ขอความรู้เกี่ยวกับ ณาน 16 ขั้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Rupanama, 25 สิงหาคม 2009.

  1. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อันนี้อ่ะถูกแล้วครับ
    อนุโมทนา

    คุนเจ้าของกระทู้ การดูจิต หรือ สติปัฐฐาน ไห้ตามลึกรู้ที่ปัจจุบัน
    แต่การตามละลึกรู้นี้มันมีการเห็นของคนอยู่หลายระดับ ระวังจะเจอพวกมีแต่สัญญาปัญญารู้จริงเห็นจริงยังไม่มีนะ จะไปได้ไม่ถึงจุดประสงเพราะมันจะย่ำๆๆๆ
    อยู่กัที่อย่างนั้นไม่เกิดปัญญา เพราะมีสิ่งกั้นขวางเอาไว้ ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ถูกตาม เทศนา
     
  2. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    จังหวะที่จะเห็น ภพ ชาติ ชรา มรณะ หากทำฌาณยังไม่ได้ แต่อยากจะพอ
    เห็นๆว่ามีรสเป็นอย่างไรนั้น คนที่ภาวนาจนเห็นกายเราผลิกแก้ทุกข์ตลอด
    เวลาในยามหลับ กายหลับแต่จิตตื่น และจิตยังขึ้นวิถีภาวนาไม่ว่างเว้น แบบ
    นี้ตอนที่ตื่นเช้าขึ้นมา จิตจะว่างเพราะได้พักในภวังค์มา ตอนที่ตื่นขึ้น จิต
    จะเริ่มเคลื่อนเข้าสู่ภพความคิดที่เราติดข้องอยู่ หรือเข้าสู่ภพอนุสัยที่เราเป็น
    อยู่ทันที


    อนุโมทนาบุญ สำหรับธรรมทานครับ
    งานที่ว่านี้คือการรู้/เห็น เพื่อให้ปัญญาเกิดใช่ไหมครับ ถ้าสภาวะ ลักษณะนี้ผมเคย เห็น/ดู/รู้ ครับ ที่แท้คือภพชาติ/ชรา/มรณะนี้เอง เป็นเฉพาะตอนตื่นนอนที่ตื่นอย่างมีสติ มาจากการหลับอย่างมีสติ จากที่เคยเล่าให้คุณนิวรณ์ฟัง ว่าตื่นมาเห็นจิต ต่อจากนั้นเกิดเป็นร่างกาย มีการรับรู้เกิดขึ้น เช่นร้อน นิ่ม หลังเมื่อย เป็นต้น พอตื่นเต็มรูปแบบ ก็จะเริ่มมีการ เข้ามากระทบของอารมณ์ต่างๆ เกิดชอบไม่ชอบ มีตัณหา (รวมมีโทสะ/โลภะ/โมหะ เป็นองค์ประกอบ) ประมาณนี้

    แต่ถ้าเราสามารถตามดูรู้ จนสิ่งที่มีกระทบดับลง พร้อมกับจิตที่รับรู้ดับลง ไม่เกินในขั้นที่มีตัณหาเป็นองค์ประกอบ ชาติ ชรา มรณะ ก็ไม่สมควรเกิดต่อจากนั้นใช่ไหมครับ เพราะวงจรมันขาดไปแล้ว อย่างนั้นถ้ามีญาณ จะสามารถเรียกความจำที่ปฏิจสมุปบาทเกิดครบวงจรกลับมาดูได้ใช่ไหมครับ

    ผมเริ่มต้นปฏิบัติธรรม โดยเริ่มจากการทำสมาธิครับ คุณแม่สอน และ เพื่อนๆ พาไป เมื่อสักประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่อนผมชวนปฏิบัติธรรม (ไม่ขอเอยชื่อสำนักน่ะครับ) แบบมหาสติปัฏฐาน4 ประมาณ วันที่ 3 ผมเห็นการเกิดดับของเวทนา คือความปวด ด้วยสมาธิที่ไม่ลึกเลยเทียบกับการทำสมาธิของผมเป็นปกติ เรียกว่ายังรับรู้เป็นปกติ การเห็นเกิดดับของเวทนา ในตอนนั้นเห็นแต่เวทนา ไม่มีร่างกายเป็นองค์ประกอบด้วยซ้ำ กล่าวคือ เวทนาที่เกิดใหม่มีสภาพที่เปลี่ยนไปจากเวทนาเดิม เช่น ขยายออก หดเข้า ปวดมากขึ้น หรือ ปวดลดลง ประมาณนั้น ยังรู้สึกมหัสจรรย์ใจเหมือนกัน จนเวทนาดับไป
    กลับมาบ้านก็เพียรทำต่อแบบสบายๆ นึกได้เมื่อไหร่ก็ทำ แต่ทำให้ต่อเนื่อง มีหลายๆครั้ง ที่อาการต่างๆ มีอาการเหมือนแผ่นฟิลม์ เห็นเป็นช่วงๆ เป็นเงาๆ ซ้อนๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นยกแขน ขยับตัว ทำนองนี้ จะเกิดเมื่อสามารถรับรู้อย่างต่อเนื่องเท่านั้น
    เพื่อนก็พาไปปฏิบัติธรรมต่อ อีกสักระยะ (ไม่ขอเอยชื่อสำนัก) ก็ดีได้ความรู้มาพอสมควร
    ก็กลับมาทำต่อที่บ้าน
    ตอนนี้ทำตาม หนังสือของพม่าของพระที่ท่านชื่อ Sayadaw Ashin Kundalabhivamsa, สยาดอ อู โชติกะ และที่เรียนมาครับ

    อนุโมทนาบุญ กับความเมตตาที่ให้ธรรมทานน่ะครับ
     
  3. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    อนุโมทนาบุญ และขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำน่ะครับ ธรรมบางอย่างมีละเอียดลึกชึ้งมากเกินกว่าปัญญาผมเองจะเข้าใจ หรือว่า บอกได้ว่าสิ่งที่ขยายความอย่างไหนจริง หรือเห็น/รู้ ก็หยาบมากกว่าละเอียด ตามปัญญา และ บุญที่ผมทำมาครับ ผมเลยเปิดใจฟังทุกท่านน่ะครับ และลองทำตามดูครับ ได้ผลอย่างไรผมก็จะมาถามขอคำแนะนำเพิ่มเติม ไม่ได้จำกัดท่านที่มาตอบครับ รับทุกท่าน

    ยกตัวอย่างอย่างวงจรปฏิจสมุปบาทน่ะครับ เอาที่ผมประสบมาเลย
    ผมไปทำบุญ และนั่งทานข้าวอยู่ครับ ตามรู้ตามดูอากากรของการรับรส จิตเป็นอย่างไร ชอบ ไม่ชอบ อยากมี อยากไม่มี ประมาณนี้ผมลองหลับตาลง ระหว่างเคี้ยว จิตรับรู้ มันเลื่อนขึ้นมาที่ประตูรับรู้ อาการรับรู้รส เปรี้ยว หวาน เค็ม มันดับไป เหลือแต่รับรู้ว่ามีรส แต่ไม่รู้ว่ารสอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น ความชอบ/ไม่ชอบมันก็ไม่มี และไม่มีอะไรต่อจากนั้น แต่เป็นแค่ช่วง แวบน่ะครับ
    ผมถึงถามในกระทู้ของคุณขันธ์ ว่ามันจะทวนขึ้นไปถึงอวิชชาได้อย่างไรครับ เพราะผมเห็น/รู้ได้แค่นี้เองครับ ความรู้ตัวผมรู้ที่การรับรู้น่ะครับ

    ธรรมมะเป็นของลึกซึ้ง และ เข้าใจได้ไม่ง่าย จน ถึงยากมากๆ อันนี้ขึ้นอยู่กับปัญญา และ บุญที่ทำมาจริงๆ ผมเข้าใจเรื่องนี้ครับ เลยทำใจ ทำไปเรื่อยๆ ถามไปเรื่อยๆ ให้ปัญญามันเพิ่ม ถึงช้าแต่ยังเพิ่มครับ และยังมองในแง่ดีน่ะครับ ว่าคงไม่มีใคร พยายามสอนแบบผิดๆ ครับเพราะมันไม่ดี และยังไงเดียวคนก็ต้องรู้เองครับ

    ถ้าคุณ albertalos เมตตาผมแนะนำได้เลยน่ะครับ ผมเปิดใจรับในธรรมะครับ เพื่อเพิมปัญญาครับ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แจ่ม ครับ แบบนั้นแหละ ที่นี้รู้ ภพ ชาติ ชรา มรณะ มีมุมการเห็นอย่างไรแล้ว
    เราก็ไม่ต้องไปใส่ใจที่จะรู้แบบนั้น ขอให้เรารู้ และเห็นว่า จิตเขาเข้าไปรู้เป็นบาง
    ที่นี่แหละ เขาเรียกว่า ภาวนาไม่ติดในรู้ ตรงนี้จะทำให้ก้าวหน้า

    ก็อย่างเช่นที่คุณเล่า คุณเห็นเวทนา มันแยกออกจาก กาย และ จิต ต่างคนต่าง
    แสดงอาการในแต่ละกอง(ขันธ์) มันจะมารวมกันก็ต่อเมื่อ เกิด ทิฏฐิ บางอย่าง
    ผุดขึ้น แล้วก็เกิดการฉวยเป็นเรา หลังจากนั้น กาย เวทนา และ จิต จะเข้ามารวม
    ตัวกัน เกิดความเป็นตัวตนชัด ลืม ธรรมไปเลย

    แต่หลักการที่ว่า เห็นแล้วไม่ติดในรู้นั้น ก็จะเป็นอุบายธรรมที่แกะ ทุกอย่างออก
    จากกัน และก็ใช้หลักการนี้แหละ แยกสิ่งที่ผุดขึ้นให้เห็นใหม่ๆไปเรื่อยๆ ..บาง
    ครั้งเราจะเห็นเลยว่า หากเวทนากายมันกล้า มันมีกำลัง แต่มันครอบงำเราไม่ได้
    เพราะเราเข้าไปอยู่ในภพหนึ่งว่างๆ ส่วนมากจะมีลมหายใจเป็นวิหาร ตรงนี้จะเป็น
    ฌาณจิต เรียก อากาสาวิญญตนะ เอาไว้หลบภัย แต่ตรงนี้จะมีกำลังมากได้หาก
    เราทำ สมาธิตามรูปแบบไว้มากๆ

    แต่สำหรับคนที่แยกเวทนาได้แล้ว ก็มักมีกายคตา เป็นวิหารธรรมได้เช่นกัน ก็
    อย่างที่คุณกล่าวว่า เห็นเป็นแผ่ฟลิม์

    ...ตรงนี้มีหลายสำนวน อาจจะสื่อไม่ตรงกันนะครับ ขอแยกออกเป็นแบบ เห็น
    อาการซ่านข้างในเป็นผืน ตามแขน สบัคขา ทรวงอก หลัง ตรงไหนก็ได้ หาก
    กำลังกายคตาตรงนี้ดีๆ ก็ทำนิมิตเห็นเป็นอาการ32 ไปด้วยก็ทำให้ซ่านได้ง่ายขึ้น

    แต่เราก็ไม่เอาซ่านตรงนี้ ต้องเห็นแล้วก็ไม่ยึดในการรู้ ก็จะทำให้ก้าวจากการเห็น
    ปิติ ไปเป็นเห็นสุข ซึ่งจะซ่านปราณีตกว่า และมักอยู่แถวกลางกลาย ...ตรงนี้หาก
    ฝึกเห็นไว้เนืองๆ จะเห็นอาการของตัณหาที่ทำให้คุณภาพความรู้สึกกลางอกจาก
    ปราณีตเป็นหยาบ จากสุขซ่านโชยๆ กลายเป็นกระเดินขึ้น ถึงขั้น แน่นหน้าอก นัก
    สมาธิหลายคนก็คิดว่าเป็นสิ่งไม่ดี ก็อาจจะทำสมาธิแก้ แต่นักวิปัสสนาจะเอามา
    ดูความไม่เที่ยงแทน

    ตอนที่เลิกแน่นหน้าอก (ส่วนใหญ่จะแน่นหน้าอก จะเหมือนโดนศรแทงตลอดเวลา
    ตรงนี้คือสำนวนในพระสูตร ) มันจะสั่นสะเทือนตลอดเวลา ไม่มีทางทำให้หายได้
    เพราะเป็นอาการ อยาตนะกระทบผัสสะ บ้างก็ขึ้นวิถีเป็นความคิด บ้างก็ไม่ถูกหยิบ
    ฉวยขึ้นมาเลย บ้างก็สิ้นไปเพราะเรารู้ทัน(เกิดสติ) ....เราก็ดูตรงนี้ไปเรื่อยๆได้
    บางคนก็ใช้เป็นวิหารธรรมได้ ...แต่ยืนบนหลักการเดิมคือ ไม่ติดในรู้นี้

    ซึ่งการเลิกติดในรู้ อุบายธรรมตามพระสูตรคือ มรณะสติ ยามใดที่สุขโชยกลาง
    อก นอกจากจะดูความไม่เที่ยงแล้ว เรายังซ้อมน้อมไปมรณะสติได้ ก็จะทำให้
    การภาวนาเห็นตัณหาที่ปราณีตขึ้นอีก จากสั่นสเทือน ยิบๆ ยิบๆ กลางเป็นเนิบๆ
    นาบๆ หากเราไม่ยึดในรู้ได้อีก ....ก็จะเห็นอาการบางอย่าง....ตรงนี้เกินคำบรรยาย
    ต้องไปลองดูเอาเอง ....

    * * * *

    ตรงคำว่าเห็นแผ่นฟิลม์ เนื่องจากเคยสดับธรรมมาบางกรณี หากคนที่ทำสมถะมา
    มาก มีกำลังสมาธิมาก จะเห็นเหมือนมีนิมิต มีแผ่นฟิลม์ เป็นเงา เป็นชั้นเหนียว
    เป็นกำแพงอากาศมากั้น ....กั้นจากการเห็นบางอย่างที่รู้ลึกๆว่า จะต้องไปเห็น
    แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเห็นอะไร....ตรงนี้พระบางท่านก็ชี้ว่า แผ่นฟลิม์นั้นคือ อวิชชา นั่น
    เอง และที่กำลังจะไปเห็น เกือบๆจะเห็น ก็คือ การเห็น อริยัสจจ4...แต่หากเป็น
    เคสนี้จริงๆ ก็ไม่ต้องไปทำอะไรครับ ภาวนาไปแบบนี้แหละ อย่าไปคิดทำลาย
    แผ่นฟิลม์นั้นด้วยการสร้างนิมิตไปตัด ไปทำลาย อันนี้แหละครับที่ทำให้หลาย
    คนคิดว่าตัวเองเป็นหรหันต์ โดนนิมิตหลอกว่า ได้ตัดทำลายแผ่นฟิลท์นั้นด้วย
    อำนาจสมาธิ...จริงๆ แผ่นฟลิม์นั้นไม่ต้องทำลาย หากเราภาวนาจน ญาณแก่
    รอบ มันจะแหวกออกไปเอง มรรคผล ไม่มีใครไปทำให้เกิดขึ้นได้ นิพพานไม่
    สามารถเข้าไปเห็นได้ด้วยการเจตนาจะไป จะมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2009
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ้อ ลืมไป การภาวนานั้น หากยังเป็นงานแรก อย่าลืมตั้งเป้าหมาย
    ให้ถูก อย่าตั้งเป้าหมายลึกเกินไป จะทำให้ติดค้นคว้า

    หากเราวางเป้าหมาบไปทีละระดับ ตัดทีละกลุ่มสังโยชน์ตามธรรมนิยาม

    งานแรกๆ ที่ควรตั้งไว้คือ เห็นความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของธรรมทั้ง
    หลายนั้น เป็นเรื่องธรรมดา .....

    อย่าไปตั้งถึงขนาด ชำแรกอวิชชาออกไปแบบถาวร ให้ชำแรกออกไปทีละ
    ระดับ จะทำให้คุ้มกับการมีชีวิต ได้เกิดเป็นมนุษย์ในครั้งนี้ได้มากกว่า

    อนุโมทนาครับ

    * * * *

    ผมหมดภูมิจะสอนตรงนี้แล้วนะ ถามมากกว่านี้คือ ตอบไม่ได้ หรือ อย่าง
    มากก็จะเอาคำพระมาแสดงแทน ...พอถึงช่วงจำต้องเอาคำพระมาแสดง
    แทน....ไม่รู้เป็นอย่างไร...จะมีคนที่เข้ามาโจมตีทุกครั้ง ทุกบอร์ดไป ทั้ง
    ที่มองให้เป็นเรื่อง แบ่งปันธรรมที่เคยสดับมาเท่านั้นก็ได้...ไม่ใช่การอวด
    ภูมิธรรมการบรรลุ...ที่เขาหวงแหนสิทธิจะเป็นกัน...!!

    เรียกว่า ใครมาทำธรรมทานนี่ กูขอขัดแข้งขัดขา พวกนี้ประหลาด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2009
  6. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ถูกแล้วครับแบบนี้ยังไม่ถึงอวิชาแน่ๆๆ

    แต่ก้เป็นการผู้สติ ละลึกรู้ตัวได้อย่างดี
    เพียงแต่ตอนนี้ระดับของสติ และสมาทิ และปัญญา ยังไม่แข็งกล้า
    พอที่จะละลึกรุ้หรือเห็น ด้วยปัญญา ลงไปตาม วงจรปติจสมุปบาทได้อย่างเด่นชัด

    และคุนขันก้กล่าวไว้ถูกแล้ว ผู้ที่ฝึกไหม่ๆปัญญายังไม่เกิด จะรู้เท่าทันแต่เฉพาะ สัญญา จากการละลึกรู้ของสติ และท่ามีนิวร มากั้นยิ่งยากต่อการปติบัติ

    ผู้ที่ยังไม่เกิดปัญญาจะมองไม่เห็นเท่าทันในความเป็นจริงที่ลึกลงไป ไม่เห็นอวิชาจะดับลงได้อย่างไร ตรงนี้เป็นเรื่องจริง

    แต่ต้องไม่ใช่เห็นด้วยสัญญา หรือสติธรมดา

    เรื่องของความธรรมดาไม่ธรรมดาของจิตตรงนี้ไม่ต้องกังวลและไม่ต้องใส่ใจมากเพราะท่าปติบัติตามทางอย่างถูกต้องจะรู้เห็นได้ตามคำสั่งสอนของพระตถาคตเอง

    แต่ตามที่คุนได้ละลึกรู้นั้นยังไม่เท่าทันถึงวงจรปติจสมุปบาทนะเป็นเพียงขั้นที่รู้ เวทนา รู้กาย ยังไม่รู้เหตุยังไม่รู้ปัจจัย ที่ห็นด้วยปัญญานะไม่ใช่สัญญา

    ตรงนี้ไม่ได้มาแย้งมาติแต่อย่างใดเพียงแต่บอกเฉยๆๆ ส่วนคุนจะได้เห็นได้รู้หรือไม่อยู่ที่กำลังบารมีของคุนเอง

    คนที่เค้าเห็นตื้นๆเค้าก้จะบอกคุนว่าประเสิทแล้วคนที่เค้าเห็นต้นตอเค้าก้จะบอกว่าเร่งภาวนา

    ยกปติจสมุปบาทมาดูสิครับ
     
  7. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ท่าจะถามลึงลงไปถึงขั้นตัดกิเลส จะมาถามนักปติบัติที่ปัญญายังไม่เกิด ยังมีมิจฉาทิฐิ
    ที่ยังเห็นไม่ชัดเจนลงไปจะไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนครับ จะได้แต่คำตอบที่ว่าทำๆๆไปเด่วดีเอง เช่นดูจิต ดูย่ำอยู่กับที่ไม่รู้ทางไปแล้ว เพราะไม่มีอยู่ในสัญญาแล้วว่าต่อไปเป็นเช่นไรรู้แต่ว่า ทำอย่างนี้อย่างนั้นแหละจะได้นิพพาน ศิลฟปรามาส
    ขอให้โยนิโสมนสิการ ธรรมพร้อมการดูเหตุและปัจจัย ไปตามไตรลักษณ์
     
  8. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    การที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยต่อเนื่องกันมา มีองค์หรือหัวข้อ 12 ดังนี้ คือ อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ
    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี
     
  9. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ในวิปัสนาญาณ รอบที่1 ณาน 16 ขั้น จะเริ่มจากการมีสติละลึกรู้จนแยก รูป แยกนาม ออกจากกัน จถึงขั้น เกิดสัมมาทิฐิขึ้นรู้ชัดว่า อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา ใน สรรพเพธรรมมา เป็นอย่างไร ก้จะคลายความยึดมั่นถือมั่นในกายลง ละความเชื่อผิดๆๆ ความไม่รู้ในเหตุในปัจจัย ระดับหนึ่ง พร้อมเห็นธรรมอันเป็นที่ยึดที่ละลึกได้
    เมื่อวิปัสนาญาณ รอบไหม่ปรากดจะเริ่มแยก รูปแยก นามที่ชัดขึ้น พร้อมเห็นเหตุเห็นปัจจัย อันก่อเกิดขึ้นเพื่อสิ่นนั้นๆๆ อย่างชัดเจน และเริ่มกระบวนการทางจิตในการหลุดพ้นต่อไป ตรงนี้จะเริ่มเห็นอวิชาชัดมากขึ้นแต่เป็นเห็นด้วย สติ และสัญญา
    ยังไม่ใช่ระดับของปัญญาที่จะดับอวิชาลงได้ แต่จะทำให้รู้การเกิดดับอย่างชัดเจนของการก่อตัวขึ้นจนกระทั่งทำไห้อวิชาใจใจเราเบาบางลงอ่อนกำลังลง
    วิปัสนาญาณเกิดอีกครั้งครั้งนี้จะเห็นรูปเห็นนามแยกชัดเจนมากขึ้นๆๆ ปัญญาที่มีสามารถทำลาย กิเลสได้บางส่วน เรียกว่าปัจจัยไม่ก่อเกิด ตาม การกระทบเพราะยังมีขันธ์เช่นปัจจุบัน
    วิปัสนาญาณลำดับสุดท้ายจะละลึกรู้ได้อย่างชัดยิ่งจนกระทั่งตัดอวิชาออกได้ ดับภพดับชาติ ชรา มรนะ

    การเห็นสิ่งเหล่านี้เมื่อได้ยินได้ฟังจะรู้ด้วยสัญญา เมื่อปติบัติเริ่มต้นจะเห็นด้วยสติ
    เมื่อปติบัติแล้วอย่างดีจะเกิดปัญญา ไห้ได้รู้จริงเห็นจริง ด้วยตนเอง
     
  10. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    การเห็นรูปและนามการเกิดดับของมัน ในแต่ละรอบของปัญญานั้น แตกต่างกันอยู่มากนัก
    ตอนนี้เราเพียรทำความดีเพื่อกำจัดมิจฉาทิฐิ อันยังไม่เกิดปัญญาไห้เห็นทางออกในขั้นต้นได้ด้วย กำลังของสติ ที่เราเริ่มรู้ตัวละลึกได้ในตัว

    ท่ายังไม่รู้ว่าตอนนี้ตนมีอาการอย่างไรเป็นเช่นไรจะรักษาได้อย่างไร

    ยังไม่เห็นต้นตอจะทำลายมันได้อย่างไร
     
  11. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    ขอบพระคุณมากน่ะครับ และ อนุโมทนาบุญด้วย

    ยกเอาธรรมะมาเล่าก็ได้ครับ ผมรับครับ สาธุ สำหรับความเมตตาสอน พิมษ์ยาวๆ ขยายความส่วนยากๆ ให้เข้าใจครับ อนุโมทนาครับ
     
  12. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
    เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
    เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี

    จากการละลึกรู้ที่คุนทำ เห็นตามวงจรปติจสมุปบาทได้ในระดับหนึ่ง แต่เห้นด้วยสติยังไม่ชัดเท่าปัยญาเมื่อเกิดทำตามสติปัฐฐานไปเรื่อยๆ เมื่อกำลังพร้อมจะเกิดปัญญาเองครับ
     
  13. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คุนนิวรก้ไม่ใช่จะบอกแนวทางขั้นต้นไม่ถุกนะครับบอกได้ดีแล้ว ไม่มีใครไปตำหนิเค้าหรอกครับ
    แต่อย่างที่คุนขันแสดธรรมก้คือสิ่งที่เกินไปกว่าและผู้ทที่ยังเข้าไม่ถึงก้จะไม่เข้าใจและคิดว่าไม่ใช่ไม่มี
    สิ่งเหล่านี้ก้ได้แต่บอกกันเฉยๆเพราะต่อไห้บอกไปท่ายังไม่เห็นตามก้มองไม่ออกอยู่ดี
     
  14. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25

    อนุโมทนาบุญน่ะครับ กับความรู้ที่ให้น่ะครับ
     
  15. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    แนะนำให้ไปที่เวปพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญฯ แล้วก็ติดต่อกับเวปมาสเตอร์ ทางเวปมาสเตอร์จะแนะนำอาจารย์สอน และสอบอารมณ์ จากที่กล่าวในโพสที่แล้ว ตามญาณ คุณต้องเดินจงกรมระยะที่ ๔ แล้ว เพราะต้องเจออะไรที่ละเอียดขึ้น ถ้าได้สอบอารมณ์จะไปได้เร็วกว่านี้คะ

    ข้อมูลที่ให้ไปนั้น ไม่มีในเวปหลวงพ่อคะ ท่านให้เฉพาะเท่านั้น ไม่มีขาย หลังจากคุณสอบอารมณ์แล้ว ทางเวปจะมีหนังสือเล่มนี้ให้คะ

    ข้อสำคัญอย่างหนึ่ง ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน บอกเสมอ รวมทั้งอาจารย์ที่สอน จะไม่ให้อ่านหนังสือ ท่านจะให้อ่านหนังสือไม่มีตัว ลองดูคะ อ่านหนังสือไม่มีตัว เป็นอย่างไร ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2009
  16. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    พิจารนาตามกำลัง
     
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    [​IMG] ..... นี่งาย หนังสือม่ายมีตัว
     
  18. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ albertalos
    ในวิปัสนาญาณ รอบที่1 ณาน 16 ขั้น จะเริ่มจากการมีสติละลึกรู้จนแยก รูป แยกนาม ออกจากกัน จถึงขั้น เกิดสัมมาทิฐิขึ้นรู้ชัดว่า อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา ใน สรรพเพธรรมมา เป็นอย่างไร ก้จะคลายความยึดมั่นถือมั่นในกายลง ละความเชื่อผิดๆๆ ความไม่รู้ในเหตุในปัจจัย ระดับหนึ่ง พร้อมเห็นธรรมอันเป็นที่ยึดที่ละลึกได้
    เมื่อวิปัสนาญาณ รอบไหม่ปรากดจะเริ่มแยก รูปแยก นามที่ชัดขึ้น พร้อมเห็นเหตุเห็นปัจจัย อันก่อเกิดขึ้นเพื่อสิ่นนั้นๆๆ อย่างชัดเจน และเริ่มกระบวนการทางจิตในการหลุดพ้นต่อไป ตรงนี้จะเริ่มเห็นอวิชาชัดมากขึ้นแต่เป็นเห็นด้วย สติ และสัญญา
    ยังไม่ใช่ระดับของปัญญาที่จะดับอวิชาลงได้ แต่จะทำให้รู้การเกิดดับอย่างชัดเจนของการก่อตัวขึ้นจนกระทั่งทำไห้อวิชาใจใจเราเบาบางลงอ่อนกำลังลง
    วิปัสนาญาณเกิดอีกครั้งครั้งนี้จะเห็นรูปเห็นนามแยกชัดเจนมากขึ้นๆๆ ปัญญาที่มีสามารถทำลาย กิเลสได้บางส่วน เรียกว่าปัจจัยไม่ก่อเกิด ตาม การกระทบเพราะยังมีขันธ์เช่นปัจจุบัน
    วิปัสนาญาณลำดับสุดท้ายจะละลึกรู้ได้อย่างชัดยิ่งจนกระทั่งตัดอวิชาออกได้ ดับภพดับชาติ ชรา มรนะ

    การเห็นสิ่งเหล่านี้เมื่อได้ยินได้ฟังจะรู้ด้วยสัญญา เมื่อปติบัติเริ่มต้นจะเห็นด้วยสติ
    เมื่อปติบัติแล้วอย่างดีจะเกิดปัญญา ไห้ได้รู้จริงเห็นจริง ด้วยตนเอง

    สาธุครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ จะเพียรเพื่อได้เจอสิ่งที่แนะนำครับ
     
  19. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    ขอบพระคุณครับ และ อนุโมทนาบุญด้วยน่ะครับ

    ผมจะไปสมัครและรับการแนะนำครับ ตอนนี้ผมเดินจงกรมระยะที่ 5 อยู่ครับ
     
  20. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เดินเอง หรือว่า มีอาจารย์แนะนำคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...