เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 16 มีนาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,920
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,920
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ สิ่งที่บอกกล่าวไป เตือนไป ก็คือตั้งใจให้แก้ไขกัน ไม่ใช่ฟังผ่านหูไปเฉย ๆ กระผม/อาตมภาพเคยบอกหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า คนอื่นฟังสิ่งที่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงพูดเป็นคำสอน จึงไม่ค่อยสนใจ ปล่อยผ่านหูไปเฉย ๆ ก็ได้ แต่กระผม/อาตมภาพเองฟังเป็นคำสั่ง ก็คือสั่งให้ทำ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใครที่ฟังคำครูบาอาจารย์เป็นคำสั่งแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำ ก็ย่อมประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า

    ส่วนพวกเราบอกไป กล่าวไป โบราณเขาบอกว่า "เหมือนกับสั่งขี้มูก" ก็คือไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย อย่าลืมว่าแม้แต่หมา เวลาเราดุมัน ห้ามมัน มันยังรู้จักหยุด รู้จักแก้ไข คุณไปดูว่าหมารุ่นเก่า ๆ มีตัวไหนกล้าเข้าครัวบ้าง ? เพราะว่ามันโดนดุมาก่อน มีแต่ไอ้รุ่นใหม่ที่ไม่รู้ภาษา นั่นยังไม่โดนไม้..!

    ในเมื่อหมายังรู้จักแก้ไข แล้วพวกเราเองผิดแล้วผิดอีก บอกไปแล้วไม่แก้สักที ตกลงว่าเราจะดีกว่าหมาได้ไหม ? เรื่องพวกนี้ความจริงแล้วไม่จำเป็นที่จะต้อง
    ให้มา "ปากเปียกปากแฉะ" กันอยู่ทุกบ่อย แต่พวกเราก็มักจะมีจริตนิสัยเป็นคนประเภท "ไฟไหม้ฟาง" ถึงเวลาโดนด่าทีหนึ่งก็ไฟลุกฮือขึ้นมาได้ ผ่านไปสามวันห้าวัน หมดไปอีกแล้ว

    การไปเป็นพระวิปัสสนาจารย์ในโครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐานให้แก่เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ที่โครงการเพิ่งจะจบลงไป พระหลายรูป เจ้าสำนักหลายรูป พยายามที่จะตื่นให้ทันที่กระผม/อาตมภาพจะเริ่มลงไปเล่าสารพัดเรื่องให้เขาฟังตอนตี ๓ ครึ่ง แต่ก็มีผู้สารภาพว่า "ทำอย่างไรก็ตื่นไม่ทันหลวงพ่อ"

    กระผม/อาตมภาพบอกกับเขาไปว่า เหตุที่คุณไม่สามารถจะตื่นได้ทัน เพราะว่าขาดการฝึกฝนขัดเกลา ตั้งแต่อายุ ๑๖ มาจนถึง ๖๔ กระผม/อาตมภาพฝึกตัวเองอยู่ทุกวัน ก็เหมือนอย่างกับคนที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินทางอยู่ทุกวัน แล้วคนอื่นถ้าจะเดินตาม เดินบ้างหยุดบ้าง แล้วเมื่อไรจะตามทัน ?

    อย่าลืมว่าพวกเราทั้งหลายบวชเข้ามา เรารู้จุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนว่า เราบวชเพื่อหวังความพ้นทุกข์ แล้วสิ่งที่เราทำ คำที่เราพูด ไปได้กับความหวังของเราไหม ? คนบอกว่าอยากจะไปเชียงใหม่ แต่ไม่ตั้งหน้าตั้งตาเดินทางเสียที ก็ย่อมไม่มีทางที่จะไปถึงได้ ไม่ต้องไปคิดถึงภพอื่นภูมิอื่นที่เป็นของละเอียดและไกลกว่า
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,920
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    อย่าลืมว่าในฐานะของพระภิกษุสามเณร เราต้องเป็นที่พึ่งของชาวบ้านเขาด้วย ไม่ใช่เอาตัวรอดคนเดียวแล้วจบ พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้เป็นบาลีชัดเจน สุทนฺโต วต ทเมถ อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม ผู้ฝึกตนดีแล้วสมควรช่วยฝึกผู้อื่น ชื่อว่าการฝึกตนนั้นช่างยากจริงหนอ ปรากฏว่าเราได้แค่ประโยคหลัง ก็คือฝึกยาก ไม่ต้องไปหวังเลยว่าฝึกดีแล้วจะไปช่วยคนอื่นเขา..!

    ตราบใดที่เรายังต้องอาศัยครูบาอาจารย์คอยบอกคอยกล่าว ปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไชอยู่ทุกวัน ตราบนั้นยังเอาดีไม่ได้ ก็แบบเดียวกับในโครงการอบรมที่ผ่านมา ๕ วันแรกกระผม/อาตมภาพนำให้เขาทุกวัน พอวันที่ ๖ วันที่ ๗ บอกให้หากินเอง ก็ไปไม่เป็น ถ้าเป็นตัวกระผม/อาตมภาพเอง บอกแค่วันแรกก็จบไปแล้ว..!

    แม้กระทั่งสมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง ไม่มีสักวันเดียวที่กระผม/อาตมภาพจะคิดว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจะอยู่ได้ถึงวันรุ่งขึ้น พอดินฟ้าอากาศผิดปกติขึ้นมา
    กระผม/อาตมภาพจะรีบลุกขึ้นนั่งกรรมฐาน ดูว่าหลวงพ่อท่านไปแล้วหรือยัง..! ดังนั้น..ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสอนก่อนที่ท่านจะจากไป กระผม/อาตมภาพต้องกอบโกยเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ติดขัดตรงไหน ท่านยังมีชีวิตอยู่จะได้สอบถามได้

    แล้วดูตอนที่หลวงพ่อท่านมรณภาพไป แม้แต่พระเถระระดับ ๑๐ กว่า ๒๐ พรรษายังนั่งร้องไห้ ก็เพราะว่าไปไว้วางใจว่าหลวงพ่อท่านจะอยู่ถึง ๑๒๐ ปี คนที่ตั้งหน้าตั้งตากอบโกยอยู่ทุกวัน กับคนที่ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง อายุ ๑๒๐ ปีหลวงพ่อถึงจะมรณภาพ ใครที่ควรจะได้อะไรมากกว่ากัน ?

    ทุกวันนี้หลายท่าน แม้อายุกาลพรรษามากมายขนาดนั้นแล้วก็ยัง "ไม่เป็นโล้เป็นพาย" อยู่เลย ขณะเดียวกันไอ้ที่บวชอยู่ท้าย ๆ เลยอย่างกระผม/อาตมภาพ ต้องมาเป็นหลักให้ชาวบ้านเขา ก็แค่ความสำนึกตัวโดยไม่ประมาท ว่าครูบาอาจารย์จะไม่อยู่กับเราตลอดไป สิ่งหนึ่งประการใดที่ท่านสอน ที่ท่านบอกกล่าว เราจะต้องรีบกอบโกยหรือว่ารีบทำเอาไว้ อย่างน้อยถ้าเวลานั้นมีอะไรติดขัด เราก็จะได้กราบเรียนสอบถามท่านได้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,920
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    พอสิ้นท่านไป กระผม/อาตมภาพต้องกลายเป็นกำลังหลักในการจัดงานศพ พระเถระในกรุงเทพฯ หลายท่านถามว่า "ท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่หรือ ?" กระผม/อาตมภาพตอบท่านว่า "กระผมเป็นพระใหม่ครับ เพียงแต่อยากจะทำหน้าที่ถวายครูบาอาจารย์ให้ดีเท่านั้น" คาดว่าคำตอบอาจจะทำให้พระเถระในกรุงเทพฯ ท่านมองวัดท่าซุงราคาสูงติดยอดเมฆไปเลย ขนาดพระใหม่ยังทำได้อย่างนี้

    แล้วพวกท่านทั้งหลายที่อยู่ด้วยกันมาหลายต่อหลายปี ไม่ใช่ไปภาคภูมิใจว่าได้รับคำสั่งสอนจากหลวงพ่อมากกว่าคนอื่น หลายท่านก็ถึงขนาดสะสมคำสอนเอาไว้ทุกครั้ง แล้วจะมีประโยชน์อะไร ถ้าหากว่าเรากอบโกยเอาข้าวปลาอาหารไปตุนไว้ในคลังเฉย ๆ แล้วไม่ได้ทำกินเสียที

    อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า วยธมฺมา สงฺขารา สังขารมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ ขอท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม คำสอนประโยคเดียวที่เราจะต้องไปใช้ตลอดชีวิต แต่เราก็ไม่คำนึงถึง
    อะไรที่ผิดเป็นเรื่องปกติ ผิดแล้วก็แก้ไข แต่ถ้าผิดแล้วผิดเล่า แก้ไขไม่ได้เสียที ก็สมควรโดน..!

    การที่คนทั่วไปจะเสียเวลามาบอกมากล่าวว่าเราผิดตรงไหนนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่าทุกคนรักตัวเอง กลัวคนอื่นเขาเกลียดขี้หน้า กระผม/อาตมภาพเอง ถ้าไม่ได้อยู่ในฐานะครูบาอาจารย์ ก็ไม่เสียเวลาที่จะมาจ้ำจี้จ้ำไชพวกเราเหมือนกัน

    ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จึงขึ้นอยู่กับจิตสำนึกด้วย โดยเฉพาะหน้าที่ภายนอกของกระผม/อาตมภาพมากมายมหาศาล โอกาสที่จะอยู่วัดแทบจะไม่มี พวกเราต้องรู้จักไขว่คว้าหาเอาเองบ้าง ไม่ใช่รอแต่ให้ป้อนให้เป็นลูกนกเลย ตราบใดที่เรายังยืนมั่นด้วยตนเองไม่ได้ ตราบนั้นก็ยังเอาตัวรอดไม่ได้ แล้วจะไปเป็นที่พึ่งให้แก่ญาติโยมได้อย่างไร ?
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,920
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    โดยเฉพาะวัดท่าขนุนของเรา หลวงปู่สายท่านสร้างชื่อเสียงเกียรติคุณเอาไว้ดีมาก ๆ แม้กระทั่งทุกวันนี้ ญาติโยมส่วนใหญ่ที่มาก็เพราะจะมากราบสังขารหลวงปู่ท่าน ทำให้ชาวบ้านเขามองเราในลักษณะที่ว่าเป็น "พระวัดท่าขนุน" กลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้พวกเรากลายเป็นที่หวัง ซึ่งเขาก็คิดว่าลูกศิษย์หลานศิษย์หลวงปู่ อย่างน้อยก็ต้องมีความดีอะไรของหลวงปู่ไว้บ้าง

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าวันแล้ววันเล่า เราไม่สามารถที่จะเอาความดีใส่ตัวได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ไม่ใช่อ้างว่าติดในเรื่องของการศึกษาเล่าเรียน ไม่ใช่อ้างว่าติดในเรื่องของภาระหน้าที่การงาน การปฏิบัติธรรมต้องทำได้ทุกเวลา จึงได้แต่หวังว่า ครั้งหน้าคงจะไม่ได้ยินไม่ได้ฟังอะไรที่ไม่ถูกต้องอีก เพราะว่า
    แค่เรื่องสวดมนต์ที่เป็นเรื่องง่าย ๆ แล้วเรายังสวดผิด ขาดสติ ไม่ระมัดระวัง ไม่คิดที่จะแก้ไข เรื่องอื่น ๆ ก็เป็นที่พอเดาได้ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ !??

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...