เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 11 เมษายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพนอกจากไปร่วมงานบวชสามเณรภาคฤดูร้อนของวัดปรังกาสี และเยี่ยมสามเณรภาคฤดูร้อนของวัดเขื่อนวชิราลงกรณแล้ว ก็ยังไปเยี่ยมสามเณรภาคฤดูร้อนของเราเองที่เข้าโรงพยาบาลอยู่ เพราะว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A คาดว่าสาเหตุก็มาจากสามเณรรูปหนึ่งที่มีไข้ตั้งแต่วันแรกที่บวช แต่ต้องชมว่าสามเณรของเราแข็งแรงกันมาก เพราะว่าอาการมาออกเอาวันสุดท้าย ตลอดระยะเวลา ๘ - ๙ วัน ผ่านไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ !?

    แต่ตอนนี้ทั้งพระพี่เลี้ยง ทั้งญาติโยมที่คอยดูแลติดไข้หวัดไปตาม ๆ กัน กระผม/อาตมภาพเองที่ไปเยี่ยมไม่ได้กลัวติดไข้หวัด เพราะสรุปให้กับตัวเองเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดหนัก ๆ แล้วว่า การป่วยเป็นมาลาเรียเรื้อรังอย่างเดียว เพียงพอที่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะทวง ดังนั้น..โรคอื่นจึงไม่ค่อยจะเป็นกับใคร..!

    หลังจากนั้นก็ยังได้ไปเยี่ยมพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๑) วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ที่เข้าโรงพยาบาลอยู่ ท่านบอกว่าเหนื่อย หายใจไม่ทัน จึงเข้าไปนอนพักให้ออกซิเจน

    เรื่องของออกซิเจนนั้นต้องบอกว่า ถ้าเราใช้พอสมควร จะทำให้ร่างกายฟื้นเร็ว ถ้าใช้มากเกินสมควรอาจจะมีโทษมากกว่าที่คิด อันดับแรกเลยก็คือ ร่างกายของเราถ้าได้รับออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าไปจนเคยชิน ถ้าให้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ปอดจะขี้เกียจฟอกอากาศเอง

    ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือหลวงปู่มหาอำพัน พระเดชพระคุณหลวงปู่พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) วัดเทพศิรินทราวาส ช่วงที่ท่านป่วยหนักอยู่ กระผม/อาตมภาพดูแลมาตลอด ไม่มีปัญหา คือท่านมาป่วยเป็นโรคถุงลมปอดโป่งพองตอนอายุ ๘๐ กว่าเกือบ ๙๐ ปี สาเหตุที่ไม่น่าเชื่อก็คือเกิดจากการจุดธูปบูชาพระ..! เพราะว่ากุฏิของท่านนั้นเล็ก ๆ แคบ ๆ เมื่อจุดธูปแล้วควันก็ตลบอบอวลอยู่ข้างใน แม้จะเป็นธูปเพียง ๓ ดอกในแต่ละครั้งก็ตาม
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    หลวงปู่ท่านขยันทำวัตรเช้าทำวัตรเย็นทุกวัน ดึกดื่นเที่ยงคืนขนาดไหน ต้องทำวัตรก่อนถึงจะเข้านอน ก็แปลว่าจุดธูปทุกวัน ๆ ละ ๒ รอบ หายใจเอาควันธูปเข้าไป เกิดโทษพอ ๆ กับหายใจเอาควันบุหรี่เข้าไป ป่วยเป็นโรคถุงลมปอดโป่งพอง หายใจแล้วออกซิเจนไม่ค่อยจะเพียงพอ หมอจึงต้องให้เอาเครื่องให้ออกซิเจนมาประจำไว้ที่กุฏิ

    ช่วงที่กระผม/อาตมภาพดูแลอยู่ ก็จะให้ออกซิเจนท่านครั้งละ ๒ นาที ไม่เกิน ๓ นาที พอเห็นท่านพอหายใจได้สะดวกแล้วก็จะถอดออก ดูแลท่านอยู่เป็นปี ๆ ไม่มีปัญหา พอถึงเวลาทางวัดท่าซุงมีงาน กระผม/อาตมภาพต้องขออนุญาตหลวงปู่กลับไปทำงานที่วัดท่าซุงก่อน ปรากฏว่าพระอื่นท่านดูแลไม่กี่วัน หลวงปู่ท่านก็ถึงแก่มรณภาพ..!

    เหตุก็เพราะว่าพระอื่นท่านไม่เข้าใจตรงนี้ ถึงเวลาท่านให้ออกซิเจนยาวไปเลย เมื่อร่างกายรับออกซิเจนจนเคยชิน พอหลวงปู่ลงจากเตียงเข้าห้องน้ำ จึงหายใจไม่ทัน พระที่ดูแลท่านก็มัวแต่ทำความสะอาดเตียง เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ เปลี่ยนปลอกหมอนใหม่ ไม่ได้ยินเสียงหลวงปู่ท่านเรียก เพราะว่าเสียงท่านเบา หันมาอีกทีหลวงปู่ท่านหน้าเขียวไปแล้ว..! ก็แปลว่าปอดทำงานเองไม่ได้ หลังจากที่ได้รับออกซิเจนบริสุทธิ์มานาน

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ หลวงพ่อรองเจ้าคณะอำเภอฯ วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ท่านบอกว่า หลวงพ่อรูปหนึ่งท่านเปิดออกซิเจนไว้ทั้งห้องเลย อยู่ในลักษณะแบบเดียวกับรถไฟความเร็วสูงสายทิเบต - ชิงไห่ของจีน ที่จะเปิดออกซิเจนไว้ในห้องโดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารหายใจได้ เนื่องจากว่าสถานีทังกูล่าสูงตั้ง ๕,๐๐๐ กว่าเมตร ออกซิเจนเบาบางมาก เรื่องนี้ต้องไปถามน้องมด ไกด์ชาวจีนที่ไปช่วยดูแล น้องมดบ่นว่า "นอกจากหนูจะดูแลพวกหลวงพ่อไม่ได้แล้ว พวกหลวงพ่อยังต้องมาดูแลหนูอีก" เพราะว่าขนาดมีออกซิเจนแบบนั้น น้องมดยังน็อกสนิท หายใจเองไม่ได้..!

    พอได้ยินดังนั้น กระผม/อาตมภาพก็บอกกับหลวงพ่อวัดเขื่อนฯ ว่า ถ้าอย่างนั้นต้องระวังเจ็บตา เพราะว่าออกซิเจนทำให้ตาแห้ง ท่านบอกว่าเจ็บแล้ว หมอบอกว่าเป็นเพราะขนตาย้อนไปแทงตา กระผม/อาตมภาพบอกว่าไม่ใช่
    เกิดจากออกซิเจนทำให้ตาแห้ง ถึงเวลากระพริบตาแล้วตาฝืด จนกลายเป็นคนตาเจ็บตาแฉะไปเลย..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    เหตุที่พอจะรู้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เพราะว่ากระผม/อาตมภาพดูแลพ่อตัวเองมา ๖ ปี ดูแลแม่อยู่ ๓ ปี ดูแลหลวงปู่อีก ๔ ปี เท่ากับเรียนวิชาพยาบาลหลักสูตร ๑๐ กว่าปีที่ไม่มีใครเรียนมาขนาดนี้ เพราะฉะนั้น..นอกจากการฉีดยาเข้าเส้นเข้ากล้ามที่ไม่ได้ลองด้วยตัวเองแล้ว อย่างอื่นทำได้หมด แม้กระทั่งการผ่าขาครั้งนี้ กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งจะตัดไหมเอง..!

    คราวนี้ตามที่ได้คุยกัน หลวงพ่อวัดเขื่อนท่านก็ "ฝากผีฝากไข้" เพราะว่าท่านอายุ ๗๘ ปีแล้ว
    กระผม/อาตมภาพกราบเรียนท่านไปว่า "ถ้าผมเองตายผมก็ไม่ใส่ใจแล้วครับ คนอยู่ข้างหลังจะจัดการอย่างไรก็ตามใจเขา แต่ถ้าหลวงพ่อห่วงว่าวันตายหาเจ้าภาพไม่ได้ ผมจะไปเผาให้เอง..!"

    ตรงนี้ต้องชื่นชมตรงที่ว่า หลวงพ่อวัดเขื่อนฯ ท่านไม่ได้กลัวว่าจะตาย ถือว่ากำลังใจอยู่ในด้านดีมาก เพียงแต่ห่วงว่าคนที่อยู่ในวัดจะจัดการเรื่องราวไม่เรียบร้อย จึงมีการฝากฝัง กระผม/อาตมภาพก็รับฝากให้ เพราะว่านอกจากเรื่องของคณะสงฆ์ที่บางทีมีปัญหากัน เพราะว่าการตัดสินใจไม่ตรงกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรขัดคอกันมา แล้วกระผม/อาตมภาพเองก็เป็นคนที่
    ไม่เก็บความไม่ดีไม่งามของคนอื่นเอาไว้ในใจตัวเอง

    แบบเดียวกับหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอฯ วัดหินแหลม สมัยที่ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอ ประชุมกันเมื่อไรงัดข้อกันแทบจะตีกันตาย..! เพราะว่าอะไรถ้ากระผม/อาตมภาพเห็นว่าไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ก็จะงัดท่านขึ้นมาตรง ๆ ในที่ประชุม หลวงพ่อวัดหินแหลมท่านเป็นคนปากร้าย ถึงเวลาก็ด่าโขมงโฉงเฉง กระผม/อาตมภาพก็ปล่อยให้ท่านด่าไปจนหมดแรง แล้วก็เถียงใหม่ แต่พอท่านมรณภาพ กระผม/อาตมภาพเป็นคนจัดงานศพให้ท่านตั้งแต่ต้นยันจบ จนคนเขาถามว่า "อาจารย์เล็กโกรธใครไม่เป็นหรืออย่างไรวะ ?"
    แล้วจะไปโกรธอะไรกับคนตาย..ตายแล้วก็จบกันไป..!

    กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ทะเลาะกับท่านเพราะว่าขัดคอกันด้วยเรื่องราวอะไรที่เป็นผลประโยชน์ แต่ที่ทะเลาะกันเพื่อรักษาพระธรรมวินัย หรือรักษาหลักการปกครองเท่านั้น ถึงเวลาประชุมเสร็จก็ลืมไปแล้ว "คนช่างจำ" เขาก็เลยคิดว่ากระผม/อาตมภาพโกรธใครไม่เป็น ความจริงก็โกรธเป็น เพียงแต่ขี้เกียจเก็บความโกรธเอาไว้เท่านั้น..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะบอกกับพวกเราก็คือว่า ระยะนี้กระผม/อาตมภาพยังคงออกบิณฑบาตไม่ได้ เพราะว่าแผลยังไม่ปิดสนิท ถามว่าไม่ปิดสนิทแล้วไปตัดไหมทำไม ? ก็เพราะว่าหมอเขาเย็บไว้เป็นกระจุก พอถึงเวลารอยเย็บก็ดึงขาจนเหยียดไม่ออก เดินไม่ถนัด ก็เลยตัดทิ้งไปจะได้เดินได้ถนัดขึ้น รอยแผลก็ยิ้มเป็นปากเด็กไปเลย..!

    คราวนี้ตั้งใจเอาไว้ว่า จะบิณฑบาตวันแรกก็คือวันอาทิตย์นี้ แต่ปรากฏว่าน่าจะต้องทิ้งงานเพื่อไปเยี่ยมการสอบบาลีรอบสอง เพราะว่าเขาสอบวันที่ ๑๕, ๑๖ แล้วก็ ๑๗ คราวนี้พระของเราส่วนใหญ่ก็คือสอบประโยค ๑ - ๒ ที่สอบแค่วันที่ ๑๕ กับ ๑๖ วันที่ ๑๕ เรามีงานแห่พระพุทธรูปทองคำกับสรงน้ำพระ ไปไม่ได้อยู่แล้ว

    สงกรานต์ปีนี้งานทุกอย่างจะจัดตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็เพราะว่าการสอบบาลีรอบสองมาตรงกันพอดี การอุ้มพระสรงน้ำก็อาจจะเหลือพระเณรให้อุ้มแค่ไม่กี่รูปเท่านั้น พรุ่งนี้ท่านใดที่ออกบิณฑบาตให้แจ้งงดบิณฑบาตกับญาติโยมสามวัน ก็คือวันที่ ๑๓ - ๑๔ - ๑๕ จัดงานทำบุญสงกรานต์ตามปกติของเรา ก็คือวันที่ ๑๓ ทำบุญเช้าตามปกติ แล้วก็บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันที่ ๑๔ ก็เพิ่มงานก่อพระทรายกับบังสุกุลอัฐิเข้ามา วันที่ ๑๕ ก็มีงานแห่พระพุทธรูปทองคำและสรงน้ำพระเพิ่มเข้ามา เวลาที่เหลือพวกเราก็ปฏิบัติธรรมกันไป

    ส่วนญาติโยมชุดนี้ที่มาแล้วการลงทะเบียนเข้าพักหมดเวลาลง ให้ไปลงทะเบียนต่อได้เลย อนุญาตให้แค่ชุดนี้เท่านั้น หลังจากนี้แล้วให้ปฏิบัติตามระเบียบเดิม ก็คือครบ ๗ วันต้องออกจากวัด เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพวกเรามาไม่ตรงจังหวะ เวลาคร่อมกับการปฏิบัติธรรมช่วงสงกรานต์ ในเมื่ออยากอยู่ปฏิบัติธรรม แล้วถ้าต้องกลับบ้านก็คงจะรู้สึกไม่ดี จึงอนุญาตให้ลงทะเบียนใหม่เพื่ออยู่ต่อได้
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    อีกประการหนึ่งก็คือบรรดาญาติโยมที่มาร่วมงาน น่าจะต้องให้ อสม.มาตรวจคัดกรอง ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้ไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ก็อาจจะเจอไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เข้าไปอีก แล้วทุกท่านก็คงไม่โชคดีเหมือนกระผม/อาตมภาพ ที่คลุกคลีกับผู้ป่วยเท่าไรก็ไม่ป่วย เพราะว่าที่ป่วยอยู่หนักเกินกว่าอย่างอื่นแล้ว ก็คงจะเหมือนกับรอยเท้าช้าง รอยเท้าสัตว์อื่นมาเหยียบซ้ำลงไปเท่าไรก็ใหญ่เท่ารอยเท้าช้าง จึงเฉย ๆ ไม่ค่อยจะเจ็บจะป่วยกับใคร

    ก็แปลว่า หลังจากการบิณฑบาตในวันพรุ่งนี้แล้ว พระของเราก็ไปเริ่มบิณฑบาตวันที่ ๑๖ หลังจากการปฏิบัติธรรมช่วงเช้าวันที่ ๑๗ ก็คือการภาวนาพระคาถาเงินล้านแล้ว กระผม/อาตมภาพก็คงต้องรีบเดินทางขึ้นเชียงใหม่

    แต่คราวนี้ทางด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี กำหนดวันประชุมเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง ๔๔ แห่งในวันที่ ๒๐ ในเมื่อกำหนดกันมาโดยที่กระผม/อาตมภาพไม่ว่างพอดี ก็เป็นอันว่าจัดประชุมกันเองไปก็แล้วกัน..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...