อเจลกวรรค สิกขาบทที่ ๑---ส่งการบ้านคุณกบค่ะ

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย Leelawadeexseed, 28 เมษายน 2010.

  1. Leelawadeexseed

    Leelawadeexseed Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +97
    <CENTER> พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒
    มหาวิภังค์ ภาค ๒
    </CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD bgColor=darkblue width="100%" hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <CENTER></CENTER><CENTER>ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๕</CENTER><CENTER>๕. อเจลกวรรค สิกขาบทที่ ๑</CENTER><CENTER>เรื่องพระอานนท์</CENTER> [๕๒๗] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลาป่ามหาวันเขตพระนครเวสาลี. ครั้งนั้น กองขนมเครื่องขบฉันเกิดแก่พระสงฆ์ จึงท่านพระอานนท์ได้กราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ถ้าเช่นนั้น เธอจงให้ขนมเป็นทานแก่พวกคนกินเดน. ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระพุทธดำรัส แล้วจัดคนกินเดนให้นั่งตามลำดับ แล้วแจกขนมให้คนละชิ้น ได้แจกขนม ๒ ชิ้น สำคัญว่าชิ้นเดียวแก่ปริพาชิกาผู้หนึ่ง. พวกปริพาชิกาที่อยู่ใกล้เคียง ได้ถามปริพาชิกาผู้นั้นว่า พระสมณะนั่นเป็นคู่รักของเธอหรือ? นางตอบว่า ท่านไม่ใช่คู่รักของฉัน ท่านแจกให้ ๒ ชิ้น สำคัญว่าชิ้นเดียว. แม้ครั้งที่สอง ท่านพระอานนท์เมื่อแจกขนมให้คนละชิ้น ก็ได้แจกขนม ๒ ชิ้น สำคัญว่าชิ้นเดียวแก่ปริพาชิกาคนนั้นแหละ พวกปริพาชิกาที่อยู่ใกล้เคียง ได้ถามปริพาชิกาผู้นั้นว่าพระสมณะนั่นเป็นคู่รักของเธอหรือ? นางตอบว่า ท่านไม่ใช่คู่รักของฉัน ท่านแจกให้ ๒ ชิ้นสำคัญว่าชิ้นเดียว. แม้ครั้งที่สาม ท่านพระอานนท์เมื่อแจกขนมให้คนละชิ้น ได้แจกขนม ๒ ชิ้นสำคัญว่าชิ้นเดียวแก่ปริพาชิกาคนนั้นแหละ พวกปริพาชิกาที่อยู่ใกล้เคียง ได้ถามปริพาชิกาผู้นั้นว่าพระสมณะนั่นเป็นคู่รักของเธอหรือ? นางตอบว่า ท่านไม่ใช่คู่รักของฉัน ท่านแจกให้ ๒ ชิ้นสำคัญว่าชิ้นเดียว. พวกปริพาชิกาจึงล้อเลียนกันว่า คู่รักหรือไม่ใช่คู่รัก. อาชีวกอีกคนหนึ่ง ได้ไปสู่ที่อังคาส. ภิกษุรูปหนึ่งคลุกข้าวกับเนยใสเป็นอันมากแล้วได้ให้ข้าวก้อนใหญ่แก่อาชีวกนั้น. เมื่อเขาได้ถือข้าวก้อนนั้นไปแล้ว อาชีวกอีกคนหนึ่งได้ถามอาชีวกผู้นั้นว่า ท่านได้ก้อนข้าวมาจากไหน? อาชีวกนั้นตอบว่า ได้มาจากที่อังคาสของสมณ-*โคดมคหบดีโล้นนั้น. อุบาสกทั้งหลายได้ยินสองอาชีวกนั้นสนทนาปราศรัยกัน จึงพากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคครั้นถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า เดียรถีย์พวกนี้เป็นผู้มุ่งติเตียนพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานพระวโรกาส ขออย่าให้พระคุณเจ้าทั้งหลายให้ของแก่พวกเดียรถีย์ด้วยมือของตนเลย. ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้อุบาสกเหล่านั้นเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญร่าเริง ด้วยธรรมีกถา. ครั้นอุบาสกเหล่านั้นอันพระผู้มีพระภาค ทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง สมาทานอาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว ลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณกลับไปแล้ว.<CENTER>ประชุมสงฆ์ทรงบัญญัติสิกขาบท</CENTER> ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงทำธรรมีกถาอันเหมาะสมแก่เรื่องนั้น อันสมควรแก่เรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑เพื่อถือตามพระวินัย ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-<CENTER>พระบัญญัติ</CENTER> ๙๐.๑. อนึ่ง ภิกษุใด ให้ของเคี้ยวก็ดี ของกินก็ดี แก่อเจลกก็ดี แก่ปริพาชกก็ดี แก่ปริพาชิกาก็ดี ด้วยมือของตน เป็นปาจิตตีย์.<CENTER>เรื่องพระอานนท์ จบ.</CENTER><CENTER>สิกขาบทวิภังค์</CENTER> [๕๒๘] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ... บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้. ที่ชื่อว่า อเจลก ได้แก่ชีเปลือยคนใดคนหนึ่งที่จัดเข้าในจำพวกนักบวช. ที่ชื่อว่า ปริพาชก ได้แก่บุรุษคนใดคนหนึ่ง ที่จัดเข้าในจำพวกนักบวช เว้นภิกษุและสามเณร. ที่ชื่อว่า ปริพาชิกา ได้แก่ สตรีคนใดคนหนึ่งที่จัดเข้าในจำพวกนักบวช เว้นภิกษุณีสิกขมานา และสามเณรี. ที่ชื่อว่า ของเคี้ยว คือ เว้นโภชนะ ๕ อย่าง น้ำและไม้ชำระฟัน นอกนั้นชื่อว่าของเคี้ยว. ที่ชื่อว่า ของกิน ได้แก่ โภชนะ ๕ อย่าง คือ ข้าวสุก ขนมสด ขนมแห้ง ปลาเนื้อ. บทว่า ให้ คือ ให้ด้วยกายก็ดี ด้วยของเนื่องด้วยกายก็ดี ด้วยโยนให้ก็ดี ต้องอาบัติปาจิตตีย์.<CENTER>บทภาชนีย์</CENTER><CENTER>ติกะปาจิตตีย์</CENTER> [๕๒๙] เดียรถีย์ ภิกษุสำคัญว่าเดียรถีย์ ให้ของเคี้ยวก็ดี ของกินก็ดี ด้วยมือของตนต้องอาบัติปาจิตตีย์. เดียรถีย์ ภิกษุสงสัย ให้ของเคี้ยวก็ดี ของกินก็ดี ด้วยมือของตน ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เดียรถีย์ ภิกษุสำคัญว่าไม่ใช่เดียรถีย์ ให้ของเคี้ยวก็ดี ของกินก็ดี ด้วยมือของตนต้องอาบัติปาจิตตีย์.<CENTER>ติกะทุกกฏ</CENTER> ให้น้ำและไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ. ไม่ใช่เดียรถีย์ ภิกษุสำคัญว่าเดียรถีย์ ... ต้องอาบัติทุกกฏ. ไม่ใช่เดียรถีย์ ภิกษุสงสัย ... ต้องอาบัติทุกกฏ.<CENTER>ไม่ต้องอาบัติ</CENTER> ไม่ใช่เดียรถีย์ ภิกษุสำคัญว่าไม่ใช่เดียรถีย์ ... ไม่ต้องอาบัติ.<CENTER>อนาปัตติวาร</CENTER> [๕๓๐] ภิกษุสั่งให้ให้ ไม่ให้เอง ๑ วางให้ ๑ ให้ของไล้ทาภายนอก ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.<CENTER>อเจลกวรรค สิกขาบทที่ ๑ จบ.[MUSIC][/MUSIC]</CENTER></PRE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...