วัดบรมธาตุแก่งสร้อย

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย boontar, 26 ธันวาคม 2011.

  1. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    เมื่อ ๒๔ ธ.ค. ๕๔ ไปกับเพื่อนๆเที่ยวทำบุญ ที่วัดบรมธาตุแก่งสร้อย

    อยู่กลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ไม่มีถนนเข้าถึง

    เส้นทางที่ใกล้ที่สุด ต้องนั่งเรือหางยาวจากแก่งก้อ(ห่างอำเภอลี้ ๔๓กิโลเมตร) ลำพูน

    ระยะทาง ทางน้ำ ๓๐ กิโลเมตร ใช้เวลา ๒ ชั่วโมง ใช้เงิน ๓,๕๐๐ บาท ไป-กลับ

    [​IMG]






    ระดับน้ำสูงมาก นี่ยังดีนะ น้ำลดลง เมตรนึงแล้ว

    เดิมน้ำท่วมศาลาที่อยู่เตี้ยๆ ทุกศาลา

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _DSC8770mr.jpg
      _DSC8770mr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      201.7 KB
      เปิดดู:
      2,232
    • _DSC8947mr.jpg
      _DSC8947mr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      242.4 KB
      เปิดดู:
      2,647
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2011
  2. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    เรื่องเล่า--เคล้าตำนาน--อ่านเพลินๆ
    มีภาพเขียนบรรยายตำนานพระธาตุแก่งสร้อย อยู่ในโบสถ์



    คำบรรยายใต้ภาพ ผมพิมพ์ให้อ่านชัดขึ้นและปรับแต่งอักษรบ้าง(ของจริงต้องคลิกที่ภาพเล็กข้างล่าง)

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์สาวกพระองค์และพญาอโศกได้เสด็จติดตามมาเป็นอุบาสกเพื่ออุปัฏฐากติดตามพระพุทธองค์
    พระพุทธองค์เสด็จออกโปรดสั่งสอนเหล่าเวไนยสัตว์ไปตามนิคมบ้านใหญ่เมืองน้อยต่างๆ จนถึงเมือง พยะมะนที(เมืองแก่งสร้อย) มาถึงดอยลูกหนึ่งชื่อว่า จิขุตุ
    (พระอรหันต์สาวก) ๑ พระโสนะเถร ๒ พระอนตะเถร ๓ พระสัญตะถะเถร ๔ พระอนันทเถร


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    พระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงดอย จิขุตุ ทรงนั่งพักอยู่ใต้ต้นขนุนใหญ่ ยังมีชาวลัวะผู้หนึ่งเข้าป่ากลับมาพบพระพุทธเจ้า ก็ดีใจ
    เอากระบอกน้ำผึ้งถวายแล้วปีนขึ้นต้นขนุน
    เอาขนุนสุกลูกใหญ่มาถวายพระพุทธองค์
    เมื่อพระพุทธองค์ทรงฉันน้ำผึ้งและขนุนสุกแล้ว
    ก็ทรงโยนกระบอกน้ำผึ้งและเปลือกขนุนทิ้งไปตามสันดอย
    ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า หน่อไม้ลวกก็หวานนับตั้งแต่นั้นมา


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    พระอรหันต์สาวกและชาวลัวะทั้งหลายและพญาทั้งสองก็ทูลขอพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า
    เพื่ิอเอาไว้เป็นที่กราบไหว้สักการะบูชา
    พระพุทธองค์จึงยกพระหัตถ์ขึ้นลูบพระเศียร ได้พระเกศาธาตุ ๑ เส้น
    มอบให้พระเจ้าอโศกราช-------พระเจ้าอโศกราชจึงนำไปบรรจุในผอบทองคำใหญ่ขนาด ๘ กำมือ
    ท้าวสักกะเทวราชจึงเนรมิตให้เป็นหลุมลึกได้ ๕๒ ศอก กว้าง ๑๒ ศอก
    พระพุทธองค์ได้ทรงทำนายไว้ว่า เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
    พระอรหันต์สาวกจะได้นำเอาพระธาตุส่วนสมองและไหปลาร้าของพระพุทธองค์
    มาบรรจุไว้รวมกับพระเกศาธาตุ ณ ที่นี้



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    พระพุทธองค์เสด็จไปทางดอยด้านตะวันตกไปทางลำห้วยบก ๕๐๐ วา
    ขณะนั้นมีเสือโคร่งเฒ่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำเดินออกมาปากถ้ำ
    เมื่อเห็นพระพุทธองค์ เสือโคร่งตัวนั้นก็ได้ หมอบลงกับดิน
    กระทำการสักการะพระองค์
    พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย
    เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว
    ศาสนาของพระตถาคต จะได้มาตั้งไว้ ณ ที่นี้
    ถ้ำนี้จึงมีชื่อว่า ถ้ำเสือ - ถ้ำพยัคฆโคธา_ _ _




    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    พระพุทธองค์เสด็จผ่านปากถ้ำ ไปถึงจ๋อมดอยลูกหนึ่ง
    มีลัวะอีกพวกหนึ่งกลับมาจากหาของป่า เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมา
    จึงได้ไปตักน้ำมาถวายพร้อมดอกสร้อย
    และได้นิมนต์ พระพุทธเจ้าว่า--ขอเจ้ากูจงดูดดื่มน้ำที่มีรสจืดรสจ๋าง
    และได้นิมนต์พระพุทธเจ้าทรงสรงพระวรกายในแม่น้ำ
    และได้ทูลขอพระพุทธองค์ได้ทรงประทับรอยพระพุทธบาท ไว้บนก้อนหิน


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    เมื่อพระองค์ทรงประทับรอยพระพุทธบาทแล้ว
    พระพุทธองค์ทรงทำนายไว้ว่า คามนิคมแห่งนี้
    ๑ พระพุทธองค์ทรงมอบพระเกศาให้ไว้เพื่อเป็นที่กราบไหว้สักการะบูชา
    ๒ พระพุทธองค์ได้ทรงตั้งชื่อว่า ถ้ำเสือ
    ๓ พระองค์ได้ทรงสรงพระวรกายในแม่น้ำ
    ๔ พระองค์ได้ประทับรอยพระบาทไว้
    และทรงได้รับฉันน้ำที่มีรสจืดรสจ๋าง
    ภายหน้าคนทั้งหลายจักเรียกว่ารอยพระบาทแก่งจ๋าง
    และชาวลัวะได้นำดอกสร้อยมาสักการะบูชารอยพระพุทธบาทและพระเกศาธาตุ
    เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว สถานที่นี้จักมีชื่อว่า เมืองสร้อย
    จะเป็นสถานที่รุ่งเรืองคนทั้งหลายในเมืองนี้จึงมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา
    จะบริบูรณ์ไปด้วยโภคทรัพย์มากมาย
    เมื่อศาสนาได้ ๗ ปี เมืองสร้อยนี้จะรุ่งเรือง



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. denchai_l

    denchai_l เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,093
    ค่าพลัง:
    +1,548
    หลวงพี่นิกรท่านอยู่ที่วัดฯ หรือเปล่าครับ

    เคยไปเมื่อ 6-7 ปีที่แล้วกับคณะญาติบุญสายหลวงตากอไผ่ , พระอาจารย์น้อย จ.นครสวรรค์

    ดูภาพแล้วนึกถึงความหลัง ยังสวยและสงบเหมือนเดิม
     
  9. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ................................................................................
    ตอนที่ผมไปถึง มีพระสองรูป กำลังทำความสะอาดคราบน้ำท่วมครับ
    ผมก็เลยไม่ได้รบกวนพูดคุย
    เห็นรอยคราบน้ำสีน้ำตาลที่ผนัง มั้ยครับ
    น้ำท่วมศาลาเตี้ยๆทุกหลัง สูงระดับลูกกรง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2011
  10. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    วัดพระธาตุแก่งสร้อยและเมืองสร้อยแห่งนี้---เมื่อปี พ.ศ. ๑๒๐๐ ทางเมืองหริภุญชัย ได้ทูลเชิญเจ้าแม่จามเทวีขึ้นมาครอง
    เมืองหริภุญชัยได้เดินทางมาตามแม่น้ำปิงขึ้นเรื่อยจนมาถึงเมืองสร้อย
    แล้วหยุดพัก บูรณะวัดพระธาตุแก่งสร้อยและวัดวาอารามในเมืองสร้อยให้เจริญรุ่งเรืองมาอีกครั้ง


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    จนถึงปี พ.ศ.๒๓๑๐ บ้านเมืองได้เกิดภัยสงคราม
    กษัตริย์ทางอโยธยา ได้ต้อนเอาคนเมืองสร้อยไปช่วยทำสงคราม
    เมืองสร้อยจึงร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ---เมืองสร้อยได้ถูกทอดทิ้งไปนานจนกลายเป็นเมืองร้าง จนถึง พ.ศ.๒๔๖๗
    ปีชวด วันพฤหัสบดี เดือน ๔ เหนือ ขึ้น ๖ ค่ำ จุลศักราช ๑๒๘๖
    ตั๋วปี้ครูบาเจ้าชัยยะลังก๋าอรัญญาวาสีเถระและครูบาเจ้าศรีวิชัยเถร
    สองอาจารย์เจ้าได้เป็นประธาน พร้อมด้วยศิษย์โยม
    เริ่มก่อสร้างองค์พระธาตุเจ้าแก่งสร้อยขึ้นใหม่



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ---การก่อสร้างพระธาตุได้ดำเนินงานไปอย่างต่อเนื่องจนถึง พ.ศ.๒๔๖๘
    การก่อสร้างได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
    ครูบาเจ้าชัยยะลังก๋าอรัญญาวาสีมหาเถระและครูบาเจ้าศรีวิชัยเถรได้ทำพิธียกยอดฉัตรองค์พระธาตุ
    และบรรพชาอุปสมบทลูกศิษย์ของท่านอีก ๑๐ องค์
    และฉลองสมโภชน์องค์พระธาตุเจดีย์เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2011
  14. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ---ต่อมาเมื่อหมดบุญของท่านครูบาศรีวิชัยเถร องค์พระธาตุก็ขาดคนดูแลเพราะอยู่ในป่า
    พระภิกษุสามเณรมาอยู่จำพรรษาก็ลำบาก เรื่องอาหารบริโภค
    วัดพระธาตุจึงร้างไป พวกมารศาสนาหาของเก่าก็มาทำลายขุดองค์พระธาตุ
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐ หลวงพ่อสมชายท่านมาบูรณะต่อยอดที่หักไป
    ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๓๗ คณะศิษย์ครูบาเจ้าชัยยะวงศา ได้นิมนต์ครูบาเจ้าชัยยะวงศามา
    เป็นประธานในงานประเพณีสรงน้ำและเป็นประธานในการบูรณะก่อสร้างถาวรวัสดุ
    ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
    มีเฮลิคอปเตอร์บินด้วย--ทันสมัยมาก


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  15. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ผมพักที่เชียงใหม่ใกล้ๆแยก ซุปเปอร์ไฮเวย์แยกไปแม่ริม
    ต้องออกจากที่พัก ตี ๔ เดินทางไป อำเภอลี้ ๑๓๐ กิโลเมตร แล้วต่อไปถึงบ้านก้อ อีก ๔๓ กิโลเมตร ใช้เวลา(ทางรถ)เกือบ ๓ ชั่วโมง ลงเรือหางยาวตอน ๗ โมงเช้า(จากก้อไปอีก ๓๐ กิโล = ๒ชั่วโมงทางเรือ)
    โทรนัดเรือไว้กับ แพลุงดอก พร้อมอาหารกล่องมื้อเช้า+มื้อเที่ยง
    รูปข้างล่างนี้คือแพลุงดอก---ภัตตาคารลอยน้ำ
    หมอกบางๆอากาศเย็นสะบาย


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _DSC8637mr.jpg
      _DSC8637mr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      239.2 KB
      เปิดดู:
      1,945
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2012
  16. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ราวๆมา ๒๐ องศาเซลเซียส เย็นดี แต่ตอนลงเรือแล่น มีลม คงหนาวกว่านี้

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _DSC8650mr.jpg
      _DSC8650mr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      238.2 KB
      เปิดดู:
      1,927
  17. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    เรือหางยาวหน้าตาแบบนี้ ก็หน้าตาปกติเหมือนภาคกลาง
    ผมนั่งหน้าสุด-----------ถึงก่อน

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _DSC8669mr.jpg
      _DSC8669mr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      166.6 KB
      เปิดดู:
      1,930
  18. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ออกเรือมาหน่อยนึง มองกลับไปที่แพ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _DSC8673mr.jpg
      _DSC8673mr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      227.3 KB
      เปิดดู:
      1,955
  19. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    เรือแล่นออกมาอีก ๒๐๐ เมตร หันไปมองดูบังกาโลว์ หลังคาสีเขียวที่อยู่สูงบนเนิน ท่ามกลางหมู่ต้นไม้

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _DSC9198mr.jpg
      _DSC9198mr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      196.7 KB
      เปิดดู:
      1,873
  20. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ผมมาถ่ายรูปที่นี่ตอนน้ำแล้ง เมื่อ ๑๕ มิถุนายน ปี ๕๔ นี้แหละ
    ดูบังกาโลว์หลังนั้น อยู่สูงมาก
    ถ้าคิดถึงตอนเดือนธันวา นี้ ผมคงยืนอยู่ใต้น้ำลึก ๑๐ กว่าเมตร


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _DSC9199nmr.jpg
      _DSC9199nmr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      222.5 KB
      เปิดดู:
      1,914

แชร์หน้านี้

Loading...