23 ตุลาคม ร่วมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย paang, 23 ตุลาคม 2008.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    23 ตุลาคม ร่วมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่

    [​IMG]



    วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี คือ วันปิยมหาราช เพื่อระลึกถึงวันสวรรคต ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงพัฒนาการศึกษา การทหาร การสื่อสาร การรถไฟ และทรงโปรดให้มีการเลิกทาส โดยมิได้มีการเสียเลือดเนื้อแต่อย่างใด พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนางเธอเจ้าฟ้ารำเพยภมราภิรมย์ (สมเด็จพระเทพศิรินทราพระบรมราชินี)

    เมื่อพระชนมายุได้ 9 พรรษาทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรลังกาศ ต่อมาเมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น กรมขุนพินิตประชานาถ ทรงได้รับการศึกษาขั้นแรกจากสำนักพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุตรี ทรงศึกษาด้านวิชาการและโบราณราชประเพณีต่างๆ นอกจากนั้น พระบรมชนกนาถ ทรงจ้างครูซึ่งเป็นสตรีชาวอังกฤษ มาสอนภาษาอังกฤษ เนื่องจากพระบรมชนกนาถ ทรงเห็นว่าต่อไปในกาลข้างหน้า จะจำเป็นอย่างมาก รวมถึงพระบรมชนกนาถ ทรงสั่งสอนวิชาการด้านต่างๆ เช่น วิชารัฐศาสตร์ โหราศาสตร์ ด้วยพระองค์เองอีกด้วย

    ในปี พ.ศ. 2411 สมเด็จพระบรมชนกนาถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จประพาส บ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทอดพระเนตรสุริยุปราคา เมื่อเสด็จกลับพระนคร ได้ประชวรด้วยโรคไข้ป่าอย่างรุนแรง และสวรรคตในเวลาต่อมา ซึ่งในขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระชนมายุเพียง 16 พรรษา ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ขุนนางผู้ใหญ่จึงตกลง แต่งตั้งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และแต่งตั้งกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ซึ่งเป็นพระโอรสพระองค์ใหญ่ ในสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นเป็นพระมหาอุปราช

    ในระหว่างนี้ พระองค์มิต้องทำหน้าที่ในการบริหารงานบ้านเมือง ทำให้ทรงมีเวลามากมาย ในการศึกษาหาความรู้ในวิชาการแขนงต่างๆ รวมถึงมีโอกาสเสด็จประพาสต่างประเทศ เป็นครั้งแรกอีกด้วย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสประเทศสิงคโปร์ และเกาะชวา 2 ครั้ง และประเทศอินเดียอีก 1 ครั้ง การเสด็จประพาสต่างประเทศ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น มิใช่เป็นการหาความสำราญ พระราชหฤทัยส่วนพระองค์ แต่เป็นการประพาส เพื่อการศึกษาหาความรู้ เกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงวิทยาการความก้าวหน้าต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ให้มีความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ต่อมาเมื่อพระองค์ทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีราชาภิเษกอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2416 ด้วยทรงต้องการให้ประชาชนได้เห็นว่า ทรงสามารถบริหารงานบ้านเมืองได้แล้ว

    สำหรับพระราชกรณียกิจที่สำคัญ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่
    1. การเลิกทาส ถือว่าเป็นพระราชกรณียกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์ เพราะทาสในสมัยนั้น มีความเป็นอยู่ที่ลำบากมาก เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ ทรงมีพระทัยแน่วแน่ว่า จะต้องเลิกทาสให้สำเร็จให้จงได้ ด้วยในขณะนั้น ประชาชนไทยประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศอยู่ในฐานะทาส แต่การที่พระองค์จะทรงทำการเลิกทาส ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เนื่องจากทาสนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ อีกทั้งเจ้านายหรือขุนนางต่างๆ รวมถึงเสนาบดีอำมาตย์ ที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มักมีทาสเป็นข้ารับใช้

    เมื่อไม่มีทาส บุคคลเหล่านี้อาจจะไม่พอใจ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เหมือนกับที่เกิดขึ้นในต่างประเทศมาแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตราพระราชบัญญัติทาส เรียกว่า พระราชบัญญัติทาส ร.ศ. 124 ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติที่ตราขึ้น เพื่อจะกำหนดเรื่องทาสในเรือนเบี้ย ให้เป็นไปอย่างเด็ดขาด โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกำหนดให้เด็กที่เกิดจากพ่อหรือแม่ที่เป็นทาส ไม่จำเป็นต้องเป็นทาสอีกต่อไป

    2. ด้านการปกครอง โดยส่วนใหญ่แล้ว ได้ยึดระเบียบแบบแผนต่างๆ มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เสด็จประพาสประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินเดีย สิงคโปร์ และชวา ทรงเห็นว่า การปกครองในประเทศเพื่อนบ้าน มีระเบียบแบบแผนเป็นที่น่านิยม ควรนำมาปรับปรุงในประเทศไทย เพื่อให้มีความเจริญก้าวหน้าในอนาคต จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราระเบียบการปกครองขึ้นใหม่ แยกหน่วยราชการออกเป็นกรมกองต่างๆ มีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะ ไม่ก้าวก่ายกัน ในครั้งแรกทรงกำหนดกระทรวงออกเป็น 6 กระทรวง ได้แก่

    - กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดูแลบังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายเหนือ และเมืองลาวซึ่งเป็นประเทศราช

    - กระทรวงพระกลาโหม มีหน้าที่บังคับบัญชาหัวเมืองปักษ์ใต้ ฝ่ายตะวันออกและตะวันตกและเมืองมลายู การที่ให้กรมทั้งสองบังคับหัวเมืองคนละด้าน เพื่อเป็นการง่ายต่อการควบคุมดูแลพื้นที่นั้นๆ ให้ได้ผลเต็มที่

    - กระทรวงวัง มีหน้าที่ดูแลรักษาการต่างๆ ในพระบรมมหาราชวัง

    - กระทรวงการคลัง มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการเก็บภาษีรายได้จากประชาชน เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ สาธารณูปโภค

    - กระทรวงเกษตราธิการ มีหน้าที่คล้ายคลึงกับกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ในปัจจุบัน คือ มีหน้าที่ในการดูแลควบคุมการเพาะปลูก ป่าไม้ เนื่องจากประชาชนในเทศไทย ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่

    - กระทรวงนครบาล มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพระนคร และหัวเมืองปริมณฑล


    เพื่อให้เหมาะสมกับสมัย ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของกระทรวงบางกระทรวง และเพิ่มอีก 4 กระทรวง รวมเป็น 10 กระทรวง คือ

    - กระทรวงธรรมการ มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับกิจกรรมของพระสงฆ์

    - กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับคดีความที่ต้องตัดสินต่างๆ ทั้งทางอาญา แพ่ง

    - กระทรวงโยธาธิการ มีหน้าที่ดูแลตรวจตราการก่อสร้าง ทำถนน ขุดลอกคูคลอง สร้างทางรถไฟ

    - กระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่ดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศทั้งหมด

    3 . ด้านสาธารณูปโภค

    - การประปา ทรงมีดำริว่าควรมีน้ำสะอาด เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และทรงให้ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการทำน้ำประปาขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องน้ำประปาให้แก่ประชาชน

    - การคมนาคม ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนขึ้นหลายสายเช่น ถนนเยาวราช ราชดำเนินกลาง-นอก และทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สร้างสะพานข้ามคลองและทางรถไฟหลายแห่ง เช่น สะพานเฉลิมสวรรค์เฉลิมศรี ทางรถไฟสายกรุงเทพฯ​
     
  2. โป๊ยเซียนสาว

    โป๊ยเซียนสาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,543
    ค่าพลัง:
    +2,279
    พระสถิตย์ในใจไทยทั่วหล้า
    แม้ผ่านฟ้าจากไปบนแดนสรวง
    ในดวงจิตไทยทุกดวงยังนึกครวญ
    ระลึกกหวลพระปิยะมหาราชทุกกาลเอย
     
  3. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    [​IMG]

    น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาฌาน
    และทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยในวัน"ปิยมหาราช"นี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...