โทษของการเดินทาง

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 เมษายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,918
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,386
    ค่าพลัง:
    +26,202
    072049D7-E87B-4DFC-809E-B33A419D3858.jpeg

    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ พรุ่งนี้กับมะรืนนี้ กระผม/อาตมภาพมีภารกิจนอกวัด ๒ วัน หลังจากนั้นก็จะเดินทางไปประเทศอินเดีย กว่าจะกลับมา รวมหัวท้ายก็น่าจะประมาณ ๑๐ วัน คราวนี้ในช่วงที่พวกเราอยู่กันทางด้านนี้ กิจกรรมหน้าที่อะไรต่าง ๆ ก็ให้ทำกันไปตามปกติ เพียงแต่ว่าแบ่งคนมาทำความสะอาดทางด้านกุฏิสำนักงานของกระผม/อาตมภาพบ้าง

    ในส่วนของการเดินทางนั้น โดยปกติแล้ว กระผม/อาตมภาพไม่ใช่คนนิยมการเดินทาง เพราะเห็นโทษมาตั้งแต่สมัยเป็นพระใหม่ ว่าการเดินทางแต่ละครั้ง สิ่งที่สภาพจิตของเรารับเข้าไป ถ้าจัดการไม่เป็นจะทำให้เราฟุ้งซ่านไปนาน กลับวัดมาแล้วก็ยังคิดถึง อยากที่จะไปอีก อยากจะทำอย่างนั้นอีก หลายต่อหลายครั้งก็เตือนให้ท่านทั้งหลายที่ลาบ่อย ๆ ว่า ให้ระวังตรงนี้ไว้ด้วย เพราะว่าสำหรับนักปฏิบัติแล้ว ผลเสียมีมากกว่าผลดี

    เพราะว่าทันทีที่เราหลุดออกจากระบบ ซึ่งก็คือระเบียบวัดของเรา ว่าในแต่ละวันเราจะต้องทำอะไรบ้าง ขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ก็คือการเสริมสร้างบุญกุศลใน ศีล สมาธิ ปัญญา ของเรา พอหลุดกรอบออกไปแล้ว ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเผลอก็จะลืม ไม่ได้ปฏิบัติตาม แล้วส่วนใหญ่ก็เหมือนกับตั้งใจลืม..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นอาจจะเป็นเพราะรู้สึกว่า เราเครียดกับระเบียบมานานแล้ว พ้นจากสภาพในวัดไปได้ก็ปล่อยตามสบาย โดยที่ไม่รู้ตัวว่าเรากำลังปล่อยตัวให้ไปตาย..! เนื่องเพราะว่าเวลากิเลสกำเริบ ตีกลับมาแล้ว เราจะเอาคืนได้ยากมาก ทุกคนที่เคยประสบภาวะจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก ล้วนแล้วแต่รู้ดีว่า อาการเหมือนกับตกนรกทั้งเป็นนั้นคืออะไร..!!?

    แต่ว่าพวกเราทั้งหลาย อันดับแรกเลยก็คือขาดการสังเกต ทำให้ไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากอะไร อันดับที่สองคือขาดความระมัดระวัง ประมาท ปล่อยให้สภาพจิตไหลตามกิเลสไปโดยไม่รู้ตัวบ้าง โดยรู้ตัวแต่เต็มใจบ้าง ประการสุดท้ายเลยก็คือ เมื่อเกิดเหตุแล้วจัดการแก้ไขไม่เป็น มักจะคิดว่าจะต้องเอาคืนมาได้ แล้วก็พากเพียรพยายามที่จะเอาคืน โดยที่ลืมไปว่าสิ่งนั้นคือความฟุ้งซ่าน เมื่อความอยากคือตัณหานำหน้า โอกาสที่จิตจะสงบจึงไม่มี

    บรรดาวิปัสสนาจารย์หลายท่านถึงขนาดสรุปว่า "ถ้าหากใครเคยทำให้จิตสงบได้ แล้วเกิดฟุ้งซ่านใหม่ อย่าหวังเลยว่าจะสงบได้อีก" นั่นเป็นสิ่งที่ถูกเพียงครึ่งเดียว เพราะว่าท่านไม่ฉลาดพอในการที่จะจัดการสภาพจิตของตนเอง ก็ในเมื่อเรา "อยาก" แล้วทำให้เราไม่สามารถจะคืนเข้าสู่อารมณ์เดิมได้ ก็ต้อง "เลิกอยาก"

    วางกำลังใจอยู่ในลักษณะที่ว่า เรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนจะได้หรือไม่ได้ จะดีหรือไม่ดีก็ช่างมัน ถ้าสามารถทำใจไว้แบบนี้แล้วภาวนาไปแบบไม่ลดละ ใช้ความพากเพียรความอดทนตามปกติ เราก็จะสามารถคืนสู่อารมณ์เดิมได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วมีผลร้ายมากกว่าผลดี จึงทำให้กระผม/อาตมภาพไม่ได้มีความคิดที่จะเดินทางไปไหนเลย แม้แต่การเดินทางไปยังสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ซึ่งมีคนชักชวนมานับครั้งไม่ถ้วน กระผม/อาตมภาพก็ไม่ไป เนื่องเพราะไม่มั่นใจว่าตนเองไปแล้วจะได้ประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน..!?

    อีกประการหนึ่งก็คือ การที่ต้องเดินทาง รายจ่ายทุกบาททุกสตางค์ก็คือสิ่งที่ญาติโยมอุดหนุน สนับสนุนมา เขาถวายเรามาในขณะที่เป็นพระ ต่อให้ถวายเป็นส่วนตัวก็ต้องนึกอยู่เสมอว่า เป็นเงินที่ได้มาในขณะที่เราเป็นสงฆ์ จึงไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย กระผม/อาตมภาพจึงมีกฎเกณฑ์เฉพาะตัวว่า ถ้าหากว่าจะไปไหน ต้องมีผู้รับผิดชอบในการเดินทางทั้งหมดถึงจะไป

    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๖

    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9428

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน #watthakhanun
    #ig: wat.thakhanun
    #tiktok: @watthakhanun
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม
    #พระครูวิลาศกาญจนธรรมดร #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #พระอาจารย์เล็ก #หลวงพ่อเล็ก
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...