เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 20 มีนาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,920
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,920
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมากระผม/อาตมภาพได้อยู่วัดแค่คืนสองคืนเท่านั้น เพราะมีงานทางด้านนอก แต่คราวนี้ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสังเกตดู พระเดชพระคุณพระธรรมวัชรบัณฑิต, ศ.ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ ป.ธ.๙) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จะเห็นว่างานของท่านหนักมาก ไม่ว่าจะทั้งด้านการปกครอง ด้านวิชาการ แต่ท่านสามารถทำงานได้โดยไม่หนักใจ เพราะว่าท่านอาศัยกรรมฐานช่วย ท่านเจ้าคุณอธิการบดีเป็นพระที่รักการสวดมนต์และเจริญกรรมฐานมาก

    สิ่งที่ท่านทำโครงการแรกเลยหลังจากรับตำแหน่งอธิการบดี ก็คือนำเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สวดมนต์ทุกเช้าวันจันทร์ก่อนทำงาน แล้วไม่ได้สวดสั้น ๆ แต่ว่ากันเป็นชั่วโมง..! มีการถ่ายทอดผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปถึงวิทยาเขตและวิทยาลัยสงฆ์ต่าง ๆ ทั่วประเทศให้ทำพร้อมกันด้วย

    พวกท่านต้องเข้าใจว่า เรื่องของการสวดมนต์ก็คือการทำสมาธิในรูปแบบหนึ่ง แล้วเป็นสมาธิใช้งานด้วย ทางด้านยุโรปและอเมริการตอนนี้เห็นประโยชน์ของการเจริญสมาธิแบบพระพุทธศาสนามาก จะเห็นว่าแม้แต่รัฐสภาอเมริกาก็ให้พระเข้าไปสอนกรรมฐาน หรือว่าทหารองครักษ์พิทักษ์พระราชวังบักกิงแฮมทั้ง ๔,๐๐๐ นาย ต้องเจริญกรรมฐานทุกเช้าก่อนทำหน้าที่ของตนเอง แล้วมีการติดตาม ประเมินผลอย่างเป็นระบบ ได้ข้อมูลสนับสนุนอย่างชัดเจนว่า
    การเจริญกรรมฐานก่อนทำงานทุกวัน ทำให้ประสิทธิภาพของงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่คนไทยเราจำนวนน้อยมากที่จะเห็นประโยชน์ตรงนี้

    ถ้าท่านทั้งหลายไปประเทศพม่า ทางด้านโน้น อุบาสก อุบาสิกา ฆราวาสหญิงชาย ก่อนไปทำงาน ช่วงเช้าก็เข้าวัดสวดมนต์นั่งสมาธิ จนกำลังใจทรงตัวดีแล้วถึงไปทำงาน ตอนเย็นกลับจากที่ทำงาน ก็เข้าวัดสวดมนต์ไหว้พระ เจริญสมาธิ จนกำลังใจทรงตัวดีแล้วถึงจะกลับบ้าน

    ถ้าประเทศพม่าไม่ได้ปกครองด้วยรัฐบาลที่โดนเผด็จการทหารครอบงำ อาศัยพระพุทธศาสนาและทรัพยากรธรรมชาติ จะแซงทุกประเทศในอาเซียน แต่ว่ามีรัฐบาลเผด็จการทหารครอบงำอยู่ เหมือนอย่างกับหนอนตัวใหญ่ที่คอยเจาะกินต้นไม้จากไส้ใน ต้นไม้ไม่ตายก็ไม่โต และน่าจะอีกนานกว่าที่จะมีประชาธิปไตย เพราะว่าทุกวันนี้รัฐบาลกลางให้อำนาจแม่ทัพภาคทั้ง ๑๓ ภาค มีอำนาจเต็มในเขตของตนเอง คือสามารถที่จะเก็บผลประโยชน์ทุกอย่าง ตลอดจนกระทั่งภาษีเถื่อนจากผู้ประกอบการทุกประเภทได้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,920
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ บรรดาชาวประมงทางด้านจังหวัดระนองรวมเงินกัน ๖๐ ล้านบาท ไปมอบให้กับแม่ทัพภาคทางด้านเกาะสองของประเทศพม่า เพื่อขอเอาเรือประมงไทยเข้าไปทำประมงในพื้นที่ของประเทศพม่า แล้วก็พ่อค้าแม่ค้าทางด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ช่วงที่ทางพม่าปิดด่าน ก็ต้องรวบรวมเงินกัน ไปมอบให้แม่ทัพภาคทางด้านนั้น เพื่อขอเปิดด่านทำการค้าขาย

    แต่ว่าบรรดาเรือประมงของทางจังหวัดระนองต้องถือว่าโชคร้าย เพราะไม่ได้ศึกษาให้ดีว่าของเขาประมาณ ๖ เดือนจะมีการโยกย้ายครั้งหนึ่ง ก็เลยทำให้เข้าไปทำประมงได้แค่เดือนกว่า ๆ ยังไม่ทันจะถอนทุนคืน แม่ทัพภาคเปลี่ยนตัวใหม่ คนใหม่มาถึงก็สั่งหยุดการทำประมงทั้งหมด จนกว่าจะเอาเงินไปให้เขา..!

    ถ้าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า ถ้ามีเรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่างไทยกับพม่า เราต่อสายตรงถึงรัฐบาลที่ย่างกุ้ง เรื่องจะไม่จบ แต่ถ้าสามารถต่อสายถึงแม่ทัพภาค เขาสั่งคำเดียว เหตุการณ์ทุกอย่างจบทันที คือแต่ละแม่ทัพภาคมีอำนาจเหมือนเจ้าประเทศราช หาผลประโยชน์ทุกอย่างในพื้นที่ของตนเองได้

    แม้กระทั่งออกทะเบียนรถให้วิ่งในเขตที่แม่ทัพภาคนั้นดูแลอยู่ กี่จังหวัดก็ได้ แต่ถ้าหากว่าจะเอาทะเบียนที่วิ่งทั่วประเทศก็หนักหน่อย เพราะว่าราคาทะเบียนรถที่วิ่งทั่วประเทศราคาเท่ากับราคารถยนต์คันนั้น..!

    ช่วงที่กระผม/อาตมภาพไปพม่าบ่อย ๆ เพื่อสร้างวัดหนองบัว ตอนนั้นใช้โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ ราคา ๓๕๐ ล้านจั๊ต ปรากฏว่าถามเขาแล้ว เขาบอกว่าถ้าต้องการทะเบียนวิ่งทั่วประเทศ ก็จ่ายมา ๓๕๐ ล้านจั๊ต ดังนั้น..บรรดาชาวบ้านถ้าหากว่ามีรถยนต์หากินอยู่ในเขตทัพภาคไหน ก็ไปขอทะเบียนจากแม่ทัพภาคนั้น จ่ายเงินแล้วก็วิ่ง
    ในเขตนั้นได้เลย

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง กระผม/อาตมภาพเอาเงินไทยไป ๑ ล้านบาท ตอนช่วงนั้นแลกเงินพม่าได้ ๒๒ ล้านจั๊ต ต้องเอาไปเข้าธนาคารก่อนเพื่อความปลอดภัย ปรากฏว่าเจอคุณป้ารายหนึ่ง ถือบัญชีเงินอยู่ ๓๐ กว่าเล่ม
    กระผม/อาตมภาพถามด้วยความสงสัย เพราะว่าท่าทางไม่น่าจะเป็นคนรวยขนาดนั้น ว่า "โยมมาทำอะไร ?" เขาก็บอกว่าเจ้านายที่เป็นนายทหารยศพันโท ให้มาถอนเงินไปฝากธนาคารที่สิงคโปร์ เงินนั้นฝากอยู่ในนามของคุณป้าคนนี้ที่เป็นคนรับใช้ ถามว่าเจ้านายให้ถอนเท่าไร ? เขาบอกว่า ๒,๐๐๐ ล้านจั๊ต ก็ประมาณ ๑๐๐ กว่าล้านบาทไทย..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,920
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    เราต้องไม่ลืมว่านั่นแค่ทหารยศพันโท และเป็นแค่บัญชีที่เปิดในชื่อคนรับใช้ แล้วบรรดานายพลตั้งแต่พลตรี พลโท พลเอก อย่าว่าแต่พม่ายังมีพลจัตวาอีกด้วย แต่ละคนสามารถหาผลประโยชน์ในขอบเขตอำนาจของตนได้อย่างเต็มที่ ชาวบ้านจึงลำบากเดือดร้อนมาก แต่ละคนอยากจะหนีมาทำงานที่ประเทศไทยกันทั้งนั้น

    ช่วงนั้นกระผม/อาตมภาพสงสัยว่า ทำไมบรรดาคนต่างด้าวในศูนย์อพยพ บางคนอยู่มาเกิน ๒๐ ปีแล้ว ส่วนที่อยู่ตามหมู่บ้าน บางคนก็อยู่มาถึง ๓๐ - ๔๐ ปี ทำงานเสียภาษีให้ทางฝั่งไทย แต่ว่าไม่ได้ใบต่างด้าว เพราะว่าถ้าตามกฎหมายแล้ว ถ้าทำงานเสียภาษีให้รัฐต่อเนื่อง ๑๐ ปี สามารถได้สัญชาติไทย เจ้าหน้าที่เขาพูดคำเดียว
    กระผม/อาตมภาพฟ้าแจ้งจางปางเลย

    ช่วงนั้นประมาณพุทธศักราช ๒๕๓๙ เจ้าหน้าที่บนที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิบอกว่า "อาจารย์ครับ ถ้าเราให้ใบต่างด้าวหรือว่าให้สัญชาติไทยเมื่อไร คนพม่าแห่มาบ้านเราหมดประเทศ เพราะว่าอยู่บ้านเขา ทำมาหากินไปเท่าไร ถ้าทหารจะเอาก็เอาหมดเลย ไม่สนใจว่าคุณจะกินจะอยู่อย่างไร" ดังนั้น..คนพม่าที่ทุกข์ยากลำบาก จึงต้องอาศัยพระพุทธศาสนาในการเยียวยาใจตัวเอง จึงขยันสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ไม่อย่างนั้นใจไม่สงบเมื่อไรก็จะไปฟุ้งซ่านทันที

    บรรดาหลวงปู่หลวงพ่อที่เป็นที่พึ่งของชาวบ้านชนิดที่มีชื่อเสียงระดับหลวงพ่อคูณของบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อวัดเขาตามะยะ หลวงพ่อวัดอะลานตะยา หลวงพ่อวัดโบดิ๊ตะเทา (โพธิ์พันต้น) ที่เมืองหม่งหยั่ว หรือว่าหลวงปู่วัดกงโลง ญาติโยมแห่ไปหาวันหนึ่งเป็นหมื่น ๆ คน..!

    อย่างหลวงปู่นารทะที่วัดโพธิ์พันต้น ชาวบ้านไป ท่านก็แจกทองคำ
    ประมาณเม็ดถั่วเขียวให้คนละ ๒ เม็ด ให้เอาไปขายจะได้มีเงินกินข้าว คนแห่ไปรับทั้งวันท่านก็แจกทั้งวัน กระผม/อาตมภาพไปถึง ท่านเห็นเป็นพระ ท่านให้มาทั้งกำเลย กระผม/อาตมภาพรับไว้แค่ ๒ เม็ดตามโควต้า บอกว่า "หลวงปู่แจกชาวบ้านเขาไปเถอะครับ สงสารเขา" คือหลวงปู่นารทะท่านสำเร็จวิชาปรอทสำเร็จ สามารถทำเป็นทองคำได้ ก็เลยทำแจกชาวบ้าน ชาวบ้านจะได้มีเงินไปซื้อข้าวกิน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,920
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    แต่ขนาดนั้นชาวบ้านก็ยังต้องกินวันละ ๒ มื้อเท่านั้น ก็คือมื้อสาย ๆ กับมื้อเย็น ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าอันดับแรกเลยก็คือเงินหายากมาก อันดับที่สอง ข้าวปลาอาหารก็ไม่ได้มีมากมาย การเกษตรทุกอย่างฝากเทวดาเลี้ยง ถ้าฝนฟ้าไม่ดีอาจจะอดเลย ถึงแม้ฝนฟ้าดี เมื่อได้มา ถ้าทหารต้องการเสบียงก็โดนโกยไปหมดอยู่ดี คนพม่าจึงต้องเข้าวัดกันเป็นอาชีพ

    ถึงแม้เขาลำบากขนาดนั้น แต่ว่าตู้บริจาคทุกใบมีแต่เงินอัดแน่นไปหมด เพราะทุกคนเห็นว่าชาตินี้ลำบาก จึงทำบุญเพื่อหวังชีวิตที่ดีขึ้นในชาติหน้า แม้ว่าจะเป็นการทำบุญที่เจตนาไม่บริสุทธิ์ ก็คือไม่ได้ตัดความโลภ แต่ก็ยังดีว่าเป็นการสนับสนุนพระพุทธศาสนาจนเจริญ

    ดังนั้น..ในส่วนของพระพุทธศาสนาบ้านเรา ถ้าหากว่าใครเลียนแบบตัวอย่างท่านเจ้าคุณอธิการบดี พระเดชพระคุณพระธรรมวัชรบัณฑิต, ศ.ดร. นอกจากตนเองจะมีกำลังใจที่สงบ มีกำลังสมาธิเพียงพอที่จะกรำงานหนักได้แล้ว ยังเป็นที่พึ่งให้แก่ชาวบ้านเขาได้ดีอีกด้วย

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...