วัตรปฏิบัติในการบิณฑบาต

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 ตุลาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,929
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,387
    ค่าพลัง:
    +26,202
    664F4045-7192-47C7-8440-0E64236D81EE.jpeg

    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง กระผม/อาตมภาพก็นำผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๗/๒๕๖๕ ปฏิบัติธรรม ต่อด้วยการทำวัตรเช้า หลังจากนั้นก็ออกบิณฑบาตตามปกติ คือโดยคติส่วนตัวแล้ว ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพจะนำพระออกบิณฑบาตเสมอ

    เนื่องจากว่าสมัยที่อยู่วัดท่าซุงนั้น กระผม/อาตมภาพบิณฑบาตประจำที่สายใต้ แล้วต้องเดินไปจนกระทั่งถึงประมาณหัวสะพาน ซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แต่จุดเด่นก็คือตรงนั้นจะเป็นสามแยก ซึ่งเป็นทางเก่าที่วิ่งตรงไปยังท่าเรือมโนรมย์ และเป็นทางใหม่ที่วิ่งข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง ตรงมโนรมย์เช่นกัน เมื่อเดินถึงตรงจุดนั้นแล้ว ถึงจะวกเข้าหมู่บ้าน เดินเลาะชายแม่น้ำสะแกกรังกลับมายังวัดท่าซุง

    วันนั้นปรากฏว่าฝนตกหนัก พระภิกษุสายใต้ซึ่งปกติเคยเดินบิณฑบาตด้วยกัน ๑๐ กว่ารูปก็หายกันหมด เหลือแต่กระผม/อาตมภาพกับพระอาจารย์สมปอง หรือท่านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ สุธมฺมสนฺตจิตฺโต ๒ รูปเท่านั้น

    เมื่อเดินไปจนถึงสุดทางแล้วก็สะท้อนใจมาก เพราะว่ามีคุณยายอายุ ๘๐ กว่า ซึ่งเป็นขาประจำในการใส่บาตร เดินถือใบกล้วยบังหัวอยู่ พร้อมขันข้าว คือคุณยายคงคิดว่าฝนตกแบบนี้ลูกพระอาจจะอด เพราะว่าบ้านอื่นไม่ใส่บาตรกัน จึงอุตส่าห์มายืนรอ

    ดังนั้น..เมื่อกระผม/อาตมภาพกับท่านอาจารย์สมปองไปถึง ยายจึงดีใจมาก วางใบกล้วย ยอมเปียกฝนมาใส่บาตร ตั้งแต่วินาทีนั้น กระผม/อาตมภาพก็รู้สึกว่า "ถ้าวันนี้กูไม่มานี่เสียหมาแน่นอน เพราะว่าคุณยายกลัวว่าลูกพระจะอด แต่ลูกพระกลัวเปียกฝน ไม่ยอมออกบิณฑบาต..!"

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ถ้าหากว่ากระผม/อาตมภาพอยู่วัด และไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยจนลุกไม่ขึ้นจริง ๆ หรือว่าติดงานคณะสงฆ์ที่สำคัญจริง ๆ อยากจะบอกด้วยความภาคภูมิใจว่า เคยขาดบิณฑบาตแค่ ๔ ครั้งเท่านั้น ถ้าหากว่าพระภิกษุรูปหนึ่งรูปใดอยู่วัดตลอดระยะเวลาการบวช ๓๗ พรรษา แล้วขาดบิณฑบาตแค่เพียง ๔ ครั้ง โปรดบอกกระผม/อาตมภาพด้วย จะไปกราบคาราวะจนถึงที่..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น บิณฑบาตจนวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ ก็คือรับบิณฑบาตที่บ้านนายจุนทกัมมารบุตร หลังจากที่เสวยพระกระยาหารแล้วก็เกิดปักขันธิกาพาธ ซึ่งถ้าเป็นสมัยนี้ก็น่าจะประมาณกระเพาะทะลุ ถ่ายเป็นเลือด พระองค์ท่านจึงต้องเสด็จพระราชดำเนินไปยังเมืองกุสินารา สถานที่ซึ่งตั้งพระทัยไว้ว่าจะปรินิพพาน

    เมื่อเป็นพุทธประเพณีอย่างหนึ่งว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกบิณฑบาตจนวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ ตลอดจนกระทั่งพระเถระ ครูบาอาจารย์ที่เน้นในเรื่องของการ สวดมนต์ทำวัตร เจริญพระกรรมฐาน บิณฑบาตเลี้ยงชีพ แล้วสั่งสอนตาม ๆ กันมา กระผม/อาตมภาพจึงค่อนข้างจะเคร่งครัดกับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ซึ่งพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนจะรู้ดี ถ้าหากว่าฝนตกวันนี้ ก็ทำใจไว้เลยว่าเป็น "วันซักผ้า" เมื่อกลับมาก็รีบฉันฉันอาหาร เสร็จเรียบร้อยก็ฉันยาแก้ไข้ แล้วซักผ้าเพื่อตากแห้งต่อไป

    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๕
    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9023

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...