อย่างนี้ผิดศิลข้อ 3 ป่าว

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย เล่นกรรม, 12 พฤษภาคม 2011.

  1. เล่นกรรม

    เล่นกรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +6
    สงสัยอยากรู้ว่า
    1.ถ้าสมมติว่า เรากับแฟนเรามีสัมพันธ์กันลึกซึ้งโดยไม่มีใครรู้ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายไม่รู้ (ผิดศีลข้อ3 แน่นอน) ต่อมาเลิกคบกันไป โดยในช่วงเวลาที่เลิกคบ เราก้อไม่ได้ไปมีคนอื่น จน 5 ปีผ่านไป เรากับมาเจอกันแล้วมารักกันใหม่ และแต่งงานกัน ถูกต้องอย่างนี้จะผิดศิลข้อ 3 อีกไหม
    2.หากว่าตอนนี้เรามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟน โดยที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายไม่รู้ และรักกันมานาน และมาแต่งงานกันที่หลัง อย่างนี้ผิดศีลข้อ 3 ไหม
    3.หากตอนที่เราไม่มีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งกับคนรัก แต่เรากลับไม่มีอารมณ์ในตอนนั้นเท่าไร (แฟนเรียกร้อง) คือทำให้ผ่าน ๆ ไปอย่างนี้จะผิดศีลขอ้ 3 หรือไม่ เพราะตอนนั้นจิตใจไม่อย่างมี sex
    4.ไม่เน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า เห็นมีบางคนเข้าใจผิดว่า หากตอนตายเรามีจิตเป็นกุศล จะได้ไปสวรรค์ แต่หากก่อนตายยังคิดแต่เรื่องอกุศล จะต้องไปลงนรก
    แต่ไม่ได้บอกว่า หากทำชั่วมาตลอดก่อนตายคิดกุศล ก็ได้ไปสวรรค์ก่อน สุดท้ายก็ต้องมาตกนรกอยู่ ดี คือได้ใช้กรรมดีก่อน แล้วจึงมารับกรรมชั่ว แต่หากชีวิตนี้ทำดีมาตลอด แต่ก่อนใจจิตคิดกังวลอะไรก็ตาม ก็จะไปอบายภูมิ นั่นคือไปใช้กรรมในนรกก่อน แล้วจึงมาเสวยสุขบนสวรรค์ สรุปคือ จิตก่อนตายก็แค่ทำให้ไปไหนก่อนเท่านั้นใช่ไหมครับ เข้าใจถูกไหม เพราะเห้นมีบางคนเข้าใจว่าหากจิตก่อนตายเป็นกุศลจะได้ไปสวรรค์อย่างเดียวไม่ต้องไปนรกใช้กรรม กลัวคนเข้าใจผิดอย่างนี้ แล้วคิดว่าทำชั่วไม่เป็นไร ก่อนตายคิดในทางดีเป็นพอ

    รบกวนผู้รู้ชี้แนะด้วย.............
     
  2. itipizo

    itipizo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +86
    สงสัยอยากรู้ว่า
    1.ถ้าสมมติว่า เรากับแฟนเรามีสัมพันธ์กันลึกซึ้งโดยไม่มีใครรู้ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายไม่รู้ (ผิดศีลข้อ3 แน่นอน) ต่อมาเลิกคบกันไป โดยในช่วงเวลาที่เลิกคบ เราก้อไม่ได้ไปมีคนอื่น จน 5 ปีผ่านไป เรากับมาเจอกันแล้วมารักกันใหม่ และแต่งงานกัน ถูกต้องอย่างนี้จะผิดศิลข้อ 3 อีกไหม

    ข้อนี้ ถ้าผมจะพูดให้เห็นภาพชัด ๆ คือมันต่างกรรมต่างวาระกัน
    ในเบื้องต้นก็ผิดดังที่คุณเข้าใจ และไม่ได้ผิดเพียงครั้งเดียว
    คุณร่วมเสพสังวาสกันกี่ครั้งคูณจำนวนความบอบช้ำทางจิต
    ไปได้เลยเพราะจิตจะจำเห็นภาพนั้นชัดไม่มีบิดเบือนเหมือนคำพูดคน

    ส่วนคุณจะมาแต่งงานกันภายหลังภาพความผิดเมื่อครั้งเก่าก่อน
    ก็จะไม่ได้หายไปไหน แต่ของใหม่เป็นสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นเอง

    ถ้าจะมองให้ชัดคิดเสียว่าเป็นลูกสาวเราโดนชายอื่นทำแบบนี้
    บ้างเราก็จะซึ้งใจมากขึ้น ท่านจึงบอกว่าความชั่วแม้เพียงน้อยนิด
    อย่าได้ประมาท เพราะครั้งแรกมันอาจจะทำยาก แต่ครั้งต่อมา
    มันจะทำง่ายขึ้น ทำจนไม่เห็นว่าสิ่งนั้นผิดอีกเลย นี่ซิคือสิ่งที่น่ากลัว



    2.หากว่าตอนนี้เรามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟน โดยที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายไม่รู้ และรักกันมานาน และมาแต่งงานกันที่หลัง อย่างนี้ผิดศีลข้อ 3 ไหม

    อันนี้ก็เหมือนคำตอบข้อ 1 ต่างกรรมต่างวาระ

    3.หากตอนที่เราไม่มีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งกับคนรัก แต่เรากลับไม่มีอารมณ์ในตอนนั้นเท่าไร (แฟนเรียกร้อง) คือทำให้ผ่าน ๆ ไปอย่างนี้จะผิดศีลขอ้ 3 หรือไม่ เพราะตอนนั้นจิตใจไม่อย่างมี sex

    ถ้าคุณไม่มีอารมณ์ร่วมจริง ๆ กิจสังวาสย่อมไม่เสร็จ โดยเฉพาะฝ่ายชาย
    นั้นสังเกตได้ไม่ยาก
    ในครั้งพุทธกาลก็มีเช่นกัน ที่นางพราหมณีข่มขืนกระทำชำเราพระอรหันต์
    แต่นั่นคือทำกิจฝ่ายเดียว และเมื่อเรื่องแดงรู้ถึงพระพุทธองค์
    แม้พระศาสดาเอง ก็ทรงรับรองว่า บุตรของเรานี้ มีธุลีไปปราศแล้ว
    จะยินดีในกามนั้นไม่มี ถ้าคุณมีจิตบริสุทธิ์ดังเช่นพระอรหันต์
    คุณก็ล่วงสิกขาบทข้อนี้ไปได้เลย (แต่คุณไม่ยินดีแค่ตอนแรก ช่วงกลาง
    และสุดท้ายกลับยินดีจนเสร็จกิจ จะนับว่าไม่ยินดีไม่ได้ (ไม่ยินดีเท่าไร)



    4.ไม่เน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า เห็นมีบางคนเข้าใจผิดว่า หากตอนตายเรามีจิตเป็นกุศล จะได้ไปสวรรค์ แต่หากก่อนตายยังคิดแต่เรื่องอกุศล จะต้องไปลงนรก
    แต่ไม่ได้บอกว่า หากทำชั่วมาตลอดก่อนตายคิดกุศล ก็ได้ไปสวรรค์ก่อน สุดท้ายก็ต้องมาตกนรกอยู่ ดี คือได้ใช้กรรมดีก่อน แล้วจึงมารับกรรมชั่ว แต่หากชีวิตนี้ทำดีมาตลอด แต่ก่อนใจจิตคิดกังวลอะไรก็ตาม ก็จะไปอบายภูมิ นั่นคือไปใช้กรรมในนรกก่อน แล้วจึงมาเสวยสุขบนสวรรค์ สรุปคือ จิตก่อนตายก็แค่ทำให้ไปไหนก่อนเท่านั้นใช่ไหมครับ เข้าใจถูกไหม เพราะเห้นมีบางคนเข้าใจว่าหากจิตก่อนตายเป็นกุศลจะได้ไปสวรรค์อย่างเดียวไม่ต้องไปนรกใช้กรรม กลัวคนเข้าใจผิดอย่างนี้ แล้วคิดว่าทำชั่วไม่เป็นไร ก่อนตายคิดในทางดีเป็นพอ

    เป็นจริงตามนั้น ต้องกล่าวว่า บุคคลผู้มีจิตเศร้าหมอง ย่อมมีอบายเป็นที่ไป

    พระพุทธองค์ ตรัสว่า มนุษย์โดยส่วนมากมี อบายเป็นที่ไป
    ดังนั้นคุณจะเป็นมนุษย์ส่วนมากหรือ ส่วนน้อย
    อยุ่ที่อารมณ์ในปัจจุบันขณะ

    ท่านถึงบอกว่าให้ทรงอารมณ์ ภาวนา ปฏิบัติอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา
    ให้เป็นปกติ คือให้เป็นนิสัย ขอยกตัวอย่าง
    ผู้ที่มีนิสัยเคยชินในการ นอนภาวนา พุท โธ จนหลับไป
    ทำจนเคยชิน เป็นนิสัย แล้ว
    ต่อไปแม้แค่ล้มตัวหลับตาลง จิตมันจะไปจับลมหายใจ พร้อมกับ
    พุท โธ โดยอัตโนมัติ ให้ทำดีจนเป็นนิสัย มีสติอยู่กับกายกับใจ
    ให้มากที่สุด เท่าที่ระลึกได้ เพื่อแย่งส่วนแบ่งของโมหะที่คลุมจิต

    แต่ถ้าไม่ทำให้เป็นนิสัย ทำดีบ้าง ชั่วบ้าง สลับกันไป
    วาระจิตใกล้ตาย ก็สุ่มเสี่ยงเกินไป

    ผู้ฉลาดย่อมรู้หลักการบริหารความเสี่ยง
    เราทำดีไว้ แม้ตายไป สวรรค์ไม่มี นรกไม่มี
    เราก็เท่าตัว แถมมีชีวิตอย่างเบา สบายด้วยบุญที่ทำดีทำกุศล
    แต่หากว่า สวรรค์ นรกมีจริง เราก็ได้กำไร

    แต่ถ้าเราทำชั่ว แม้ตายไป นรก สวรรค์ไม่มี
    การดำเนินชีวิตอย่างโจร อย่างพาลชนย่อมลำบากพอสมควร
    ยิ่งตายไป สวรรค์ นรก กลับมีจริง ก็ซวยซ้ำซวยซ้อน

    ทำดี ดี
    ทำชั่ว ชั่ว....

    ขอให้ทุกลมหายใจ ทุกย่างก้าวของเรา ประกอบด้วยสติอยู่กับปัจจุบันขณะ
    อดีต หรืออนาคตก็ไม่มี แล้วจะกล่าวถึงโลกหน้าไปไย ในเมื่อเรามีแต่ปัจจุบัน


    ขอให้เจริญในธรรม
     
  3. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    อนุโมทนาสาธุขอรับ:cool:
     
  4. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    4.ไม่เน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า เห็นมีบางคนเข้าใจผิดว่า หากตอนตายเรามีจิตเป็นกุศล จะได้ไปสวรรค์ แต่หากก่อนตายยังคิดแต่เรื่องอกุศล จะต้องไปลงนรก
    แต่ไม่ได้บอกว่า หากทำชั่วมาตลอดก่อนตายคิดกุศล ก็ได้ไปสวรรค์ก่อน สุดท้ายก็ต้องมาตกนรกอยู่ ดี คือได้ใช้กรรมดีก่อน แล้วจึงมารับกรรมชั่ว แต่หากชีวิตนี้ทำดีมาตลอด แต่ก่อนใจจิตคิดกังวลอะไรก็ตาม ก็จะไปอบายภูมิ นั่นคือไปใช้กรรมในนรกก่อน แล้วจึงมาเสวยสุขบนสวรรค์ สรุปคือ จิตก่อนตายก็แค่ทำให้ไปไหนก่อนเท่านั้นใช่ไหมครับ เข้าใจถูกไหม เพราะเห้นมีบางคนเข้าใจว่าหากจิตก่อนตายเป็นกุศลจะได้ไปสวรรค์อย่างเดียวไม่ต้องไปนรกใช้กรรม กลัวคนเข้าใจผิดอย่างนี้ แล้วคิดว่าทำชั่วไม่เป็นไร ก่อนตายคิดในทางดีเป็นพอ

    ผมตอบให้ข้อนี่ข้อเดียว โดยส่วนมาก ถ้าไม่กรรมหนัก บุญหนัก ก่อนตายจะไม่ค่อยได้คิดอะไรหรอก นอกจากเจ็บปวดแล้วลืมไป ตอนตาย แต่บางคนมันจิตยึดติด บางคนทำดีมาทั้งชีวิตจิตก่อนตายเป็นห่วงห่วงลูก จึงมาเกิดเป็นลูกของลูกคนนั้น บางคนเป็นห่วงต้นไม้ที่ตนปลูกมาและรักมากเท่าชีวิต ตายไปจิตคิดถึง กลายเป็นมดแดงอยู่บนต้นไม้นั้นก็มี แต่อย่าลืมนะมดแดงอายุเพียงแค่ไม่กี่วันก็ตาย พอตายไปจิตมันไม่ได้กำหนดยึดติด ก็กลับไปสู่ภพภูมิที่ดีของตนเอง บางคนเป็นห่วงลูก มาเกิดเป็นหมา ที่ลูกเลี้ยงก็มี ระวังเรื่องจิตให้ดี อย่าทำชั่วมาก ฝึกบ่อยๆ แต่คนส่วนใหญ่ก่อนตายมันจะคิดเรื่องไม่ดีที่เคยทำ วิญญาณเจ้ากรรมต่างๆจะมาคอยกวนให้ใจเศร้าหมอง คนโบราณเค้าถึงให้ท่องพุธโธก่อนตายไว้

     
  5. kueya

    kueya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2005
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +363
    ตอบได้ดีมากและถูกต้องด้วย สาธุด้วยใจจริงครับ
     
  6. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ศีล ... ด่างพร้อย.. ทะลุ... ขาด...
    .
    ศีลด่างพร้อย ก็คือ ยังไม่ได้แต่งงานกัน มีอะไรกัน แต่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรับรู้และวางแผนจะแต่งงานกันแน่นอน
    .
    ศีลทะลุ คือ ยังไม่ได้แต่งงาน มีอะไรกัน พ่อแม่รับรู้แค่ว่าคบกัน
    .
    ศีลขาด คือ ยังไม่ได้แต่งงาน มีอะไรกัน พ่อแม่ไม่รับรู้

    สรุปคือ ถ้าแต่งงานกันแล้ว และมีคนนั้นคนเดียว ก็ไม่ได้ผิดศีลข้อ 3

    ถ้ายังไม่แต่งงาน ก็พิจารณาว่า ศีลด่างพร้อย ทะลุ หรือ ขาด.....
     

แชร์หน้านี้

Loading...