เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 22 มีนาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,389
    ค่าพลัง:
    +26,204
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,389
    ค่าพลัง:
    +26,204
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เมื่อวานนี้กระผม/อาตมภาพได้มีโอกาสไปงานปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดบึงลาดสวาย มีหลายเรื่องที่อยากจะกล่าวถึง ณ ที่นี้

    ประการแรกเลยก็คือ เมื่อเข้าไปในพระวิหารพระพุทธชินราชซึ่งเป็นสถานที่ปลุกเสกวัตถุมงคล เห็นหลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้ว ท่านนั่งอยู่ จึงเข้าไปกราบท่านด้วยความดีใจ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า วัตถุมงคลของทางวัดบึงลาดสวายนี้ ส่วนใหญ่แล้วทำตามตำราวิชาสายมอญ ซึ่งหลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้วนั้น ท่านเป็นพระเถระชาวมอญที่อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราชในสมัยกรุงศรีอยุธยายุคนั้น

    วิชาการสายมอญแทบทั้งหมดเป็นวิชาการที่หลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้ว ท่านได้นำมาจากประเทศพม่าในยุคนั้น แล้วเอามาเผยแพร่ในประเทศไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลบผงปถมัง อิทธิเจ มหาราช ตรีนิสิงเห หรือว่าพุทธคุณ เรื่องของการสร้างเบี้ยแก้ เรื่องของการสร้างผ้ายันต์ แหวนพิรอด สายคาดเอว ตะกรุดหนังเสือ หรือแม้กระทั่งตำราการสร้างแมลงภู่คำ

    เมื่อหลวงปู่ใหญ่ท่านอยู่ในพิธีกรรม กระผม/อาตมภาพก็สบาย มีหน้าที่นั่งดูอย่างเดียวว่าท่านทำอะไรบ้าง เมื่อท่านบอกว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ทำน้ำมนต์พรมวัตถุมงคลให้ หลังจากเสร็จพิธีทางเจ้าภาพมีการถวายปัจจัยไทยธรรม ไทยธรรมที่รับมานั้นมีหลายส่วนที่ควรกล่าวถึง

    อันดับแรกเลยก็คือ ผงสัมฤทธิ์ที่ปั้นเป็นลูกอมแล้วทาชาดทับเอาไว้ ปกติแล้วผงอิทธิเจจากกรุวัดร้างสัมฤทธิ์ ก็มีอานุภาพเป็นที่กล่าวขานเลื่องลือไปทั้งประเทศอยู่แล้ว นี่เมื่อนำมาปั้นเป็นลูกอม แล้วยังเอามาเข้าพิธีซ้ำอีก ก็ต้องบอกว่า "ในดี" มีการ "เพิ่มดี" ให้มากขึ้น โดยปกติผงอิทธิเจกรุวัดร้างสัมฤทธิ์นั้น ผู้ที่ได้ไปก็นำไปติดตัว หรือว่านำไปผสมใส่ในวัตถุมงคล แต่ว่านี่เป็นการนำมาปั้นเป็นลูกอมเลย ต้องบอกว่าเป็นการใช้ผงวิเศษอย่างสิ้นเปลืองมาก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,389
    ค่าพลัง:
    +26,204
    ประการต่อไปคือ ผ้ายันต์แมงมุมดักทรัพย์พระคาถาเงินล้าน ตรงนี้ต้องบอกว่าท่านอาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา) มีการประยุกต์วิชาการต่าง ๆ ที่ศึกษามาจากยันต์แมงมุมดักทรัพย์ตามสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยดัดแปลงอักขระมาเป็นพระคาถาเงินล้านแทน

    ในวิชาการต่าง ๆ นั้น ถ้าหากว่าไม่มีการประยุกต์เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้เกิดอาการตายนิ่ง ไม่มีความรู้อะไรเพิ่มเติมขึ้นมาเลย แต่ถ้าหากว่ามีบุคคลที่ศึกษาจนเชี่ยวชาญและชำนาญแล้ว ทำการประยุกต์ร่วมกับวิชาการสายอื่น ๆ ได้ก็จะเกิดเป็นของใหม่ขึ้นมา ซึ่งตรงนี้ส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่จะกระทำในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ ต้องมาสายพุทธภูมิบารมีเข้มเท่านั้น

    แบบเดียวกับที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านประยุกต์คาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ จนกลายเป็นพระคาถาเงินล้าน ที่บุคคลทั่วประเทศ ตลอดจนอาจจะกล่าวได้ว่าทั่วโลกนำไปใช้ แล้วมีผลดีเช่นเดียวกัน

    อีกส่วนหนึ่งที่ได้รับมาก็คือตัวยาจินดามณี ซึ่งพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ ท่านศึกษาและตามทางสายวัดกลางบางแก้ว ซึ่งก็คือวิชาการของหลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้วนั่นเอง

    แต่คราวนี้ส่วนที่ปรากฏในตำราจะมีแค่ที่ทุกคนศึกษา ในส่วนที่เป็นการถ่ายทอดตรงจากครูสู่ศิษย์ ไม่มีการบันทึกเอาไว้ เป็นส่วนผสมพิเศษต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นเกสรบัวแฝด เห็ดนมเสือ งาช้างกำจัด นอแรด เป็นต้น ซึ่งตรงจุดนี้จะมีการบอกเพิ่มเติมขึ้นมา ตลอดกระทั่งอำพันทองที่ราคาแพงพอ ๆ กับนอแรด และหาได้ค่อนข้างจะยาก

    แต่ว่าในปัจจุบันนี้นอแรดนั้น แม้กระทั่งการครอบครองก็ถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากว่าเป็นชิ้นส่วนของสัตว์ป่าสงวน แต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นมีเศษนอแรดที่เป็นผงอยู่ เกิดจากการที่นำเอานอแรดมากลึงเป็นลูกประคำ ซึ่งประคำเส้นนั้นได้มีผู้บูชาต่อไปแล้วในราคาที่แพงมาก เศษส่วนนั้นเก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ จึงได้ปวารณาร่วมบุญกับทางท่านพระครูปลัดพิจารย์ ว่าจะแบ่งปันส่วนหนึ่งให้ท่านนำมาเป็นส่วนผสมในยาจินดามณีต่อไป

    ตรงจุดนี้ท่านพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ก็ปรารภว่าจะสร้างยาจินดามณี ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ได้รับปากว่าจะแบ่งนอแรดส่วนหนึ่งให้กับท่านไปเช่นกัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,389
    ค่าพลัง:
    +26,204
    พวกเราต้องเข้าใจว่า วิธีการที่จะนำนอแรดมาเป็นส่วนผสมของยาจินดามณีได้นั้น ก็อยู่ลักษณะเดียวกันกับการใช้ผงงาช้างกำจัด ก็คือต้องนำเอามาคั่วจนกรอบ แล้วตำเป็นผง ทำการกรองอย่างพิถีพิถัน ถึงจะนำมาเป็นส่วนผสมได้ และต้องพยายามผสมให้เข้ากัน คือกระจายไปทั่วเนื้อยาให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าไปตกอยู่จุดใดจุดหนึ่ง เมื่อทำเป็นตัวยาขึ้นมา ยาตรงจุดนั้นจะเย็นจนเกินไป ซึ่งอาจจะก่อผลร้ายให้กับผู้ที่มีไฟธาตุน้อย

    ตรงจุดนี้เราต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ถ้าไม่ใช่ผู้ที่เชี่ยวชาญและชำนาญจริง ๆ ผสมแล้วเข้าไม่ทั่วถึงอย่างแท้จริง ผลดีที่เกิดขึ้นก็อาจจะเป็นผลร้ายสำหรับบางคนก็เป็นได้
    อีกส่วนหนึ่งที่รับมาก็คือแมลงภู่คำ ซึ่งท่านพระครูปลัดพิจารย์ก็ได้ดัดแปลงจากการบรรจุเข็มอัคคียะตามแบบสายมอญพม่าในปัจจุบันนี้ มาเป็นการบรรจุเข็มทองเข็มนากแทน โดยนำมาเข้าพิธีซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการประยุกต์วิชาการเช่นกัน

    เพราะว่าในบางครั้งนั้น วิชาการต่าง ๆ จะดีขึ้น หรือว่าไม่ดีขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับการพลิกแพลงใช้งานเช่นกัน ท่านที่สามารถเข้าถึงอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพระคาถา หรือว่าการทำเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคลใด ๆ ก็สามารถที่จะพลิกแพลงใช้งานให้ดีขึ้น

    ดังนั้น...ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ถ้าเป็นเรื่องของแหวนพิรอด เราจะเห็นว่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็คือสำนักของหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน หรือว่าสำนักวัดหนองบัวของหลวงปู่ยิ้ม ตลอดจนกระทั่งพ่อปู่หมอน้อย จังหวัดอ่างทอง เป็นต้น

    ถ้าหากว่าเป็นเชือกคาดก็ต้องสำนักหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว สำนักของหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน หรือว่าสำนักหลวงปู่โชติ วัดตะโน แล้วครูบาอาจารย์รุ่นต่อมาที่มีชื่อเสียง ก็อย่างเช่นว่า สำนักหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค (วัดโฆสิตาราม)

    ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายก็จะมีการประยุกต์เช่นกัน อย่างเช่นว่า บางท่านก็นำเอาลูกอมถักเป็นหัวเชือกคาด บางท่านก็บรรจุพระปิดตาเข้าไปแทน เป็นต้น บางท่านก็มีการประกบด้วยการสอดตะกรุดเป็นระยะ ๆ ซึ่งตรงจุดนี้ก็แล้วแต่ว่าครูบาอาจารย์ท่านจะประยุกต์และพัฒนาวิชาการไปในแนวไหน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,389
    ค่าพลัง:
    +26,204
    แม้กระทั่งในเรื่องของการปฏิบัติธรรมตามสายกรรมฐาน ๔๐ พวกเราก็จะเห็นว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านสามารถที่จะประยุกต์ให้กรรมฐานทุกกอง เข้าถึงฌาน ๔ และสมาบัติ ๘ ได้ทั้งหมด

    ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพยังไม่เห็นว่าครูบาอาจารย์ท่านใดสอนได้แบบนี้เลย ซึ่งการฝึกปฏิบัติกรรมฐานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น โดยปกติแล้วพระองค์ท่านไม่ได้บอกกล่าวในรายละเอียดมากมาย แต่ว่าครูบาอาจารย์รุ่นหลังเมื่อทำเข้าถึงแล้ว ก็นำเอามาประยุกต์ สอนลูกศิษย์รุ่นหลัง ๆ ให้มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ทำให้เข้าถึงได้สะดวกขึ้น โดยที่ไม่ได้บอกว่าเป็นฌาน ๔ ไม่ได้บอกว่าเป็นสมาบัติ ๘ แต่ว่าท่านบอกแค่ว่าทำอย่างนี้แล้วผลจะได้อย่างนี้ ให้ลูกศิษย์ไปตระหนักรู้กันเอาเองในภายหลัง หรืออาจจะไม่รู้ต่อไป แต่ว่าทำได้ตามที่ครูบาอาจารย์บอกเท่านั้น

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ สิ่งที่ท่านทำ เมื่อทำไปแล้วถึงระดับหนึ่ง ก็อย่าได้ยึดตายตัวว่าต้องเคารพครูบาอาจารย์ตน แตะต้องวิชาการเหล่านี้ไม่ได้เลย ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดที่ผิด วิชาการต่าง ๆ สามารถที่จะประยุกต์ให้ดีขึ้น ให้ก้าวหน้าขึ้นมากกว่าที่ท่านทั้งหลายได้ศึกษามา ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นอภิชาตบุตร (อภิชาตศิษย์) อย่างที่ครูบอาจารย์ทั้งหลายท่านต้องการ แต่ถ้าหากว่าเราเคารพและทำตามเพียงอย่างเดียว ก็แค่สามารถรักษาสายวิชาการเอาไว้ โดยไม่ได้มีความก้าวหน้าอะไรขึ้นมาเลย เป็นต้น

    วันนี้ที่กล่าวถึงตรงจุดนี้ก็เพราะว่า ทางคณะของพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ก็ดี ทางท่านพระครูสมุห์อานนท์ อานนฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบึงลาดสวายก็ดี หรือทางท่านอาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา) ก็ตาม ท่านมีการประยุกต์วิชาการต่าง ๆ ที่ศึกษามาให้ก้าวหน้าขึ้น ให้ดีขึ้น ให้ใช้งานง่ายขึ้น ให้มีผลมากขึ้น ซึ่งต้องอนุโมทนาในสิ่งที่ท่านทั้งหลายกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ เพื่อให้เกิดผลดีต่อบุคคลที่นำวัตถุมงคลไปใช้ หรือว่าเพื่อให้ท่านที่ศึกษาต่อแล้ว มีแนวทางที่จะประยุกต์วิชาการทั้งหลายเหล่านี้ ให้เจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และเจริญพรแก่ญาติโยมทั้งหลายที่ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่แต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...