่านเอาเท้าเขี่ยก้อนหินนิดเดียว ทำไมจึงเบาเหมือนสำลี กระเด็นไกลตั้งหกเจ็ดวา
    ภายหลังเรื่องนี้จึงถูกเปิดเผยชัดเจนขึ้นดังนี้
    หลวงปู่เล่าว่าท่านได้ขึ้นไปบนภูเขาหลังถ้ำ ขึ้นไปต่อยหินเพื่อทำทางขึ้นเขา บังเอิญหินก้อนใหญ่ตกกลิ้งลงมาทับท่าน และเวลานั้นสมเด็จโต วัดระฆัง มาช่วยท่านไว้ ท่านมีความรู้สึกว่าตนเองตายแล้ว แต่จับเนื้อหนังตนเองแล้วทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ ท่านจึงนมัสการสมเด็จโต และสมเด็จโตได้ถามท่านว่าจะสร้างพระสมเด็จไหม หลวงปู่ตอบว่าไม่เคยทำ สมเด็จโตก็บอกว่าถ้ารับปากว่าจะทำก็จะนำมาให้ ซึ่งท่านก็รับปาก ท่านบอกว่าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่มีความเจ็บปวดหรือบาดแผลใด ๆ เลย
    ต่อมาก็มีชายไม่ทราบชื่อ เอาพระผงพิมพ์สมเด็จโตมาให้ ใส่ลังกระดาษมาถวายหลวงพ่อ บอกว่าได้มาจากกรุราชบุรี หลวงพ่อจึงรับไว้ทำพิธีอีกครั้งหนึ่งตลอด 3 พรรษา เมื่อครบแล้วจึงนำออกแจก ท่านตั้งชื่อว่า “สมเด็จมาเอง”

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความรูปภาพที่มาข้อมูลอย่างสูงครับ

    พระนิรันตรายหลวงพ่อโชติระลึกชาติปี ๒๕๐๖ ให้บูชา 800 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231204_232641.jpg IMG_20231204_232751.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2023
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    KING005-86x106-1-1280x1536.jpg

    วันพ่อแห่งชาติไทย ๕ ธันวาคมของทุกปี
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1701869298097.jpg
    หลวงพ่อหวล วัดพิกุล บางเชือกหนัง เกจิดังฝั่งธนฯศิษย์หลวงพ่อปาน สุดยอดตำนานยันต์เกราะเพชรหลวงพ่อหวล วัดพิกุล อดีตเกจิดั่งฝั่งธนบุรีเขตภาษีเจริญ ร่วมสมัยกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อโชติ วัดตะโน หลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิศ ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์ของ
    หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นศิษย์ยุคต้นรุ่นพี่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเป็นพระเงียบๆสมถะ สันโดษมาก แต่คนพื้นที่รู้จักกันดีเพราะพระทุกรุ่นที่ท่านปลุกเสกแจกจ่ายให้ฟรี ล้วนมีประสบการณ์ทุกรุ่น แม้กระทั่งรูปถ่ายเลี่ยมพลาสติกธรรมดาของท่าน เด่นด้านแคล้วคลาด เมตตา คงกะพัน อย่างยิ่งท่านเกิดเมื่อวันที่ 15เมษายน 2451 วันพุธ ปีวอก ต.หลักเมือง อ.ภาษีเจริญ ธนบุรี เมื่อ
    อายุ25ปี ได้อุปสมบท ณ วัดรางบัว มี
    พระพุทธพยากรณ์ เป็นอุปัชฌาย์ หลวงพ่อพึ่ง วัดรางบัว เป็นกรรมวาจาจารย์ พระ
    อธิการหนู วัดนิมมานรดี เป็นอนุสาวนาจารย์อยู่ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อพึ่ง ซึ่งเป็นเกจิด้งยคนั้น 3 พรรษา แล้วไปศึกษาวิชาแพทย์
    ดังยุคนั้น 3 พรรษา แล้วไปศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณและวิชาต่างๆกับหลวงพ่อปานวัดบางนมโค อยุธยา ด้วยความวิริยะอุสาหะหลวงพ่อได้ศึกษาวิชาจนสำเร็จมีความเชี่ยวชาญ และกลับมารักษามารดาของท่านที่ป่วยจนหาย ในช่วงนี้ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์บางระมาด กับหลวงปู่นวล(พระครูโพธิสารคุณ) และได้พบกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ได้ศึกวิชาต่างๆที่วัดนี้ด้วยหลวงพ่อจงมาหาหลวงปู้นวลเสอมท่านเป็นสหายธรรม.
    กล่าวสำหรับหลวงพ่อนวล วัดโพธิ์บางระมาดเปนเกจิอาจารย์ดังองค์หนึ่งในย่านตลิ่งชัน ที่ไปเรียนวิชายันต์เกราะเพชร จากหลวงพ่อปานมาด้วยกันกับหลวงพ่อหวช สมัยหนึ่งยันต์เกราะเพชรของวัดโพธิ์กับวัดพิกุลจึงแทบจะแยกกันไม่ออก...เล่ากันอีกว่าเมื่อบวชมาได้ส์กระยะหนึ่งแล้ว หลวงพ่อหวลกับหลวงพ่อนวลก็ไปลาหลวงพ่อป่านว่าจะออกธุดงค์กัน หลวงพ่อปานก็ทำนายไว้ว่า "ไปสองจะกลับมาแค่หนึ่ง" ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น เพราะ
    หลวงพ่อนวลมรณภาพระหว่างออกธุดงค์
    หลวงพ่อหวลจำพรรษาอยู่วัดโพธิ 9 พรรษาจนถึงพ.ศ.2487พระมหาโพธิวงศาจารย์(สาลี)วัดอนงคารามเจ้าคณะจังหวัดธนบุรีและชาวบ้านร่วมกันขอ ให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพิกุล หลังจากรับตำแหน่งแล้วท่านใด้พัฒนาวัดพิกุลให้เจริญเป็นอันมาก เช่น สร้วงโรงเรียนประชาบาล สร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียน กุฏิ หอระฆัง สร้าง ถนน สะพานเมรุ ฯลฯ
    คนในตลิ่งชันศรัทธาหลวงพ่อหวลมาก เพราะในอีกด้านหนึ่งนั้น ท่านเป็นพระหมอด้วย ค่าครูสลึงเดียว รักษาพวกกระดูกแตก กระดูกหัก ผีเข้าสิง เจ็บไข้ ตอนรักษาก็ให้มาจดชื่อเขียนวันเดือนปีเกิด แล้วก็ไล่กลับบ้าน แต่ใครไปกะเกณฑ์ท่านไม่ได้ อย่างถ้าท่านขึ้นทำโบสถ์ใหม่ มีคนมาหา ซักดิ้นชักงออยู่ที่ลานวัด ท่านก็ไม่ลงจนกว่าจะได้เวลาของท่านปีพ.ศ.2518 ท่านเริ่มป่วยด้วยท่านปฏิบัติพระกัมมัฏฐานและรักษาสีลาจารวัตรเคร่งครัดไม่ยอมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและไม่หยุดพักงานต่างๆ ถึงพ.ศ.2522 เสมือนท่านรู้ล่วงหน้า
    ได้สั่งเสียการงานต่างๆกับศิษย์ แล้วเวลา
    08.05 น.วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2522 ท่านก็จากไปอย่างสงบ
    FB_IMG_1701869290089.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปกระดาษหลวงพ่อหวลวัดพิกุลหลังยันต์เกราะเพชรให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    วัตถุมงคล เป็นกระดาษสี ยุคเก่า เลี่ยมพลาสติคเดิม สร้างประมาณปีพ.ศ.๒๕๑๗
    IMG_20231206_203820.jpg IMG_20231206_203858.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    15139021-3.jpg
    สำหรับหลวงพ่อทองหยิบนั้นเกิดเมื่อเดือน 11 ปีมะเส็ง พ.ศ.2472 ที่บ้านในหมู่ที่ 3 ต.หนองแม่ไก่ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โดยมีหลวงพ่อเล็ก เจ้าอาวาสวัดบ้านกลางสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งระหว่างที่หลวงพ่อทองหยิบบวชเป็นพระนั้น ก็เป็นพระที่ประพฤติ ปฎิบัติอยู่ในครรลองครองธรรม เปี่ยมไปด้วยเมตตาจิต ชาวอ่างทองและลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพนับถือ เปรียบเสมือนเป็นที่พึ่งทางใจของผู้ทุกข์ร้อนทั้งทางใจและทางกาย ชาวอ่างทองไม่มีใครไม่รู้จัก หลวงพ่อทองหยิบสร้างสรรค์ช่วยลูกศิษย์ลูกหาและสาธุชนที่เดินทางมานมัสการอย่างไม่ขาดสาย จากทั่วสารทิศ โดยที่ท่านไม่เคยปฏิเสธใครเลย ยกเว้นหากท่านจะอาพาธหรือติดกิจนิมนต์เท่านั้น

    หลวงพ่อทองหยิบถือว่าเป็นเกจิที่มีคาถาอาคมแก่กล้าองค์หนึ่งจนมีลูกศิษย์ทั่วประเทศ ส่วนวัตถุมงคลที่โด่งดังของหลวงพ่อทองหยิบนั้นจะเป็นพวกเหรียญของหลวงพ่อรุ่นต่าง ๆ โดยรุ่นที่ 1 นั้นสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2513 พระผงราหูสุริยคราส ที่สร้างเมื่อประมาณปี 2538 และตะกรุด ไม่ว่าจะเป็นตะกรุดโทน หรือตะกรุดมหาอุตม์ ตะกรุดของหลวงพ่อนั้น เหนียวจนได้ชื่อว่า “เหนียวชนิดแมลงไม่มีวันได้กินเลือด” ตะกรุดแต่ละรุ่นสร้างไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกศิษย์ ในวันพรุ่งนี้ที่ 14 เม.ย. 59 จะมีพิธีสรงน้ำศพและจะสวดพระอภิธรรมไปจนถึงวันที่ 22 เม.ย

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระปิดตาหลวงพ่อทองหยิบวัดบ้านกร่างให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231206_215537.jpg IMG_20231206_215629.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2023
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341


    รูปถ่ายหลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร หลัง ตะกรุด ๕ ดอก เลี่ยมพลาสติกเดิม แต่นำมาเลี่ยม พลาสติคครอบไว้อีกชั้น
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231206_220823.jpg IMG_20231206_220904.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    พระครูสิริภัทรกิจ-หลวงพ่อสมศรี-ปริสุทโธ.jpg

    พระครูสิริภัทรกิจ หรือ "หลวงปู่ศรี ปริสุทโธ" วัดหน้าพระลาน ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิม พระเกียรติ จ.สระบุรี ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีบารมีธรรมแห่งความเมตตาสูง เป็นที่นับถือศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนทั่วไป
    ท่านดังเงียบๆ ในท้องถิ่น แต่งานไหนงานนั้นถ้าต้องการให้วัตถุมงคลเข้มขลังต้องนิมนต์หลวงปู่ศรีรูปนี้ ไปร่วมปลุกเสก ว่ากันว่าพลังจิตท่านสามารถติดต่อด้วยญาณกับหลวงพ่อองค์ดำที่นาลันทาได้
    "หลวงปู่ศรี" สร้างโบสถ์ไว้เป็นสิบๆ หลัง แล้วตอนนี้กำลังสร้างหลังที่ 13 ไม่มีบารมีทำไม่ได้ ปัจจุบันอายุ 81 ปี จากประวัติระบุว่าท่านเกิดที่เมืองลพบุรี บวชที่เมืองลพบุรี ศึกษาสายตักกศิลาวัดเขาวงกต สายหลวงพ่อเภา ซึ่งมีหลวงพ่อสุต วัดปฐมพานิช เป็นพี่เลี้ยง ตอนอยู่ลพบุรีไปเรียนวิชาสายหลวงพ่อก๋ง วัดเขาสมอคอน ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมจากนักสะสมอย่างมาก
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ศรีวัดหน้าพระลานให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231208_225901.jpg IMG_20231208_225937.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    images_q-tbn_and9gct9-dl3op887o5gtoltfo20suycefansh6xumlvze8p-i7gxt3jgg-jpg.jpg
    ตามประวัติว่าท่านเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา พอคลอดออกมาบิดาท่านกำลังเอาไปฝังหลวงพ่อสิงห์ วัดบ้านโนนผ่านมาจึงทักว่าเด็กคนนี้ยังไม่สิ้นบุญจึงขอบิณฑบาตรเอาใว้ แล้วนำร่างของเด็กน้อยใส่พานตั้งใว้ที่หน้าพระประธานในโบสถ์วัดบ้านโนน หลวงพ่อสิงห์นั่งสมาธิจนถึงรุ่งเช้า ปรากฏว่าเด็กน้อยฟื้นขึ้นมาหลวงพ่อสิงห์จึงขอใว้เป็นบุตรบุญธรรมและตั้งชื่อว่า"สมบุญ" และได้สอนสัพวิชาอาคมต่างๆให้จนหมดใส้หมดพุง และยังได้ศึกษาวิชาต่างๆจากยอดพระเกจิอีกหลายท่านเช่นหลวงพ่อพุก วัดพระยาทำ หลวงพ่อมา วัดกาดสูง หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เป็นต้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อสมบุญวัดจันทรังษีบ้านตม ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231208_230003.jpg IMG_20231208_230032.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้ จัดส่ง
    1702139704805.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1702198930779.jpg
    ประวัติ หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง (นนทบุรี)
    "พระครูนนทสมณวัตร" (หลวงปู่เหรียญ ถาวโร) วัดบางระโหง ท่านถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๙ นามเดิมท่านชื่อ "เหรียญ" โยมบิดาชื่อ นายแดง โยมมารดาชื่อ นางอยู่ นามสกุล "สังฆรัตน์" อยู่ที่ ต.ดอนมะดัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    หลวงปู่ในวัยหนุ่ม ท่านได้ออกจากบ้านมาเป็นคนงานรับจ้างทำนาที่อยุธยา มีครั้งหนึ่ง มีคนมาลักเกี่ยวข้าว หลวงปู่พร้อมพวกมีพี่ใหญ่ชื่อว่า "ก้าน" ได้เสกว่านให้พวกหลวงปู่กินแล้วออกไปต่อสู้กับพวกลักข้าว ซึ่งมีอยู่ประมาณ ๒๐ คน ฝ่ายหลวงปู่มี ๗ คน อาวุธมีแค่คันหลาวกับไม้ เท่านั้น การต่อสู้กับพวกลักข้าวปรากฎว่า ฝ่ายหลวงปู่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแต่ละคน ตี แทง ไม่เข้า จนทำให้พวกลักข้าวแตกกระจายไปหมด
    หลวงปู่ท่านบวชเมื่อท่านอายุได้ ๓๑ ปี เมื่อวันที่ ๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๗๐ อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดขวัญเมือง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี มี (พระครูชุ่ม) วัดประชารังสรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาทางพุทธศาสนาว่า "ถาวโร"
    เมื่อบวชแล้วท่านได้เรียนนักธรรมจนได้นักธรรมเอกที่ จ.ขอนแก่น และได้กลับมาจำพรรษาที่วัดขวัญเมือง มี (หลวงพ่อบัว) ท่านเป็นเจ้าอาวาส ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อบัวท่านกลับจากธุระได้เข้าไปในโบสถ์ โดยที่โบสถ์ยังใส่กลอนอยู่เลย มีศิษย์หลวงพ่อบัวเป็นใบ้ เรียกว่า "ตาใบ้" หลวงพ่อบัวสอนคาถาให้ตาใบ้ สามารถเสกประทัดไม่ให้แตกได้ และเขียนยันต์ที่ฝ่ามือ และตบไปที่เสาแต่ยันต์จะไปโผล่อีกด้านหนึ่งเรียกว่า "นะปัดตลอด"
    นอกจากหลวงปู่จะเรียนคาถาอาคมกับหลวงพ่อบัวแล้วหลวงปู่ยังเรียนคาถากับ (อาจารย์เที่ยง) ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับหลวงปู่ อาจารย์เที่ยง เป็นคนมีวิชาอาคมขลังและเป็นโยมบิดาของ (พระครูสมุห์บรรจง) วัดขวัญเมืองในปัจจุบัน ตอนหลังพระครูสมุห์บรรจงได้มาเป็นศิษย์ของหลวงปู่เหรียญอีกทีหนึ่ง
    หลวงปู่เคยออกธุดงค์ไปในป่าสมัยก่อน หลวงปู่ธุดงค์ไม่ได้ใช้กลดเลย เพราะหลวงปู่บอกว่าท่านฉันบอระเพ็ดเป็นประจำจนยุงไม่กัดเลย ตอนออกธุดงค์หลวงปู่ได้พบอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลังหลายท่าน หลวงปู่ได้เรียนวิชากับอาจารย์ในป่าหลายอย่าง
    เมื่อท่านมาอยู่วัดบางระโหงแล้วนั้น เวลามีงานปลุกเสกตามวัดจะมีฎีกามานิมนต์หลวงปู่บ่อยๆ พระคณาจารย์ที่หลวงปู่ร่วมปลุกเสกประจำคือ (หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี), (หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะอง), (หลวงปู่สาย วัดบางรักใหญ่), (หลวงพ่อสุด วัดกาหลง)
    วัตถุมงคลของหลวงปู่นั้นที่ปรากฎมหัศจรรย์มากคือ "พิศมร" ที่หลวงปู่ให้เด็กแขวนแล้วเด็กตกน้ำไม่จม หลวงปู่จะทำพิศมรแจกโยมที่มาหรือนิมนต์ไปงาน ส่วนมากจะแจกไปทั่ว คนมาช่วยงานที่วัดท่านก็แจกทุกคนที่มา
    ตะกรุดโทนของท่าน แขวนแล้วยิงไม่เข้าเสื้อพรุนหมด แต่เนื้อตัวไม่เป็นอะไร ตะกรุดจักพรรดิ์ มีพระวัดจักรวรรดิ์มาบูชาไปฝากศิษย์ที่มาเลเซีย เมื่อศิษย์เอาไปแขวนแล้วโดนทำร้าย ด้วยมีดปาดยางพารา เสื้อขาดหมดแต่ไม่เข้าเนื้อ ทำให้เค้าศรัทธาหลวงปู่มาก ตะกรุดที่หลวงปู่เหรียญสร้าง เท่าที่ทราบ คือ
    ๑.ตะกรุดโทน
    ๒.ตะกรุดพิศมรเล็ก
    ๓.ตะกรุดพิศมร ๑๙
    ๔.ตะกรุดแคล้วคลาด
    ๕.ตะกรุดสาริกา
    ๖. ตะกรุดจักรพรรดิ์
    ๗.ตะกรุดสามกษัตริย์
    ๘.ตะกรุดมหาอุต
    ๙.ตะกรุดโภคทรัพย์
    ๑๐.ตะกรุดหัวใจ ๑๐๘
    วัตถุมงคลที่หลวงปู่สร้างนั้นมีหลายอย่างมากมาย เช่น ผ้ายันต์ ตระกรุด เบี้ยแก้ พระปิดตา และเหรียญ ด้วยประสบการณ์จากคุณวิเศษที่ได้รับจากวัตถุมงคลของท่าน ก่อเกิดศรัทธามากมาย แต่ความจริงนั้น หลวงปู่เหรียญ เป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใส อย่างยิ่งของประชาชนทั่วไปมานานแล้ว ครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงาม ทั้งเป็นพระนักพัฒนา ที่สร้างความเจริญให้แก่ชุมชนบางระโหงเป็นย่างมากตลอดอายุของท่าน หลวงปู่เหรียญท่านได้สร้างวัตถุมงคลมากมายหลายชนิด ทั้งพระเครื่องและเครื่องราง ที่ขึ้นชื่อว่าดีทางเมตตามหานิยม และแคล้วคลาด ไม่แพ้พระเครื่องราคาแพงเลยทีเดียว
    เรื่องปาฏิหาริย์เกี่ยวกับตะกรุดของหลวงปู่เหรียญนั้น ทั้งคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ต่างเล่าขานกันมากมายว่า "สายเหนียวเมืองนนท์"
    หลวงปู่เหรียญท่านเป็นคนมีสุขภาพแข็งแรง มีเจ็บป่วยบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.๒๕๓๐ หลวงปู่ได้ฉันยาถ่าย แต่ก็ไม่ถ่าย หลวงปู่ปวดท้อง ท่านจึงฉันยาธาตุทำให้ในท้องปั่นป่วนมาก ผู้ใหญ่จึงพาท่านส่งโรงพยาบาลนนทบุรี พักอยู่หลายวันจึงกลับวัด แต่พักอยู่ได้ไม่นานก็เข้าออกโรงพยาบาลอีกหลายครั้ง และย้ายไปโรงพยาบาลธนบุรี แพทย์วินิจฉัยว่าท่านเป็นมะเร็งปอด ราววันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๑ หลวงปู่ก็อาพาธอีกและได้เข้าโรงพยาบาลสงฆ์ เมื่อไปโรงพยาบาลแล้ว อาการของท่านไม่ดีขึ้นเลย
    หลวงปู่ท่านถึงแก่มรณะภาพลง เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๑ สิริอายุได้ ๙๒ ปี ๖๒ พรรษา
    เรียบเรียง : พระเกจิ แดนสยาม
    https://www.facebook.com/prakejidansiam/
    #ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
    #พระอริยสงฆ์บางท่านในอดีตกาลเราอาจไม่ทราบประวัติท่าน
    #เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อศึกษาและเผยแพร่บารมีของท่านเท่านั้นครับ

    ท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงของขวัญหลวงปู่เหรียญวัดบางระโหงให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231210_155710.jpg IMG_20231210_155742.jpg IMG_20231210_155813.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    get_auc3_img (11).jpeg get_auc3_img (12).jpeg
    พระนางพญา หลวงพ่อเกษม วัดบุญวาทย์วิหาร ประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ วิหารหลวงกลางเวียง วัดบุญวาทย์วิหาร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ในปี2532 สร้างจำนวนน้อย หายาก เนื่องจากบรรจุกรุเป็นส่วนใหญ่
    รายละเอียด พระนางพญา หลวงพ่อเกษม วัดบุญวาทย์วิหาร ประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ วิหารหลวงกลางเวียง วัดบุญวาทย์วิหาร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ในปี2532 สร้างจำนวนน้อย หายาก เนื่องจากบรรจุกรุเป็นส่วนใหญ่ (เนื้อหามวลสารและพิธีเดียวกับพระขุนแผน วัดบุญวาทย์ ที่ล่ำลือในด้านเมตตามหาเสน่ห์) พร้อมกล่องเดิม องค์นี้พิเศษ มีปั๊มหมึก ด้านหลัง
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231210_165314.jpg IMG_20231210_162923.jpg IMG_20231210_162814.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...