อย่าหลงไหลไสยศาสตร์

​

สามเณรแหวน มีความสนใจใคร่รู้ในศาสตร์ลึกลับมหัศจรรย์ ในพระศาสนา ตามที่ พระอาจารย์สิงห์แนะนำ พระอาจารย์สิงห์ ก็เล็งเห็นนิสัยใจคออันบริสุทธิ์ ของสามเณรอยุ่แล้วว่า มีความเหมาะสมที่ควรจะได้ัรับวิชาพิเศษนี้ จึงได้ถ่ายทอดประสิทธิประสาท ให้จบสิ้นตำราเลย ทีเดียว

แต่ได้กำชับว่า

" วิชาไสยเวทวิทยาคมนี้เป็นเพียงโลกียวิชา เท่านั้น ไม่ใช่วิชาประเสริญ ให้เรียนรู้ไว้ด้วยใจ มั่น เพียงเพื่อเอาไว้สงเคราะห์ชาวบ้านเท่านั้นนะ แต่เมื่อสามเณรออกธุดงค์กรรมฐานเมื่อไร ขอให้ปล่อยวางวิชาไสยเวทนี้เสีย อย่ายึดมั่นถือมั่น อย่าติดใจหลงใหลว่าเป็นวิชาประเสริฐ เพราะเป็นเพียงโลกียวิชาเท่านั้น เป็น วิชาที่ขัดขวางโลกุตรธรรม ขัดขวาง มรรค ผล นิพพาน ''

สามเณรแหวน รับคำสอนของพระอาจารย์สิงห์ ทุกประการ

พระอาจารย์สิงห์ กล่าวต่อไปว่า " ธรรมดา พระเณรที่บำเพ็ญเพียรด้านกรรมฐาน จนบรรลุ ธรรมแก่กล้า ได้ฌาณสมาบัติ ได้วิโมกข์ ได้อภิญญาจิต ข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ถ้าคิดจะสงเคราะห์ ชาวบ้านเมื่อไร ไม่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์คาถาเลย เพียงแต่นึกอธิษฐานจิตขอบารมี พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ให้ช่วยขจัดปัดเป่าปัญหานั้นๆ ก็จะสำเร็จประโยชน์ในพริบตา เป็นที่ น่าอัศจรรรย์


ด้วยเหตุนี้เอง สามเณรแหวน จึงเป็นผู้รอบรู้ทางไสยเวทวิทยาคม อีกแขนงหนึ่ง ควบคู่ไปกับ การเรียนบาลีธรรมตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อมีญาติโยมมาขอรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ จากพระอาจาร์ สิงห์ ที่วัด พระอาจารย์มักจะให้สามเณรแหวน ทำหน้าที่รดน้ำมนต์แทนท่าน อยู่เสมอ เป็นการ ทดสอบวิชาความสามารถของลูกศิษย์ไปด้วย

​

ที่มา http://www.geocities.com/thaimedicinecm/arjanwhan.htm

 

อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ

 

ขออนุโมทนาบุญให้ธรรมทานครับ
สาธุ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

โมทนาสาธุค่ะ...บารมีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และผู้มีคุณทั้งหลายย่อมคุ้มครองผู้ทำความดีเสมอ...สาธุค่ะ

 

อย่าหลงเหยื่อเชื่ออยาก จะยากจิต
การที่เราปฏิบัติเข้าจริงๆๆ หรือว่าจะเริ่มในเรื่องของการปฏิบัติ คำว่า อวิชชา หรือวิชาที่ขวางกั้นไม่ให้บรรลุมรรคผลนิพพาน หรือเรียกอีกอย่างว่าไสยศาสตร์ เป็นอีกศาสตร์ที่ทั้งพระทั้งโยมก้เรียนกัน เพื่อปกป้องป้องกันเป็นที่พึ่งทางจิตใจก็ดีเหมือนกัน แต่พอเราได้เข้ามาปฏิบัติกรรมฐานเข้าเอาจริงๆๆ ไอ้เรื่องที่ว่ามนั่นละมันจะทิ้งของมันเอง คือว่า เรารู้ แค่เราไม่หลง รู้แล้วละ รู้เเล้ววาง อาการทุกอย่างของร่างกายก็เอิบอิ่มไปด้วยธรรมะ หรือว่าอินทร์ทรีย์ ๕ มีกำลังต่อต้านสิ่งรุมเร้าได้ดีพอสมควร ขออนุโมทนาสาธุครับ

 

เห็นด้วยกับคุณนักปราชญ์น้อยครับ ถ้าปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ พอภูมิจิตภูมิธรรมสูงขึ้น ก็จะสามารถปล่อยวางได้เอง ทั้งผู้ที่เคยฝึกฝนทางไสยศาสตร์มา หรือผู้ที่ได้อภิญญาบางส่วนเป็นผลพลอยได้

แต่ในบางขณะบางสถานการณ์ก็อาจที่จะสามารถใช้วิชาความรู้ความสามารถพิเศษเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้คนได้ ดังที่พระอรหันต์และพระอริยะสงฆ์หลายๆท่านได้กระทำเพื่อโปรดชาวบ้านญาติโยม แม้ภายนอกจะดูเหมือนท่านใช้สิ่งเหล่านี้อยู่ แต่จิตภายในของท่านเหล่านั้นปล่อยวางและไม่ได้ยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ขออนุโมทนาคับ
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุติยา สาธุ
ผมเชื่อว่าหลวงปู่แหวนท่านเป็นพระอริยสงฆ์ ฟันของท่านเป็นพระธาตุตั้งแต่ท่านยังไม่มรณภาพ พระดีมีอยู่ แต่พระในใจของตนนี่ซิครับ พยายามเหลือเกินและก็จะพยายามต่อไป จนกว่าจะถึงซึ่งมรรคผลนิพพาน เทอญ

 

อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ

 

อนุโมทนาสาธุ

ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็น อกาลิโก ปฏิบัติได้ทุกยุคทุกสมัย
ไม่มีกาล ไม่มีสมัย เป็น โอปนยิโก เป็นธรรมที่พึงน้อมเข้ามา
ก็คือน้อมใจเข้ามาสู่ธรรม หรือน้อมธรรมเข้ามาสู่ใจ ฯลฯ

 

เห็นจะเป็นจริงตามที่กระทู้ได้ตั้งไว้ อนุโมทนาบุญด้วยคนขอรับ

 

สุดท้ายแล้วไสยศาสตร์ก็ไม่สามารถทำให้ชีวิตยังคงอยู่ได้ มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ปฏิบัติเพื่อรักษาดวงจิตให้คงอยู่ตลอดไปดีกว่า

 

สาธุ ขอรับ

 

ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และผู้ร่วมอนุโมทนาทุกท่านครับ

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
นิพพานัง ปรมัง สุขัง
นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

 

ธรรมะยิ่งเรียนยิ่งรู้แจ้งด้วยป้ญญา หาใดเสมอเหมือนไม่มี คือสุขที่แท้จริงยิ่งว่าสิ่งใด
อนุโมทนา กับความรู้ ด้วยจ่ะ

 

ขออนุโมทนาคับ










จงอย่าประมาทในชีวิต ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท

 

โมทนาสาธุคะ ตนเป็นที่แห่งตน ดีที่สุดคะ อย่าคิดว่าใช้ไสยศาสตร์เวทมนต์คาถาแล้วจะช่วยได้เสมอไปตลอดกาล เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทุกสิ่งล้วนอยู่ภายใต้กฏพระไตรลักษณ์ และท้ายที่สุดคือกฏแห่งกรรม

 

ขอกราบอนุโมทนาสาธุครับ
อย่าหลงงมงายควรมีสติและใช้ปัญญาพิจารณาอย่างรอบคอบ