เรื่องเด่น "ไม่รับกิจนิมนต์ ต้องการอยู่แบบพระผู้เฒ่าธรรมดาๆ" 2 กค. วันคล้ายวันละสังขารหลวงปู่แหวน ปณิธานแน่วแน่แม้อาพาธหนัก จนในหลวงต้องอาราธนา

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 2 กรกฎาคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    "ไม่รับกิจนิมนต์ ต้องการอยู่แบบพระผู้เฒ่าธรรมดาๆ" 2 กค. วันคล้ายวันละสังขารหลวงปู่แหวน ปณิธานแน่วแน่แม้อาพาธหนัก จนในหลวงต้องอาราธนา

    969977_6748.jpg


    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เกิดในตระกูลของช่างตีเหล็ก เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2430 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน ณ บ้านนาโป่ง ตำบลหนองใน(ปัจจุบันเป็นตำบลนาโป่ง) อำเภอเมือง จังหวัดเลย โดยเป็นบุตรของนายใสกับนางแก้ว รามศิริ โดยมีน้องสาวร่วมบิดา- มารดาอีกหนึ่งคนคือ นางเบ็ง ราชอักษร และบิดามารดาของท่านได้ ตั้งชื่อว่า ญาณ ซึ่งแปลว่า ปรีชา กำหนดรู้


    พอท่านมีอายุ ได้ประมาณ 5 ขวบเศษ โยมมารดาของท่านก็ล้มป่วย แม้จะได้รับการดูแลเยียวยารักษาเป็นอย่างดีจากสามี แต่อาการของท่านก็มีแต่ทรงกับทรุด ในที่สุดเมื่อท่านรู้ตัวว่า คงจะไม่รอดชีวิตไปได้แน่แล้วท่านจึงได้เรียกหลวงปู่แหวน เข้าไปใกล้ แล้วกล่าวความฝากฝังเอาไว้ว่า ลูกเอํย...แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใด ๆ ในโลกนี้ล้วน กี่โกฎก็ตามแม่ไม่ยินดี แม่จะยินดีมากถ้าลูกจะบวชให้แม่ เมื่อลูกบวชแล้วก็ให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมา มีลูกมีเมียนะ...

    หลวงปู่แหวนพยักหน้า รับคำเท่านั้น ดวงวิญญาณของท่านก็ออกจากร่างไป มาอีกไม่นาน ดึกสงัดของค่ำคืนวันหนึ่งขณะที่คุณยายของหลวงปู่แหวนกำลังนอนหลับสนิทก็เกิดฝันประหลาด อันเป็นมงคลนิมิตหมายที่ดีงาม ท่านจึงได้นำเอาความฝันมาเล่าสู่ลูกหลานและหลวงปู่แหวนฟัง

    ในวันรุ่งขึ้นว่า เมื่อคืนนี้ ยายนอนหลับและได้ฝันประหลาดมาก ฝันว่าเจ้าไปนอนอยู่ในดงขมิ้น จนกระทั่งเนื้อตัวของเจ้าเหลือง อร่ามไปหมด ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก ยายเห็นว่า เจ้านี้จะมีอุปนิสัยวาสนาในทางบวช ฉะนั้นยายขอให้เจ้าบวชตลอดชีวิต และขอให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีลูกมีเมียเจ้าจะทำได้ไหม

    นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ประเทศไทยเรามีพระอริยสงฆ์ ผู้เลื่องชื่อ เป็นที่เคารพศรัทธา นามว่า "หลวงปู่แหวน" จวบนมาถึงปัจจุบัน

    paragraph__109_805.jpg








    เมื่อหลวงปู่แหวนได้มาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งแล้ว ครั้งแรกท่านพักอยู่ที่กุฏิหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง การมาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งนี้ ท่านได้มีข้อตกลงกับพระอาจารย์หนูว่า หน้าที่ต่างๆ และกิจทุกอย่างที่มีขึ้นในวัด ให้ตกเป็นภาระของพระอาจารย์หนูแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านจะอยู่ในฐานะพระผู้เฒ่าผู้ปฏิบัติธรรมจะไม่มีภาระใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนั้นหลวงปู่แหวนจะไม่รับนิมนต์โดยเด็ดขาด แม้ที่สุดถึงจะเกิดอาพาธหนักเพียงใดก็ตาม ท่านไม่ยอมนอนรักษาที่โรงพยาบาล ถึงธาตุขันธ์จะทรงอยู่ต่อไปไม่ได้ก็จะให้สิ้นไปในป่าอันเป็นที่อยู่ ตามอริยโคตรอริยวงศ์ ซึ่งบูรพาจารย์ท่านเคยปฏิบัติมาแล้วในกาลก่อน

    paragraph___paragraph_2_704.jpg






    นับแต่โบราณกาลมาจนถึงยุคปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่า ยังไม่มีครูบาอาจารย์รูปใดที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" เท่ากับ "หลวงปู่แหวน สุจิณโณ" ในระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

    นอกเหนือจากการเสด็จพระราชดำเนินถึงวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนมัสการและสนทนาธรรมกับหลวงปู่แหวนหลายครั้งหลายคราแล้ว ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจัดสร้างสิ่งมงคลโดยใช้รูปของหลวงปู่เพื่อนำมาแจกในพระราชพิธีสำคัญ

    หลวงปู่แหวนจึงเป็นพระสงฆ์องค์แรกในประเทศไทยที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงส่ง!!

    และนอกจากล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์แล้ว (สมเด็จพระบรมราชินีนาถ) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณฯ ก็ได้ทรงพระกรุณาเสด็จเยี่ยมหลวงปู่แหวนอยู่เนือง ๆ

    ข้าราชบริพารผู้หนึ่งเปิดเผยถึงเรื่องราวของหลวงปู่แหวนกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า ภายหลังจากทราบข่าวพระองค์ทรงประชวร โดยมาประทับอยู่เชียงใหม่แล้วก็เสด็จไปที่ดอยแม่ปั๋งนั้น หลวงปู่แหวนได้กราบบังคมทูลต่อพระองค์ดังความตอนหนึ่งว่า

    "พระองค์นั้นมัวแต่ห่วงคนอื่น ... ไม่ห่วงพระองค์เองเลย!!"

    เมื่อได้ฟังหลวงปู่แหวนกล่าวเช่นนั้น พระองค์ก็ทรงพระสรวลด้วยความพอพระทัย

    paragraph__111_101.jpg


    มีข่าวอีกครั้งหนึ่งว่า สมัยที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงพระประชวรและประทับรักษาพระองค์ที่เชียงใหม่นั้น ข้าราชบริพารได้นำเฮลิคอปเตอร์มานิมนต์หลวงปู่แหวนให้ไปที่พระตำหนักเพื่อแผ่พลังจิตช่วยรักษาอาการประชวรของพระองค์ท่าน แต่หลวงปู่แหวนปฏิเสธการนิมนต์และได้บอกว่า

    "อยู่ที่ไหนฮาก็ส่งใจไปถึงพระองค์ได้ ... ก็ส่งไปทุกวันอยู่แล้ว!"

    และอีกครั้งหนึ่ง หลวงปู่แหวนท่านตั้งสัจจะอธิษฐานว่า แม้ท่านเจ็บป่วยก็จะไม่ยอมไปรักษาที่โรงพยาบาล

    แต่ในช่วงท้ายของชีวิต เมื่อในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงอาราธนา หลวงปู่แหวนจึงยอมทำตาม ... และบอกว่า ในฐานะประชาชน หลวงปู่จึงไม่อาจขัดพระราชประสงค์ได้!!



    อ้างอิง : วิกิพีเดีย / ในหลวงทรงถาม พระอรหันต์ตอบ (สนพ.กรีนปัญญาญาณ)


    เรียบเรียงโดย

    ไญยิกา เนื่องจำนงค์ : สำนักข่าวทีนิวส์

    ---------------
    http://www.tnews.co.th/index.php/contents/332946

     
  2. buytona

    buytona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +97
    ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำมาเผยแพร่ครับ แต่ผมสงสัย คำที่หลวงปู่พูดด้านล่างนี้ครับ เนื่องจากผมเกิดไม่ทัน แต่คำว่า "ฮา" ในภาษาเหนือเป็นคำพูดแทนตัว มักใช้กับเพื่อนฝูง และไม่ค่อยสุภาพนัก หลวงปู่มีวัตรอันงดงาม เมตตา ผมว่าท่านน่าจะกล่าวแทนท่านว่า "เฮา" ซึ่งใช้แทนตัวเอง และใช้ได้ทุกโอกาส มากกว่าครับ ไม่ทราบว่าผู้พิมพ์หรือคัดลอกมาถูกต้องไหมครับ ผิดถูกประการใดผู้รู้แนะนำด้วยครับ

    "อยู่ที่ไหนฮาก็ส่งใจไปถึงพระองค์ได้ ... ก็ส่งไปทุกวันอยู่แล้ว!"
     
  3. นายธนาคาร

    นายธนาคาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2017
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +111
  4. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +1,095
    sa280.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...