เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 มกราคม 2025 at 18:47.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เมื่อคืนกระผม/อาตมภาพกลับถึงที่พักวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เกือบ ๔ ทุ่ม เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ระยะนี้ถนนหนทางแทบจะทั่วประเทศไทย มีการซ่อมการสร้างจนไม่ทราบว่าจะเลี่ยงไปทางไหน ทำให้การเดินทางล่าช้าลง แต่ก็เป็นความดีอย่างหนึ่ง ก็คือทำให้อุบัติเหตุน้อยลง เพราะว่าใช้ความเร็วไม่ได้..!

    เมื่อมาถึงที่พัก เลยเวลานอนไปแล้ว จึงได้ทำงานไปเรื่อยเปื่อยเหมือนเดิม ครั้นพอถึงตี ๕ ก็ออกเดินทางตรงไปยังวัดองสิต ตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเยี่ยมพรรคพวกเพื่อนฝูง ก็คือหลวงพ่อสุดใจ (พระครูสุนทรกาญจนธรรม) เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ อดีตเจ้าคณะตำบลนาสวนเขต ๑ ซึ่งท่านต้องตัดขาซ้ายเนื่องเพราะเบาหวานกำเริบ..! ปัจจุบันนี้จึงต้องพ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบล ลงมาเหลืออยู่แค่เจ้าอาวาสเท่านั้น

    กระผม/อาตมภาพนำเอากระเช้าปีใหม่ เครื่องกันหนาวครบชุด และปัจจัยช่วยค่ารักษาพยาบาลไปถวายให้กับท่าน ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ต้องกังวล เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อสุดใจท่านเป็นพระกรรมฐาน เพียงแต่ว่าต่อให้กรรมฐานดีขนาดไหนก็ตาม ถ้ามีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาเยี่ยมยามถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ก็ย่อมจะเกิดความรู้สึกที่ดีขึ้น

    ปรากฏว่าในวัดองสิตนั้น มีหมาใหญ่หมาน้อยเกือบ ๆ ๕๐ ตัว กระผม/อาตมภาพขนเอาขนมทุกชนิดในรถไปเลี้ยงก็ยังไม่พอ หลวงพ่อสุดใจท่านบอกว่า ชาวบ้านเขามาเอาปล่อยทิ้งบ้าง หนีจากบ้านมาอยู่วัดเองบ้าง มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงถือคติว่า "ถ้าข้ามีกิน เอ็งก็มีกิน ถ้าข้าอด เอ็งก็อดด้วย" ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงทำให้กลายเป็นหมาที่กินไม่เลือก เนื่องเพราะว่าอดมากกว่าอิ่ม กระผม/อาตมภาพตั้งใจไว้ว่า ครั้งหน้าถ้าไปอีก คงต้องหอบอาหารชนิดเม็ดไปเป็นกระสอบ อย่างน้อย ๆ ให้ได้กินอิ่มสักมื้อสักคราวก็ยังดี

    มานึกถึงหมาในวัดท่าขนุน ต้องถือว่าเจ้าพวกนี้เกิดถูกที่ กระผม/อาตมภาพจ่ายเฉพาะค่ารักษาเดือนหนึ่งเป็นหมื่น ๆ บาท บางตัวโดนรถยนต์ทับมา เสียค่าผ่าตัด ค่ารักษาตัวเดียวหลายหมื่นบาท ต้องบอกว่าแม้จะเกิดเป็นหมาก็ยังมีบุญมีกรรมที่ต่างกันไป
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    เมื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของหลวงพ่อสุดใจแล้ว ก็ลาท่านเดินทางกลับ การเดินทางจะข้ามไปฝั่งองสิตนาสวน ต้องข้ามแพขนานยนต์ ซึ่งทางกำนันลา พันธุ์พรหมา สั่งความลูกน้องเอาไว้ว่า "ถ้าเป็นรถพระไม่ต้องเก็บเงิน" ก็ต้องเจริญพรขอบคุณท่านผู้ยิ่งใหญ่ประจำถิ่น เป็นกำนันผูกขาดเสียจนกระทั่งเกษียณอายุไปเอง สร้างคุณงามความดีให้กับท้องถิ่นเอาไว้มาก จนกระทั่งบรรดานักการเมืองถ้าต้องการเสียงในบริเวณนั้น ล้วนจะต้องไปหาพ่อกำนันกันทั้งนั้น

    ถ้าหากว่าไม่รู้จังหวะแพขนานยนต์เข้าออก เมื่อเราไปถึงแพเพิ่งจะออกเดินทาง ก็ต้องรอกันเป็นระยะเวลานานอยู่ทีเดียว กระผม/อาตมภาพข้ามฝั่งมาฉันเพลที่บริเวณจุดพักรถ ใกล้เคียงปากทางเข้าเขื่อนศรีนครินทร์ แล้วก็เดินทางกลับวัดท่าขนุน

    เนื่องเพราะว่าวันนี้มีนัดสำคัญ เพราะว่าเด็ก ๆ จากชุมนุมนาฏศิลป์ โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ไปเข้าประกวดรำวงมาตรฐานและนาฏศิลป์ไทยอนุรักษ์ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ คว้ารางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในระดับชั้นมัธยมปีที่ ๑ - ๓ มาทั้ง ๒ ถ้วย ส่วนระดับชั้นมัธยม ๔ - ๖ ก็ได้รองชนะเลิศอันดับ ๑ กลับมา แล้วก็ยังมีบรรดาการแข่งขันในสไตล์สมัยใหม่ ที่เรียกว่า VRU Dancercise อยู่ด้วย

    ในเมื่อต่างคนต่างได้รางวัลกันมา จนเป็นธรรมเนียมที่กระผม/อาตมภาพจะเพิ่มรางวัลพิเศษไปให้ เพื่อเป็นกำลังใจให้เด็ก ๆ ทั้งหลายได้รู้ว่า สิ่งที่ตัวเองเหนื่อยยากฝึกซ้อมมา แล้วมีบางคนบอกว่าเป็น "ไดโนเสาร์เต่าพันปี" นั้น สามารถทำให้ตนเองมีรายได้แบบนึกไม่ถึง โดยเฉพาะเด็กบางคนซึ่งลงแข่งขันทั้งรำวงมาตรฐานและนาฏศิลป์ไทยอนุรักษ์ ต้องวนเข้ามารับถึง ๒ รอบ ๓ รอบด้วยกัน พูดง่าย ๆ ว่ารับเงินทีหนึ่ง สามารถใช้กันได้เป็นเดือน ๆ

    กระผม/อาตมภาพเองถือว่าการให้กำลังใจเด็ก ๆ และคณะครูอาจารย์เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
    สนับสนุนให้เขาฝึกฝนอบรมแล้ว ยังต้องหาเวทีให้เขาแสดงออก มีเวทีให้เขาแสดงออกแล้ว ยังต้องมีรางวัลช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้ด้วย คณะครูอาจารย์และเด็ก ๆ มาถึงก่อนเวลานัดเกือบ ๒๐ นาที ต้องถือว่ารู้เวลาดีมาก เมื่อรับฟังโอวาทและรับรางวัลพิเศษแล้ว ก็ไปหามุมถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย

    น่าเสียดายที่ว่างานฉลองโรงเรียนรางวัลพระราชทานผ่านพ้นไปแล้ว เด็ก ๆ ๔ ชุดนี้ถึงไปได้รางวัลถ้วยพระราชทานเพิ่มขึ้นมา ไม่อย่างนั้นในงานฉลองโรงเรียนรางวัลพระราชทาน ก็จะมีถ้วยพระราชทานเพิ่มเติมเข้ามาอีก จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพเกรงว่า ต่อไปเรื่องพวกนี้ถ้าเอ่ยถึงเด็กทองผาภูมิ ทางผู้จัดงานเขาจะยอมให้ลงแข่งขันด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ?! เนื่องเพราะว่าในช่วงที่ผ่านมา เคยลงแข่ง ๓ รายการ ได้รางวัลถ้วยพระราชทาน ๒ รายการ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ หนึ่งรายการ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,332
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,613
    ค่าพลัง:
    +26,467
    กระผม/อาตมภาพยังบอกกับเด็ก ๆ ว่า อาจจะเป็นเพราะว่าเราได้มากแล้ว เขาก็เลยต้องแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง แต่เราต้องมองว่าเรายังไม่ดีพอ ต้องตั้งใจขยันหมั่นฝึกซ้อมมากกว่านี้อีก พูดง่าย ๆ ก็คือใช้หลักธรรมในอิทธิบาท ๔ เมื่อเรามีฉันทะ พอใจที่จะทำอย่างนี้แล้ว ก็ต้องวิริยะ พากเพียรทำไปจนถึงที่สุด มีจิตตะ กำลังใจปักมั่นจดจ่อ ไม่คลอนคลายไปไหน และมีวิมังสา ไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอว่า สิ่งที่เราทำนั้นดีพอแล้วหรือยัง ? ยังมีอะไรที่เราต้องเสริมสร้างให้ดีขึ้นไปยิ่งกว่านี้อีก ?!

    เมื่อก้าวไปถึงระดับรางวัลถ้วยพระราชทานแล้ว กลายเป็นขึ้นสู่ที่สูง ก็ต้องรักษาระดับของตนเอาไว้ให้ได้ การขึ้นที่สูงไม่ถือว่ายาก สิ่งที่ยากก็คือรักษามาตรฐาน รักษาระดับเอาไว้ ทำให้เรามีภาระที่จะต้องเหนื่อยยาก ในการที่จะรักษาระดับของตน ต้องขยันหมั่นฝึกซ้อมให้รู้จริง แล้วสามารถบอกต่อสอนต่อคนอื่นเขาได้ด้วย เพื่อที่จะได้สร้างบุคคลรุ่นใหม่ ๆ สืบทอดกันเอาไว้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าพวกเราไม่ว่าจะเป็นคณะครูอาจารย์และนักเรียน ขาดหลักธรรมในอิทธิบาททั้ง ๔ ในเมื่อเรามีหลักธรรมเป็นเครื่องนำชัยให้แก่ตนเองแล้ว ส่วนที่เหลือก็ต้องเพียรพยายามที่จะต่อสู้กันต่อไป

    รางวัลถ้วยพระราชทานถือว่าเป็นเกียรติยศทั้งส่วนตัวและของโรงเรียน สิ่งนั้นไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง เป้าหมายที่แท้จริงของเราก็คือ ทำอย่างไรที่จะให้รุ่นน้องสนใจ แล้วก็มาเข้ารับการฝึกสอนอบรมต่อเนื่องไปโดยไม่ขาดช่วงลง เราจึงสามารถที่จะรักษามาตรฐานระดับนี้เอาไว้ได้ เนื่องเพราะว่าถ้าไม่มีคนสืบทอด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีงามสูงส่งขนาดไหนก็ตาม ท้ายที่สุดก็จะจมหายไปกับกาลเวลา อย่างดีก็เป็นประวัติศาสตร์ให้คนได้กล่าวถึงเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น

    เมื่อมอบรางวัลให้กับเด็ก ๆ แล้ว กระผม/อาตมภาพเองยังต้องไปไล่ตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ที่ส่งเข้ามาในช่วงเดินทางขึ้นไปเชียงใหม่ - เชียงราย ส่วนไหนที่รีบด่วนก็ต้องเร่งจัดการให้เสร็จสรรพเรียบร้อย ส่วนไหนที่รอเวลาได้ ก็เอาไว้คืนนี้หรือว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยกระทำกันต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...