เสียงธรรม หักหอกเป็นดอกไม้ / พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ

ในห้อง 'ธรรมเทศนาทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 27 มีนาคม 2018.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018

    "ทุกข์ปัญหาดับได้ด้วยสติ"พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ

    bmatraining
    Published on Jul 23, 2014
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    "ชีวิตใหม่ หัวใจใหม่"พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ Live ! ที่รพ.สมุทรปราการ ชั้น๔

    " รักอย่างไร จึงไม่ทุกข์ " พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ Live !

    Pimukt Nawapreechakul
    Streamed live on Feb 4, 2017
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2018
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    ประวัติ พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณฺโณ (Phra Prasong Paripunno)
    พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๔๙๘ ณ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เมื่ออายุได้ ๒๒ ปี ท่านออกบวชตามประเพณีในช่วงเข้าพรรษา และเมื่อออกพรรษาในปีเดียวกัน ท่านได้ออกธุดงค์ไปยังที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ เพื่อศึกษาธรรมอย่างจริงจัง พระอาจารย์ประสงค์ เคยดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาสวัดป่าชิคาโก เป็นเวลากว่า ๘ พรรษา และปฎิบัติศาสนกิจในสหรัฐอเมริการ่วม ๑๔ พรรษา และรับนิมนต์ไปยังประเทศต่าง ๆ กว่า ๒๐ ประเทศ ท่านเป็นพระธรรมทูตสายสหรัฐอเมริกาและยุโรป มีผลงานทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง ที่ให้ข้อคิด คติธรรมในการดำเนินชีวิต
    ปัจจุบันท่านจำพรรษาอยู่ที่ อาศรมน้อมสู่ใจ จังหวัด ราชบุรี

    ผลงานที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง อาทิเช่น หักหอกเป็นดอกไม้ นอกจากนี้ ท่านยังมีผลงานหนังสือที่มีทั้งภาษาไทยและคำแปลภาษาอังกฤษ เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัยและแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ เช่น น้อมสู่ใจ ๑ น้อมสู่ใจ ๒ อมตวลี ผลงานสำหรับเยาวชนที่โดดเด่น อาทิเช่น ฮัลโหล! รู้สึกตัวหรือเคยชิน ทำไมต้องทำไม รักนะ…เด็กโง่ มองวัตถุทะลุถึงธรรม และ นิทานธรรมะกลับตาลปัตร เป็นต้น รวมถึง Mp3 ธรรมะฟังสบาย ก็เป็นที่นิยมอย่างสูง
    drawingphra.jpg

    ผลงานหนังสือ

    ประวัติ (คำบรรยายสำหรับ MC) คลิ๊กที่นี่ … [ PDF ] [ Word ]

    ไฟล์ PDF สำหรับพิมพ์
    :- http://phraprasong.org/about/



     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    ปุจฉาปัญญาธรรม ตอน ทำไมเราต้องนั่งสมาธิ ? พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ

    สามเณร ปลูกปัญญาธรรม
    Published on Jan 26, 2015
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    ธรรมะคือคุณากร ครั้งที่ ๒๓ ศีล สมาธิ ปัญญา มรรคาสู่นิพพาน โดย พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณฺโณ

    Manoonthum Thachai
    Published on Apr 18, 2015
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2020
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    อบรมภาวนา พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ

    Pimukt Nawapreechakul
    Published on Dec 7, 2017

    งานแสดงธรรมและนำปฏิบัติ ครั้งที่ ๔๔ วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ ห้องประชุมพระเทพโมลี อาคารผู้ป่วยนอก ชั้น ๔ โรงพยาบาลสมุทรปราการ ร่วมกับ ชมรมกัลยาณธรรม
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ แสดงธรรมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561

    มูลนิธิบ้านอารีย์ องค์กรสาธารณประโยชน์
    Published on Feb 16, 2018

    พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ อาศรมน้อมสู่ใจ จ.ราชบุรี แสดงธรรมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    หักหอกเป็นดอกไม้ : ธรรมะที่หลวงตา ประสงค์ ปริปุณโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดไทยในชิคาโก้ แสดงที่เรือนธรรม ประจำวันที่ ๒๕ มิ.ย.๕๑ มีรายละเอียดดังนี้
    นะโม ๓ จบ นั่งฟังกันตามสบาย ที่จริงเมื่อกี้ที่โยมอารธนาธรรมก็จะต้องขึ้นหัวข้อบาลี แต่อาตมาขอโอกาสว่า วันนี้ไม่ได้มาแสดงธรรม แต่ถือโอกาสมาปฏิบัติธรรมร่วมกันกับโยม โดยอาตมาภาพจะปฏิบัติธรรมในฐานะผู้พูด ส่วนญาติโยมทุกท่านจะปฏิบัติธรรมในฐานะผู้ฟัง เพราะฉะนั้น เมื่อพระถามทุกคนก็จะช่วยกันตอบ ตอบไม่ได้ก็จะตอบว่าไม่ทราบ อาตมาก็จะให้เลือกว่า จะเอาตัวช่วยหรือจะเปลี่ยนคำถาม ก็คงจะคุยสบายๆนะ
    ที่จริงธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องสบายๆ เมื่อก่อนพระองค์ทรงปฏิบัติธรรมเคร่งเครียดมาก เคร่งและก็เครียดอดอาหารจนกระทั่งเอามือลูบท้อง แล้วหนังหน้าท้องไปติดกระดูกสันหลัง พอเอามือลูบหลังก็ไปติดหนังหน้าท้อง เวลาคันตามตัวพอเอามือลูบตัวขนจะติดออกมาเลย ตอนนั้นท่านเคร่งมาก ปัญจวคีย์ชอบใจก็เฝ้าท่านตลอด พอตอนหลังท่านกลับมาเสวยพระกระยาหาร ปัญจวคีย์ทิ้งท่านเลย จนกระทั่งท่านบรรลุธรรม แล้วพอกลับไปหาปัญจวคีย์ ปัญจวคีย์ไม่เชื่อว่าท่านบรรลุธรรม แต่ท่านก็คุยด้วย ที่นี้เวลาคุยอาตมาก็ชอบใจ วิธีการที่พระพุทธเจ้าท่านทรงใช้สอนปัญจวคีย์ ท่านจะใช้วิธีการปุจฉา-วิสัชณา ก็คือถาม-ตอบ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านถามปัญจวคีย์
    พระพุทธเจ้า : ดูก่อนปัญจวคีย์ รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
    ปัญจวีคีย์ : ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า
    พระพุทธเจ้า : สิ่งใดไม่เที่ยง? สิ่งนั้นเป็นสุขหรือเป็นทุกข์?
    ปัญจวีคีย์ : เป็นทุกข์พระเจ้าข้า
    พระพุทธเจ้า : สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นควรยึดมั่นถือมั่นหรือไม่?
    ปัญจวีคีย์ : ไม่ควรพระเจ้าข้า
    พระพุทธเจ้า : ดูก่อนปัญจวคีย์ เวทนาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
    ปัญจวีคีย์ : ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า
    พระพุทธเจ้า : สิ่งใดไม่เที่ยง? สิ่งนั้นเป็นสุขหรือเป็นทุกข์?
    ปัญจวีคีย์ : เป็นทุกข์พระเจ้าข้า
    พระพุทธเจ้า : สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นควรยึดมั่นถือมั่นหรือไม่?
    ปัญจวีคีย์ : ไม่ควรพระเจ้าข้า
    พระพุทธเจ้า : ดูก่อนปัญจวคีย์ สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
    พระพุทธเจ้าทรงไล่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็ถาม-ตอบๆๆ อาตมาเปิดพระไตรปิฎกไปหลายๆหน้า ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ จนกระทั่งตอนจบปรากฏว่า พระโกฑัญญะแววตาแจ่มใสขึ้นมา เพราะว่า เห็นความไม่เที่ยง เห็นไตรลักษณ์ของสิ่งต่างๆตามทีละขั้นๆๆแล้วตอนสุดท้ายแววตาใส พระพุทธเจ้าทรงเปล่งวาจาอุทานบอกว่า อัญญา ศิวตโภ โกทัญโญ บัดนี้โกทัญญะรู้แล้วหนอ จริงๆท่านชื่อโกทัญญะ คำว่า อัญญา แปลว่า รู้แล้ว นั้นก็เลยกลายเป็นฉายาของพระโกทัญญะ เป็น อัญญาโกทัญญะเพราะฉะนั้น เดี๋ยวคืนนี้เราใช้วิธีการของพระพุทธเจ้าก็แล้วกัน
    ไหนใครเพิ่งจะเจออาตมาครั้งแรกยกมือขึ้นสูงๆ? เอามือลง ใครเคยเจอแล้วยกมือขึ้น? สาธุจ้า!! สาธุทั้งกับท่านที่ยกมือและไม่ยกมือ อย่างนั้นมาทำความเข้าใจกัน ปกติความสามารถในการพูด กับความสามารถในการฟังของคนเราจะไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยเราสามารถพูดได้ ๑๒๕ คำต่อนาที แต่ความสามารถในการฟัง เราสามารถฟังได้ถึง ๔๐๐ คำต่อนาที ผิดกันเกือบ ๓ เท่าตัว เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ตั้งใจให้ดี สมาธิในการฟังจะถูกหักล้างโดยสิ้นเชิง การฟังจะไม่ได้ประโยชน์ คนโบราณจึงบอกว่า เวลาฟังให้ฟังด้วยความเคารพ คำว่าเคารพมีองค์ประกอบอยู่ ๓ ประการก็คือ.......
    ๑. ระมัดระวังในขณะที่ฟัง เรียกว่า “ศีล”
    ๒. ตั้งใจในขณะที่ฟัง เรียกว่า “สมาธิ”
    ๓. ใคร่ครวญพิจารณาตามในขณะที่ฟัง เรียกว่า “ปัญญา”

    ตกลงฟังด้วยความเคารพก็คือ ฟังด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ๓ ประการนี้รวมกันเรียกว่า “ไตรสิกขา” เพราะฉะนั้น หลักของไตรสิกขา จะต้องเข้าไปในการทำ การพูด การคิด การประกอบภารกิจต่างๆของเรา
    กลับมาถึงเรื่องวันนี้ที่เราจะคุยกัน บอกแล้วว่า เราจะคุยแบบปุจฉา-วิสัชณา ถ้าอาตมาพูดคำว่าปุจฉาแสดงว่า อาตมาตองการที่จะถาม โยมก็จะพูดคำว่าวิสัชณา แปลว่าจะช่วยกันตอบ
    ปุจฉา : ปกติเวลาฟังใช้อะไรฟัง?
    วิสัชณา : หู
    ปุจฉา : (รู้แล้ว) ชีวิตของคนเราประกอบไปด้วยกายและใจ เพราะฉะนั้น เวลฟังก็ต้องใช้ทั้งหูและใจ ๒ สิ่งต้องไปด้วยกัน two in one ไม่ใช่ one to call
    หัวข้อวันนี้ที่จะคุยกันก็คือเรื่อง “หักหอกเป็นดอกไม้” ทีจริงหัวข้อนี้อาตมาตั้งมานานแล้ว บางคนคิดว่า อาตมาเพิ่งคิดเรื่องหอกหักอะไรอย่างนี้ ไม่เกี่ยวกัน อาตมาไม่ยุ่งกับการเมือง!! ตรงนี้ไม่ยุ่ง อย่าเอาไปโยงกันนะ พุทโธ ธัมโม สังโฆ เครื่องนี้จะทำให้ใจเย็นขึ้นมาก (หลวงตาหมายถึงเครื่องคอมพิวเตอร์) เขาจะมา ก็ต่อเมื่อเขาจะมา เขาจะมาก่อนมาไม่ได้ โยมลุ้นอย่างไร? ถ้าเขาไม่มา ก็จะยังไม่มา เหมือนเวลาเราคอยรถ รถมันจะมา มันจะมาก่อนมาไม่ได้ ต่อให้โยมยกนาฬิกาขึ้นมาดู จ้อง แล้วก็ถอนหายใจ ถอนสัก ๑๐ ครั้ง ถ้ายังไม่มา มันก็ยังไม่มา เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เวลาไปยืนคอยรถ อย่าไปคอยรถ ถือว่า ยืนภาวนา ดูใจไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเขามา เขาบอกเราเองว่า เขามาแล้ว เวลาคอยเรือก็เหมือนกัน คนเวลาคอยเรือ เรืออยู่ฝั่งโน้น จะไปยืนดึงเรือให้มาเร็วๆ พอเรือมาถึง เราขึ้นแล้ว จะผลักเรือต่อ ท่าไหนที่เราไม่ลง? มันอย่าจอด!! พยายามที่จะลุ้นไม่ให้เขาจอด
    เพราะฉะนั้น ตรงนี้อย่าไปยุ่งกับเขา ดูความรู้สึกที่เกิดขึ้นเฉยๆ จุดนี้เป็นจุดสำคัญ บางคนขยัน แต่ว่า เราขยันไม่ถูกวิธี อย่างมีคนบอกว่า เมืองไทยที่พัฒนาไปไม่ได้ เพราะว่า คนไทยเป็นคนขี้เกียจ
    ปุจฉา : ที่เมืองไทยพัฒนาไปไม่รอด เพราะคนไทยเป็นคนขี้เกียจใช่ไม๊? สังเกตนะโยม!! เย็นๆจะมีคนนั่งโขลกหมากรุกกัน ตอนที่อาตมาไปเดินธุดงค์แถวหนองน้ำคัน ไปแขวนกลดอยู่ที่ตีนภูกระดึง กลางคืนเขามีรำวง ตอนนั้นงานบุญพระเวสสันดร สมัยนั้นเพลงที่ดังก็อาบาอีบี ตอนนั้นดังมากเลย กลางคืนเราสวดมนต์ พอนั่งภาวนา เสียงเบสมันจะดังเข้ามาสะเทือนในใจ จนกระทั่งเพลีย ก็พัก เวลาพักก็จะได้ยิน รอบนี้สามช่า รอบหน้าตะลุง จนกระทั่งตอนเช้า เราตื่นขึ้นมาทำวัตรสวดมนต์เสร็จ ออกไปบิณฑบาต มันยังเต้นกันอยู่ ถามว่า ขยันหรือขึ้เกียจ?
    วิสัชณา : ขี้เกียจ
    ปุจฉา : ขยัน!! ขยันแต่ว่า ไม่มีปัญญา หัวข้อคืนนี้ “หักหอกเป็นดอกไม้” เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
    ตัวอย่าง มีเรื่องเล่าบอกว่า มีลาตัวหนึ่งทำงานมานาน หูตาฝ้าฟาง เจ้าของเห็นว่า หมดสภาพก็จะปลดเกษียณ แล้วก็ปล่อยเขาเดินเล่นตามสภาพ เดินไปเดินมาเขาก็พลาดตกลงไปในหลุม แล้วก็ร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือ พอเจ้าของได้ยินเสียงก็เดินมามองดูรอบๆ หลุมก็ลึก ไม่รู้จะช่วยมันอย่างไร? ลาตัวนี้ใช้งานไม่ได้แล้ว เดี๋ยวเวลามันตาย ก็ต้องขุดหลุมฝังมัน ตอนนี้ลากับหลุมก็มาอยู่ใกล้กันแล้ว แกก็เลยมาบอกคนในบ้าน คนในบ้านก็ใจดีมาก ถือพลั่วมาคนละอัน มาถึงแล้วก็ตักดินโยนออกไป พอดินถูกหลังลา ลาร้องโหยหวน รู้ถึงชะตากรรมชีวิตของตนเอง พอถูกดินที่โยนลงไป ลาก็ร้อง ร้องอยู่ ๓ ครั้ง แล้วมันก็เงียบ ข้างบนก็โยนดินลงไปเรื่อย แต่พอเห็นลาเงียบก็งงว่า เกิดอะไรขึ้น? พอมองลงไปในหลุม ก็เห็นปรากฏการณ์ใหม่ ลามันสลัดดิน มันไม่ยอมให้ดินอยู่บนหลังมัน พอคนโยนดินลงมา ลาก็สลัดๆๆเหยียบๆๆ ในที่สุดเป็นไง? ลาก็ขึ้นจากหลุมได้ นิทานจบเพียงแค่นี้ แต่อยากจะถาม

    ปุจฉา : นิทานเรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไรแก่เรา? ยกมือ!!
    วิสัชณา : เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
    ปุจฉา : สาธุให้กับโยม!!เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ดินเปรียบเสมือนปัญหาทั้งปวงที่โถมเข้ามาหาเรา ถ้าลาตัวนั้นเอาแต่ร้องๆๆโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ในที่สุดลาตัวนั้นเป็นอย่างไร? (ร้องจนกระทั่งปิดลมปากตัวเอง) แต่ลาตัวนี้เปลี่ยนวิกฤต แทนที่เขาจะร้อง เขาไม่ร้อง เพราะฉะนั้น สิ่งที่อาตมาอยากจะฝากก็คือ.......

    “ปัญหามีไว้ให้แก้ ปัญหาไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม ปัญหามีไว้ให้เหยียบ ปัญหาไม่ได้มีไว้ให้แบก” ใครที่ชอบแบกปัญหา? วันนี้จูงลากลับไปด้วยตัวหนึ่ง ทุกครั้งที่เราแบกปัญหา ให้ยกมือไหว้ลา คิดว่า มันฉลาดกว่าเรา เพราะว่า ลารู้จักที่จะเหยียบปัญหา เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ปัญหามีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น หลวงพ่อชาท่านใช้คำง่ายๆ ท่านใช้คำว่า “หู้ซื่อๆ”ปัญหาเกิดก็หู้ซื่อๆ คือรู้เฉยๆ สูตรที่พระพาหิยะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ก็คือพระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า.....
    “พาหิยะเอ๋ย!! เธอจงเห็น สักแต่ว่าเห็น ได้ยิน สักแต่ว่าได้ยิน” ก็แค่นั้น แล้วมันก็จบแค่นั้น แต่ของเราบางทีเห็น แล้วเราไม่สักแต่ว่าเห็น เราเก็บมาด้วย เรียกว่า เรา Save ข้อมูลมาเรียบร้อยด้วยเลย แต่เราไม่รู้ว่า ข้อมูลนั้นมีไวรัสกำกับมาด้วย มันทำลายเครื่องเราเสียหายหมด อยากจะให้ดูคนที่เขาสู้ชีวิต
    ตัวอย่าง หลวงตาฉายให้ดูคลิปเด็กนักเรียนชั้น ม.๓ อายุ ๑๕ ปีที่สู้ชีวิต เป็นเด็กชายที่ไม่มีแขนทั้งสองข้าง แต่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนอย่างคนปกติทั่วๆไป น้องไปโรงเรียนและตั้งใจเรียนหนังสือ โดยใช้เท้าเขียนหนังสือได้ ตอนกลางวันก็เล่นกับเพื่อนๆ เช่น เตะตระกร้อ เตะบอล บางทีก็เข้าห้องสมุด มีเรียนคอมพิวเตอร์ มีเรียนช่างก็ไปเรียน เพราะคิดอยากจะมีความรู้ด้านช่าง เพื่อที่จะหารายได้ช่วยพ่อแม่ คลิปได้ถ่ายภาพบรรยากาศการสอบวันสุดท้ายที่โรงเรียน โดยน้องสอบวิชาสังคม ประวัติศาสตร์ ศิลปะและดนตรี แล้วพอเลิกเรียนกลับไปถึงบ้าน น้องก็ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านด้วยเท้าทั้งสองข้างที่มี ปลูกผัก ล้างจาน รดน้ำต้นไม้ ซักผ้า ฯลฯ แต่สิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่งก็คือ การหัดซ่อมรถจักรยานและมอเตอร์ไซด์ ซ่อมยางรถที่รั่ว เปลี่ยนลูกสูบ เปลี่ยนโซ่ ใส่สายไฟ ใส่คันเร่ง ฯลฯ น้องคิดเพียงว่า “คนอื่นทำได้ ตัวเองก็ต้องทำได้ จึงลองพยายามหัดทำ” จนสามารถหารายได้ให้ตัวเอง ให้พ่อแม่ ทั้งๆที่ยังเป็นเด็ก เป็นคนพิการ เเละยังเรียนไม่จบ น้องให้สัมภาษณ์ว่า หากตนเองช่วยอะไรพ่อแม่ได้บ้าง? ก็อยากจะช่วยเพื่อเป็นการลดภาระให้พ่อกับแม่ ช่วยประหยัดเงิน และไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ไปโรงเรียน อยากปลูกบ้านใหม่ให้พ่อแม่ เพราะบ้านที่อาศัยอยู่กำลังจะพัง หากมีใครมาจ้างงาน? ก็จะไปทำ มีงานก่อสร้างก็ไปจะทำงานโบกปูน หรือเสาร์อาทิตย์ก็ไปรับจ้างรดน้ำข้าวโพด เขาให้วันละ ๕๐ บาท ก็ดี!! มีงานอะไรมา? ถ้าทำได้ ก็ทำหมด
    ช่วยสาธุให้กับคนๆนี้กันหน่อย (สาธุ) ถ้าอาตมาได้เห็นเรื่องแบบนี้จะชอบมากเลย ชอบที่เขาเป็นคนสู้ชีวิต เขาเป็นคนมีดวงตาเห็นธรรมนะ เพราะเขาบอกว่า เห็นอะไร? ก็ทำหมดเลย ที่นี้ข้างนอกเห็น แล้วทำไปเรื่อยๆ มันเกิดคุณธรรมในใจถ้าอาตมาเจอเด็กคนนี้ จะพาไปหาอาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม และก็มีหลายๆคนที่น่าสนใจ อาตมาได้มีโอกาสเจอคนประเภทนี้เยอะ เพราะว่า ที่ศูนย์ฟื้นฟู สมรรถภาพคนพิการที่ปทุมธานี เขาจะนิมนต์อาตมาอยู่ทุกปี ให้ไปพูดคุยกับคนที่ไม่มีแขน ไม่มีขาเป็นอัมพาต เขาจองประจำ ที่นิมนต์ไปประจำ ไม่ใช่เพราะอาตมาเก่ง (อาตมาไม่ได้เก่งอะไร?) แต่ที่ทุกครั้งพอแสดงธรรมเสร็จ คืนสตางค์เขาทุกที พอเขาทำบุญ อาตมาก็สาธุ ขอร่วมบุญ เพราะมีความสุขที่ได้มาพูดคุย มาให้กำลังใจ แล้วเวลาที่เขาฟังเราคุย ตาเขาแป๋ว อาตมาก็จะมีความสุขตรงนี้ ตรงที่เขาพยักหน้าตาม อย่างที่โยมพยักหน้าตามแบบนี้ แล้วพอตอนจบก็จะพาเขาภาวนากันด้วย
    ตัวอย่าง ขอเล่าถึงโยมที่อาตมาไปเจอ วันนั้นพออาตมาไปบรรยายจบแล้ว เขาก็พาเดินไปชมสถานที่ โยมรับประทานอาหาร ก็นั่งพักผ่อนกันอยู่ทั้งสองข้าง ก็มีโยมคนหนึ่งชื่อโยมแต๋ว ลุกขึ้นมายักไหล่ทั้ง ๒ ข้าง แล้วก็บอกว่า.....
    โยมแต๋ว : หวัดดีค่ะอาจารย์ แล้วก็มองมาที่อาตมา (เขาไม่มีมือสักมือหนึ่งเลย)
    หลวงตา : เป็นมาตั้งแต่กำเนิดหรือโยม?
    โยมแต๋ว : ไม่ใช่ค่ะ เพิ่งมาเป็น โดนไฟช๊อต เพราะไม่ได้ระวัง ไปเสียบปลั๊กไฟตอนตัวเปียกๆ
    พระพุทธเจ้าสอนการรู้จักสิ่งต่างๆ ต้องรู้จักถึง ๓ ประการคือ...
    ๑. รู้นอัตถสาถะ คือรู้คุณของสิ่งเหล่านั้น
    ๒. รู้อาทินาวะ ก็คือ โทษของสิ่งเหล่านั้น
    ๓. รู้นิสสารณะ คือรู้วิธีเกี่ยวข้องโดยที่ไม่เป็นทุกข์
    เพราะฉะนั้น รู้คุณ รู้โทษ และรู้วิธีเกี่ยวข้องโดยไม่เป็นทุกข์ เวลาเราจะเกี่ยวข้องกับไฟฟ้า ไฟฟ้ามีคุณไม๊? (มี) คุณของไฟฟ้าคือให้แสงสว่าง ไฟฟ้ามีโทษไม๊? (มี) โทษก็คือช๊อตตาย และถ้าใช้มากๆ พอบิลมา จะบินตามมันไป ตอนนี้พยายามปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นบ้านละหนึ่งดวง เวลาเกี่ยวข้องกับไฟฟ้ามีโทษถึงช๊อตตายได้ หากมีสายไฟฟ้าชำรุด เราก็ต้องเปลี่ยนสายไฟ หรือหากตัวเราเปียก เราก็ต้องเช็ดให้แห้งก่อน แล้วลองเอาหลังมือแตะดู ถ้ากระตุก เราก็ต้องกลับออกมาข้างนอก ก็ต้องลองดูก่อนก็แล้วกัน แต่ของโยมแต๋วโดนไฟช๊อต แล้วก็เลยโดนตัดแขนทั้งสองข้าง สามีน่ารักมาก พอเห็นภรรยาแขนขาดสองข้าง ก็ทิ้งเลย แต่โยมแต๋วไม่ท้อ แกก็เลยไปฝึกอาชีพ คือตัดเสื้อผ้า โดยไปกายภาพบำบัดก่อน ไปคลายเส้นที่ยึด แล้วก็ใส่แขนเทียม แล้วก็ฝึกตัดเย็บ เป็นช่างตัดเสื้อฝีมือดี ก่อนที่อาตมาจะกลับก็เลยถามว่า.....

    หลวงตา : ขออภัยนะโยม เมื่อก่อนเคยมีแขน แต่ตอนนี้ไม่มีแขน รู้สึกอย่างไรบ้าง? ป็นมาตั้งแต่กำเนิดหรือโยม?
    โยมแต๋ว : (ยิ้ม) รู้สึกสบายค่ะอาจารย์ เพราะตั้งแต่ไม่มีแขน หนูไม่เคยปวดแขนเลยค่ะ
    หลวงตา : โยมสาธุให้แก่หน่อยจ๊ะ (สาธุ) แกรู้จักหักหอกเป็นดอกไม้ ยอดเยี่ยมมากเลย แกไม่ได้ประชดอะไรนะ? อาตมาดูแววตาแกมีความสุขมากเลย คือยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นได้
    ตัวอย่าง อีกคนหนึ่งอาตมาเรียกเขา สุดยอด ชื่อจริงเขาคือดำริ ทำงานเกี่ยวกับสายไฟพอดี เขาโดนไฟช๊อต แล้วขาก็ขาดทั้งสองข้างเลย ตอนนี้เป็นทีมชาติในการแข่งกีฬาคนพิการ ตอนที่ไฟซ๊อต เขากระเด็นตกจากรถลงมา แล้วก็สลบไป รถก็ไฟลุกไหม้ คนที่วิ่งมาดู พอเห็นคนบาดเจ็บข้างๆก็พาไปรักษา ส่วนคนเจ็บหนัก กระเด็นไปหลังรถ ไม่มีใครมองเห็น? เขาสลบไป แล้วฟื้นขึ้นมา มองเห็นรถถูกไฟไหม้ ก็กลัวว่า รถจะระเบิด แกก็เลยลุก พอลุกแล้วก็ล้มลงมา เดินไปไหนไม่ได้? มองไปขาดำปี๋ทั้งสองข้าง แกก็เลยขยับตัว พอขยับแล้ว เนื้อหลุดออกเป็นชิ้นๆเลย ไฟไหม้เป็นถ่านไปหมดแล้ว แกพูดอะไรไม่ออก? ตะลึง!! จนกระทั่งมีคนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็มาช่วยนำแกไปโรงพยาบาล พอไปถึงหมอดูแผล แล้วบอกว่า ต้องตัดทิ้งหมด เพราะมันไหม้ เนื้อใช้การไม่ได้ ถูกพันเป็นมัมมี่ ภรรยามาเยี่ยม ซึ่งภรรยาก็น่ารักอีกมากๆเหมือนกัน พอเห็นแล้วก็ทิ้งเลยเหมือนกัน เขาก็รักษาแผลอยู่ที่โรงพยาบาลนาน จนกระทั่งไปแผลเริ่มหาย เขาก็ไปทำกายภาพบำบัด แล้วพออาการดีขึ้นก็ส่งไปยังศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ไปฝึกอาชีพ หลังจากฝึกไปๆ แกยิ้มอย่างมีความสุข เวลาเขาร้องเพลง แกก็ร้องเพลงตามเขาอย่างสนุกสนาน มีคนไปสัมภาษณ์แก ถามบอกว่า
    ผู้สัมภาษณ์ : ขออภัยทราบว่า ภรรยาของคุณทิ้งคุณไป ไม่ทราบว่า คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?
    ดำริ : (ยิ้ม) ผมไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ? ขนาดขาผมแท้ๆ ยังไม่อยู่กับผม แล้วจะให้เมียมาอยู่กับผมได้อย่างไร?
    หลวงตา : โยมสาธุให้แก่หน่อยจ๊ะ (สาธุ) นี่ก็คือคุณดำริแกรู้จักหักหอกเป็นดอกไม้ เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่เกิดปัญหาลองพลิกความรู้สึกดู ถ้าเราพลิกได้ แล้วมีความสุข อยู่ในที่ร้อน ก็อบอุ่น อยู่ในที่อุ่น ก็สบาย ใครจะมีปัญหา? เขาไม่มีปัญหากับใคร? เพราะแกพลิกความรู้สึกได้
    ตัวอย่าง อีกคนหนึ่งคือคุณฌอง โดมินิค โบบี้ เคยเล่าให้ฟังที่นี่ไม๊? (ไม่เคย) ชื่อฌอง โดมินิค โบบี้ น่าจะเป็นชาวอะไร? (ฝรั่งเศล) คุณฌองอายุ ๔๓ เส้นโลหิตในสมองแตก เป็นอัมพาตทั้งตัว หนังสือพิมพ์ไฮโซในฝรั่งเศส ลงข่าวบอกว่า ตอนนี้เจ้าฌองกลายเป็นผักที่ถูกถอนออกจากแปลงแล้ว ผักที่ถูกถอนออกจากแปลงก็รอแต่วันที่จะเ่ยวอย่างเดียว ฌองพูดไม่ได้ เป็นอัมพาต ตาขวาเบิกกว้าง กระพริบไม่ได้ หลับตาไม่ได้ มีแต่ตาซ้ายที่กระพริบได้ด้านเดียว น้ำลายไหลยืด ซี๊ดก็ซี๊ดไม่เป็น สู้คนหลับไม่ได้ เพราะคนหลับซี๊ดได้นะ คนที่หลับอยู่ พอน้ำลายไหลจนสุด แล้วซี๊ดขึ้นมาได้ แต่ของฌองซี๊ดเองไม่ได้ ขาขยับไม่ได้ แขนขยับไม่ได้ ขยับไม่ได้ทุกอย่างเลย ได้แต่ตากระพริบด้านซ้ายด้านเดียว
    ปุจฉา : ถามจริงๆถ้าหากเราต้องเป็นอย่างนั้น? (ขออย่าให้เราต้องเป็นอย่างนั้น) พูดไม่ได้ นอนน้ำลายไหล อุจจาระ ปัสสาวะเลอะเทอะ พวกเราคิดว่า พวกเราอยากทำอะไร?
    วิสัชณา : ตาย
    แต่ความคิดนี้ไม่มีอยู่ในหัวเจ้าฌอง เขามีลูก ๒ คน คนหนึ่ง ๙ ขวบ อีกคนหนึ่ง ๑๑ ขวบกว่า ฌองคิดว่า ต้องหาเงินส่งลูกให้จบมหาวิทยาลัยให้ได้ แล้วในที่สุดเขาก็หาได้จริงๆ เขาหาอย่างไร? ในเมื่อพูดไม่ได้ ขยับตัวก็ไม่ได้ เขาเขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง เขียนอย่างไรในเมื่อขยับมือไม่ได้? (ใช้กระพริบตาเขียนหนังสือ) กระพริบตาอย่างไรถึงออกมาเป็นตัวหนังสือได้? ตอนแรกๆคุยกับใครไม่ได้เลย จนกระทั่งลูกมาหา ลูกมาถึงก็มานั่ง เขาอยากจะกอดคอลูก อยากจะเล่นกับลูก แต่ทำอะไรไม่ได้? ได้แต่มองตาแป๋ว ตาขวาแป๋วอยู่แล้วเพราะกระพริบไม่ลง มันค้าง ส่วนตาซ้ายมองได้ กระพริบได้ ลูกมาถึงก็มองพ่อ เช็ดน้ำลายให้พ่อ เพราะมันยืดอยู่ตลอดและไหลอย่างนั้นอยู่ตลอด แกรู้สึกทรมาน รำคาญตัวเองว่า แม้แต่น้ำลายอยู่ในปาก แกก็จะดึงให้ย้อนคืนมาไม่ได้ ลูกก็มอง เช็ดน้ำลายให้บอก
    ลูก : พ่อเบื่อไม๊?
    พ่อ : พ่อขยับตาให้ พรึ่บ!!
    ลูก : คุยรู้เรื่อง!! พ่ออยากทำอะไรไม๊พ่อ?
    พ่อ : พรึ่บ!! แต่ไม่รู้จะบอกกันอย่างไร?
    ลูก : พ่ออยากดูทีวีไม๊?
    พ่อ : พรึ่บ!!
    ลูก : เปิดทีวีให้พ่อ แล้วบอกพ่อเอาช่องนี้ไม๊?
    พ่อ : เฉยๆ (ไม่กระพริบตาโต้ตอบ)
    ลูก : เปลี่ยนไปเจอช่องการ์ตูน บอกพ่อเอาช่องนี้นะ (เมื่อกี้บอกเอาช่องนี้ไม๊? พอเจอการ์ตูนบอกเอาช่องนี้นะ)
    พ่อ : พรึ่บ!! แล้วดูการ์ตูนไปกับลูก
    ตอนหลังพอใครๆรู้แล้ว เวลามาเยี่ยมก็ชวนคุย
    เพื่อน : ฌองเบื่อไม๊?
    ฌอง : พรึ่บ!!
    เพื่อน : อยากทำอะไรไม๊?
    ฌอง : พรึ่บ!!
    เพื่อน : อยากกินอะไรไม๊? ถามสารพัดอย่างที่จะถาม?
    ฌอง : เฉยๆ (ไม่กระพริบตาโต้ตอบ)
    เพื่อน : อยากเขียนหนังสือไม๊?
    ฌอง : พรึ่บ!! (เพราะฌองเป็นบรรณาธิการนิตยสารเก่า)
    เพื่อน : จะให้เขียนอย่างไร? ในที่สุดก็ไปหา Chart มาแผ่นหนึ่ง แล้วก็เขียน A B C ใส่ไปเรื่อยๆ แล้วบอกฌองจะเอาตัวไหนก็กระพริบตาบอกก็แล้วกัน แล้วเพื่อนก็อ่านให้ฟัง สมมุติจะเอาคำว่า Love hart อย่างนี้ เพื่อนก็อ่าน A B C…K
    ฌอง : เฉยๆ (ไม่กระพริบตาโต้ตอบ)
    เพื่อน : L
    ฌอง : พรึ่บ!!
    เพื่อนก็ได้ตัว L มาตัวนึง แล้วเพื่อนก็ไล่อักษรตัวอื่นไปเรื่อยๆ ฌองขยับตาไป ๒๐๐,๐๐๐ กว่าครั้ง ส่วนเพื่อนอ่านไป ๑ ล้านกว่าเที่ยว พออ่านแล้วไม่ใช่ ผิดแล้วก้ต้องมาสะกดกันใหม่ อย่างภาษาบางคำ คำว่าพระจันทร์กับแว่นตา มันจะสะกดคล้ายกัน ใครได้ภาษาฝรั่งเศสบ้าง? ถ้าฌองจะเขียนคำว่า แว่นตา แต่เพื่อนไปเขียนคำว่า พระจันทร์ ก็ต้องบอกเอาใหม่อีก จะส่ายหัวก็ส่ายไม่ได้ ตรงนั้นหนักมากเลย หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรก ๒๕,๐๐๐ เล่ม วางตลาดตอนเช้า ตอนบ่ายขายหมด เงินก้อนมหาศาลขึ้นมา เท่านั้นไม่พอ มีคนบริจาคเงินช่วยเหลือเข้ามาอีก เขาก็เลยเอาเงินเข้าบัญชี แล้วที่เหลือก็เอาไปตังค์กองทุนสำหรับคนที่เป็นอัมพาตทั้งตัว ตั้งมูลนิธิสำหรับคนที่เป็นอัมพาตทั้งตัว โยมอยากฟังไม๊ว่า ฌองเขาเขียนว่าอย่างไร?
    ในหนังสือของฌองสั่นสะเทือนวงการแพทย์ของฝรั่งเศสมากเลย ฌองเขียนบอกว่า แพทย์ของฝรั่งเศสยังไม่รู้จักคนที่เป็นอัมพาตทั้งตัว เพราะเขายังปฏิบัติกับคนไข้ที่เป็นอัมพาตทั้งตัวไม่เป็น พอบุรุษพยาบาลมาถึง เห็นฌองถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะทั้งตัว ก็พลิกผลัก ฌองเจ็บไม๊? (ไม่เจ็บเพราะเป็นอัมพาตทั้งตัว) แต่เขาเจ็บที่ไหน? (ใจ) ฌองบอกเขาเป็นคนๆๆแล้วเวลาที่เขาคุยกัน ก็คุยในเรื่องฌองไม่อยากจะได้ยินได้ฟัง เพราะฉะนั้น ปัจจุบันเวลาเราคุยต้องทราบนะ เราควรคุยเรื่องเดียวกันสักนิดนึง
    ตัวอย่าง วันนั้นอาตมาไปเจอคุณโยมที่เขาเชียร์นักการเมืองคนละฝ่าย แต่บังเอิญเขาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์องค์เดียวกัน แล้วเขานั่งติดกัน แต่เขาคุยกันอย่างสนุกสนาน โยมอยากรู้ไม๊ว่าเขาคุยกันเรื่องอะไร? (เขาชอบบอลทีมเดียวกัน) เพราะฉะนั้น ถ้าคุยกับใคร? แล้วมีปัญหาก็ระวังบางเรื่องก็แล้วกัน หักหอกไม่ทัน จะกลายเป็นหอกหัก แล้วก็จะทำให้มีปัญหา
    กลับมาที่เจ้าฌองอีกนิด ในหนังสือของฌองเขาเขียนอะไร? ตรงนี้น่าสนใจ วงการแพทย์สั่นสะเทือน หลายๆคนที่มาดูแลฌองก็หนาวๆร้อนๆไปตามๆกัน อย่างเช่นบุรุษพยาบาลก็โดนฌองเขียนอัดไว้เยอะอยู่ เขาพุดจาหยาบคาย ฌองไม่อยากฟัง แต่อุดหูไม่ได้ บางครั้งเวลาอาบน้ำก็ปล่อยเขาโล่งโจ้ง อายเป็น ปิดก็ปิดไม่ได้ ต้องนอนอายอยู่อย่างนั้น หลังจากนั้นก็มีหมอจักษุแพทย์ นัดฌองตอน ๘ โมง ฌองก็คอยจน ๙ โมงกว่า พอจักษุแพทย์มาถึงก็ตรวจ จับฌองแหกตา เอาไฟฉายส่อง ถามว่า เห็นภาพซ้อนไม๊? เขาใช้เวลาอยู่กับฌองแค่ ๔๕ วินาทีเท่านั้น จดๆๆ แล้วก็ไป ตอนที่หมอถามฌองว่า เห็นภาพซ้อนไม๊? ฌองอยากจะตอบว่า เห็นหมอบ้า ๒ คน แต่ฌองพูดไม่ได้ แต่เขียนในหนังสือได้
    ที่อาตมาประทับใจก็คือว่า ตอนหนึ่งที่เพื่อนกลัวว่า ฌองจะเบื่อ ก็เลยพาฌองไปนอนริมทะเล มีภรรยานอนอยู่ข้างๆ ลูก ๒ คนวิ่งเล่นริมทะเล บังเอิญลูกคนเล็กทำทรายเหวี่ยงมาปิดจมูกฌอง แล้วฌองทำไงล่ะ? (ขยับเปลือกตา...จนตาเหลือกก็ไม่มีใครหันมามอง?) จนกระทั่งฌองสำลักทรายขึ้นมา ภรรยาหันมาเห็นกองทรายปัดจมูกอยู่ ก็เลยช่วยปัดให้ ฌองเขียนในหนังสือบอกว่า ตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน เขาไม่เคยคิดเลยว่า เม็ดทรายเม็ดเล็กๆสามารถที่จะฆ่าคนได้ ไม่เคยมีในหัวเขา แต่ที่อาตมาประทับใจมากที่สุดก็คือ วันหนึ่งขณะที่ฌองนอนอยู่ นิ้วเท้ากระดิกได้ ฌองดีใจสุดชีวิต โยมลองกระดิกนิ้วเท้าดูซิ กระดิกได้ไม๊? (ได้) รู้สึกดีใจไม๊? (เฉยๆ) ทำไมจึงรู้สึกเฉยๆ? เพราะว่า มันทำได้อยู่แล้ว ฌองเขียนลงหนังสือตรงนี้น่าสนใจฌองบอกว่า ในขณะที่คุณเคลื่อนไหวอาการ ๓๒ ได้อยู่ คุณจะไม่ทำความดีอะไรฝากไว้บนผืนโลกนี้ก่อนหรือ? หรือจะรอให้เหลือแค่ขยับเปลือกตาได้เพียงด้านเดียว แล้วค่อยทำ ช่วยสาธุให้ฌองหน่อย (สาธุ) แล้วถ้าเราเหลือเพียงแค่ขยับตาได้เพียงด้านเดียว เราจะทำอะไรไม๊? (ขนาดตอนนี้มีทุกอย่างยังไม่ทำ) บางคนน่ารักมาเป็นลูกชาวเกาะ เกาะพ่อ เกาะแม่ เกาะอยู่อย่างนั้นเอง ไม่ยอมที่จะเปลี่ยนตัวเอง
    ตัวอย่าง มีอาแปะ อายุ ๖๐ พาลูกชายอายุ ๓๐ ไป พอดีไปเจอซินแส แล้วซินแสก็ดูหมอให้บอกว่า อาแปะลื้อจะอายุยืนแต่อยู่แค่เพียง ๘๐ ปี อาแปะบอก ๘๐ ปีก็ดีแล้ว แล้วพอซินแสไปดูหมอให้ลูกชาย แล้วก็บอกว่า อาตี๋...ลื้อนั้นก็ ๘๐ เหมือนกันนะ อายุยืน ลูกชายร้องไห้เลย เตี๋ยก็งง!! แกร้องไห้ทำไม? ลูกบอกตอนนี้เตี๋ยอายุ ๖๐ ปี อีก ๒๐ ปีก็ตาย ส่วนอั๊วอีก ๕๐ ปีถึงตาย ถ้าลื้อตาย แล้วใครจะเลี้ยงอั๊ว? ตกลงกลัวว่า จะไม่มีใครเลี้ยง?
    ตรงนี้เป็นกันเยอะ คนบางคนทำตัวเรียกว่า เป็นสวะที่ลอยตามน้ำ ส่วนคนบางคนหนักกว่านั้น เป็นหมาเน่าลอยตามน้ำ ไปติดบ้านใคร? เขาก็เขี่ยทิ้ง บางคนทำตัวเป็นกาฝากเกาะต้นไม้อื่น ส่วนบางคนทำตัวเป็นต้นไม้กระถาง กาฝากถ้าต้นไม้ใหญ่ล้ม มันตายนะ!! ต้นไม้กระถางถ้าไม่มีใครรดน้ำ? (มันก็ตาย) เพราะฉะนั้น เราควรทำตัวเป็นอะไร? (ไม้ยืนต้น) เป็นต้นหญ้าน้อยๆก็ได้ “แม้บ่ได้เป็นเขา อันสูงใหญ่ เป็นเนินดินก็ได้ ให้เด็กเล่น แม้บ่ได้เป็นวัน พระจันทร์เพ็ญ เป็นหิ่งห้อย ให้คนเห็น ก็คือกัน” คือเราเป็นอะไรๆเล็กๆน้อยๆก็ได้เช่นกัน “แม้บ่ได้เป็นไก่เคเอพซี ที่ขึ้นห้าง เป็นไก่ย่างข้างถนน ก็สุขสันต์ เป็นอะหยังก็ได้ บ่สำคัญ เป็นคนดี ก็แล้วกัน เท่านั้นพอเด้อ” ช่วยสาธุให้คนแต่งหน่อย (นั่งอยู่ตรงนี้แหล่ะ) เขียนเล่นๆว่า เราไม่ต้องเป็นอะไรที่ใหญ่โต? แต่เราเป็นเล็กๆ แต่ว่าพอที่จะอยู่ได้ด้วยตนเอง อย่างเป็นต้นหญ้าน้อยๆที่หยั่งลงสู่พิ้นดิน หาเลี้ยงตนเองได้
    กลับมาที่เมื่อกี้เล่าเรื่องเจ้าฌอง ตกลงว่า หนังสือเจ้าฌองออกตลาดได้ ๓ วัน ฌองก็เสียชีวิต เขาก็สามารถหาเงินเข้าธนาคารเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้แก่ลูก ตั้งเจตนามุ่งมั่นมาก เพราะฉะนั้น โปรแกรมจิตของเราตั้งได้ แต่เจ้าฌองเขาไม่ค่อยรู้เท่าไหร่? เขาก็สามารถที่จะตั้งตัวนั้นได้ แค่นั้นยังไม่พอ มีเงินที่คนบริจาคมา ก็เป็นมูลนิธิให้หมอค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องคนที่เป็นอัมพาตทั้งตัว จะได้มีกองทุนสำหรับการศึกษาค้นคว้ากันต่อ
    คนสุดท้ายที่อาตมาอยากจะเล่าสู่กันฟัง คือ อ.กำพล ทองบุญนุ่ม ซึ่งหลายคนอาจะเคยฟังประวัติ บางคนอาจเคยดูซีดี แต่อยากจะมาเล่าให้ฟัง อาตมาเสียดายว่า เจ้าฌองไม่ได้เจอ อ.กำพล ทองบุญนุ่มเสียก่อน ถ้าเขาเจอ เขาอาจจะได้อะไรบ้าง? ตอนอาตมาไปฝรั่งเศสก็เสียดายว่า ไม่ได้ไปดูตรงหลุมฝังศพเขา แต่ไปก็คงทำอะไรไม่ได้? ได้แต่บอกเขาว่า มีโอกาสภาวนาก็ภาวนาเน้อ แต่ไม่รู้ไปอยู่ภพไหนแล้ว? เรื่องของการภาวนาก็แล้วแต่นะ ในภพนี้เราก็สร้างอุปนิสัยไว้ก่อน
    กลับมาถึง อ.กำพล ตอนอายุแค่ ๒๔ สอนวิชาพละ วิชาดำน้ำ แล้วบังเอิญวันนั้น กระโดดน้ำตั้งองศาผิด พอกระโดดลงไปโดนก้นสระ กระดูกข้อที่ ๕ เคลื่อน นอนเป็นอัมพาตอยู่ใต้น้ำ แต่สติดีมากเลย พ่อบอกว่า ถ้าจมน้ำให้ตั้งสติให้ดี แล้วพอเห็นคนว่ายน้ำผ่านมา ให้ทำตาโตๆแล้วพ่นฟองอากาศขึ้นไป แกเห็นลูกศิษย์ว่ายผ่าน แกก็ทำตาโตๆพ่นฟองอากาศออกไป แต่ลูกศิษย์ก็ว่ายน้ำผ่านไป พอว่ายกลับมา แกก็ทำตาโตๆพ่นฟองอากาศออกไปอีก ว่ายผ่านมา แกก็ทำตาโตๆพ่นฟองอากาศออกไปอีก จนกระทั่งลมหมด ลูกศิษย์ก็งง ทำไมอาจารย์ดำอึดขนาดนี้? พอว่ายน้ำไปดู เห็นตาโตอยู่ ลูกศิษย์ก็เลยดำน้ำลงไปเอาขึ้นมา พอขึ้นมาแล้ว จับตัวเธอ เธอก็ไม่รู้เรื่อง เลยนำส่งโรงพยาบาล หมอก็มาเช็คจับ แล้วถามรู้สึกไม๊? เขาเอาเข็มจิ้ม ก็ไม่รู้เรื่อง ก็เลยเอาฟิล์มเอ็กซเรย์มาดู เห็นกระดูกข้อที่ ๕ เคลื่อน แล้วเลยรีบผ่าตัด หลังจกผ่าตัดเสร็จก็พลิกมือได้เท่านั้นเอง อ.กำพล พยายามที่จะสารพัดทำ จากหมอที่รักษา ไปนักกายภาพบำบัด หมอนวด หมอแผนไทย หมอแผนโบราณ จนไม่ได้ก็หาหมอผี ทำทุกอย่างก็ได้อยู่แค่นั้น ในที่สุด อ.กำพลนอนเป็นทุกข์อยู่ ๑๖ ปี เป็น ๑๖ ปีที่เคลื่อนไหวไม่ได้ คืออ.กำพลรู้สึกว่า อยากจะดูแลพ่อแม่ แต่ตอนนี้พ่อแม่กลับต้องมาดูแลแก ทุกครั้งที่พ่ออุ้มไปอาบน้ำ อ.กำพลจะสะเทือนใจ ทำไมเราต้องมาเป็นภาระ?
    ตอนหลังมีอาจารย์ท่านหนึ่งสงสาร มาบอกอ.กำพลให้ลองเขียนจดหมายไปคุยกับหลวงพ่อคำเขียนดู เผื่อจะได้ข้อคิดดีๆ อ.กำพลก็เลยเขียนจดหมายบอกว่า ข้าพเจ้าเป็นคนมีกรรม อยากปฏิบัติธรรมก็ปฏิบัติไม่ได้ เพราะว่าเป็นอัมพาต อาจารย์คำเขียนรีบตอบมาเลยว่า ถ้ายังหายใจได้ ก็ปฏิบัติธรรมได้ ถ้าหายใจได้ ก็จับลมหายใจไปเรื่อยๆ ถ้าเคลื่อนไหวกายได้ ก็ลองเคลื่อนไหวกาย จับความรู้สึก อ.กำพลก็ดีใจ เริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่ตอนนั้นเลย อ.กำพลเล่าให้ฟังว่า อริยบทต่างๆมีน้อย มีแค่หายใจกับแค่พลิกมือ ก็เลยทำ เท่าที่ทำได้ เวลาจับลมหายใจเบื่อๆ ก็ยักคิ้วบ้าง แล้ววันหนึ่งหลังจากนอนพลิกมือ จากจิตที่คิดฟุ้งซ่านไปในเรื่องอดีตว่า ไม่น่าเลย ถ้าเราไม่โดดแบบนั้น คงไม่เป็น มันแก้ไขไม่ได้ จากที่จิตคิดแบบนั้น มันไม่คิดแล้ว มันมาอยู่ที่การเคลื่อนไหว พอพลิกมือก็รู้ๆๆ ตัวรู้ค่อยๆหนาแน่นขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่ง อ.กำพลพลิกมือเท่านั้นเอง มันโพลงขึ้นมาในใจว่า ตกลงที่เป็นอัมพาตนี้กายเป็นอัมพาต ไม่ใช่ใจเป็นอัมพาต แค่นั้นเองปิติก็เกิด
    แล้วอ.กำพลก็เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อ “จิตสดใสแม้กายพิการ” เขียนบอกว่า ข้าพเจ้าลาออกจากความพิการแล้ว ข้าพเจ้าลาออกจากความทุกข์แล้ว ตอนนี้อ.กำพลกลายเป็นอาจารย์สอนกรรมฐาน เดินทางทั่วประเทศไทย ไปสอนแม้กระทั่งโรงพยาบาล ไปสอนคุณหมอ ไปสอนในคุก ไปสอนตามมหาวิทยาลัย ที่นี่เคยมาไม๊? (ยังไม่ได้มา) หลังจากที่พูดคงจะได้มา ตอนแรกอาตมาอยู่ที่อเมริกา ที่ชิคาโก้ มีคุณโยมเขาส่งซีดีไปให้ อาตมาชอบใจมาก มีซีดีซึ่งเขาทำเป็นปะวัติของอกำพล อาตมาไม่กล้ายุ่ง แต่มีอีกแผ่นหนึ่ง เป็นรายการเจาะใจ รายการอะไรๆหลายอย่าง อาตมาเห็นแล้วประทับใจ ก็โทรศัพท์มาถามเขาว่า ถ้าแจกเพื่อเป็นกำลังใจแก่ญาติโยมได้ไม๊? (พอเขาตอบว่าได้) ก็อัดแจก แล้วส่งไปทางเดนมาร์ก ส่งไปเยอรมัน ส่งไปทั่วเลย แล้วพอเดินทางมาเมืองไทย เวลาไปไหน? ก็ยังเอาซีดีของอ.กำพลไปแจก เพราะชอบใจที่อ.กำพลบอกว่า ลาออกจากความทุกข์แล้ว
    พออาตมาถึงเมืองไทย หลังจากไปหาโยมเสร็จ ก็จับรถไปหาถึงวัดอาจารย์คำเขียน บุญไม่ถึง หาไม่เจอ อ.กำพลเข้ามารักษาตัวที่กรุงเทพฯ พอตามมาที่กรุงเทพฯก็ไม่ทราบว่า ไปอยู่ที่ไหน? ตอนหลังอาตมาไปอยู่ที่วัดปัญญานันทาราม อยู่ดีๆเขาเชิญอ.กำพลมา อาตมาอยู่ที่วัดวันนั้นบุญไปถึงเอง ก็เลยขึ้นไปฟังอ.กำพลบรรยาย พอฟังเสร็จประทับใจมาก อ.กำพลนั่งบนรถวีลแชร์บอกว่า อย่าให้ผมไหว้นะ ผมไหว้ไม่สวยเพราะมือหงิก ไหว้ไม่ได้ ผมเอาตัวมาแสดงธรรมให้ดู ตอนนี้ผมลาออกจากความทุกข์แล้ว และลาออกจากความพิการแล้ว ตอนนี้มีกายเฉยๆที่พิการ แต่ใจผมไม่ทุกข์ แล้วอ.กำพลก็คุยธรรมะ พอคุยเสร็จก็อุ้มอ.กำพลมานอน อาตมาบอกว่า อาจารย์อย่าไปไหนนะ? แล้วอาตมาก็ไปที่ห้อง ไปเอาปากกา เอาแว่นตาไปเอานาฬิกาที่มาจากเมืองนอก ที่สามารถพูดบอกเวลาได้ อ.กำพลจะได้สะดวก แล้วตัวหนังสือก็โต แล้วอาตมาก็บอกว่า อ.กำพลไม่ได้บวช แต่อาจารย์เป็นพระก่อนบวช อันนี้พระวัด ขอทำบุญกับพระบ้าน แล้วก็เอาของให้ อ.กำพลบอกว่า ให้ผมเยอะแยะเลย แล้วก็เรียกลูกศิษย์ให้เอาหนังสือมาให้ อ.ประสงค์หน่อย ๑ เล่ม อาตมาก้ไม่ยอม เพราะอาตมาให้ไปตั้งเยอะ แต่ให้หนังสืออาตมาเล่มเดียว ต้องเซ็นให้ถึงจะยอม อ.กำพลก็เซ็นมอบให้ เห็นแล้วมีกำลังใจ ทุกครั้งที่เราเหนื่อยเราเพลีย แต่อ.กำพลหนักกว่าเรา ทำให้มีกำลังใจในการสู้ชีวิต
    สิ่งที่อาตมานำมาฝากวันนี้ก็คือเรื่องของ อ.กำพล ญาติโยมทุกครั้งที่เกิดปัญหา เกิดความท้อแท้ ท่านบอกว่า.... “เมื่อสูญเสีย อย่าเสียศูนย์ จงเพิ่มพูน พลังใจ ล้มได้ ก็ลุกได้ ขอให้ใจ มีพลัง” ชอบบทกลอนบทนี้จริงๆ โยมสาธุให้คนแต่งหน่อย (สาธุ) นั่งอยู่ตรงนี้ เขียนเอง แล้วชอบเอง เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดปัญหา เกิดท้อแท้ สร้างพลังใจขึ้นมา คนอื่นสร้างสู้เราไม่ได้หรอก เราสร้างเองได้
    ตัวอย่าง หลวงตาเปิดให้ดูคลิปเด็กพม่านั่งสมาธิกับพ่อแม่ แต่นั่งสัปหงก แล้วก็ลุกขึ้นนั่งอีก แล้วก็สัปหงกล้มลงไปอีกอยู่หลายครั้ง หลวงตาถามว่า เราสู้ขนาดนี้ไม๊? (ไม่) ของเราขนาดตั้งนาฬิกาปลุกเอง พอถึงเวลาที่นาฬิกาดังขึ้นมา แล้วทำไง? กดดับ แล้วหลับต่อ น่าเกลียดมากเลย วันหลังเวลาจะตั้งถามตัวเองก่อนว่า จะตื่นกี่โมง? พอถึงกรึ้งแล้วให้ลุก ถ้าโยมไปกดดับ แล้วหลับต่อ เรียบร้อย หลังจากนั้น มันจะมาเกาะอยู่กับตัวเราตลอด มันจะไม่หนีเราไป ต่อให้วางนาฬิกาไว้ไกลแค่ไหนก็ตามที? เพราะฉะนั้น ตรงนี้ต้องพยายามสู้ พยายามอดทน
    วันนี้เล่าเรื่องมา ๑. ตั้งแต่โยมแต๋ว ที่แขนขาด แกบอกว่าไงนะ? ตั้งแต่ไม่มีแขนมาเคยปวดแขนอีกเลย
    ๒. โยมดำริ แกถูกตัดขา แล้วภรรยาทิ้ง แกบอกว่า ขนาดขาผมแท้ๆยังไม่อยู่กับผม นับประสาอะไร? ไม่มีปัญหา
    ๓. คุณฌอง โดมินิค โบบี้ เขาสู้ชีวิต แต่เราไม่ทราบว่า เขาตายไปด้วยความรู้สึกอย่างไร? เพียงแต่อาจทำใจกับมันแล้ว แต่ว่า ถ้าเกิดเขาได้ปฏิบัติธรรม ตรงนี้จิตเขาจะไปดี พระพุทธเจ้าตรัสว่า.....
    “จิตเป็นกุศล สุคติเป็นที่หวัง แต่ถ้าจิตเป็นอกุศล ทุคติเป็นที่หวัง”
    ๔. เรื่องลาตกหลุม เล่าตั้งแต่เรื่องแรกเลย รู้จักเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ตอนนี้น้ำมันขึ้นมาก วิกฤตไม๊? เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสก็คือเลิกขับเลย ออกกำลังกาย ใช้เดินเอา หรือปั่นจักรยาน แล้วก็ดูกาย ดูจิต ขณะที่ปั่นไปก็ดูความรู้สึกไปด้วย
    ตกลงทุกอย่างเป็นการปฏิบัติธรรม เราสามารถที่จะปฏิบัติธรรมได้ ไม่ว่าปัญหาใดจะเกิดขึ้น? ที่นี้หักหอกเป็นดอกไม้ อีกอย่างหนึ่งที่อยากจะฝากขึ้นมา ที่จริงแล้ว เวลาที่เกิดปัญหาขึ้นมาอาตมาว่า ในบริษัทของเรา ถ้าเราทำงาน แล้วไม่มีปัญหาเลย ถ้าในครอบครัว แล้วครอบครัวไม่มีปัญหาเลย มีสามี สามีก็ดี มีภรรยา ภรรยาก็ดี มีลูก ลูกก็ดี ทุกคนดีหมด ในที่สุดอาจจะตายไปด้วยความหลงได้ไม๊? (ได้) เพราะฉะนั้น เวลาเจอปัญหาที่ไม่ได้ ให้ถือว่า เป็นครูบาอาจารย์ที่มาสอบจิตของเรา พอเราเจอแล้ว ก็บอกสาธุ ขอบคุณอาจารย์ (ไม่ต้องไปสาธุข้างนอก) แต่สาธุข้างในคือเราได้เกิดการพัฒนาจิตของเราเรื่อยๆ
    ๕.อ.กำพล ถ้าไม่เจอเรื่องนั้น แกอาจจะไม่ได้ธรรมะก็ได้ มีลูกศิษย์ที่ไปปฏิบัติกับอ.กำพล มีคนไปถามว่า รู้สึกอย่างไรบ้าง? เขาบอกรู้สึกประทับใจมาก จนกระทั่งรู้สึกว่า ถ้าให้ผมเป็นอัมพาตอย่างอ.กำพลผมก็เอา แต่ขอให้ได้จิตอย่างอ.กำพลด้วยนะ อาตมาได้ยินแล้วขนลุกเลย พวกเราเอาไม๊แบบนั้น? (ไม่เอา) ขอเป็นแบบนี้ดีกว่า
    จริงๆนักปฏิบัติจะไม่กลัวตาย แต่นักปฏิบัติจะกลัวเกิด เพราะฉะนั้น ถ้ากลัวเกิด ก็ปฏิบัติชาตินี้ให้สิ้นสุดกันไป แต่ว่า มีบางคน ไหนใครอธิษฐานมายุคพระศรีอาริย์ (ตอนนี้ก็เจอภาษีอานไปก่อนก็แล้วกัน) สำหรับวันนี้ก็คงจะฝากไว้แค่นี้ ขอผลบุญที่ญาติโยมตั้งใจมาประพฤติปฏิบัติธรรมในค่ำคืนนี้ ขอผลบุญนี้จงส่งผลให้ญาติโยมทั้งหลาย จงมีความสุขความเจริญ มีความก้าวหน้าทั้งในด้านการศึกษา ในด้านหน้าที่การงาน และในด้านการประพฤติปฏิบัติธรรม ธรรมใดที่ยังไม่ได้รู้ได้เห็น? ก็ขอให้ได้รู้ได้เห็น ได้เข้าถึงธรรมนั้นๆ และขอความปรารถนาดีที่พวกเราทั้งหลายได้ตั้งไว้ จงสำเร็จ จงสำเร็จ และจงสำเร็จ

    ที่มา : FW Mail อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    "ปล่อย-วาง" พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ :)

    Nattaya Khwanrak
    Published on Jun 7, 2014
    ธรรมบรรยาย "ฮัลโหล! รู้สึกตัวหรือเคยชิน" โดย พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ อดีตเจ้าอาวาส วัดป่าชิคาโก เจ้าภาพ : กลุ่มธรรมะกลับตาลปัตร ณ งานวัดลอยฟ้า ญาณสังวร ๑๐๑ จิตตนคร รอยัลพารากอนฮออล์ สยามพารากอน เมื่อ วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๗
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    บ้านจิตสบาย 560901 - 1/2 พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ

    บ้านจิตสบาย 560901 - 2/2 พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ

    บ้านจิตสบาย
    Published on Sep 27, 2013

     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    บ้านจิตสบาย 570302 1/3 พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ

    บ้านจิตสบาย 570302 2/3 พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ.....การเดินจงกรม

    บ้านจิตสบาย 570302 3/3 พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ....อารมณ์

    บ้านจิตสบาย
    Published on Mar 27, 2014




     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    บ้านจิตสบาย 561201 พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ.....การนึกคิด สติ

    บ้านจิตสบาย
    Published on Jan 5, 2014
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    บ้านจิตสบาย - 610311 พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณฺโณ

    บ้านจิตสบาย
    Published on Mar 21, 2018
     
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    พระอาจารย์ประสงค์ - บ้านจิตสบาย 560310 - 1/6...ไปอินเดียได้อะไร?

    พระอาจารย์ประสงค์ - บ้านจิตสบาย 560310 - 2/6

    บ้านจิตสบาย
    Published on Apr 18, 2013
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2018
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    พระอาจารย์ประสงค์ - บ้านจิตสบาย 560310 - 3/6

    พระอาจารย์ประสงค์ - บ้านจิตสบาย 560310 - 4/6

    พระอาจารย์ประสงค์ - บ้านจิตสบาย 560310 - 5/6

    พระอาจารย์ประสงค์ - บ้านจิตสบาย 560310 - 6/6

    บ้านจิตสบาย
    Published on Apr 18, 2013
     

แชร์หน้านี้

Loading...