เรื่องเด่น หลักธรรมะของพระพุทธเจ้าคือความเป็นธรรมชาติ ก็เท่ากับเป็นหลักเดียวของจักรวาล

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 18 สิงหาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,929
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,387
    ค่าพลัง:
    +26,202
    7F60F188-D967-4B1A-88B5-ABCB4C39EC03.jpeg

    ถาม : ธรรมะของพระพุทธเจ้าเกี่ยวข้องกับจักรวาลหรือไม่ ?
    ตอบ : หลักธรรมะของพระพุทธเจ้าคือความเป็นธรรมชาติ ก็เท่ากับเป็นหลักเดียวของจักรวาล คือสรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีอะไรทรงตัวอยู่ได้ วิทยาศาสตร์เพิ่งจะตามไปถึงแค่อนิจจังอย่างเดียว สรรพวัตถุล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยงเพราะเป็นแรงดึงดูดระหว่างอนุภาคคือพลังงานนั่นเอง พอเลิกดึงดูดกันก็สลาย ไม่มีอะไรเหลือ

    ถาม : .... (ไม่ชัด).....มายุคสมัยเรามีการเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานตลอดเวลา ?
    ตอบ : จะมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลาจะใช้ถึงระดับพลังงานนั้น ต้องได้รับการฝึกถึงระดับอภิญญา สังเกตว่าคนที่ได้อภิญญา สามารถมุดน้ำดำดิน เหาะเหินเดินอากาศได้ จริง ๆ ก็แค่ดึงเอาพลังงานในตัวมาใช้เท่านั้น

    ถาม : เคยดูวีดีโอ....(ไม่ชัด)... เขาดึงเอาพลังงานมาใช้หรือครับ ?
    ตอบ : จริง ๆ ก็คือพลังจิต พลังจิตที่สำคัญที่สุด เพราะสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบกายหยาบที่เป็นวัตถุธาตุได้

    ถาม : จริง ๆ เราจำเป็นต้อง.... ?
    ตอบ : ไม่จำเป็นต้องรู้ ทำให้ได้ก็พอ ส่วนใหญ่มัวแต่ไปฟุ้งซ่านคิดอยู่ ก็เลยทำไม่ได้สักที

    ลักษณะของการคิด เมื่อไปถึงระดับหนึ่งจะเกิดความคิดแตกฉานขึ้นมา แต่จะแตกกระจายกว้างออกไปเรื่อย ๆ คิดอะไรก็สมเหตุสมผลไปหมด แต่ให้สังเกตว่าไม่ได้สอนเราคิดเรื่องตัดกิเลส เพราะฉะนั้น..ถ้าเราไปคิดอยู่ หลงเสียเวลาคิดตาม ๒๐ ปี ๓๐ ปี คิดว่าเราเก่ง คิดอะไรก็ถูก คิดอะไรก็ดี แต่วิธีการละกิเลสไม่มีเลย หลายคนก็เผลอว่าตัวเองต้องได้มรรคได้ผลอะไรบางอย่าง เพราะคิดอะไรก็สามารถหาเหตุเชื่อมโยงได้ทุกอย่าง แต่ขอให้สังเกตชัด ๆ ว่า ไม่มีวิธีการละกิเลสแม้แต่นิดเดียว มารหลอกให้เราเสียเวลาคิด รู้ตัวก็รีบเลี้ยวกลับ

    มาถึงระดับนี้ถ้าต้องการเป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลกนี่สบาย เขียนทฤษฎีอะไรขึ้นมาก็ได้ จะสมเหตุสมผลไปหมด แข่งกับสตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง ได้สบาย แต่ไม่มีวิธีละกิเลส ฉะนั้น...ให้ระมัดระวัง มาถึงระดับนี้แล้วควบคุมตัวเองให้เป็น หยุดคิดให้ได้ หยุดไม่ได้ก็ฟุ้งซ่านไปเรื่อย พลังงานที่จะใช้ในการละกิเลส จะโดนดึงเอาไปใช้งานในการฟุ้งซ่าน กลายเป็นว่าผลการปฏิบัติหาความก้าวหน้าไม่ได้ พอถึงเวลา เอ๊ะ..ทำไมกิเลสกำเริบอีกแล้ว ? เพราะเราไม่ได้ละกิเลส เราดันไปคิดฟุ้งซ่านอย่างเดียว ถ้าจะเอาประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมก็แทบจะไม่มี

    ถ้าจะเอาทางโลก ๆ เอาอะไรก็คิดได้หมด อย่าง ดร.อาจอง ใช่ไหม ? คิดระบบยานลงจอดดวงจันทร์ได้สำเร็จ ขณะที่ฝรั่งคิดไม่ได้ นั่นฟุ้งได้ขนาดนั้น แต่ก็ดี เพราะเขาทำให้วัตถุธาตุต่าง ๆ ก้าวหน้าขึ้น แต่ถ้าเราตั้งใจละกิเลส เสียเวลาอย่าบอกใครเลย


    ...................................

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...