เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 เมษายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,956
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,288
    ค่าพลัง:
    +26,022
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,956
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,288
    ค่าพลัง:
    +26,022
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปทำพิธีบวงสรวงปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดโพธิ์ผักไห่ หมู่ที่ ๔ ตำบลผักไห่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วก็รับเอาพระพิมพ์กลีบบัวสะดุ้งกลับ เนื้อยาวาสนาจินดามณีผสมผงวิเศษคลุกรัก กลับมา ๑๐,๐๐๐ องค์

    พระรุ่นนี้ได้ทำการปลุกเสกมา ๔ รอบแล้ว เนื่องเพราะว่าผู้ดำเนินการสร้างหลักเลย ก็คือพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ ท่านยึดถือฤกษ์ยามและรูปแบบตามโบราณทุกอย่าง แม้กระทั่งการเรียกรูป เรียกนาม เรียกอาการ ๓๒ ก็ทำจนครบถ้วน ถึงได้ยอมมอบมาให้กระผม/อาตมภาพ เอามาออกให้บูชา เพื่อเป็นทุนการศึกษาของปีนี้

    จะว่าไปแล้ว ทางผู้สร้างเองมีน้อยกว่าของวัดท่าขนุนอีก ก็คือมีเหลือแค่ ๒,๕๐๐ องค์ เพราะว่าตอนแรกที่สร้างก็คือตั้งใจจะถวายมาทั้งหมด แต่คราวนี้ก็มีส่วนที่ขอเอาไว้ ด้วยเกรงว่ามาถึงวัดท่าขนุนแล้วจะหมด ท่านจะเอาไว้สำหรับบูรณะซ่อมแซมวัดโพธิ์ผักไห่ วัดราษฎร์บัวขาว แล้วก็มีส่วนหนึ่งที่ไปช่วยบูรณปฏิสังขรณ์ธุดงค์สถาน กองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโท ที่บางปลาม้า

    สำหรับวันนี้คาดว่าข่าวใหญ่ทั้งหลายที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พวกเราก็คงทราบกันหมดแล้ว เรื่องที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูเขียว ปิดล้อมจับกุมผู้ลักลอบล่าสัตว์ ปรากฏว่ามีทั้งพระภิกษุสามเณร โดยเฉพาะพระภิกษุนั้น เป็นถึงระดับรองเจ้าคณะจังหวัด เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์ เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ เปรียญธรรม ๙ ประโยค..!

    เรื่องนั้นไม่ใช่หน้าที่ของเรา เป็นเรื่องของสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ และเจ้าคณะปกครองจะดำเนินการกันเอง แต่ว่าในส่วนที่กระผม/อาตมภาพคิดเมื่อได้ข่าวนี้ก็คือ "กูยังจะมีอายุอยู่อีกกี่วัน เพื่อแก้ไขไอ้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ?"

    ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่เราทำไป จะดีแค่ไหนก็ตาม แทบจะไม่มีข่าวคราวออกสื่อให้คนได้รับรู้ แต่สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นเมื่อไร ก็เป็นอันว่ารู้กันทั่วประเทศและทั่วโลก เป็นเรื่องที่น่าหนักใจมาก

    เพราะว่าปัจจุบันนี้ เรื่องของสื่อต่าง ๆ ไปเร็วเหลือเกิน แล้วอะไรเกิดขึ้น ถูกผิดยังไม่ทราบชัด แต่มีการฟันธงไปแล้วว่าเรื่องนี้ต้องเป็นอย่างนี้ จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องสังวรระวังเอาไว้ให้ดี อย่างที่กระผม/อาตมภาพเตือนอยู่เสมอว่า เราอยู่ในสายตาชาวบ้านเขา ทำอะไร ชาวบ้านรู้เห็นอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น..ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อย่าไปทำผิดทำพลาดอะไรให้ใครเขาเห็น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,956
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,288
    ค่าพลัง:
    +26,022
    เมื่อวานนี้ตอนที่กระผม/อาตมภาพเข้าร่วมเสวนาวิชาการ ก็มีพระภิกษุรูปหนึ่ง แม้จะทราบว่าตนเองเสวนาวิชาการออนไลน์ แต่น่าจะอากาศร้อน ท่านก็เลยนุ่งแค่สบงกับอังสะ กระผม/อาตมภาพต้องตักเตือนไปว่า "ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน ไม่เช่นนั้นก็ให้ปิดหน้าจอไปเลย..!"

    ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า เรื่องของการเสวนาวิชาการครั้งนี้เป็นเรื่องระดับโลก โดยเฉพาะบรรดานักวิชาการต่างประเทศเข้ามาหลายรายด้วยกัน แล้วเราจะไปทำตัวตามสบาย เพราะคิดว่าอยู่ที่วัดของตัวเอง แต่ลืมไปว่าหน้าจอที่เปิดอยู่นั้น ส่งออกไปทั่วโลกแล้ว..!

    การเป็นพระภิกษุสามเณรของเราจึงต้องอยู่กันด้วยสติ ก็คือรู้ระมัดระวังอยู่เสมอ และความสำนึกในสมณสารูป ไม่ใช่ไปแก้ตัวว่า "ชอบเที่ยวป่า เพียงแต่ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่อุทยานเท่านั้น" ขออภัย..เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา..!

    คราวนี้ท่านที่ไม่ได้เข้าไปฟังการเสวนาวิชาการ แล้วก็อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก หรือว่าอ่านออกโดยอาศัย Google Translate แล้วแต่ไม่รู้เรื่อง กระผม/อาตมภาพจะบอกคร่าว ๆ ให้ว่าเนื้อหาของ The Meta Secret ที่เขียนโดย ดร.เมล กิลล์ นั้น หลัก ๆ มีอยู่สามเรื่องเท่านั้น

    ก็คือ ๑. เรื่องของความร่ำรวยสมบูรณ์พูนสุข ๒. เรื่องของสุขภาพร่างกาย แล้วก็ ๓. เรื่องของความสุขทางใจ ซึ่งเนื้อหาที่เขียนมานั้นเป็นการอ้างอิงความรู้ของนักวิชาการต่าง ๆ ที่กล่าวถึง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือว่าได้ไปสนทนาด้วยตนเอง โดยที่ยกอ้างเนื้อหาให้เข้ากับหัวข้อที่ตนเองจะกล่าวถึง ลักษณะคล้าย ๆ กับการเขียนวิทยานิพนธ์เหมือนกัน

    ท่านบอกว่าในเรื่องความร่ำรวยสมบูรณ์พูนสุขนั้น อันดับแรก
    เราต้องร้องขอ เมื่อร้องขอแล้ว ยังต้องเชื่อมั่นว่าเราจะได้รับ ฟังดูแปลก ๆ แต่อย่าลืมว่าการร้องขอนี้ก็คืออธิษฐานบารมี ความเชื่อมั่นว่าจะได้รับ คือศรัทธาบารมี แต่เมื่อร้องขอแล้ว สิ่งหนึ่งที่ ดร.เมลกล่าวถึงก็คือ ทำ..ทำ..และทำ เพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่เราต้องการ ไม่ใช่ขอแล้วงอมืองอเท้าอยู่เฉย ๆ..!

    เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการทำ..ทำ..และทำ ก็คือวิริยบารมี โดยเฉพาะท่านย้ำว่า ให้ภายในเป็นผู้ควบคุมภายนอก ก็คือลักษณะของ "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" ถ้าใช้บาลีมายืนยันก็คือ มโนปุพพังคมา ธัมมา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มโนเสฏฐา สูงสุดก็ที่ใจ มโนมยา สำเร็จก็ที่ใจ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,956
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,288
    ค่าพลัง:
    +26,022
    ท่านใช้คำว่า ถ้าเรามุ่งมั่นทำไปอย่างเต็มที่ ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่น ความร่ำรวยและสมบูรณ์พูนสุขก็จะเกิดขึ้นกับเรา แต่อย่าทำตัวเป็นผู้รับอย่างเดียว ท่านบอกว่าคุณค่าของตัวเรา คือสิ่งที่เรามอบให้กับโลกนี้ เพราะฉะนั้น..ถ้าเราทำตัวเป็นผู้รับอย่างเดียวถือว่าผิดวิธีการ เพราะว่าไม่มีการหมุนเวียน ถ้าหากว่าเปรียบกับบาลีของพระพุทธเจ้าก็คือ ปูชโก ลภเต ปูชํ วนฺทโก ปฏิวนฺทนํ ผู้บูชาย่อมได้รับการบูชาตอบ ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ

    ท่านบอกว่า ถ้าหากว่าเรารู้จักดูใจของตัวเอง ให้ใจเป็นใหญ่ เท่ากับว่าเราปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการของโลก ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่กล่าวมา ล้วนแล้วแต่เป็นหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แต่ว่าเป็นสิ่งที่นักจิตวิทยาตะวันตกบ้าง ตะวันออกบ้าง เขียนเป็นตำราสรุปเอาไว้แล้ว โดยที่ท่านสรุปว่า "รักตัวเองให้มาก แล้วสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้น"

    คำว่า รักตัวเอง นี่แบ่งเป็นสองอย่างด้วยกัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านกล่าวถึง แต่เป็นสิ่งที่กระผม/อาตมภาพอธิบายให้ฟัง ก็คือรักตัวเองแล้วอย่าทำชั่ว ถ้าเป็นหลวงปู่แจ่ม - พระศาสนโสภณ จตฺตสลฺโล วัดมกุฏกษัตริยาราม ราชวรวิหาร ท่านบอกว่า "รักษาตัวกลัวกรรมอย่าทำชั่ว จะหมองมัวหม่นไหม้ไปเมืองผี จงเลือกทำแต่กรรมที่ดี ๆ จะได้มีความสุขพ้นทุกข์ภัย" ก็คือสิ่งที่สอนว่า
    ในเมื่อเราเว้นจากชั่วแล้ว ก็ให้ทำดีด้วย ก็คือมาเข้ากับโอวาทปาฏิโมกข์ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือละชั่ว ทำดี

    ท่านบอกว่า ทำให้มากเท่าไร กฎของการสะท้อนกลับ ก็คือเราจะได้รับมากเท่านั้น แต่ความจริง อันนี้เป็นทฤษฎีของฝรั่ง เราท่านอย่าลืมว่า สิ่งที่เราให้นั้น อยู่ที่กำลังใจหลายระดับ ระดับสละออกแบบปุถุชนผู้มากด้วยกิเลส ระดับสละออกของกัลยาณชนผู้มีศีลสมบูรณ์ ระดับการสละออกของอริยชนเบื้องต้น และระดับการสละออกของอริยชนเบื้องปลาย ที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรแล้ว

    ท่านบอกว่า ต้องมีทั้งความรักและรู้จักการให้อภัย
    อภัยทานเริ่มมาแล้ว นอกจากเมตตาแล้วยังต้องมีอภัยทานด้วย จงเรียนรู้ที่จะรักบุคคลที่เราไม่ชอบ พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเราทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้แล้ว สิ่งดี ๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะความมั่งคั่งสมบูรณ์พูนสุขก็จะเกิดขึ้นกับเรา
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,956
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,288
    ค่าพลัง:
    +26,022
    ส่วนในด้านของสุขภาพร่างกาย ท่านใช้คำว่า จงเชื่อมั่นว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา เราเป็นเพียงผู้อาศัยเท่านั้น ดังนั้น..ถ้าเราคิดในด้านดี ๆ ว่าสิ่งดี ๆ ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นกับเรา สุขภาพของเราจะแข็งแรง ก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้ร่างกายของเราปรับสภาพตามความคิด ก็คือลักษณะของ "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" อีกตามเคย

    ส่วนในเรื่องของความสุขนั้น ท่านบอกว่า ถ้าเราอยู่กับปัจจุบันจะมีความสุข ตรงเป๊ะเลยหลักธรรมของพระพุทธเจ้าแน่นอน อตีตํ นานฺวาคเมยฺย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ มิบังควรหวนคะนึงถึงความหลัง สิ่งที่ยังมาไม่ถึงอย่าพึงหมาย ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ ก็แปลว่าถ้าเราอยู่กับปัจจุบัน คือตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่ฟุ้งซ่านไปหวนหาอาลัยอดีต แล้วก็ไม่ฟุ้งซ่านไปถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึงในอนาคต ตั้งหน้าตั้งตาทำปัจจุบันนี้ให้ดี แล้วสิ่งดี ๆ ทั้งหลายที่ท่านเรียกว่า Meta Secret คือสุดยอดของความลับ ที่จะพาให้เรามั่งคั่งสมบูรณ์พูนสุข มีสุขภาพดี และมีความสุขกายสุขใจ ก็จะเกิดขึ้นกับพวกเราเอง

    เดี๋ยวจ่ายค่าหนังสือมาให้
    กระผม/อาตมภาพด้วย กระทั่งอ่านยังขี้เกียจกันเลย..!

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เราจะเห็นว่า สามารถเอาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเข้าไปจับได้ทุกระดับ
    กระผม/อาตมภาพเรียนการจัดการในระดับปริญญาเอก ต้องศึกษาทฤษฎีของทางตะวันตกมาเป็นร้อย ๆ ทฤษฎี ไม่มีทฤษฎีไหนพ้นไปจากคำสอนพระพุทธเจ้าเลยแม้แต่อย่างเดียว

    ดังนั้น..ยิ่งเรียนก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราสุดยอดจริง ๆ สิ่งที่พระองค์ท่านตรัสรู้นั้น ยิ่งใหญ่จริง ๆ เป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การเคารพนับถืออย่างแท้จริง ดังนั้น...การเรียนปริญญาเอกของคนอื่นได้ผลอย่างไรไม่ทราบ กระผม/อาตมภาพได้ผลสรุปกับตัวเองว่า "ไม่มีอะไรเหนือกว่าคุณพระรัตนตรัยนี้อีกแล้ว..!"

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...