เวบภาพวิดิโอธรรมะและดาวน์โหลดซอฟแวร์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย vibe, 15 มิถุนายน 2005.

  1. vibe

    vibe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    731
    ค่าพลัง:
    +3,146
    <TABLE class=tborder cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal">[​IMG] 03-06-2005, 02:11 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>lotte<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_85335", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    Join Date: Oct 2004
    Location: khonkaen
    โพส: 146
    Rep Power: 22[​IMG]
    [​IMG] [​IMG]

    </TD><TD><!-- icon and title -->เวบภาพวิดิโอธรรมะและดาวน์โหลดซอฟแวร์


    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เวบภาพวิดิโอธรรมะและดาวน์โหลดซอฟแวร์ http://www.dmky.com/http://www.ibsc...ซอฟแวร์ด้วยครับ

    เวบภาพวิดิโอธรรมะและดาวน์โหลดซอฟแวร์


    เมื่อยังมองไม่เห็นฝั่ง
    ผู้ที่ตกอยู่ในทะเลย่อมว่ายวนอยู่ในห้วงทะเลนั้น
    โดยไม่รู้จุดหมายฉันใด
    เมื่อยังมองไม่เห็นอริยสัจจ์
    บุคคลก็ย่อมเวียนว่ายตายเกิดในทะเลทุกข์แห่งวัฏฏสงสาร
    โดยไม่รู้จบสิ้นฉันนั้น"



    แ ม่ บ ท ข อ ง ศ า ส น า

    ประเทศมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด เป็นแม่บทของกฎหมายอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ทุกศาสนาในโลกต่างก็มีหลักธรรมคำสั่งสอนที่เป็น แม่บทของศาสนานั้นๆ

    แม่บทของพระพุทธศาสนาก็คือ อริยสัจจ์ ๔

    อ ริ ย สั จ จ์ ๔

    อริยสัจจ์ สามารถแปลได้หลายความหมาย เช่น

    - คือความจริงอันประเสริฐ

    - คือความจริงอันทำให้บุคคลผู้เห็นเป็นผู้ประเสริฐ

    อริยสัจจ์ ๔ คือความจริงที่มีอยู่คู่โลกแต่ไม่มีใครเห็น จนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ คือทั้งรู้และเห็นแล้วทรงชี้ให้เราดู ได้แก่

    ๑. ทุกข์ คือความไม่สบายกายไม่สบายใจต่างๆ

    ๒. สมุทัย คือสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์

    ๓. นิโรธ คือความดับทุกข์

    ๔. มรรค คือวิธีปฏิบัติเพื่อไปสู่ความดับทุกข์

    ถ้าจะเปรียบกับโรค

    ทุกข์ ก็เปรียบเหมือน สภาพที่ป่วยเป็นโรค

    สมุทัย ก็เปรียบเหมือน ตัวเชื้อโรค

    นิโรธ ก็เปรียบเหมือน สภาพที่หายจากโรค แข็งแรงแล้ว

    มรรค ก็เปรียบเหมือน ยารักษาโรคให้หายป่วย

    คนทุกคนในโลกนี้ล้วนแต่มีความทุกข์กันทั้งนั้น เหมือนคนป่วยแต่ก็ไม่รู้ว่าป่วยจากอะไร อะไรเป็นสาเหตุ จะแก้ไขรักษาให้หายป่วยหายทุกข์ได้อย่างไร

    ในมงคลนี้ เราจะมาศึกษากันให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของชีวิต ให้รู้กันเลยว่าที่เราทุกข์ๆ กันอยู่ทุกวันนี้น่ะ มีสาเหตุมาจากอะไร แล้วเราจะได้รีบปฏิบัติ เพื่อให้พ้นทุกข์กันเสียที

    อ ริ ย สั จ จ์ ที่ ๑ ทุ ก ข์

    ทุกข์ คือความไม่สบายกายไม่สบายใจต่างๆ พระพุทธองค์ทรงพบความจริงว่า สรรพสัตว์ทั้งหลาย ล้วนตกอยู่ในความทุกข์ จะเป็นมหาเศรษฐี เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นประธานาธิบดี เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ก็มีทุกข์ทั้งนั้น ต่างแต่เพียงว่าทุกข์มากหรือทุกข์น้อย และมีปัญญาพอที่จะรู้ตัวหรือเปล่าเท่านั้น พระองค์ได้ทรงแยกแยะให้เราเห็นว่า ความทุกข์นี้มีถึง ๑๑ ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน แบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะ ได้แก่

    ๑. สภาวทุกข์ คือทุกข์ประจำ เป็นความทุกข์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นสภาพธรรมดาของสัตว์ซึ่งเมื่อเกิดแล้วต้องมี ทุกข์ชนิดนี้มี ๓ ประการได้แก่

    ๑.๑ ชาติ การเกิด

    ๑.๒ ชรา การแก่

    ๑.๓ มรณะ การตาย

    ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา อย่างมากที่สุดก็บอกได้เพียงว่า ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นทุกข์ ส่วนการเกิดกลับถือว่าเป็นสุข เป็นพรพิเศษที่พระเจ้าทรงประทานมาจากสรวงสวรรค์ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทำสมาธิมามาก ทรงรู้แจ้งโลกด้วยดวงปัญญาอันสว่างไสว และชี้ให้เราเห็นว่า การเกิดนั่นแหละเป็นทุกข์ ทุกข์ตั้งแต่ต้องขดอยู่ในท้อง พอจะคลอดก็ถูกมดลูกบีบรีดดันออกมา ศีรษะนี่ถูกผนังช่องคลอดบีบจนกระโหลกเบียดซ้อนเข้าหากัน จากหัวกลมๆ กลายเป็นรูปยาวๆ เจ็บแทบขาดใจ เพราะฉะนั้นทันทีที่คลอดออกมาได้ สิ่งแรกที่เด็กทำคือร้องจ้าสุดเสียง เพราะมันเจ็บจริงๆ และการเกิดนี่เองที่เป็นต้นเหตุ เป็นที่มาของความทุกข์อื่นๆ ทั้งปวง ถ้าเลิกเกิดได้เมื่อไหร่ก็เลิกทุกข์เมื่อนั้น

    อีกอย่างหนึ่งที่คนมักเข้าใจไขว้เขวกันก็คือ คิดว่าชราทุกข์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่ออายุ ๖๐-๗๐ ปี แต่จริงๆ แล้วทันทีที่เราเริ่มเกิด เราก็เริ่มแก่แล้ว ชราทุกข์เริ่มเกิดตั้งแต่ตอนนั้น และค่อยๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เซลล์ในร่างกายเริ่มแก่ตัวไปเรื่อยๆ เรื่องนี้ขอให้เข้าใจกันเสียใหม่ด้วย

    ๒. ปกิณณกทุกข์ คือทุกข์จร เกิดกับแต่ละคนด้วยระดับที่ต่างกันไป ไม่แน่นอน เป็นความทุกข์ที่เกิดจากจิตใจหย่อนสมรรถภาพ ไม่อาจทนต่อเหตุการณ์ภายนอกที่มากระทบตัวเราได้ ผู้มีปัญญารู้จักฝึกควบคุมใจตนเอง ก็จะสามารถบรรเทาจากทุกข์ชนิดนี้ได้ ทุกข์จรนี้มีอยู่ ๘ ประการ ได้แก่

    ๒.๑ โสกะ ความโศก ความแห้งใจ ความกระวนกระวาย

    ๒.๒ ปริเทวะ ความคร่ำครวญรำพัน

    ๒.๓ ทุกขะ ความเจ็บไข้ได้ป่วย

    ๒.๔ โทมนัสสะ ความน้อยใจ ขึ้งเคียด

    ๒.๕ อุปายาสะ ความท้อแท้กลุ้มใจ ความอาลัยอาวรณ์

    ๒.๖ อัปปิเยหิ สัมปโยคะ ความขัดข้องหมองมัว ตรอมใจ จากการ ประสบสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก

    ๒.๗ ปิเยหิ วิปปโยคะ ความโศกเศร้าโศกาเมื่อพลัดพรากจากของรัก

    ๒.๘ ยัมปิจฉัง น ลภติ ความหม่นหมองจากการปรารถนาสิ่งใดแล้ว ไม่ได้สิ่งนั้น

    นี่คือผลการวิจัยเรื่องทุกข์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเป็นเหมือนแพทย์ผู้ชำนาญโรค สามารถแยกแยะอาการของโรคให้เราดูได้อย่างละเอียดชัดเจน
     
  2. Vayokasinung

    Vayokasinung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +117
    ดีนะ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...