กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ขอบคุณครับอ.นพสำหรับความรู้จากนิทานเรื่องนี้

 

เข้ามาอ่านทั้งน้ำตา
ดูละคร กงกรรมย้อนหลัง
น้ำตาไหล เป็นทาง พร้อมขี้มูก

ช่วงนี้ อากาศ ร้อนนน มากกก ค่ะ
ถึงมากที่สุด เอาแบบว่า เหงื่อออกเป็นสายน้ำหยดติ๋งๆ
จากการที่สงกรานต์ไปช่วยงานแม่แฟนที่ท่าบ่อ
เอาสะหมดเรี่ยวแรงไปเลยทีเดียวเชียวค่ะ
กลับมาถึงอุดร ได้พัก1วัน นอนๆกินๆ

มาวันนี้ 19 เปิดร้านขาย ขายดีมากเลย
สงสัยลูกค้าคิดถึงหมูเจน

ดีที่งวดนี้ ไม่ได้เล่น เสี่ยงดวงวันที่16
ไม่งั้น หมดตูดแน่นวลเลยย

 

ส่วนนี้โม้นะครับ
ค่ายแสงมณี และค่าย P.K พวกตะวันฉาย วันฉลอง เมืองไทย หรือ กุหลาบดำ ของเสี่ยแขก ส่วนตัวเคยดูนะครับ หรือพวกพี่อดีตทีมชาติเก่าในอดีตทีมชาติเก่าก็เคยเจอครับ เค้าบอกว่าส่วนตัวมีพรสวรรค์น่าจะต่อยมวย ๕๕๕
ตอนที่เจอกันสมัยเล่นเทนนิสเยาวชนครับ
ตอนเด็กๆ คุณอา นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้จัดการทีมท่าเรือ เคยมาที่บ้าน
แล้วขอพระบิดา เอาส่วนตัว
ไปเลี้ยงแล้วจะให้อยู่ทีมท่าเรือ
เพราะเป็นเพื่อนกับพระบิดา (พระบิดาเป็นอดีตเยาวชนทีมชาติฟุตบอลครับ)
ถ้าไปจริง ปัจจุบันนี้คงเดินขาโก่งไปแล้ว ๕๕๕

วงการมวย ณ ปัจจุบัน ต้องอาศัยคนดูครับ
โลกโชเซียลช่วยได้เยอะครับ
คำว่ายอดมวย คือ คุณต่อยน่าติดตามไหม
แฟนคลับเยอะไหม ซึ่งจะส่งผล
ต่อค่าเข้าชม เมื่อก่อนกางเกง 150
เก็บค่าเข้าชม ได้ ๓ ถึง ๔ ล้านเด่วนี้กางเกง
๗ ถึง ๘00 ร้อย เก็บค่าเข้าชม ได้ล้านาองล้านเพราะ
ปัญหาอยู่ที่ดุลยพินิจของกรรมการ
ที่เหมือนมีอะไรครอบงำครับ

ซึ่งผลและคะแนน
ควรเป็นไปตามราคาตาเซียน

แต่มักจะผิดคลาด เวลากรรมตัดสินครับ

นักมวยต่อยแทบตาย
คนที่แข็งแรงจับทุ่มได้ทีเดียว
เข้าตากรรมการเลย

เวลาเราไปต่อยเมืองนอกแล้วแพ้
จึงไปหาว่าเค้าโกง เพราะเอามารตฐานตนเองตัดสิน
ฝรั่งเค้าไม่ได้โกงครับ
เค้าดูตามอาวุธที่ออกและเข้าเป้าครับ
เป็นหลักการให้คะแนน

คำกว่าวงการมวย สายตาอะไร
ก็สู้สายตาจริงไม่ได้

ปล แค่พอขำๆ

 

555....เปลี่ยนมาคุยเรื่องกีฬากันบ้างก้อดี
โดยเฉพาะหมัดๆมวยๆ
จำได้สมัยยังเป็นเด็กสัก 12 ขวบ
ชอบมวยเป็นชีวิตจิตใจ
เพราะบ้านอยู่ใกล้ๆสนามมวย
จึงแอบหนีพ่อแม่ไปดูมวยทุกๆอาทิตย์

ช่วงหลายปีนี้มวยไทยเริ่มเฟื่องฟูขึ้นอีกครั้ง
หลายๆรายการจาก 5 ยก ลดเหลือ 3 ยก
รายการทีวีก็แย่งกันจัด
เป็นที่สะใจแฟนมวยทั่วโลก
ที่น่าสังเกตุคือผู้หญิงหันมาดูกีฬามวยกันมากขึ้น
ที่ต่างกันอีกข้อคือสมัยก่อนสตรีเพศห้ามขึ้นไปบนเวที
555 น่าจะเฉพาะเวทีไทยแลนด์ออนลี่
...อาจเพราะคนไทยชอบเล่นของ
ถือว่าเวทีมวยมีความศักดิ์สิทธิ์
เป็นเมืองไสยศาสตร์ฉบับต้นๆของโลก

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป
ข้อห้ามแปลกประหลาดนี้จึงค่อยๆยกเลิกไปในบางเวที
เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่...ใครๆก็ขึ้นบนเวทีมวยได้
...ทำไมต้องเคร่งถึงปานนี้
เดี๋ยวนี้มวยหญิงแกร่งๆ...เก่งๆมีมากมาย
เจอกันข้างถนน...ผู้ชายบางคนอาจถูกน๊อค
.....555

 

ส่วนกีฬาอีกชนิดที่ชื่นชอบก็คือฟุตบอล

เทนนิสสมัยพาราดอนยังฟิตจัด
...พอได้ลุ้นกันสุดๆ..มันทุกนัด
ยิ่งเคี้ยวถั่วด้วย...ยิ่งได้อารมณ์
...สะใจจริงๆ
555...แต่เทนนิสส่วนตัวเล่นไม่เป็นนะจร้า

...วอลเล่ย์บอลตามมาติดๆ
ติดตามความสุดยอดของทีมหญิงไทย
...ด้วยเป็นคนที่ปลื้มหญิงเก่ง...เป็นชีวิตจิตใจ
โดยเฉพาะหลายปีมานี้น่าชื่นชมสุดยอด
ขนาดเอาชนะฝรั่งสูงใหญ่อันดับ 1-2-3 ของโลก
ไม่ว่าจะอิตาลีในรอบ 50ปี...บราซิลเอย
...ระดับเอเซียจึงไม่ต้องพูดถึง
ทั้งจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้...
ผลัดกันแพ้ชนะ...มีลุ้นกันทุกนัด

กีฬา กีฬา เป็นยาโด๊ปวิเศษ
สร้างคน สร้างชาติ
สร้างพลังพลานามัยที่สมบูรณ์
*พลังจิตที่แข็งแกร่ง...กีฬาช่วยได้*


ปล.เช้าเสาร์ที่ 27 นี้ เวลา09.00เป็นต้นไป
...อย่าลืมดูมวยนัดล้างตา
ระหว่างเจ้าแหลมศรีสะเกษ VS เอสตราด้า
ช่อง23 Workpoint

 

555...อยากรู้
เหรียญนี้...มีเนื้ออะไรบ้าง ?

อ่านจาก www.ที่ส่งมา
เช้านี้...อ่านละเอียดจนติดลมบนเลย
...อ่านเพลินๆ...สนุกมากๆ
เป็นเหรียญที่เพิ่งออกใหม่
สนนราคาค่าบูชาเท่าใด
555...ถามไปอย่างงั้นๆ
(เผื่อมีโอกาส)

(ที่เห็นนี้น่าจะเป็นเนื้อทองคำ...ใช่ป่าว)

 

เนื้อโลหะชุบทองครับ เช่ามา 250 แต่คนไปเช่าจนหมดวัดแล้ว

 

คุณ9 ลูกแม่จันทร์น้ำพริกตาเหน่ง ส่งเข้าชก
แตกแอนตาซิลแจกทอง

 

".....ช่วงนี้ อากาศ ร้อนนน มากกก ค่ะถึงมากที่สุด
เอาแบบว่า เหงื่อออกเป็นสายน้ำหยดติ๋งๆ....."


หมูเจนเอ๋ย....พญานาคราชได้ยินแล้ว
...แต่ขอเบาๆหน่อยนะคร๊าบ

(ตามข่าวนสพ.ไทยรัฐ)...

ไทยรัฐฉบับพิมพ์21 เม.ย. 2562 05:01 น.
Share :
พายุฤดูร้อนพัดถล่มในหลายพื้นที่ จ.อุดรธานี ฝนตกหนัก เกิดพายุหมุนพัดโรงเรียนและบ้านกว่า 100 หลังพังเสียหาย ที่ จ.มหาสารคาม พายุฝนพร้อมลมแรงพัดเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นไฟดับเป็นวงกว้าง.....................................................
................พายุฤดูร้อนพัดถล่มเปิดเผยเมื่อเช้าวันที่ 20 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนรุนแรงที่บ้านห้วยยางชัยพร หมู่ 11 ต.โพนสูง อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี ทำให้ ร.ร.บ้านห้วยยางชัยพร อาคารเรียนและบ้านพักครูพังเสียหาย นายวิทรู ฤทธิ์มนตรี ผญบ.หมู่ 11 บ้านชัยพร เผยว่า นอกจากโรงเรียนได้รับความเสียหายแล้ว พายุหมุนยังสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนราษฎรทั้ง ต.โพนนสูง มากกว่า 100 ครัวเรือน ที่เสียหายหนักคือหมู่ 11 บ้านเรือนชาวบ้านเสียหาย 40 หลัง และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อนางใส ภูมิสมศรี อายุ 65 ปี บาดเจ็บที่แขนซ้าย ส่วนที่ ต.โพนสูง มีหลายหมู่บ้าน ที่ได้รับความเสียหาย ประกอบด้วยหมู่ 4, 5, 6, 7, 8 และหมู่ 11


(ข่าวบางตอนจาก นสพ.ไทยรัฐ)

 

อากาศร้อนจัด : วันนี้ร้อนสูงสุดทะลุ 40 องศาอีกวัน ควรเตรียมตัวอย่างไร

• 20 เมษายน 2019

วันนี้ (20 เม.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า โดยระบุว่า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยภาคเหนือคาดว่าจะมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 44 องศาเซลเซียส ขณะที่ชาวกรุงเทพมหานครต้องเผชิญกับระดับความร้อนไม่แพ้กันที่อุญหภูมิ 40 องศาเซลเซียส

นี่เป็นรายงานพยากรณ์อากาศตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันนี้ ถึง 12.00 น. ของวันพรุ่งนี้ โดยภาคเหนือ มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 40-44 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 39-41 องศาเซลเซียส มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และนครราชสีมา

• โลกจะเผชิญอุณหภูมิร้อนสุดขั้วตลอด 4 ปีข้างหน้า
• อุณหภูมิโลก 4 ปีที่ผ่านมาร้อนสูงสุดทำลายสถิติ
• โลกเสี่ยงภาวะเรือนกระจกแบบถาวร หากปล่อยให้ร้อนอีก 2 องศาเซลเซียส

ภาคกลางมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 39-42 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี นครสวรรค์ และลพบุรี ส่วนภาคตะวันออก อากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 34-40 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และตราด
ขณะที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ก็มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ราวร้อยละ 10 ของพื้นที่

ในสภาพอากาศร้อนระดับนี้ บีบีซีรวบรวม 4 วิธีการตรวจสอบตัวเองและจัดการกับสถานการณ์แบบนี้มาฝาก

1.รู้ทันสัญญานเตือนจากร่างกาย

หากคุณไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศร้อนจัด ร่างกายของคุณก็อาจจะสามารถรับมือกับความอ่อนเพลียจากความร้อน ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นที่สุดคือ การรู้ทันสัญญานเตือนจากร่างกายของคุณเอง

เช่น หากคุณมีอาการเหล่านี้ ปวดหัว วิงเวียน เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อออกมากกว่าปกติ เป็นตะคริว หายใจเร็ว และกระหายน้ำอย่างรุนแรง คุณจะต้องทำให้ร่างกายเย็นลง ด้วยการเลี่ยงจากสถานที่่ที่ร้อนจัดไป ไปหาที่อากาศถ่ายเทและเย็นสบาย
หากร่างกายคุณมีอุุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสแล้ว จะมีโอกาสเป็นโรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก (Heat stroke) ได้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยด่วน เพราะว่าอาการดังกล่าวจะนำไปสู่ภาวะหมดสติ และอันตรายอื่น ๆ ตามมา เช่น อวัยวะสำคัญได้รับความเสียหาย หรือไม่ก็ถึงขั้นเสียชีวิต

ส่วนสัญญาณอันตรายอื่น ๆ ได้แก่ อาการไม่มีเหงื่อออกจากร่างกายทั้ง ๆ ที่รู้สึกร้อน และอาการที่หายใจเข้าออกลำบาก

ดังนั้นการสำรวจสภาพร่างกายจึงสำคัญในภาวะดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน เด็กเล็ก หรือคนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง เป็นต้น

2. กินและดื่มอย่างฉลาด

ในสภาพอากาศที่ร้อนจัด ร่างกายจะขับเหงื่อออกมาในปริมาณมาก ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการรู้ว่าเวลาใดสมควรที่จะได้รับการชดเชยปริมาณน้ำที่สูญเสียไป ด้วยการดื่มน้ำให้มาก ๆ ก่อนที่จะรู้สึกกระหาย เพราะว่าโดยทั่วไปตามกายภาพแล้ว ความรู้สึกกระหายน้ำ ไม่ได้เป็นตัวชี้วัด ว่าร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำหรือไม่

ส่วนเครื่องดื่มที่ควรระวัง คือ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนและแอลกอฮอลล์ เพราะว่าสารเหล่านั้นจะยิ่งไปกระตุ้นให้ร่างกายขับถ่ายปัสสาวะมากขึ้น ยิ่งทำให้เรามีภาวะขาดน้ำมากขึ้นตามมา

แล้วอาหารประเภทใดที่เราควรรับประทาน คำตอบคือ อาหารที่ประกอบด้วยน้ำในปริมาณมาก เช่น สตรอว์เบอร์รี แตงกวา ผักกาดหอม และเมลอน ซึ่งอาหารเหล่านี้จะช่วยบรรเทาภาวะการขาดน้ำได้
ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่ อาหารมื้อใหญ่ที่เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต หรือกลุ่มแป้ง/น้ำตาล และกลุ่มที่มีโปรตีนปริมาณสูง เพราะว่ากระบวนการย่อยอาหารจะใช้เวลานานมากขึ้น ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายคือจะทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นตามมานั่นเอง

อย่างไรก็ตาม มีผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า การรับประทานอาหารเผ็ดร้อนจะช่วยคลายร้อนได้เช่นกัน เพราะทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาและปลดปล่อยความร้อนส่วนเกินในร่างกายออกมาได้

3. ควรอยู่ในที่ร่ม

ในวันที่ร้อนจัด สิ่งที่ควรทำมาที่สุดคืออยู่ภายในอาคารหรือที่ร่ม หรือ สถานที่มีเครื่องปรับอากาศให้ได้มากที่สุด

ส่วนผู้ที่ต้องออกกำลังกายในที่แจ้ง สิ่งสำคัญก็คือเฝ้าตรวจและฟังสัญญาณจากร่างกายให้มากขึ้น รู้ว่าขีดจำกัดของร่างกายในสภาพอากาศที่ไม่ปกติ สำหรับผู้ที่ต้องออกกำลังกายอย่างหนัก ควรดื่มน้ำในปริมาณมาก เครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬาเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไปได้
สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้ ในช่วงวันสองวันแรกอาจจะต้องลดกิจกรรมหนัก ๆ ไปก่อนเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่ร้อนจัดเสียก่อน

4. สวมเสื้อผ้าที่ช่วยระบายอากาศ

การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยบรรเทาความร้อนได้ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยคุณได้ เสื้อผ้าสู้ร้อน ควรมีสีอ่อน เนื่องจากผ้าสีเข้มจะดูดซับและกักเก็บความร้อนมากกว่า ขณะที่เนื้อผ้าที่ใช้ควรโปร่งสบายระบายอากาศได้เป็นอย่างดี เช่น ผ้าที่มีส่วนผสมของใยฝ้ายและลินิน

การเลือกเสื้อผ้าสวมใส่ไม่เฉพาะในช่วงกลางวันเท่านั้น ยังต้องคำนึงถึงช่วงกลางคืนด้วย ควรเลือกเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบาสำหรับปูที่นอนและสวมใส่ ก็สามารถช่วยได้

นอกจากนี้การปิดม่านในห้องนอนในช่วงกลางวัน และถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น ก็ช่วยลดความร้อนภายในห้องนอนได้อีกวิธี


(แหล่งที่มา...สำนักข่าวบีบีซี)

 

วันที่ 13. ที่ท่าบ่อ ตอนประมาณ 3-4 ทุ่มได้
พายุก็เข้าค่ะอาจารย์9 ลมพัดต้นมะม่วงข้างบ้านแรงมาก
สะบัดๆใส่กระจกหน้าต่าง
จากนอนเพราะฤทธิ์เหนื่อย
ต้องตื่นเพราะเสียงลมฝน
เห็นว่า บางพื้นที่ มีลูกเห็บตกด้วยค่ะอาจารย์
น่ากลัวมากกก

 

ร้อนแบบนี้ละลายพอดี

 

ร้อนแบบไม่บันยะบันยังเลยจ้า
แต่ไขมันในร่างกายไม่ละลายหายไปไหน
มีแต่เหงื่อไหล. และ อาการหิวน้ำตามมา
หิมหนมเอย

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 129 ลำดับที่ #2580
เรื่องการใส่ปัจจัยทำบุญวันเกิด
....และ 9 สนใจเรื่องโทรจิต

[QUOTE="nopphakan, post:
เวลาทำบุญคล้ายวันเกิด
ถ้าจะให้ดี
ควรมีซองใส่ปัจจัย
๙ ซองเท่าไร่ก็ได้
และใส่บาตรให้มากกว่า
อายุตนเอง ๑ ปี

ปล โทรจิตเค้าฝึกด้วยการนั่ง
หันหลังให้กัน แล้วต่างคนต่างคิด
เพื่อฝึกเชื่อมคลื่นความคิดและ
ฝึกให้จิตมันแปลผลมาเป็นคำพูดจร้า
เป็นทริคทางพระมหาฤาษี
จำเป็นต้องมีคู่ฝึก แล้วแต่ใครจะชอบ
เรื่องนี้ แต่ส่วนตัวขี้เกียจเลยไม่ฝึก
และไม่ค่อยชอบแนวๆนี้ด้วย

แต่ถ้ากรณีเดียวกัน แต่เปลี่ยนเป็น
มานึกย้อนว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้าง
ถ้าทำได้ถึงสองเดือนจะเป็นการฝึกย้อน
อดีตชาติ เป็น ๑ ใน ๗ วิธีของการฝึก
ย้อนอดีตเท่าที่ทราบมา
เคยเขียนเมื่อ ๓ หรือ ๔ ปีก่อน
แต่ได้ลบไปเพราะมันทำให้คนยึดติด
ในเรื่องพิเศษท่านว่ามาให้ลบซะ

ปล นิทานพอขำๆ
อุบลเคยไปกับรุ่นน้องต่างชาติ(Laos)
ไปยืนเรียกเพื่อนที่หน้าบ้าน สมมุติชื่อ ก
จำได้ว่าจะชวนไปงานแต่งใครไม่รู้ที่นั้นลืมแระ
ไอ้เราก็นึกว่าเค้ายืนอยู่ในบ้าน เรียกตั้งนาน
ซักพักคุณแม่กับน้องชายเค้าลงมาแบบเงียบๆ
...แล้วมาค่อยๆพูดว่า
พี่ ก เสียชีวิตไปประมาน ๖ เดือนแล้วครับ
ความเสียวจึงมาเยือนบ้านนั้นโดยปริยาย
...ข้าพเจ้าไม่เกี่ยว
ไปงานแต่งต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
๕๕๕...นึกแล้วตลกดี

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 130 ลำดับที่ # 2591
อาจารย์นพคุยเรื่องโทรจิตต่อ....
...เจาะลึกเรื่องของจิต วิญญาณ
เรื่องต้นกำเนิดของแรง...ที่เรียกว่า จิต
ไปจนถึงความเป็นกลางของจิต...
คลื่นความคิดดี คิดไม่ดี.........

**บอกได้คำเดียวว่า"น่าสนใจมากๆ**

QUOTE="nopphakan, post:
คลื่นโทรจิตในอีกมุมหนึ่งนะครับ
ทางวิทยาศาสตร์เรียกคือ
คลื่นประเภทที่ ๒ ที่ส่วนตัวเคยพูดไป
คือจัดอยู่ในกลุ่มชนิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ซึ่งมีประจุหรือคลื่นแสงนั่นหละตัวเดียวกัน
คุ้นๆไหมองค์ประกอบของสะสาร
ที่มีแบบ แทนที่กันได้ กับ แทนที่ไม่ได้
ที่เคยโม้ไปหลายดอกก่อนหน้านั้น

คลื่นพวกนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้
ถ้ามีต้นกำเนิดของแรง
ฝรั่งสามารถสร้างได้
แต่ยังไปไม่ถึงในเรื่องต้นกำเนิดของแรง
...ที่เรียกว่า จิต
จริงๆต้นกำเนิดของแรงพวกนี้
ก็สามารถสร้างมาได้จากจิตนั่นหละ
นอกจากทางเครื่องมือ
(เช่นคลื่นวิทยุต่างๆ คลื่นไมโครเวฟ
คลื่นเฉพาะพวกอินเตอร์คอม ฯลฯ)

เพียงแต่ถ้าพูดว่าจิต
มันจะออกไปทางดูพิเศษไปนิด
เลยเอาง่ายๆว่า เกิดจากความคิด
เพราะเข้าถึงได้ง่ายกว่า
และก็พยายามพูดอุบาย
ในเชิงที่มันออกดีๆไว้ก่อน
เพราะอะไร ? เด่วโม้ทีหลัง

ทั้งๆที่คลื่นความคิดนั้นมันก็ขึ้นมาจากตัวจิตก่อน
แล้วค่อยๆผ่านมายังสมองของเรา
เพราะถ้าไม่ผ่านตัวจิตก่อน
เป็นไปไม่ได้เลย ที่สมองของเรา
จะสามารถสร้างต้นกำเนิดพลังงาน
ได้เพราะสมองมันจะเป็น
เพียงแค่เนื้อก้อนหนึ่งเท่านั้น อิอิ งงไหม
อย่าพึ่งคิดอะไร อ่านต่อ

กำเนิดร่างกาย เริ่มจาก
ตัวจิตมันจะชอบส่งคลื่นตัวหนึ่งออกไป
กระทบภายนอก เรารู้จักในนามคำว่า
วิญญาณหรือวิญญานการรับรู้
ส่งตัวนี้ไป กระทบอะไรมันก็ไม่รู้หรอก
และพอไม่รู้ มันก็ดึงมาเก็บเป็นนิสัย
เราเรียกที่มันเอามาเก็บว่าสัญญา
บ้างเรียกความจำได้ ฯลฯ

อยู่ๆไปมันก็สร้างช่องทาง หรือจัดระเบียบ
ให้ตัวคลื่นวิญญาณนี้ กลายมาเป็น
ตา หูจมูก และอวัยวะ จนเป็นร่างกายเรานี่หละ
นี่คือแบบหยาบๆ. ดังนั้นถ้าเราสังเกตุ
จะพบว่า ในอวัยวะต่างๆที่รวมเป็นกาย
มันจะมีองค์ประกอบด้วยคลื่นวิญญาณตัวนี้แทบทั้งสิ้น
(เราถึงรู้สึกได้ ถ้ามันถูกทำลาย หรือบกพร่อง)
และมันจะรู้สึกห่วง มีการระวัง ป้องกัน...นึกออกไหม
เพราะคลื่นวิญญาณที่ออกจากจิต
มันเป็นตัวสร้างอวัยวะเหล่านี้เอง

ที่นี้ตัวโทรจิตนี้เรารู้ว่า...
...อยู่กลุ่มคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือคลื่นแสง
แต่มันจะสามารถแปลงเป็นภาษาให้เราเข้าใจ
ก็ต่อเมื่อคลื่นตัวนี้มันมีสภาวะเป็นกลางเท่านั้น.
555555 บางคนฉุดคิดได้
จะเป็นกลางอย่างไร หรือได้จังได๋
ก็ในเมื่อมันมีทั้งประจุบวกและลบ ? ^_^

อิอิ ฟังต่อนะใจเย็นๆ
เป็นกลางคือคลื่นมันต้อง...
...ไม่มีทั้งประจุบวกและประจุลบ นั้นเอง
แต่คลื่นมันยังมีอยู่
ถ้าเข้าใจไม่ผิด ฝรั่งค้นพบคลื่นตัวนี้แล้ว
เรียกมันว่า. “อนุภาคผี”
เพราะมันสามารถแทรกซึมไปได้ทุกที่
ทุกประเภทของแรงชนิดต่างๆ
ไม่ว่าจะร่างกาย วัตถุใดๆก็ตาม
และแม้รู้ว่ามันมีอยู่จริง
แต่ก็เหมือนจะยังไม่เข้าใจมัน ณ ตอนนี้

เป็นกลางทางคนปฎิบัติเรียกว่าใจเป็นกลาง
(คือไม่ชี้ชัด ตัดสิน แบ่งฝ่าย เลือกข้าง)
หรือกิริยาที่จิตคลายตัว
(จิตไม่เป็นวงกลม เพราะไม่มีคลื่นวิญญาณ
ส่งออกจากสัญญาภายในจิต ไปเชื่อมภายนอก
หรือภายนอกมาเชื่อมจิตให้มันเกิดเป็นวงกลม)

สังเกตุได้ เราจะพบว่า...
...อุบายการสอนต่างๆนั้น
จะเน้นไปเพื่อปลายทาง
ให้ใจเป็นกลางนั้นเอง
ด้วยการคิดดีๆไว้ก่อน

เพื่อ??? เอ้าาาา
ก็มันมีประจุบวกและลบ
และมีคลื่นวิญญาณ
เป็นองค์ประกอบอยู่อย่าลืม
และมีจิตเป็นต้นกำเนิดของแรงหรือคลื่นเหล่านี้

ถ้าคิดไม่ดี คลื่นมันจะกลายเป็นความร้อน
เนื่องจากมันเสียดสีกันระหว่างประจุใดประหนึ่ง
ทางปฎิบัติเราเรียกว่าธาตุไฟ
ถ้าคิดเรื่อยเปื่อย มันจะวนๆเข้าหากัน
และเหวี่ยงไปมาเราเรียกว่า ธาตุลม และอากาศ
และถ้ามันดันเข้าพวกกัน ตรงกัน
คลื่นมันจะรวมกัน กลายเป็นตึง หนัก ฟิตไป
จริงจังไป เราเรียกธาตุดิน.

และสุดท้ายถ้าคิดดีตามหลักพุทธศาสนา
มันจะกลายเป็นธาตุน้ำ คือเย็น
หรือธาตุที่มันไม่เข้าพวกกับคลื่นทั้งประจุบวกและประจุลบ
บางคนเวลาสบายใจ หรือใจเป็นกลาง
จึงรู้สึกว่าร่างกายนอกจากจะเบาแล้ว
ยังรู้สึกถึงความเย็น สบายใจ
...บริเวณหน้าอกร่วมด้วยนั่นหละ
(เพราะจิตมัน stayอยู่บริเวณนั้น)
พอคลื่นมันไม่เข้าพวกกับคลื่นแสงหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้ โอกาสที่มันจะเป็นกลางก็สูง
หรือมีคุณสมบัติคล้ายอนุภาคผี นั่นเอง

สภาวะตรงนี้นี่เอง ที่จะเป็นการแปลเป็น
ภาษาให้เราเข้าใจ ไม่ว่าจุดกำเนิดของคลื่น
จะมาจากมนุษย์หรือสัตว์ก็ตาม
(เพราะสัตว์คล้ายเราตรงมีวิญญาณ
เป็นองค์ประกอบในการสร้างร่างกาย)

ดังนั้นบางคนที่อ่านใจคนได้เลย
จะไม่รู้สึกเย็น แต่จะรู้สึกเบาได้ เป็นกลางเลย
เพราะไม่ได้เริ่มจากการสร้างคลื่นที่ไม่เข้าพวก
หรือคลื่นที่จะมากพอ
เป็นธาตุน้ำเพื่อโอกาสที่จะเป็นกลางก่อน
...ก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไร

ปล คำว่า ธรรม จิตตะ
ความจริงออกเสียงว่า ธรรม มะ จิต ตะ
ส่วนตัวเขียน สระ ะ ตกไปเอง


*****************************************

หมายเหตุ
ท่านอจ.นพ เคยเปรยประมาณว่า...
เขียนออกมาที...บางครั้งต้องใช้เวลา
แต่การอ่านใช้เวลาแค่เดี๋ยวเดียว

เรื่องจริงครับ...ไม่อิงนิยาย
เพราะเพียงแค่ 9 รวบรวมTricksนี้อย่างพิถีพิถัน
เบ็ตเสร็จยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งชม.ถึงชม.
555....ยืนยันครับ

จึงมั่นใจว่าแต่ละ Tips&Tricks
9...จะไม่ยอมปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ

 

เมื่อวานเกิดเรื่องแปลกๆ(หรือบังเอิญ) 2 เรื่อง..คือ
(ต้องบอกก่อนว่าอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั่น และเพื่อให้เห็นว่าบางครั้งความบังเอิญที่แปลกๆมีจริง แฮะ)
...ช่วงเช้าราวๆ 10 โมง อากาศร้อนตามปกติ
แต่ไม่ร้อนมากเช่นหลายวันก่อน มองไปที่ต้นไม้ใบหญ้าเฉาๆ ผมนึกสนุกจึงมองขึ้นท้องฟ้าแล้วเปรยประมาณว่า...
...เออ เมื่อไหร่ฝนจะตก ร้อนตับแตกแล้ว
วันนี้ขอให้พญานาคราชประทานฝนมาทีเถิด
555...ตลอดทั้งวัน อากาศยังคงร้อน
จนก่อนเข้านอน ไม่มีวี่แววฝนสักเม็ด
แต่พอกลางคืนตีหนึ่ง
ได้ยินเสียงลมพัดมาเป็นระยะๆ
และตามด้วยฝนตกลงมาหนักพอสมควร

...ทำไมมันบังเอิญอย่างนี้...แต่
...แต่ฝนตกเวลาตี1
...มันนับเป็นอีกวันแล้วจร้า

...555
...แค่เป็นฝนหลงฤดู ?
...หรือหลงทางมาจากอีสาน ?


หลังจากนั่น...ผมก็หลับสนิท
ฝันว่า...ได้ยินเสียงคุณแม่มาบอก(ไม่เห็นหน้า)
บอกว่า "เดี๋ยวนี้คุณพ่อผอมลง"

...ความฝันดำเนินต่อ
...ผมเห็นข้างหลังคุณพ่อที่ผอมลงไปหน่อย
...เพิ่งขึ้นจากบันไดบ้านมาชั้นบนแล้ว
(เป็นบ้านตอนที่ผมยังเด็ก)
คุณพ่อแต่งตัวเยี่ยงนิสิตนักศึกษา
(เสื้อแขนสั้นขาว กางเกงโซนดำเทา)
ท่านหันหลังมองมาที่ผม...ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
โอ๋...คุณพ่อนั่นเอง...
..แลดูเหมือนเช่นรูปถ่ายช่วงที่อายุ 30 ปี
ผมเลยเข้าไปยืนชิดตัวท่าน...มองท่าน
...เออ รูปร่างคุณพ่อผอมลงไปหน่อย(แบบวัยรุ่น)
...แต่ใบหน้ายังหล่อใส...สดชื่นดีนิ
...ความฝันมีแค่นี้

(ช่วงตื่นขึ้นมา)
...คิดอยู่นานว่าจะเรียบเรียงคำพูดอย่างใด
ในการอุทิศบุญกุศลให้คุณพ่อ...
เพราะฝันว่าท่านผอมลงมาหน่อยก็จริง
แต่ยังยิ้มหล่อใสและหน้าตาสดชื่นดี

แต่ก็ได้อุทิศไป...ตามที่เคยทำ

*ที่ว่าเป็นเรื่องแปลก คือ*
(ค่อยๆอ่าน นะคร๊าบ...เพราะเป็นปริศนา)
...เมื่อวานผมไม่ได้กินผักแม้แต่ชิ้นเดียว(กินปลา-ไข่-ไก่)
...หลังอาหารบ้วนปากแล้ว
...ก่อนนอนผมแปรงฟัน บ้วนปากเป็น 10 ครั้ง
และทุกเช้าก่อนดื่มน้ำ ผมต้องบ้วนปาก3-4ครั้ง
แล้วดื่มน้ำตาม 1 แก้วใหญ่
...จากนั่นจะนั่งดูคอม
ขณะดูเกิดรู้สึกว่ามีอาหารคล้ายผักขนาดใหญ่กว่าเมล็ดแตงโม2เม็ด(ตามรูป)อยู่ในปาก ???
...555 ฉงนใจมากไปป่าว? ถึงกับถ่ายรูปให้ดู
(มีส่วนคร๊าบ...แต่ตั้งใจจะถามอาจารย์นพครับ)
เพราะประมาณตี 3 หรือ4...
...เพิ่ง(ฝันถึง)ได้ยินเสียงคุณแม่บอก...คุณพ่อผอมลง
555 เช้านี้ทำไมมีผักแปลกๆหลงอยู่ในปาก(ไม่ใช่ชิ้นเล็กๆนะ)
...ทำไม มันบังเอิญอย่างนี้ ???






(เสริม)อีกอย่างที่บังเอิญคือ
เช้านี้...ช่วงที่เปิดคอม...
พอคลิ๊กเข้าไป...มาเจอกระทู้แรก
...บังเอิญเจอเรื่องที่ผมต้องการพอดี
(แม้ไม่ตรงเดี๊ยกๆกับที่ผมฝันก็ตาม)
...แต่ก็มีสาระที่คล้ายๆกัน
**เด๋วขออนุญาตก๊อปมาให้สมาชิกอ่าน**
...เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์


555...เล่าให้ฟัง..เพื่อความบันเทิงเท่านั่น

 

บทกรวดน้ำแบบสั้น หลังใส่บาตร ขอให้ท่านได้รับผลบุญของข้าพเจ้าด้วยเทอญ


บทกรวดน้ำแบบสั้น หลังใส่บาตร ขอให้ท่านได้รับผลบุญ ของข้าพเจ้าด้วยเทอญ

การทำบุญใส่บาตร เป็นสิ่งหนึ่งที่เราเห็นกันมาตั้งแต่ในสมัยอดีตจน ถึงในปัจจุบัน และเราจะเห็นได้ว่าสิ่งหนึ่งที่เราต้องทำหลังจากการ ทำบุญนั่นคือ “การ กรวดน้ำ”

การกรวดน้ำ คือ การที่เราตั้งจิตอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ที่เราได้ทำไว้ในครั้งนี้ ส่งผลไปให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ให้กับเจ้ากรร มนายเวร พร้อมทั้งเป็นการรินน้ำให้ไหลลงไป บนพื้นดินที่ได้รองรับแล้วนำไปเทที่พื้นดิน หรือรถที่โคนต้นไม้ก็ได้

การกรวดน้ำนั้น ได้มีการเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ ในสมัยพุทธกาล โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ให้คำสั่งสอนให้พระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งได้มาทำบุญเลี้ยงพระ ทรงหลั่งทักษิโณทก (กรวดน้ำ) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ที่เราได้ทำไว้ให้แก่พระญาติที่ล่วงลับของพระองค์ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในเวลาที่เราได้ทำบุญเสร็จ จึงนิยมใช้การกรวดน้ำ เป็นสัญลักษณ์แทนการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ที่เราได้ทำเอาไว้


วิธีกรวดน้ำ

1. กรวดน้ำเปียก คือ ใช้น้ำเป็นสื่อ รินน้ำลงไปพร้อมกับอุทิศผลบุญกุศลไปด้วย

2. กรวดน้ำแห้ง คือ ไม่ใช้น้ำ ใช้แต่สิบนิ้วพนมอธิษฐาน แล้วอุทิศผลบุญกุศลไปให้

และในระหว่างที่ทำการกรวดน้ำนั้น เราควรระลึกถึงผู้ที่มีคุณ หรือมีเวรก รรมต่อกัน เพื่ออุทิศผลบุญที่ได้ทำให้แก่ บุคคลเหล่านั้น

กรวดน้ำ เวลาไหนถึงดี

สำหรับเราที่เราควร กรวดน้ำนั้น คือ ขณะที่พระอนุโมทนา หรือหลังทำบุญเสร็จ แต่หากไม่สะดวกจะทำตอนหลังก็ได้ แต่ทำในขณะนั้นดีกว่า ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ

– ถ้ามีเปร ตญาติมารอรับส่วนบุญ ท่านก็ย่อมได้รับในทันที

– การรอไปกรวดที่บ้านหรือกรวดภายหลัง บางครั้งก็อาจลืมไป ผู้ที่เขาตั้งใจรับก็อด ผู้ที่เราตั้งใจจะให้ก็อดไปด้วย

บทกรวดน้ำ แบบยาว

ตั้งนะโม 3 จบ

อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา

ด้วยบุญนี้ อุททิศให้ อุปัชฌาย์ ผู้เลิศคุณ

อาจะริยูปะการาจะ มาตาปิตา จะ ญาตะกา

และอาจารย์ ผู้เกื้อหนุน ทั้งพ่อแม่ และปวงญาติ

ปิยา มะมัง สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ

สูรย์จันทร์ และราชา ผู้ทรงคุณหรือสูงชาติ

พรัหมะมารา จะ อินทา จะ โลกะปาลา จะ เทวะตา

พรหม มาร และอินทราช ทั้งทวยเทพ และโลกบาล

ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ

ยมราช มนุษย์มิตร ผู้เป็นกลาง ผู้จองผลาญ

สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม

ขอให้สุขศานติ์ทุกทั่วหน้า อย่าทุกข์ทน บุญผองที่ข้าทำจงอำนวยศุภผล

สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ขิปปัง ปาเปถะ โว มะตัง

ให้สุขสามอย่างล้น ให้ลุถึงนิพพานพลัน

อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิเสนะ จะ

ด้วยบุญนี้ที่เราทำ และอุทิศให้ปวงสัตว์

ขิปปังหัง สุละเภ เจวะ ตัณหุปาทานะเฉทะนัง

เราพลันได้ ซึ่งการตัด ตัวตัณหา อุปาทาน

เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง

สิ่งชั่วในดวงใจ กว่าเราจะถึงนิพพาน

นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว

มลายสิ้นจากสันดาน ทุก ๆ ภพ ที่เราเกิด

อุชุจิตตัง สะติปัญญา สัลเลโข วิริยัมหินา

มีจิตตรง และสติปัญญาอันประเสริฐ พร้อมทั้งความเพียรเลิศเป็นเครื่องขูดกิเลสหาย

มารา ละภันตะ โนกาสัง กาตุญจะ วิริเยสุ เม

โอกาส อย่าพึงมี แก่หมูมารทั้งสิ้นทั้งหลาย เป็นช่อง ประทุษร้ ายทำลายล้างความเพียรจม

พุทธาทิปะวะโร นาโถธัมโม นาโถ วะรุตตะโม

พระพุทธผู้วรนาถ พระธรรมที่พึ่งอุดม

นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง

พระปัจเจกะพุทะสมทบ พระสงฆ์ ที่ผึ่งพยอง

เตโสตตะมานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา

ด้วยอานุภาพนั้น อย่าเปิดโอกาสให้แก่มาร (เทอญ)

บทกรวดน้ำแบบสั้น

อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย

ขอบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าเถิด ขอญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข สุขใจเถิดฯ

บทกรวดน้ำ ให้เจ้ากรรมนายเวร

ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้าก ร ร มนายเวรทั้งหลายของ ข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิก ร ร ม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ


ขอบคุณที่มา
https://www.aabpost.com/?p=3112

ขอบคุณที่มา
https://palungjit.org/threads/677990/

 

เมื่อวานนี้ ได้กินพริกไทย ที่อาจารย์นพส่งมาให้ไป1 เม็ด ก่อนนอนค่ะ
แบบว่า อยากจำฝันได้แม่นๆ เผื่อท่านประทานมาให้สองตัวแดงๆ

แต่!!! ไม่เป็นอย่างที่คิดเลยยย
เกิดอาการ ร้อนๆ พอเอาผ้าห่มออก ดันหนาวๆ
มันหลับไม่เต็มหลับค่ะ
แต่ว่า ผลที่ค้าด คือจำฝันได้แม่น เลย
และ กลัวด้วยค่ะ ไม่คิดว่า จะบังเอิญไป
เป็นคืนที่ฝัน ตื่น นอน ฝันต่อ ตื่น นอน ไปเรื่อยๆ

ฝันครั้งที่1 ค่ะ
เจนฝันถึงงูเหลือมหรือ หลาม ไม่แน่ใจ
แต่ใหญ่เท่าๆอนาคอนด้า นอนขดอยู่ในห้องห้องหนึ่ง
ซึ่งห้องนี้ อยู่ภายในบ้าน ที่อยู่อาศัย
แถมในห้อง มีเจ้าสเน็ก สตัง และเด็กผู้ชายอีกคน นอนเล่นกับงู
ด้วยความที่ห่วงลูก ในหัวคิดถึงภาพ งูเขมือบลูกลงไป
แต่ทั้งๆที่งูก็นอนอยู่เฉยๆ แต่ไม่รู้ละ เอาลูกออกมาจากห้องก่อน
ไอ้เจ้าสองสอ ก็เล่นสนุกสนานในห้องที่มีงู
กระโดดเต้นบนเตียงเดินไปมารอบๆงูอยู่นั่น
ด้วยความที่ตื่นตกใจ สะดุ้งตื่นขึ้นมา เฮ้อ ~~ ฝันไปนี้เอง
และก็นอนต่อ

ฝันครั้งที่2
ฝันถึงบ้านแม่ที่น้ำโสม ที่บ้านแม่จะมีดาดฟ้า
ก็ไม่รู้ว่าเกิดการวุ่นวายอะไรกัน ที่ผู้ใหญ่มารวมกันที่ดาดฟ้า
พอทุกคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เจอเฆกก้อนใหญ่สีส้ม ทอง
เป็นลักษณะงูใหญ่มีหงอน จะว่า พญานาคก็น่าจะใช่ค่ะ
แต่เป็นเฆกที่เคลื่อนไหวตัวได้ เจนตกใจอยู่พักหนึ่ง
แต่ก็ด้วยความประหลาดใจ เลยมองตาไม่กระพริบ
จากเศียร เป็น2 เป็น3 และดูท่าน่าจะเกรี้ยวโกรธพอควร
แต่พอมามองดู ผู้ใหญ่ว่าเขาทำอะไรกัน
เจนถึงกับร้องไห้ขึ้นมา
เขาเอาค้อนมาทุบเพชรพญานาค ที่เจนสะสม แตกออกหมดเลย
เจนห้ามก็ไม่ฟัง บังเอิญว่ามีเม็ดสีขาวทรงรี แต่ว่าไม่เรียบเท่าไหร่
เจนเลยแอบหยิบใส่กระเป๋าไว้ ไม่ให้เขาเอาไปทุบ

และเจนเห็น แม่~~(เพื่อนของแม่เจนเมื่อนานมาแล้วเขาเสียชีวิตเพราะเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม ตายทั้งกลม)
เห็นแม่ดล ใส่ชุดขาว แวะมาดูว่าบ้านเจนทำอะไรกัน แล้วทีนี้
แม่ดลก็เลย กลับขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปกับเด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง
เจนเคยเข้าไปถามว่า แม่จะไปไหน
แม่ดลเลยบอก แม่จะกลับวัดก่อนลูก
เจนเลยฝากความไปหาหลวงพ่อ แล้วก็ตื่นเลย
(หลวงพ่อที่ไหนก็ไม่ทราบได้)
ตื่นอีกที เพราะอึดอัดในตัว ยังมืดอยู่เลย เลยนอนต่อค่ะ

ฝันครั้งที่3
ฝันเห็นงูเห่า ตัวใหญ่เท่าต้นขาพ่อ น่าจะบาดเจ็บ
เจนเอางูมารักษา ด้วยการเลียแผลงู ฮือ~~
(มีการรักษาแบบนี้ด้วย)
และน่าจะเป็นตัวเมีย เพราะเห็นลูกงูเห่านอนตายข้างๆ
พ่อเจนกับเด็กๆ ก็เดินไปเดินมาผ่านงูตัวนี้แบบไม่กลัวมันกัดเลยรึ
เจนเลยจับเข้าที่หัวงู เพื่อเอาใส่กระสอบไปปล่อย
มันคงตกใจและดิ้นๆ เกือบกัดเข้าที่มือเจน
ดีนะที่มันไม่กัด เอาไปปล่อยที่ริมน้ำ

ทั้งคืนนี้ ฝันถึงงู ทั้งคืนเลยค่ะ
ขนลุกทั้งคืน ด้วยความที่กลัวงู

 

สุดยอด