วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ พิสูจน์พลังสวดมนต์ ที่สืบทอดจากสมัยโบราณ…ประโยชน์เพียบเลย

ในห้อง 'ประสบการณ์ ผลของการสวด' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 24 สิงหาคม 2018.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ พิสูจน์พลังสวดมนต์ ที่สืบทอดจากสมัยโบราณ…ประโยชน์เพียบเลย

    77788999.png

    วิทยาศาสตร์ พิสูจน์พลังการสวดมนต์ยังช่วยให้สมองซีกซ้ายและซีกขวา”ซิ้งค์” กันได้ดี โดยสมองส่วนต่าง ๆ จะทำงานเข้าขากัน หรือมีจังหวะตรงกันพอดี ซึ่งทำให้คิดอ่าน-เชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้อย่างยอดเยี่ยม

    นอกจากช่วยเรื่องสุขภาพกายใจแล้ว การสวดมนต์ยังช่วยให้สมองซีกซ้ายและซีกขวา”ซิ้งค์” กันได้ดี โดยสมองส่วนต่างๆ จะทำงานเข้าขากัน หรือมีจังหวะตรงกันพอดี ซึ่งทำให้คิดอ่าน-เชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้อย่างยอดเยี่ยม

    bXXhfJX.jpg

    การสวดมนต์เป็นมรดกล้ำค่าจากยุคโบราณที่ส่งต่อมาถึงคนรุ่นปัจจุบัน โดยคุณค่าไม่ได้สูญหายไปตามกาลเวลา

    แต่กลับเป็นศาสตร์อันลึกซึ้ง ที่พิสูจน์ได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่หลายสาขา

    อเล็กซา อิริคสัน ผู้ชื่นชอบการรักษาสมดุลแห่งชีวิตและความสุขจากภายใน ได้ค้นคว้าและเขียนลงในเว็บไซต์ http://www.collective-evolution.com เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2560 เกี่ยวกับประโยชน์ของการสวดมนต์ที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่พิสูจน์แล้ว ใจความว่า

    การเชื่อมโยงเรื่องราวทางจิตวิญญาณให้เข้ากับวิทยาศาสตร์ดูจะเป็นเทรนด์ของโลกวันนี้ ผู้คนสมัยนี้เรียกร้องให้มีการพิสูจน์ก่อนที่จะเชื่อถือเรื่องต่างๆหรือการปฏิบัติใด ๆ

    j9rOVf3.jpg

    การสวดมนตร์ นั้นเป็นของโบราณและเกิดขึ้นมายาวนานก่อนที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่จะบังเกิดขึ้นมาและสนับสนุนเรื่องนี้ มีการใช้การสวดมนต์เพื่อรักษาโรคและจุดพลังตัวตนเราให้สูงค่าดีงามขึ้น ปัจจุบันนี้วิทยาศาสตร์สามารถทำให้เราเชื่อมโยงกับสิ่งโบราณแต่ทันสมัยสิ่งนี้ได้แล้ว

    ไม่ว่าจะสวดมนต์อย่างถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง รู้ความหมายหรือไม่รู้ความหมาย ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ การสวดมนต์ได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อสุขภาวะทั้งร่างกายและจิตใจ

    เด็ก ๆ ก็สวดได้ แม้ไม่รู้ความหมาย ตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง
    B2iaiy6.jpg
    ขอบคุณภาพจาก กัลยาณมิตร

    ดังนั้นเป็นเรื่องที่ดี ที่จะสนับสนุนให้เด็กฝึกสวดมนต์ตั้งแต่เด็ก เพราะเกิดประโยชน์ด้านสุขภาวะกายใจของเด็ก

    ตามแบบแผนดั้งเดิมนั้น การสวดมนต์ในศาสนาฮินดู พุทธ คริสต์ อิสลาม และฮีบบรู มักใช้เป็นวิธี ปลุกคุณสมบัติด้านสว่างในตัวคุณ หรือใช้รักษาผู้คน แต่ ทุกวันนี้มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการสวดมนต์มากขึ้น นั่นคือสวดมนต์เพื่อรักษาสุขภาพและความสุข

    โจนาธาน โกลด์แมน
    qq17vTX.jpg

    มีความเป็นวิทยาศาสตร์หลากหลายสาขาที่อยู่เบื้องหลังการสวดมนต์ โดยโจนาธาน โกลด์แมน ชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นทั้งนักเขียน นักดนตรี และอาจารย์สอนในสาขาการบำบัดด้วยเสียงและคลื่นความถี่ กล่าวว่า

    “การสวดมนต์มีความเป็นศาสตร์แข็ง เช่น ฟิสิกส์ หรือเกี่ยวกับประสาทสัมผัสของมนุษย์ด้านการได้ยิน และอื่นๆ บางทีก็มีความเป็นศาสตร์แห่งจิตวิญญาณ เช่น การปฏิบัติของสายโยคะต่างๆที่มีการใช้เสียงด้วย”

    ดร.เฮอเบิร์ท เบนสัน ศาสตราจารย์ นักเขียน อายุรแพทย์เชี่ยวชาญด้านหัวใจ และผู้ก่อตั้งสถาบันการแพทย์ด้านร่างกายและจิตใจแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ศึกษาดูว่า การสวดมนต์ช่วยทำให้เกิดภาวะการตอบสนองอย่างผ่อนคลาย โดยนิยามการตอบสนองนี้ว่าเป็นความสามารถเฉพาะบุคคลที่จะกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยสารเคมีและคลื่นสมองซึ่งทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย กระบวนการหายใจช้าลง และความดันเลือดลดลง

    โกลด์แมนกล่าวว่า ดร. อัลเฟรด โตมาติส ใช้เสียงสวดมนต์ของนักบวชเกรกอเรียนกระตุ้นระบบประสาท สมอง และหู ของผู้เข้ามาบำบัด งานของเขาสำคัญมากต่อประโยชน์ของเสียงและการสวดมนต์ในทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ เขาพบด้วยว่า เสียงที่จำเพาะ มีความถี่เสียงที่สูงเป็นพิเศษจะกระตุ้นและสร้างพลังให้สมองส่วนคอร์เทกซ์และระบบประสาท

    และเขารู้ว่า เสียงสวดมนต์แบบอื่นจากประเพณีอื่นก็มีผลเช่นเดียวกัน นอกจากมีการศึกษาปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ในเรื่องการสวดมนต์ยังมีมีการศึกษาในศาสตร์อื่นอีกเหมือนกัน

    8BXhohV.jpg

    ดร.เดวิด ชานานอฟ –คาลซา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยเพื่อกลไกร่างกายและจิตใจแห่งสถาบันไบโอเซอกิตแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก และเป็นสมาชิกของศูนย์การแพทย์ผสมผสานที่มหาวิยาลัยแห่งนี้ รายงานถึงแนวคิดการใช้ การสวดมนต์เพื่อช่วยในการรักษาแบบฝังเข็ม

    pxBi8dc.jpg

    ดร.รานจิ สิงห์ นักประสาทวิทยาศาสตร์ นักเขียน นักธุรกิจ และนักการศึกษาโลก พบว่า

    การสวดมนต์เจาะจงบทใดบทหนึ่งซ้ำๆ จะทำให้ร่างกายปล่อยฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเกิดประโยชน์มากมายเช่น

    ลดขนาดเนื้องอก และช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น

    มีการค้นพบด้วยว่า การสวดมนต์นั้นเพิ่มออกซิเจนให้สมอง ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้ความดันเลือดดีขึ้น และทำให้คลื่นสมองสงบ และการสวดมนต์ยังสามารถทำให้สมองซีกซ้ายและซีกขวา”ซิ้งค์” กันได้ดี คือ สมองส่วนต่างๆ ทำงานเข้าขากัน หรือมีจังหวะตรงกันพอดี ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการคิดอ่าน-เชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นไปด้วยดี

    SZo293t.jpg

    ตอนท้ายสุด อเล็กซา ปิดท้ายว่า

    เมื่อเรารู้สึกไม่สบายทางร่างกายและจิตใจ แล้วแสวงหาการรักษา แม้ภาพของโลกที่การสวดมนต์กลายเป็นคำแนะนำอันดับต้นๆที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ อาจจะดูเป็นงานที่ยาก แต่ผู้คนทุกวันนี้ก็ตระหนักขึ้นเรื่อยๆ ว่าเราสามารถสวดมนต์เพื่อสุขภาพและความสุข ให้เราหวังกันเถอะว่า เราจะทำให้พลังของการสวดมนต์อยู่ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น และเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด






    ที่มา: http://www.collective-evolution.com…-chanting-mantra-validated-by-modern-science/

    อ่านเพิ่มได้ที่ : cheerfulpeace.blogspot.com/2017/05/blog-post_26.html



    -------------
    ขอบคุณที่มา
    https://koidoo.com/2018/05/20/วิทยาศาสตร์สมัยใหม่-พิส/
     
  2. Norawon

    Norawon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2018
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +208
    อนุโมทนาสาธุคับ
     
  3. พร้อมทาน

    พร้อมทาน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +126
    จริงแท้แน่นอนครับ... สำหรับข้อมูลข้างต้น คุณจะได้พบทักษะของตัวเองที่พัฒนาและเพิ่มมากขึ้นครับ..
     
  4. 7-11-12

    7-11-12 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    เห็นด้วยครับ. ทำงานได้ดีขึ้นจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...