“อธิการบดี มจร” ชี้อดีตไทยยึดเกษตรกรรมคู่เทคโนโลยีจึงพาชาติรอด

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 18 กรกฎาคม 2021.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    b8a3e0b89ae0b894e0b8b5-e0b8a1e0b888e0b8a3-e0b88ae0b8b5e0b989e0b8ade0b894e0b8b5e0b895e0b984e0b897.jpg

    วันอาทิตย์ ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 15.52 น.

    “อธิการบดี มจร” ชี้อดีตไทยยึดเกษตรกรรมคู่เทคโนโลยีจึงพาชาติรอด ชาวมหาจุฬาต้องไม่ลืมรากเหง้า รำลึกคุณูปการล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕


    วันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ พระปราโมทย์ วาทโกวิโท,ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มจร เลขานุการศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เปิดเผยว่า วันนี้ ๑๘ก.ค.) คณาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มจร ร่วมงานวันบุรพาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผ่านออนไลน์โปรแกรม Zoom โดยกล่าวรายงานในการจัดงานโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ชาติชาย พิทักษ์ธนาคม ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ มจร ว่าสำคัญว่าเพื่อเป็นระลึกถึงบูรพาจารย์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในการทุ่มเทเสียเสียสละเพื่อการศึกษาของมหาจุฬา เป็นการให้บุคลากรของ มจร รวมถึงศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุบันได้ตระหนักในคุณงามความดีของบุรพาจารย์ เป็นการระลึกผู้มีคุณูปการต่อมจร คือ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ นับว่าเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบุรพาจารย์ทุกรูปท่านตั้งอดีตจนปัจจุบัน

    พระธรรมวัชรบัณฑิต, ศาสตราจารย์ ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประธานในพิธีกล่าวเปิดงานบุรพาจารย์ ความสำคัญว่า แม้ปัจจุบันจะเป็นความยากลำบากในการดำเนินชีวิตแต่ชาวมหาจุฬาฯยังมาร่วมกันผ่านออนไลน์นับว่าเป็นพลังของชาวมหาจุฬา ภายใต้คำว่า “เรียนรู้อดีต เข้าใจปัจจุบัน รู้ทันอนาคตกับการขับเคลื่อน มจร” โดยเน้นว่าชาติที่เจริญต้องไม่ลืมรากเหง้าของตนเอง นอกจากไม่ลืมแล้วยังนำรากเหง้าของตนเองมาสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาตินั้นๆ

    ในสิงคโปร์ใช้คำว่า Hear the past See the present touch the Future จึงต้องยึดศึกษาในรูปแบบแห่งความสำเร็จ ความล้มเหลว รวมถึงความกตัญญูต่อสถาบัน จะต้องไม่ลืมอดีตที่ตนเองผ่านมา ใช้รากฐานในอดีตประเทศไทยจะต้องยึดเกษตรกรรมและเทคโนโลยีควบคู่ไปด้วยกันจึงจะรอดพ้น มหาจุฬาจึงนึกถึงล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ที่ทรงสถาปนามหาจุฬาเพื่อศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูง ต่อมาพระพิมลธรรมซึ่งเป็นพระมหาเถระที่มีคุณูปการต่อมหาจุฬาอย่างยิ่ง

    จึงทำให้ถึงคำว่า “มหาจุฬางามสง่าสดชื่นกลางทะเลแห่งคลื่นลม” เป็นหนังสือของสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) หมายถึง การจัดการบริหารมหาจุฬาในอดีตที่มีความยากลำบาก ปัญหาอุปสรรคแต่สามารถดำเนินการไปได้อย่างงามสง่าสดชื่น คำว่า ทะเลแห่งคลื่นลม มองถึงวัฒนธรรมของตะวันตก จึงต้องมีความรู้ศาสตร์สมัยใหม่ในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ซึ่งควรมีการบูรณาการเพื่อสอดรับการสังคมปัจจุบัน รวมถึงนโยบายของบ้านเมืองที่เป็นการบริหารบ้านเมืองไม่เป็นปกติถือว่าเป็นคลื่นลม และคณะท่าทีของคณะสงฆ์ที่มีต่อมหาจุฬาฯ ถือว่ามีความกดดันสูงมาก แต่ปัจจุบันท่าทีของคณะสงฆ์ต่อมหาจุฬาฯได้สร้างความเข้าใจอย่างดียิ่งในบทบาทหน้าที่ของมหาจุฬา

    ส่วนคำว่า มหาจุฬางามสง่าสดชื่น มีความอดทนแม้ภาครัฐยังไม่ยอมรับในกฎหมายบ้านเมืองแต่ต่อมามหาจุฬาได้รับการยอมรับของบ้านเมือง มีพระมหาเถระที่ให้การสนับสนุน มหาเถรสมาคมยอมรับว่าเป็นการศึกษาของคณะสงฆ์ ปัจจุบันมีผู้สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ปี ๒๔๙๐-๒๕๖๔ จำนวน ๗๗,๐๐๐ รูปคน รวม ๗๔ ปี โดยเริ่มจากคณะพุทธศาสตร์ มหาจุฬาจึงเป็นเสาร์หลักของพระพุทธศาสนาและสังคมไทยสังคมโลก ขอให้ชาวมหาจุฬาช่วยและให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่เพื่อให้เราผ่านพ้นภาวะของโรคในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงฝากให้พวกเราจัดหลักสูตรวุฒิบัตรและประกาศนียบัตรเพื่อตอบโจทย์คนในสังคมที่มีความทุกข์ในสถานการณ์อันไม่ปกติ จากนั้นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อิทธิพล แก้วพิลา นายกสมาคมศิษย์เก่า มจร ท่านที่ ๑๕ ได้ประกาศรายชื่อศิษย์เกียรติคุณและศิษย์เก่าดีเด่นประจำปี ๒๕๖๔ จึงชื่อแสดงมุทิตาจิตกับทุกรูปท่านในโอกาสนี้

    “ดังนั้น ท่านอธิการบดีมหาจุฬาจึงเน้นย้ำถึงชาวมหาจุฬาต้องไม่ลืมรากเหง้าของตนต้องนึกถึงบุคคลผู้มีคุณูปการต่อมหาจุฬาฯ ซึ่งมหาจุฬาฯงามสง่าสดชื่นท่ามกลางทะเลแห่งคลื่นลม ในโอกาสวันบุรพาจารย์ของมหาจุฬาสถาบันการศึกษาด้านพระพุทธศาสนาชั้นนำ” พระปราโมทย์ กล่าว


    ขอขอบคุณที่มา

    https://www.banmuang.co.th/news/education/242546
     

แชร์หน้านี้

Loading...